“เฮือก!”
นี่ไม่ใช่เสียงปืนของฉันหรอกนะ แต่มันคือเสียงใครที่ไหนไม่รู้ มาถีบประตูห้องฉันอย่างแรง จนฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เกือบทำปืนลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ปรียา! คุณจะทำบ้าอะไรของคุณ ห๊ะ!”
ฉันกระพริบตาปริบ ๆ มองผู้ชายรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าหล่อของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และสีหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจสุดขีด
“คุณเหนือ?”
ฉันเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้จะมาอยู่ข้าง ๆ ฉัน ก็เพราะว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เลยยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าเราสองคนจะเคยเป็นคู่หมั้นกัน แต่ในระยะเวลาที่เป็นคู่หมั้นนั้น เขาก็แทบไม่มาให้ฉันเห็นหน้าเลยสักครั้ง เดี๋ยวก็อ้างว่ายุ่ง อ้างว่าต้องไปทำงานที่ต่างประเทศตลอด จนกระทั่งมีข่าวเรื่องล้มละลายออกไป ครอบครัวฝั่งนั้นเลยขอถอนหมั้นไปเอง
“ผมถามว่าคุณกำลังทำบ้าอะไร!”
เขาตะโกนถามฉันอย่างดุเดือด ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ เข้ามาแย่งปืนออกจากมือฉัน ส่วนฉันก็ได้แต่ทำหน้ามึนงงอยู่แบบนั้น
“คุณเหนือมาทำอะไรที่นี่คะ”
ฉันเอ่ยถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ ใบหน้าของเขายังคงมีความขุ่นเคืองอยู่ สายตาคมจ้องมองมาที่ฉัน ก่อนจะส่งมือหนามาบีบคางฉันแน่น จนฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เธอคิดจะทำบ้าอะไร ปรียา...”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ละ...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยคะ!”
ฉันตะโกนตอบกลับไป ตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งโมโหที่เขาเข้ามาขัดจังหวะ จนน้ำตาของฉันค่อย ๆ ไหลลงมา สายตาคมหวูบไหวเพียงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ และคลายมือออกไป
พรึ่บ
“อ๊ะ...คุณเหนือจะพาฉันไปไหนคะ!”
ฉันเอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนตัวโตก็เข้ามาช้อนตัวฉันขึ้นอุ้ม และเดินออกจากห้องมาทันที ใบหน้าหล่อเรียบตึง ฉันพยายามดิ้น อีกฝ่ายก็กระชับแขนให้แน่นขึ้นตลอด ถามอะไรไปก็ไม่ตอบ จนสุดท้ายตัวฉันก็มาอยู่ภายในรถหรูของอีกฝ่ายเสียแล้ว
“คุณเหนือ...”
“คาดเข็มขัดซะ” เขาเอ่ยสั่งเสียงเรียบ
ฉันขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ... เขาเป็นบ้าอะไรกัน จู่ ๆ ก็เข้ามาในบ้านฉันแล้วก็อุ้มฉันออกมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เราสองคนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้วด้วย
ฉันยังคงนั่งนิ่งมองอีกฝ่ายที่คาดเข็มขัดพร้อมสตาร์ทรถ
“นี่คุณเหนือ คุณจะพาฉัน...อึก...”
ฉันหยุดชะงักกึกทันที เมื่อใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราสองคนสัมผัสกัน ดวงตาของฉันเบิกโต จ้องมองไปยังดวงตาคมของอีกฝ่ายที่จ้องฉันเขม็ง
และเป็นฉันเอง... ที่รีบผละตัวออก พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว ฉันกระพริบตาปริบ ๆ เพราะยังคงช็อกกับเรื่องเมื่อกี้ เราสองคนไม่เคยใกล้ชิดกันมากขนาดนี้มาก่อน และฉันไม่เคยรู้เลยว่าใบหน้าของเขาจะขาวเนียนเหมือนก้นเด็กทารกแบบนี้
กึก
“ถ้าเหนื่อยก็นอนพัก” เขาเอ่ยบอกในขณะที่คาดเข็มขัดให้ฉัน พร้อมกับปรับเบาะของฉันให้เอนลงเล็กน้อย ท่าทางเรียบนิ่งและน้ำเสียงนั้น... ฟังดูเหมือนไม่ใช่คำพูดปลอบใจด้วยความห่วงใยเสียทีเดียว แต่มันกลับทำให้ฉันสับสนยิ่งกว่าเดิม ไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไร ทำไมถึงกลับเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตฉันในตอนนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาแทบจะไม่เคยชายตามองมาทางฉันด้วยซ้ำ
ฉันนอนเอนไปตามแรงที่เบาะถูกปรับให้เอนรับร่าง พร้อมกับลอบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายที่กำลังตั้งใจขับรถ ดวงตานิ่งเรียบไม่เผยความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น มันเป็นแววตาที่ทำให้ฉันย้อนกลับไปคิดถึงวันแรกที่ได้พบเขา
ยอมรับเลยว่า... ตอนที่เจอกันครั้งแรก ฉันเคยเผลอตกหลุมรักเขาในทันที ใครจะไม่รู้สึกแบบนั้นกัน เขาทั้งหล่อ สมาร์ต ดูดี มีราศีของคนประสบความสำเร็จในชีวิต แต่หลังจากได้รู้จักนิสัยจริง ๆ กลับกลายเป็นอีกเรื่อง ฉันถึงกับปัดความรู้สึกทิ้งไปทันที
ฉันไม่ชอบผู้ชายที่เย็นชากับฉันขนาดนั้น จะยุ่งกับงานก็ได้ แต่จะให้ยุ่งถึงขนาดไม่มีเวลาให้กันเลย มันก็เกินไป ต่อให้เขาหล่อเหมือนเทพบุตรแค่ไหน ฉันก็ยังยืนยันกับพ่อและแม่ทุกวันว่าไม่อยากหมั้นกับผู้ชายแบบนี้
และสุดท้าย... ฝั่งเขาก็ถอนหมั้นไป
จำได้ว่าเราสองคนเจอกันล่าสุดก็เมื่อก่อนที่จะเกิดเรื่องล้มละลายของครอบครัวฉันไม่กี่วันเท่านั้น
ตอนนั้นฉันยังคงเป็นคุณหนูที่แต่งตัวสวย ใส่ชุดดีไซเนอร์หรูหรา
นั่งรับประทานอาหารอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมห้าดาวราคาแพงที่สุดในเมือง
แต่ดูตอนนี้สิไม่มีอะไรเหลือเลยสักอย่าง บ้าน รถ เครื่องเพชร เงินในบัญชี
ทุกอย่างกลายเป็นอดีต
ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อย เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ
ฉันได้แต่นั่งจ้องใบหน้าด้านข้างของเขาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ และไม่นานนัก...
ความรู้สึกหนักอึ้งในอกก็เริ่มกลืนกินสติ ฉันค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงจังหวะที่เขาหันมามองฉันพอดี
ดวงตาของเขาดูอ่อนลงกว่าทุกที แววตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปรากฏขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบเส้นผมของฉันเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
ในที่สุด... ฉันก็หลับตาลงไป พร้อมกับความเหนื่อยล้าที่ล้นท่วมอยู่ภายในร่างกายและหัวใจ
❤️
"หืม?" ฉันมองอย่างงุนงงก่อนจะเปิดกล่องนั้นออกสร้อยคอเส้นบาง ๆ ที่ห้อยจี้รูปหัวใจสองดวงไขว้กัน พร้อมสลักชื่อว่า 'Priya & Nuea'"คุณเหนือ " น้ำตาของฉันรื้นขึ้นมาทันที "แบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ ฮึก ""ผมไม่ได้จะแกล้ง ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมจะรักคุณไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเจออะไรอีก ผมจะปกป้องคุณกับของขวัญให้ดีที่สุด""จะให้ฉันร้องไห้ในวันครบรอบจริง ๆ เหรอคะ""งั้นก็ไม่ต้องร้อง แต่จูบได้ไหม?"ฉันหน้าแดงทันที ก่อนจะยกมือปิดหน้าเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามา"ลูกตื่นอยู่นะคะ!""ก็จูบบอกรักเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรมากนี่นา~"ฉันได้แต่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะปล่อยให้เขากอดไว้แน่น ๆ พร้อมกับเสียงกระซิบว่า "สุขสันต์วันครบรอบนะครับภรรยา"…หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็พากันไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก วันนี้คุณเหนือขอลางานเพื่อใช้เวลากับครอบครัวเต็มที่ ฉันเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะตั้งแต่มีของขวัญ เราก็ไม่ค่อยได้มีเวลาออกไปข้างนอกกันพร้อมหน้าสามคนเท่าไหร่"ดูสิคะคุณเหนือ ดอกคอสมอสกำลังบานเต็มเลย~""สวย แต่คุณสวยกว่า""นี่แน่ะ!" ฉันหยิกแขนเขาเบา ๆ ด้วยความเขิน "ชมฉันแบบนี้ทุกวัน เดี๋ยวฉันก็ลอยข
3 ปีต่อมา“ของขวัญ ทักทายคุณย่าสิคะ”เสียงของฉันเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อลูกสาวตัวน้อยยกมือไหว้ผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องเยี่ยมของเรือนจำ“สวัสดีค่ะคุณย่า” น้ำเสียงใสแจ๋วที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ นั้น ทำเอาฉันกับคุณเหนืออดยิ้มไม่ได้เขาอุ้มลูกขึ้นนั่งตักอย่างเคย ก่อนที่แม่ของเขาจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาด้วยใบหน้าอิดโรย แต่แฝงด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ“น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เลยนะ”ท่านมองหลานสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความรักที่มาช้าเกินไปตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉันกับคุณเหนือมาเยี่ยมท่านเป็นครั้งคราว แม้คุณเหนือจะให้อภัยแล้ว แต่ฉันก็รู้ เขายังโกรธ ยังเจ็บ แต่เขาก็เลือกจะไม่ตัดท่านออกจากชีวิต เพราะเขารู้ว่า "การให้อภัย" ไม่ได้แปลว่า "ลืม"“ทำไมคุณย่าถึงอยู่ในนี้คะ?” ของขวัญเอ่ยถามขึ้นอย่างใสซื่อ“เพราะย่าทำผิดน่ะจ้ะ เลยต้องถูกลงโทษ” ท่านตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางโรคประจำตัวของท่านเริ่มกำเริบบ่อยขึ้น และเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า ท่านจะอยู่ถึงวันพ้นโทษหรือไม่…“ลูกล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”“ผมสบายดีครับ พ่อเองก็เช่นกัน” คุณเหนือตอบเสียงเรียบ แม้จะดูนิ่ง แต่ฉันรู้ เขากำลังกลั้นอารมณ์มากแค่ไหนเมื่อหมดเ
EP 31 - ฉันรักคุณ“ปรียา คุณต้องตื่นนะครับ ”เสียงนั้นดังอยู่ปลายหู ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะพบกับแสงไฟสลัวจากเพดานห้องกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลลอยแตะจมูก ฉันขยับตัวได้เพียงเล็กน้อยก่อนที่น้ำตาจะรินไหลออกมาอีกครั้ง “คุณเหนือ ”เสียงที่ฉันพร่ำเรียกคนที่รักที่สุดในชีวิต ไม่รู้เลยว่าเขาจะได้ยินมันหรือเปล่าแต่ฉันภาวนา ขอให้เขาได้ยิน …โรงพยาบาลตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด เสียงชีพจรดังอย่างสม่ำเสมอแต่ไร้การตอบสนอง ฉันได้แต่นั่งฟังเสียงนั้นอย่างเหม่อลอย…นี่เข้าสู่วันที่ห้าแล้วแต่คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลืมตาขึ้นมาแม้คุณเหนือจะรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่หมอก็บอกฉันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่าอาการของเขาหนักมาก และที่เลวร้ายที่สุดคือ เขาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยตลอดชีวิต…“กลับบ้านไปพักสักหน่อยเถอะ”เสียงทุ้มของคุณพ่อคุณเหนือเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นฉันยังคงนั่งจับมือคนบนเตียงไม่ไปไหน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย”ฉันเงยหน้าขึ้นตอบกลับท่านอย่างอ่อนแรง ถึงแม้ร่างกายของฉันเองจะยังไม่ฟื้นดีจากการล้มเมื่อวันก่อนก็ตามหลังจากที่ท่านรู้เรื่องทุกอย่าง
EP 30 - อย่าทิ้งฉันกับลูกไป“ทำไมถึง อ๊ะ!”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ร่างของตัวเองก็ถูกกดให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองรีบโอบรอบท้องทันทีเพื่อรองน้ำหนักไม่ให้กระแทก แต่ถึงอย่างนั้นแรงสั่นสะเทือนจากพื้นก็ยังทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่าง ร่างกายฉันไม่ปกติเลยแม้แต่นิด ทั้งเหงื่อที่ไหลซึมทั่วใบหน้า มือที่สั่นเทา และหัวใจที่เต้นแรงรัวจนหายใจแทบไม่ทัน“เป็นไงล่ะ มีความสุขใช่มั้ย ที่ได้นั่งอยู่บนกองเงินกองทองจากลูกชายฉัน!” เสียงตะคอกของผู้หญิงตรงหน้าทำเอาฉันตัวสั่น เธอกำลังเดือดดาลอย่างสุดขีด พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ใช่ความยินดีเลยสักนิด แต่มันคือความสะใจ ความสะใจที่ได้เห็นฉันเจ็บฉันพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อจะอธิบาย แต่มีดที่จ่อคอฉันอยู่ก็ยิ่งกดลึกลงมา“คุณแม่คะ คือ ”“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่! ฉันมีลูกชายคนเดียว!”เธอตวาดใส่ฉันทันที ก่อนจะคว้าผมฉันแล้วกระชากอย่างแรง น้ำตาของฉันร่วงพร่างไปตามแรงกระชาก ทั้งเจ็บทั้งตกใจ รู้สึกถึงเลือดซึมออกมาจากลำคอที่ถูกปลายมีดเฉือนเบาๆ อย่างจงใจ“ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย ” เสียงเย็นเยียบจนขนลุกเอ่ยออกมา“ออกไปจากชีวิตลูกชายของฉันเดี๋ยวนี้!”ฉันกั
EP 29 – เพราะเธอคนเดียว2 เดือนต่อมาดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี ช่วงนี้สุขภาพของลูกในท้องฉันแข็งแรงสมบูรณ์อย่างน่าพอใจ คุณหมอก็แจ้งว่าไม่มีภาวะเสี่ยงแท้งอีกแล้ว ส่วนฉันเองแม้จะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่บ้าง แต่น้ำหนักก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ และพวกวิตามินหรือยาบำรุงครรภ์ฉันก็ไม่เคยขาดเลยสักครั้งชีวิตประจำวันของฉันตอนนี้เรียบง่าย มีแค่กินกับนอน และบ่นว่าตัวเองน่าเบื่อส่วนคุณเหนือ เขาเองก็ลดเวลาทำงานลง เพื่อจะได้กลับมาอยู่กับฉันและลูกให้เร็วที่สุด พอเขารู้ว่าฉันท้อง เขาก็เปลี่ยนตารางชีวิตไปเลยทันที แม้เขาจะยังมีงานต้องรับผิดชอบอยู่มาก แต่เขาก็ยังหาทางจัดสรรเวลามาอยู่กับฉันให้ได้ทุกวัน“ผมได้ยินว่าวันนี้คุณกินข้าวได้น้อย”เสียงของเขาดังขึ้นจากมือถือขณะที่ฉันกำลังเอนหลังอยู่บนโซฟา“ค่ะ ช่วงนี้กลิ่นอาหารมันแรงมาก แค่ได้กลิ่นก็คลื่นไส้แล้ว”ฉันตอบไปตามตรงพร้อมถอนหายใจเบาๆ ยังดีที่แม้จะกินข้าวได้น้อย แต่ร่างกายก็ยังได้รับสารอาหารครบจากวิตามินและอาหารเสริมที่คุณหมอจัดมาให้“งั้นไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมลางานช่วงบ่ายพาคุณไปเอง”เสียงเขาเร่งรีบขึ้นนิดหน่อย“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทนได้ แค่ต้องปรับตัวอ
EP 28 - ต่อให้เป็นคุณแม่ผมก็ไม่ให้อภัย “แม่ผมเกือบฆ่าหลานตัวเองแล้วนะ!”ประโยคนั้นทำฉันสะดุ้งเงียบไปทันที หัวใจรู้สึกหนักขึ้นอย่างประหลาดฉันกลัวเหลือเกินว่า ทางฝั่งนั้นจะไม่ยอมรับลูกของฉัน ถ้าแค่ไม่ยอมรับฉัน ฉันยังพอทนไหว แต่หากลูกต้องถูกปู่และย่าแท้ๆ เกลียดชังขึ้นมา ฉันคงทนไม่ไหวจริงๆ“แต่ว่า ”“คุณพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”เขายกมืออีกข้างมาวางแนบที่แก้มของฉันเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากกลางหน้าผากฉันแผ่วเบามือหนาของเขากอบกุมใบหน้าฉันไว้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปยังหน้าท้องของฉันที่มีลูกของเขาอยู่ในนั้นแม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรออกมา แต่แววตานั้นก็ส่งผ่านความรู้สึกทุกอย่างออกมาจนฉันสัมผัสได้เขารักลูกของเรามากแค่ไหน “งั้น ผมไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับ ฝันดีนะครับ”“ฝันดีค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง พร้อมกับมองเขาที่เดินจากไปอย่างเงียบๆ แม้จะอยากรั้ง อยากห้ามไว้มากแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ดีว่า อีกฝ่ายคงไม่ยอมหยุดแน่ๆ เพราะเขามีเรื่องที่ต้องจัดการหลังจากคุณเหนือออกไป ลูกน้องของเขาก็เข้ามาแทนเธอเข้ามานั่งข้างเตียงและขอโทษฉันทันที ที่ไม่สามารถปิดเรื่องนี้เป็นความ