หน้าหลัก / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / คุณหนูเหมยฮวาแห่งจวนไร้พ่าย (3)

แชร์

คุณหนูเหมยฮวาแห่งจวนไร้พ่าย (3)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 17:09:03

ผู้เป็นบิดาได้ยินประโยคนั้นก็ยกนิ้วหมายจะชี้หน้าเจ้าตัวเล็กที่คิดจะโกง ทว่าก็ต้องตกใจเมื่อมิอาจบังคับมือให้ขยับดั่งความคิด

ร่างสูงพยายามขยับเคลื่อนไหวร่างกายส่วนอื่น กลับมิมีส่วนไหนในร่างกายที่จะขยับดั่งใจเขา ผู้เป็นบุตรมองแล้วคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเฉลยให้บิดาได้รู้

“ท่านพ่อเพียงแย่งกระบี่จากมือลูกได้ แต่ว่าลูกนั้นสามารถสกัดจุดท่านพ่อได้ แล้วแบบนี้ใครคือผู้ชนะที่แท้จริงเจ้าคะ” 

แม่ทัพได้ยินดังนั้นก็นึกออกโดยพลัน บังเกิดความเสียใจขึ้นมาในทันที เขาเสียรู้เจ้ามารน้อยนี่เสียแล้ว ที่แท้นางวางแผนไว้หมดสิ้น ที่จงใจขอใช้กระบี่จริงก็หาใช่แค่วางแผนให้เขาออมมือ แต่ต้องการหลอกล่อให้เขาเข้าช่วยเพื่อฉวยจังหวะนั้นเอาชัยเหนือเขาผู้เป็นบิดา

“ไม่นะฮวาเอ๋อร์ ข้างนอกนั่นมีแต่พวกคนนิสัยไม่ดี หากเจ้าอยากได้สิ่งใดบอกพ่อ ให้พ่อหาให้ก็เพียงพอแล้วนี่” 

แม่ทัพร้องบอกธิดาด้วยน้ำเสียงร้อนรน จ้าวเหมยฮวามองหน้าบิดาก็ให้นึกเหนื่อยในใจ นับแต่เกิดจวบจนอายุได้แปดขวบ นางไม่เคยได้ก้าวขาออกนอกจวนไร้พ่ายแห่งนี้ ด้วยว่าบิดาแสนจะหวงนักหวงหนา แม้แต่ยามที่มารดาเข้าวังหลวงไปกับบิดา เด็กหญิงก็ทำได้เพียงแต่รออยู่ที่จวน

ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องข่าวลือที่อีกฝ่ายปล่อยออกมาเกี่ยวกับตัวเอง แล้วมันจะเป็นอันใดกันเล่า นางรู้สึกดีด้วยซ้ำไปเพราะจะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งเกี่ยวด้วย

แม้ตอนนี้จะอายุเพียงแปดขวบ แต่ถ้ารวมกับชาติที่แล้ว จ้าวเหมยฮวาก็ถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ย่อมต้องรู้และเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของที่นี่ดีพอ ยุคสมัยของนางในชาตินี้อายุเพียงสิบกว่าปีก็นิยมแต่งงานออกเรือนกันแล้ว

ยิ่งเป็นบุตรสาวตระกูลใหญ่ก็ยิ่งดึงดูดตระกูลอื่นให้สนใจเกี่ยวดองด้วย ดังนั้นการแต่งงานของบุตรสาวสกุลใหญ่ทั้งหลายจึงมักเป็นการสมรสเพื่อเสริมอำนาจให้แก่ตระกูลสามีของพวกนาง

ยิ่งเป็นตระกูลจ้าวด้วยแล้ว มีใครบ้างไม่รู้ว่าแม่ทัพไร้พ่ายนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เป็นทั้งสหายคนสนิทของฮ่องเต้ที่ทรงไว้วางพระทัย อีกทั้งยังควบคุมกำลังทหารทั้งหมดในกำมือ

อำนาจของแม่ทัพมีเท่าไรทุกคนย่อมรู้กันดี หากจะเป็นรองก็คงเป็นรองเพียงฮ่องเต้เท่านั้น ดั่งคำที่ว่า...

‘อยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนทั้งปวง’ 

เยี่ยงนั้นแล้วสิ่งที่บิดาทำลงไป นับเป็นเรื่องดีสำหรับตัวจ้าวเหมยฮวาเอง เพราะนั่นบ่งบอกให้รู้ว่าบิดาย่อมไม่คิดจะบังคับให้นางแต่งงานการเมืองแน่นอน แต่การอยู่แค่ในจวนเฉยๆ เป็นเวลาถึงแปดปี มันก็ทำให้นางเบื่อหน่ายมิใช่น้อย ถึงแม้จะมีจางฟงพ่อบ้านจวนกับจิ้งเหยียนสาวใช้คนสนิทของมารดาไว้ให้คอยกลั่นแกล้งยามเหงาก็ตามที

ว่าแต่พูดถึงจางฟง ไม่รู้ว่าตำราคำสาปที่นางอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งเขียนส่งให้ เขาทำไปถึงไหนแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะทำหุ่นฟางเสร็จหมดหรือยัง

ดวงตาคู่โตส่องประกายสดใสแพรวพราวระยับยามคิดถึงพ่อบ้านจวนแสนซื่อที่นางเพิ่งกลั่นแกล้งไป นางได้เขียนตำราถึงวิธีสาปแช่งแบบร้อยแปดที่รวมทั้งในอดีตและอนาคตไว้จากความรู้ในอดีตของนาง โดยเขียนหน้าปกว่า ตำราเพิ่มความสุขตามหลักสวรรค์

ก่อนจะแอบลอบนำไปปะปนกับข้าวของกองโตที่ผู้คนนำมามอบให้ แน่นอนว่านางรอดูหุ่นฟางจากจางฟงที่ทำตามหนังสือนั่นอยู่

เด็กหญิงหันมาให้ความสนใจต่อบิดาอีกครั้ง ริมฝีปากแดงดุจผลอิงเถาขยับยิ้มหวาน ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินไปเกาะท่อนแขนที่แข็งทื่อของผู้เป็นบิดาพลางเอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน

“นะๆ เจ้าคะท่านพ่อ ลูกอยากออกไปดูโลกภายนอกบ้าง หรือท่านพ่อคิดจะให้ฮวาเอ๋อร์เก็บตัวอยู่ในจวนไปชั่วชีวิตไม่ต้องพบปะกับผู้ใด” 

จ้าวหมิงหลงได้ฟังคำพูดประโยคดังกล่าวพลันเกิดอาการอับจนคำพูดจะโต้เถียงกับบุตรี จริงดั่งคำที่บุตรสาวตัวน้อยของเขาว่า เขามิอาจกักเก็บนางไว้ในจวนแห่งนี้จนชั่วชีวิตได้

“ตกลง พ่อจะยอมให้เจ้าออกไปไหนมาไหนได้ แต่...” 

จ้าวเหมยฮวายิ้มรับคำบิดา ก่อนจะมุ่ยหน้าลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าแต่

“แต่อันใดเจ้าคะ” 

แม่ทัพยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ พร้อมตอบน้ำเสียงสดใส “พ่อมีข้อห้ามอยู่สองข้อ หนึ่ง... ห้ามลูกเปิดเผยใบหน้าให้แก่ผู้ใดได้เห็น สอง... ลูกต้องบอกกับคนอื่นๆ ว่าลูกยังไม่หายดี” 

ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มรีบพยักหน้ารับคำบิดาทันทีที่ฟังจบ “ได้เจ้าค่ะ” 

ข้อตกลงของบิดามีผลดีต่อนางจะตาย ไม่มีเหตุผลให้ต้องคิดฝ่าฝืนสักนิด ห้ามเปิดเผยใบหน้าอย่างนั้นหรือ จะเปิดหรือปิดมีอันใดให้ต่างกันเล่า

ต้องบอกใครต่อใครว่านางยังรักษาไม่หายจากโรคประหลาด ดีเสียอีกจะได้เป็นเกราะป้องกันตัวจากบรรดาพวกเสือหิวของตระกูลต่างๆ ไม่ให้มายุ่มย่ามได้

“เอาละ ถ้านอย่างนั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้” จ้าวหมิงหลงสรุป จากนั้นสองพ่อลูกจึงประสานเสียงหัวเราะกันสดใส

เฟยเซียนเดินมาหาทั้งคู่ พลางส่งยิ้มหวานหยดให้แก่สามี แม่ทัพจ้าวมองรอยยิ้มฮูหยินตัวเองแล้วให้นึกหวาดระแวงในใจยิ่งนัก เพราะทุกๆ ครั้งก่อนจะลงมือซ้อมเขา นางก็ยิ้มให้เช่นนี้ทุกคราไป

“ท่านแม่” 

เด็กหญิงหันไปเรียกมารดาน้ำเสียงกระจ่างใส ร่างเล็กโถมกายเข้าหาอ้อมกอดมารดาเมื่อเห็นร่างระหงขยับเดินมาใกล้ ที่นางทำแบบนี้มิใช่ว่าดีใจที่เห็นมารดาหรอกนะ ทว่ากลัวความผิดติดตัว เรื่องที่เอากระบี่จริงมาใช้ต่างหาก

เฟยเซียนอ้าแขนออกรับร่างน้อยของธิดาที่โถมเข้ามากอดตัวเองเสียแน่น ความคิดจะดุบ่นบุตรีหายวับไปพร้อมกับกิริยาออดอ้อน และใบหน้าเล็กๆ ที่เปื้อนรอยยิ้มนั้นเสียหมดสิ้น

บุตรสาวของนางยังเด็ก จะหาญกล้าเอากระบี่จริงมาเล่นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร หากจะมีผู้ใดผิด คนคนนั้นก็ควรจะเป็นสามีน่าตายของนางมากกว่า ร่างบางคิดพลางตวัดสายตาเขียวๆ ใส่ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้วยกัน

จ้าวหมิงหลงมองสบตากับภรรยา เห็นกระบี่วาววับในมือของนางก็นึกขึ้นได้ ถึงกับสะดุ้งเฮือกในใจ

‘ไอ้หยา ตายแน่ซี้แหง๋ เซียนเอ๋อร์ยิ่งไม่ชอบให้ข้าฝึกยุทธ์ให้ฮวาเอ๋อร์ด้วย นี่ดันมาเห็นตอนใช้กระบี่จริงอีก’ 

“หมิงหลง ท่านขัดข้า ฝึกยุทธ์ให้ฮวาเอ๋อร์ยังไม่พอ ยังจงใจใช้กระบี่จริงอีก ท่านมีเจตนาจะสังหารลูกข้าอย่างนั้นหรือ” 

ใบหน้าแม่ทัพซีดเผือดลงทันที ด้วยรู้ฤทธิ์ฝ่ามือของภรรยาตนดีว่าหนักแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวคำอธิบายด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“เซียนเอ๋อร์ใจเย็นๆ ก่อนนะ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ใช่ไหมฮวาเอ๋อร์” 

ท่านแม่ทัพหันไปขอความช่วยเหลือจากบุตรสาวสุดที่รัก เพื่อให้ช่วยแก้ต่างข้อกล่าวหาให้ตนเอง ทว่าอีกฝ่ายกลับแสร้งหันไปอีกทาง ไม่คิดสบตากับผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย

‘ขอโทษนะเจ้าคะท่านพ่อ ถ้าท่านแม่รู้ว่าลูกเป็นคนท้า แถมยังขอใช้กระบี่จริง ลูกคงไม่แคล้วต้องโดนทำโทษให้นั่งคัดตัวอักษรไปอีกเป็นชาติแน่ๆ ในฐานะบิดา ท่านพ่อก็รับแทนลูกไปหน่อยเถิด’ 

ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นสบตากับผู้เป็นบิดา ดวงตาสีดำส่องประกายสื่อขอร้องและอ้อนวอน จ้าวหมิงหลงแทบร่ำไห้น้ำตาเป็นสายเลือดเมื่อเห็นสายตาของบุตรสาวที่ส่งมาเว้าวอน เอาเถอะ เพื่อบุตรสาวสุดที่รักแล้วเขาทนได้

แม่ทัพคิดหาแรงฮึดสู้ ก่อนจะทำใจกล้าเอ่ยคำอธิบายให้ฮูหยินของตนฟัง

“คือน้องหญิง ข้าก็แค่อยากให้ลูกของเราคุ้น… อั๊ก!” 

ผัวะ!

พลั่ก!

ปึ่ก!

เสียงดังถนัดชัดหู เมื่อร่างบอบบางแต่ทรงพลังของฮูหยินตระกูลจ้าวหมุนตัวปล่อยบุตรสาวลงให้ยืนห่างๆ อย่างว่องไว ก่อนจะวาดฝ่ามือเป็นวงแล้วพุ่งเข้าใส่ร่างหนาของสามีตัวดี

ฝ่ายแม่ทัพโดนฝ่ามือภรรยาเข้าไปเต็มๆ ถึงกับตัวงอเป็นกุ้ง เสียงจะเอ่ยคำพูดหายไปด้วยรู้สึกจุก เนื่องจากยามนี้เขามิอาจขยับตัวได้เพราะโดนบุตรีสกัดจุดไว้ จำต้องยอมรับแรงฝ่ามือจากยอดศรีภรรยาเข้าไปเต็มรัก

จ้าวเหมยฮวานิ่วหน้าตามเสียงที่ได้ยิน ครั้นจะเข้าไปจี้สกัดจุดให้บิดา ก็เกรงเหลือเกินว่าอาจจะโดนลูกหลงไปด้วย เพราะรู้ดีว่ายามมารดามีโทสะไม่มีทางเว้นหน้าผู้ใด นางจึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

เวลานี้ร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพไร้พ่ายจึงจำต้องผันตนเองมาเป็นกระสอบทรายให้ผู้เป็นภรรยาประเคนทั้งฝ่ามือและหมัดใส่ โดยที่เขามิอาจโต้ตอบหรือป้องกันตัวได้เลย

“จ้าวหมิงหลง ท่านถือว่าตัวเก่งนักใช่ไหม ถึงไม่ยอมตอบโต้ ไม่คิดแม้แต่จะหลบอย่างนั้นหรือ ได้ เมื่อท่านคิดว่าตัวเองเก่งนัก ข้าก็จะซัดจนกว่าท่านจะยอมลงมือ” กล่าวจบร่างบางพลันตวัดเท้าเตะเข้ากลางลำตัวผู้เป็นสามีด้วยวิชาเท้าไร้เงาที่อาจารย์เคยสั่งสอนมาทันที

จ้าวหมิงหลงในยามนี้คือจุกจนไร้เสียง อีกทั้งยังไม่อาจปกป้องตัวเองได้ จำต้องยอมกลายร่างเป็นกระสอบทรายมนุษย์ให้แก่ภรรยาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ร่างเล็กยืนหน้าเสีย ในใจนึกสยดสยองเมื่อหูได้ยินเสียงหมัดเสียงเท้ายามกระทบเนื้อดังสนั่น

จิ้งเหยียนสาวรับใช้ประจำตัวเดินมากอดร่างน้อยเอาไว้ ด้วยเกรงว่าหากคุณหนูเข้าไปห้ามคงได้ของแถมติดมาแน่

พ่อบ้านจางฟงได้ยินเสียงสบถแผดร้องเกรี้ยวกราดของฮูหยินก็รีบวิ่งเข้ามายืนหอบข้างๆ คุณหนูของตน ก่อนถามขึ้น “นี่มัน... เกิดอะไรขึ้น” 

จิ้งเหยียนหันไปตอบน้ำเสียงเฉยชา ด้วยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาเยอะแล้ว “เหมือนทุกทีนั่นแหละ ท่านแม่ทัพทำให้ฮูหยินโกรธ” 

พ่อบ้านได้ยินดังนั้นก็นึกรู้และเข้าใจทันที เขารู้ดีว่านายท่านมีฝีมือดีกว่าฮูหยินมากมาย จึงไม่ได้เป็นห่วงอีกฝ่ายมากนัก

‘ก็ดูเอาสิ แม้แต่ยามนี้นายท่านยังคงยืนนิ่ง ปล่อยให้ฮูหยินตบตีโดยไม่ปัดป้องตัวเอง นี่ขนาดฮูหยินเป็นถึงศิษย์ท่านฟ่ง จอมยุทธ์ผู้เก่งกาจเป็นลำดับต้นๆ ของยุทธภพแท้ๆ’ 

จางฟงยิ้มให้ผู้เป็นนายอย่างชื่นชม จ้าวหมิงหลงหันมาเห็นคนสนิทก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เขาจึงไม่รอช้ารีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายทันที

เจ้านายกับลูกน้องประสานสายตากันสื่อใจถึงใจกัน ก่อนที่จางฟงจะยิ้มเชิดหน้า เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากการสบตาเมื่อครู่

เขาล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อตัวเอง แล้วคว้าเอาเส้นฟางที่ไปเก็บมาสดๆ ร้อนๆ ชูขึ้นเหนือศรีษะ ก่อนจะเปล่งเสียงอันดังลั่นออกมา “นายท่านสู้ๆ นะขอรับ...” 

แม่ทัพไร้พ่ายพลันกระอักเลือดในอกคำโต นึกด่าตนเองที่หลงคิดไปว่าไอ้บ่าวคนสนิทจะเข้าใจเขา

‘ทำไมข้าถึงได้เอาควายมาเลี้ยงไว้ในจวนเยี่ยงนี้นะ!’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   องค์ชาย... แม่ทัพ... ฮ่องเต้...

    อวี้เจี้ยนองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเฉิน ในยามนี้ยืนมองรถม้าที่บรรทุกอัดแน่นด้วยขนมทั้งหลายแหล่ที่ตนสั่งให้นำไปกำนัลแด่สาวเจ้าตัวน้อยเวลานี้มีถึงสี่คัน ซึ่งนำมาจอดเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ลานหน้าตำหนักส่วนพระองค์ ด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองโม่ฉีองครักษ์คนสนิท ที่นั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพลางเอ่ยปากถาม“เกิดอะไรขึ้น?”โม่ฉีเงยหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำขึ้นสบตากับผู้เป็นนาย ในดวงตามีร่องรอยของความเสียใจไม่น้อย “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย เป็นเพราะกระหม่อมนั้นไร้ความสามารถ แม้แต่จะก้าวเข้าประตูจวนไร้พ่ายก็ไม่อาจทำได้“เพราะเหตุใดกัน”โม่ฉีมีดวงตาแดงก่ำยามคิดถึงตอนที่เขานำรถม้าที่บรรทุกขนมไปเต็มคันรถวิ่งเข้าไปจอดหน้าจวนตระกูลจ้าว“ข้าคือองครักษ์ขององค์ชายสาม นามว่าโม่ฉี ได้รับคำสั่งจากองค์ชายของข้าให้นำขนมเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจ้าว”สิ้นคำพูดแสดงความจำนง บ่าวคนรับใช้ที่ยืนอยู่หลังประตูก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ขอท่านองครักษ์ได้โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบเข้าไปรายงานนายท่านก่อนขอรับ”พูดจบบ่าวคนดังกล่าวก็วิ่งหายเข้าไปในจวนชั่วครู่หนึ่ง ก่อน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   มันคือความรู้สึก...?

    ยามค่ำคืน ณ ตำหนักขององค์ชายสามอวี้เจี้ยนร่างสูงที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเวลานี้กำลังนั่งเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าเป็นโต๊ะไม้เนื้อเงางาม ข้างบนมีพิณสีดำตัวใหญ่วางอยู่ นิ้วเรียวยาวของเด็กหนุ่มกรีดกรายไปตามสายอย่างชำนิชำนาญเสียงเพลงแผ่วหวานดังกังวานหนักแน่น แต่บางครั้งก็ทอดเสียงลงคล้ายจะขาดใจ สลับกับรวยระรินคล้ายเสียงสะอื้นไห้ในบางครา จนองครักษ์ประจำตำหนักรู้สึกราวกับตัวเองจะขาดใจตามเสียงนั้นไปด้วย ก่อนเจ้าตัวจะหยุดดีดนิ่งไปเสียดื้อๆ“องค์ชาย ทรงมีอะไรในใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” โม่ฉีเอ่ยถามเมื่อเห็นองค์ชายหยุดเล่นเพลงกลางคัน เอาแต่ทอดถอนใจดังเฮือกๆ“โม่ฉี เจ้าเคยรู้สึกแบบ... ใจเต้นแรง อึดอัดคล้ายหายใจไม่ออกยามอยู่ใกล้ แต่อยากเห็นหน้าอยากฟังเสียงอยากพูดคุยด้วยเมื่อห่างไกล อะไรแบบนี้บ้างหรือไม่”“เคยสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าให้กระหม่อมเดา คนผู้นั้นคงเป็นเด็กผู้หญิงด้วยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”อวี้เจี้ยนได้ยินดังนั้นจึงละความสนใจจากพิณตรงหน้า หันมามองหน้าองครักษ์คนสนิทอย่างแปลกใจ“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เด็กหนุ่มหันใบหน้าหล่อเหลาที่ออกไปทางหวานดุจสตรีขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางฟากฟ้า เอ่ยถ้อยคำต่อด้วยน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   พ่อบ้านจางฟงแห่งจวนไร้พ่าย

    คุณหนูจ้าวหายตัวไปไม่ทันถึงครึ่งวันท่านแม่ทัพถึงขนาดนำกองกำลังในสังกัดเข้าค้นวังหลวง‘อา... คุณหนูจ้าวผู้นี้ นางช่างเป็นตัวเรียกความวุ่นวายจริงๆ’นั่นเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนคิด หลังจากที่ถูกท่านแม่ทัพบังคับให้ช่วยกันตามหาบุตรสาวสุดรัก ทว่าก็ได้แค่คิดอยู่ในใจ เพราะความจริงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งแน่นอนวันนี้ครอบครัวท่านแม่ทัพตัดสินใจออกจากวังกลับสู่จวนตนเอง เพราะทิ้งจวนให้เหล่าคนรับใช้ดูแลกันเอง นานไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อฮูหยินจ้าวสามารถขยับตัวเดินเหินได้แล้ว ทุกคนจึงตกลงใจกันว่าจะกลับสกุลจ้าว โดยทิ้งให้อวี้หลางฮ่องเต้ที่มีพระพักตร์บูดบึ้งไว้เบื้องหลัง เพราะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้น้องสาวกับหลานสาวพักอยู่ในวังหลวงต่อไปได้อีก“หลิวกงกง เราคิดอะไรออกแล้ว” ฮ่องเต้รับสั่งกับขันทีคนสนิทสุรเสียงยินดี ก่อนจะสะดุ้งพระวรกายด้วยความเจ็บที่ก้นเมื่อขยับองค์อา... น้องสาวที่ถูกแทงนั้น ขณะนี้สามารถเดินเหินเป็นปกติได้แล้ว แต่พระองค์ที่ถูกกระบองแม่ทัพผู้เป็นน้องเขยฟาดก้นนี่สิ ยามนี้แม้แต่จะลุกหรือนั่งก็ยังไม่อาจทำได้เลย“คิดอะไรออกหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงเงยหน้าขึ้นจากก้นผู้เป็นนายพร้อมกับเอ่ยถามอวี้หลาง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (3)

    ‘อา... องค์ชายสามกับองค์ชายห้าแห่งแคว้นต้าเฉินช่างแปลกประหลาดนัก หากมิใช่เสด็จลุงแล้ว คงหาคนที่เลี้ยงลูกให้กินง่ายอยู่ง่ายเช่นนี้ได้ยากยิ่งเด็กหญิงเฝ้าคิดบอกกับตัวเองแบบนั้นขณะเดินผละออกมา ปล่อยให้องค์ชายห้าผู้ติดดินก้มหน้าก้นโด่งคุ้ยหาไส้เดือนกินต่อไปตามอัธยาศัยร่างเล็กเดินลัดเลาะมาตามแนวร่มไม้ จนป่านนี้นางยังหาทางกลับไม่เจอ หูได้ยินเสียงฝีเท้าอีกหนึ่งเสียงที่ลอบตามมาพักใหญ่แล้วดวงตากลมโตลอบมองคนที่แอบตามมา ก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวัยไม่น่าจะห่างจากนางมากนัก เจ้าตัวเดินมากับม้าสีขาวปลอดตัวหนึ่งจ้าวเหมยฮวาแกล้งทอดฝีเท้าเดินช้าบ้างเร็วบ้าง บางครั้งก็แกล้งหยุดเดินเพื่อดูทีท่า ทว่าอีกฝ่ายก็ยังตามติดไม่ลดละ‘ช่างเถอะ เด็กตัวแค่นี้คงไม่ใช่พวกสโตกเกอร์โรคจิต แบบในชาติก่อนที่นางเคยอยู่หรอกน่า’ อวี้เยี่ยนมองร่างเล็กในชุดขาวแล้วลอบกระหยิ่มนึกยิ้มลำพองใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงไม่รู้ตัวว่าเขาแอบติดตามนางอยู่อันที่จริงองค์ชายแปดผู้นี้ลอบเดินตามอีกฝ่ายมาตั้งแต่เห็นนางเดินออกจากลานฝึกยุทธ์ของพี่ห้าแล้ว พระมารดาเคยบอกไว้ว่า ถ้าอยากเอาชนะพี่สามกับพี่ห้า อย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งกับบุตรสาวแ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (2)

    ‘องค์ชายสามผู้นี้ช่างเป็นคนพอเพียงนัก อยากกินปลาก็หาจับเอง เสด็จลุงทรงเลี้ยงลูกได้ติดดินจริงๆ’ จ้าวเหมยฮวาคิดสรุปกับตนเองก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้อวี้เจี้ยนผู้เป็นองค์ชายว่ายน้ำดำผุดดำว่ายหาปลาคนเดียวต่อไปตามอัธยาศัยจ้าวเหมยฮวาเดินจากมาแบบงงๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้สตินึกขึ้นได้ว่า...‘อา... จริงด้วย ลืมไปเลย ข้าไม่ได้รอจิงหยู’ ใช่แล้วนางเดินจากมาโดยไม่ได้รอจิงหยู และที่สำคัญตอนนี้นางหลงทางเป็นที่แน่นอนแล้ว เด็กหญิงหันไปมองหาทางเก่าที่เดินจากมา ก็พบว่าเส้นทางทุกด้านดันเหมือนกันไปหมดเลย‘ลองไปข้างหน้าดูก่อนละกัน’ บอกตัวเองในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วต้นไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงามมองแล้วให้เพลินตายิ่ง ร่างเล็กยังคงเดินชมนกชมไม้อย่างสบายใจ หากใครได้พบเห็นคงมองดูคล้ายกำลังเดินเล่นเสียมากกว่า ก็นะ นางยามนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง จะหลงทางบ้างก็คงจะไม่แปลกอันใดคิดเองเออเองอย่างครึ้มอกครึ้มใจ หูพลันแว่วได้ยินเสียงดังแหวกอากาศ ฟังเหมือนมีคนกำลังฝึกยุทธ์ลอยมาจากทางด้านหน้า ร่างเล็กเดินเลาะแนวไม้เพื่อตามหาเสียงดังกล่าว จนมาถึงลานสนามหญ้าเล็กๆ ไม่กว้างนัก ดวงตาคู่ดำเป็นประ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (1)

    ในเมืองหลวงของแคว้นต้าเฉินยามนี้เกิดข่าวลือหนาหู ทุกคนต่างรู้ดีว่าต้นเรื่องนั้นคือบุตรีแม่ทัพไร้พ่ายเสียงเล่าลือต่อๆ กันไปว่า คุณหนูตระกูลจ้าวนั้นไม่ใช่แค่เพียงอัปลักษณ์ แต่นางยังเป็นตัวนำความโชคร้ายเข้ามาหาผู้อื่นอีก ดูแค่ก้าวเท้าย่างเข้าวังหลวงเพียงวันเดียวยังนำพาปีศาจร้ายเข้ามาอาละวาดในวังเสียจนพังพินาศไปตามๆ กัน ขนาดฮ่องเต้ผู้เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ยังถึงกับประชวร ออกว่าราชกิจไม่ได้เป็นเดือนๆอา... สวรรค์ คุณหนูสกุลจ้าวนางช่างน่ากลัวเหลือเกิน“คุณหนูเจ้าคะ จะไปหาฮูหยินเลยไหมเจ้าคะ” จิงหยูเอ่ยถามน้ำเสียงสดใส ดวงตามองทรงผมที่นางขมวดไว้ครึ่งบนติดดอกไม้น่ารัก ปล่อยเรือนผมครึ่งล่างให้ยาวสยายจ้าวเหมยฮวาอยู่ในชุดขาวปักชายด้วยลวดลายบุปผาสีชมพูสดใสที่สาวใช้นำมาบรรจงสวมให้เจ้านาย คุณหนูของนางช่างงามเหลือเกิน จิงหยูลอบชมเจ้านายตัวน้อยในใจ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าสีขาวข้างมือมาคลุมผูกไว้บนใบหน้าน่ารัก“ทำไมคุณหนูต้องปิดหน้าด้วยล่ะเจ้าคะ เพราะคุณหนูปิดหน้าแบบนี้ พวกปากมากทั้งหลายเหล่านั้นถึงกล่าวหาว่าท่านอัปลักษณ์ได้” จ้าวเหมยฮวาหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสาวใช้พูดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ทั้งยังมีท่าทีเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status