รักเท่าใดยามแค้นใจกลับมากกว่า คำนี้เจี่ยอวี้หลันซาบซึ้งแล้วว่าไม่เกินจริง อดีตนางเคยรักบุรุษผู้นั้นมากเพียงใด ในวันที่ความจริงหลายอย่างกระจ่างชัดเจน ที่เคยรักมากเพียงใดกลับแค้นใจยิ่งกว่า!!
View Moreปลายยามเฉินอากาศของมหานครเสียนหยาง เมืองหลวงของดินแดนต้าเซี่ยกำลังร้อนระอุเพราะนี่คือต้นฤดูร้อนพอดี ห่างจากประตูเมืองมาราวห้าสิบลี้กลับมีฝุ่นผงสีส้มลอยตลบคละคลุ้งกระจายเกิดขึ้น ต้นเหตุมาจากขบวนอาชากลุ่มใหญ่ไล่ล่า อาชาสีขาวที่ผู้ควบขี่อยู่บนหลังของอาชาตัวนั้นเป็นสตรี และเป็นสตรีที่สวมชุดเจ้าสาวที่พยายามควบหนีอย่างเอาเป็นเอาตายออกไปนอกเมืองไกลออกไปเรื่อย ๆ
“คุณหนูลองหลู่หยุดม้าเดี๋ยวนี้!!”
เสียงตวาดกึกก้องของทหารที่ไล่กวดตามมาติดๆ ชนิดหายใจรดต้นคอ แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นผู้ที่อยู่บนหลังอาชาสีขาวกลับกระตุ้นให้มันพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต โดยที่เบื้องหลังนั้นมีทหารกลุ่มใหญ่ไล่ตามไม่ลดละ ราวกับสตรีคนดังกล่าวเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ก็มิปาน
“คุณหนูรองหลู่อย่าหนีอีกเลยเร่งตามพวกเรากลับไปด้วยดีเถอะ!!”
หลังจากที่พวกเขาไล่ต้อนสตรีนางเดียวจนนางมาจนมุมที่หน้าผาสูงชันหากเดินหน้าต่อไปก็คงพลัดตกลงไปด้านล่างแน่นอน นายทหารหน้าตาดุดันก็ตวาดเกรี้ยวกราดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาสตรีบนหลังอาชาในอาภรณ์สีแดงเลือดนกที่มองอย่างไรก็เป็นชุดเจ้าสาวเต็มพิธีการของชนชั้นสูงไม่ผิดแน่ นั้นยิ่งดูโกรธแค้นเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
“ข้าไม่กลับ!”
และเพราะความโกรธแค้นเจ้าสาวคนงามบนหลังอาชาที่ถูกไล่ต้อนไปเรื่อยๆ จนเหลือระยะห่างไม่ถึงสิบก้าวก็จะตกลงไปด้านล่างร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
หลู่อวี้หลิง
คือนามของนาง สตรีวัยสิบเจ็ดปีที่กำลังหนีมาจนถึงทางตันนางกำลังคิดว่าย้อนกลับไปนางก็ตาย หรือเดินหน้าต่อไปตนเองก็อาจตายมากกว่าอยู่ แต่ชีวิตคนเราขอแค่มีความหวัง ต่อให้ความหวังนั้นจะมีแค่หนึ่งในร้อยส่วนก็สมควรคว้าความหวังเอาไว้มิใช่หรือ ย้อนกลับมีแต่หนทางตายรออยู่ ทว่าหากเดินหน้าถึงจะเป็นหน้าผาแต่ใครจะรู้นางอาจรอดไปก็เป็นได้ แถมยิ่งถอยหลังไปใกล้หน้าผามากเท่าใดหูของนางกลับยิ่งได้ยินเสียงน้ำตกดังกึกก้องอยู่แว่วๆ บอกได้ว่าที่ด้านล่างคงมีธารน้ำตกอยู่เป็นแน่ ดังนั้นตกไปอาจพอจะมีหนทางรอด ตรงกันข้ามหากนางถอยหลังยอมย้อนกลับไปเช่นที่พวกมันต้องการ นางคงได้ถูกเหล่าคนชั่วฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วใครมันจะโง่เขลาคิดย้อนกลับไปอยู่อีกเล่า!ตลอดมานางถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอดถึงสองปีใครจะคิดว่าสวรรค์กลับเห็นใจและเมตตาหลู่อวี้หลิงให้ทราบว่าแท้จริงบุรุษที่ถนอมนางเอ่ยแต่คำหวานล่อลวงนางจนนางทุ่มเทหัวใจรักให้เขามานาน สุดท้ายกลับคิดหลอกลวงกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม เขาหาได้รักนางเขาเพียงต้องการฐานะคุณหนูรองหลู่ไปให้สตรีที่เขารักจริงๆ เท่านั้น นางก็แค่คนที่เขาต้องการให้ตายเพื่อจะได้ยกย่องสตรีในดวงใจของเขาได้เป็นฮูหยินเอกและได้อยู่ในสังคมชั้นสูงของเมืองเสียนหยางอย่างเชิดหน้าชูตาไม่อับอายผู้ใดเท่านั้น
แต่กว่านางจะตาสว่างกลับเป็นวันที่ตนเองได้เป็นเจ้าสาวเกือบแต่งงานเข้าจวนของบุรุษใจดำอำมหิตผู้นั้นเสียแล้ว หากนางไม่บังเอิญทำถ้วยน้ำแกงตกแตกย่อมไม่ทราบว่าแท้จริงน้ำแกงถ้วยนั้นของมารดาเลี้ยงและน้องสาวผู้ใสซื่อจนนางวางใจมาสิบกว่าปีได้ผสมยาพิษหวังปลิดชีพนางแล้วสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทน!
ทุกคนวางแผนมาอย่างดีสุดท้ายกลับเลือกวันที่นางมีความสุขที่สุดเพื่อสังหารนางโดยผลักนางให้ตกนรก ไม่ว่าจะเป็นมารดาเลี้ยง น้องสาวต่างมารดา พี่ชายต่างมารดา หรือแม้แต่เขา…มู่หรงจิ่ง บุรุษที่นางรักเขาหมดหัวใจ แม้แต่บิดาแท้ๆ ของนางในวันนี้ก็ไม่ออกมาช่วยเหลือกัน เจ็บช้ำที่สุดแล้ว นับแต่จำความได้วันนี้หลู่อวี้หลิงเจ็บช้ำเหลือเกิน…
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าจงใจเย็นลงหน่อย มีอันใดเรากลับไปคุยกันที่จวนได้ มาเถอะมาหาพี่ใหญ่ เด็กดีมานี่มา มาหาพี่ใหญ่เถิดนะ”
คราวนี้กลับเป็นพี่ชายที่นางไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพี่ต่างมารดามาโดยตลอดสิบเจ็ดปีเช่นหลู่ฮ่าวอวี่บ้างแล้วที่เปิดปากเกลี้ยกล่อมนาง กลับจวนเช่นนั้นหรือ? มาหาพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? กลับไปให้ถูกพวกเขาช่วยกันปลิดชีพนางนะหรือ? นางดูโง่เขลาถึงเพียงนั้น?
หึ!!!
บัดนี้นางรู้แจ้งแล้วว่าจะเช่นไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำน้องสาวต่างมารดาหรือจะสำคัญกว่าน้องสาวที่คลานตามกันมาเช่นหลู่อวิ๋นเซียงผู้นั้น ส่วนนางมันก็แค่น้องสาวต่างมารดาที่สมควรตายไปให้พ้นๆ ยังจะนับเป็นอะไรสำหรับเขาได้อีก
“กลับไปเพื่ออันใดกัน กลับไปเพื่อให้พวกท่านสมหวังส่วนข้าก็ตายแม้แต่หลุมศพก็มิอาจจารึกชื่อแซ่แท้จริงได้เช่นนั้นนะหรือ หึ!ข้าตาสว่างแล้วถึงต้องตายข้าก็ไม่กลับไปให้พวกท่านสมหวังเด็ดขาดฮ่าวอวี่!!!"
สตรีซึ่งอยู่ในชุดเจ้าสาวตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น ดวงตาแดงก่ำใบหน้างดงามบิดเบี้ยว เพราะภายในใจของนางมันแตกสลายไปหมดแล้ว ทุกคนที่นางวางใจกลับทรยศกันได้อย่างเลือดเย็นไม่เว้นแม้แต่บิดาแท้ๆ ทำได้อย่างไร พวกเขาทำกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าสาวคนงามตะโกนถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจเพราะรู้แจ้งแล้วว่าหากถามออกไปกับคนพวกนี้ให้ตายนางก็ไม่ได้ความจริงอยู่ดี
แต่นางก็รู้สึกสาแก่ใจอยู่เล็กน้อย เพราะถึงจะตายอย่างน้อยนางก็ได้สนองคืนคนเหล่านี้ไปแล้วงานวิวาห์ของเฉินกั๋วกงกับคุณหนูรองหลู่ บุตรสาวที่กำเนิดจากฮูหยินเอกของจิ้งหนานโหววันนี้ล่มลงเพราะเจ้าสาวควบม้าหนีมาเช่นนี้คนทั่วเสียนหยางย่อมรู้เห็นกันหมดแล้ว แผนสวมรอยหลังปลิดชีพนางพังทลายลงสิ้น ถึงวันนี้นางต้องตาย คนพวกนี้สุดท้ายก็มิได้สมหวังเช่นนั้นนางก็ยินดีจะตายไม่นำพาอันใดอีกแล้ว นางตายได้ แต่พวกมันทุกคนก็จะต้องไม่ได้สมหวัง!
ไม่นานก็มีอาชาอีกตัวนำพาผู้มาใหม่ที่เขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าวเต็มพิธีการไม่ต้องบอกย่อมรู้นี่เองคือเจ้าบ่าวที่เจ้าสาวคนงามหลบหนีมา เห็นแล้วสตรีผู้จนมุมย้อนคิดไปว่าตลอดสองปีนางคิดว่าเขารักนาง เขาให้เกียรติและถนอมนางราวกับไข่มุกล้ำค่า ใครจะรู้ที่แท้เขากลับรักน้องสาวเช่นหลู่อวิ๋นเซียงที่อายุอ่อนกว่านางสองเดือนเป็นอย่างยิ่ง
ความจริงมาปรากฏเอาในวันนี้คิดแล้วนางก็สมเพชตนเองยิ่งนัก เขาตั้งใจมาหลอก นางกลับหน้ามืดตาบอดรักเขาจนหมดใจไม่เคยระแวงสงสัยว่าบุรุษสูงส่งและรูปงามเพียบพร้อมเช่นเขาหรือแท้จริงจะมาพึงใจกับสตรีแสนจะธรรมดาที่แทบไม่เคยก้าวออกจากจวนเช่นตนเองจริงๆ
ไม่ว่าจะคำหวาน ไม่ว่าจะนิสัยอ่อนโยน ไม่ว่าจะกิริยาเข้าอกเข้าใจ ล้วนหลอกลวงทั้งสิ้น หลอกให้นางตายใจ เพื่อที่นางยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับเขายามใด วันแต่งงานก็คือวันตายของสตรีโง่เขลาเช่นนางทันที!
“หลิงหลิง มาเถอะ กลับมาหาพี่จิ่งก่อน เรื่องวันนี้เป็นการเข้าใจผิดทั้งสิ้น หลิงหลิงคนดีกลับมาหาพี่จิ่งเร็วเข้ามีอันใดเรากลับจวนไปค่อยพูดค่อยจากันเถิดนะคนดี”
บุรุษสารเลวผู้นี้กลับปั้นหน้าหลอกลวงนางไม่เลิก แถมยังพูดจาอ่อนหวานมองตรงมาด้วยสายตาอ่อนโยน หากวันนี้ความจริงไม่ปรากฏจนนางเกือบตายด้วยยาพิษของสองแม่ลูกอสรพิษคู่นั้นคาดว่าคงจะรีบวิ่งกลับไปหาเขาแล้ว แต่บังเอิญนางเพิ่งตบนางน้องสาวชั่วช้ามาจนเจ็บมือหากยังเชื่อเขานางก็โง่เกินควายไปมากโข
“เข้าใจผิดหรือ? ใช่ตลอดมาสองปีข้าเข้าใจผิดว่าท่านรักข้ามาโดยตลอดจริงๆ มู่หรงจิ่ง ไอ้คนต่ำช้า!”
ขณะที่นางกำลังเอ่ยปากตะโกนตอบโต้กับมู่หรงจิ่ง ภายในใจของ หลู่อวี้หลิงนั้นก็ตัดสินใจแล้ว จะตายหรืออยู่นางยกให้สวรรค์ตัดสินแล้วแต่จะให้นางกลับไปหลู่อวี้หลิงขอยอมตายดีกว่าอยู่ เพราะหากกระโดดหน้าผาแล้วนางเกิดถึงแก่ความตายนางก็ไม่เสียใจเพราะคงพบมารดาและท่านปู่ท่านย่าที่ไปรอนางอยู่ก่อนแล้ว แต่หากนางโชคดีกระโดดลงไปแล้วไม่ถึงตายนางก็นับว่าสวรรค์เมตตา ขอตัดขาดสกุลหลู่ไม่เป็นอีกแล้วคุณหนูรองขอกลับไปใช้แซ่เดิมมารดาเป็น เจี่ยอวี้หลัน
ตลอดไป..."หลิงหลิง กลับไปกับพี่จิ่ง มีเรื่องใดที่เจ้าเข้าใจผิดพวกเรากลับจวนแล้วค่อยคุยกันให้ดีเถิด"
มู่หรงจิ่งที่ยังไม่รู้ว่าสตรีเพียงผู้เดียวตรงหน้านั้นนางได้ตัดสินใจไปแล้วก็ยังคงตะโกนเกลี้ยกล่อมนางต่อไป ฝ่ายของหลู่อวี้หลิงหรือนับจากนี้นางเปลี่ยนไปเป็นเจี่ยอวี้หลัน ไปแล้วเมื่อนางคิดตกตัดสินใจเด็ดขาดนางก็รีบลงจากหลังม้าจากนั้นก็พุ่งตัวตรงไปยังหน้าผาโดยไม่มีกิริยาลังเลเลยแม้แต่น้อย ก็จะลังเลรั้งอยู่เพื่ออันใดคนพวกนี้ล้วนคิดร้ายกับนางทุกคน ดังนั้นในเวลาแสนสั้นภาพร่างอรชรตกลงไปจากหน้าผาสูงนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของผู้เป็นเจ้าบ่าวและคุณชายใหญ่หลู่กับทหารของเฉินกั๋วกงร่วมร้อยชีวิตทำให้ทุกคนตกใจแทบสิ้นสติไปถ้วนหน้า!
“หลิงเอ๋อร์!”
“หลิงหลิง!”
พอได้สติทั้งคุณชายใหญ่หลู่ฮ่าวอวี่และเฉินกั๋วกง มู่หรงจิ่ง รีบวิ่งไปชะโงกหน้าลงไปด้านล่างแต่กลับไม่พบสิ่งใดนอกจากยอดไผ่เขียวขจีกับไอหมอกมากมายเท่านั้น ดวงตาของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจและคาดไม่ถึง
โดยเฉพาะมู่หรงจิ่งกับหลู่ฮ่าวอวี่นั้นต่างกำหมัดกัดฟันหายใจหอบสะท้านมิอาจทราบได้ว่าทั้งสองตกใจหรือโกรธแค้นกันแน่ นอกจากพวกเขาทั้งคู่ หลู่ฮ่าวอวี่ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของเฉินกั๋วกงทั้งสับสนทั้งเสียใจเพราะมิคาดว่าน้องสาวที่ดีกับเขาราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตนเองสุดท้ายจะตัดสินใจจบชีวิตลงต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนี้ นี่มันหาใช่แผนที่เขากับเฉินกั๋วกงตกลงกันเอาไว้! เขาอุตส่าห์ขอร้องเฉินกั๋วกงแล้วว่าอย่าสังหารหลู่อวี้หลิง ได้แล้วแท้ๆ เหตุใดมันจึงลงเอยเช่นนี้ไปได้!
“หลิงเอ๋อร์...”
คำว่าขอโทษถูกกลืนลงท้องไปเพราะเอ่ยออกไปนางก็ไม่ได้ยินแล้ว ฝ่ายของมู่หรงจิ่งเองเมื่อเห็นหลู่อวี้ หลิงกระโดดหน้าผาไปต่อหน้าต่อตา พลันคล้ายกับสมองของเขาจะแน่นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่สติจะหวนคืนมาจึงรีบร้อนสั่งการคนของตนเองให้ลงไปค้นหาหลู่อวี้หลิงทันที
“ฟังคำสั่งเปิ่นกั๋วกง (ตัวข้ากั๋วกงผู้หนึ่ง) ตายต้องพบศพอยู่ต้องพบคน ค้นหาให้ทั่ว!”
มู่หรงจิ่งแต่แรกเริ่มเมื่อเกือบสามปีก่อนเขารักมั่นคงอยู่กับหลู่อวิ๋นเซียง แต่เพราะหลู่อวิ๋นเซียงนั้นนอกจากเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอี้เหนียงแล้วอดีตนางโจวอี้เหนียงยังเป็นแค่นางโลมผู้หนึ่งอีกด้วย อย่างไรก็แต่งนางเข้าจวนเฉินกั๋วกงมิได้ หากจะยอมรับเข้าจวนเฉิน กั๋วกงได้ก็มีแค่เข้าไปในฐานะสตรีอุ่นเตียงเท่านั้น แต่หลู่ อวิ๋นเซียงเองนางย่อมไม่ยินยอมเช่นกัน
แต่เพราะความรักจนหน้ามืดตามัวของมู่หรงจิ่ง พอโจวอี้เหนียงกับหลู่อวิ๋นเซียงแนะนำวิธีหลอกให้หลู่อวี้หลิงหลงรักเขาจากนั้นพอสำเร็จในวันแต่งก็ฉวยโอกาสที่หลายปีมานี้หลู่อวี้หลิงไม่เคยออกจากจวนไปร่วมงานเลี้ยงใดหรือไปเปิดเผยโฉมหน้าว่านางคือคุณหนูรองหลู่ให้คนในเสียนหยางพบเห็นสังหารทิ้งแล้วให้หลู่อวิ๋นเซียงสวมรอยแทน เขาในปีนั้นก็เห็นดีเห็นงามทันที
แต่ใครจะคิดผ่านไปนานวันเข้าเพราะความดีและใสซื่อของหลู่อวี้หลิง ยิ่งเขาสนิทสนมกับนางกลับยิ่ง พึงใจ สุดท้ายจากคิดสังหารเขาจึงพลันใจอ่อน บวกกับหลู่ฮ่าวอวี่ขอร้องว่าอย่าสังหารน้องสาวคนรองได้หรือไม่ เขาจึงคิดจะแต่งทั้งสองเข้าจวนพร้อมกัน หลู่อวี้หลิงแน่นอนคือฮูหยินเอก ส่วนหลู่อวิ๋นเซียงเป็นน้องสาว ยอมพี่สาวสักหน่อยถอยไปเป็นฮูหยินรองก็คงไม่เป็น อันใด ใครจะคาดว่าหลู่อวิ๋นเซียงกับโจวอี้เหนียงกลับไม่ยินยอมสุดท้ายดำเนินตามแผนเดิมของพวกนางโดยที่เขากับหลู่ฮ่าวอวี่ไม่ทันเฉลียวใจว่าพวกนางไม่เชื่อฟังยังคงดำเนินการตามแผนเดิม
กว่าทุกสิ่งจะกระจ่างเขาและหลู่ฮ่าวอวี่ได้รู้ถึงการกระทำของโจวอี้เหนียงและหลู่อวิ๋นเซียง หลู่อวี้หลิงก็รู้แผนของสองแม่ลูกคู่นั้นเสียแล้ว และเมื่อนางได้รู้ นางจึงควบม้าหนีงานแต่งเตลิดออกมาไกลร่วมร้อยลี้เช่นนี้ ป่านนี้คนทั่วเมืองหลวงรู้กันทั่วไปแล้วว่างานแต่งของเฉินกั๋วกงเจ้าสาวควบม้าหนีจะแผนใดก็พังทลายไปจนหมดสิ้น
แต่ที่มู่หรงจิ่งคิดไม่ถึงก็คือหลู่อวี้หลิงจะใจเด็ดถึงขนาดนี้กว่าจะรู้ว่านางใจคอเด็ดเดี่ยวก็เมื่อเห็นนางกระโดดหน้าผาลงไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว เขาจึงเพิ่งกระจ่าง ที่แท้เขาเองก็แบ่งใจมารักหลู่อวี้หลิงเสียแล้วอาจจะรักเสียยิ่งกว่าหลู่อวิ๋นเซียงเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้นคนตายต้องพบศพอยู่ต้องพบหน้า เขาไม่ปล่อยวางเด็ดขาด!
ตอนพิเศษวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฤดูกาลยังคงเคลื่อนผ่านไปตามวัฏจักรของโลกา หลังจากวันที่ซ่างกวนไท่จัดการให้เจี่ยอวี้หลันได้นำโลหิตคนชั่วไปเซ่นไหว้หลุมศพของบรรพบุรุษสกุลหลู่ได้สิบห้าวันก็ได้ออกเดินทางไปยังแคว้นอิ๋งโจวทันที เนื่องจากบ้านเมืองไม่สงบสุขชาวประชาย่อมยากจะอยู่เย็น กินอิ่มนอนอุ่นไปได้ โดยการเดินทางนั้น เจี่ยอวี้ หลันนั้นได้ตัดสินใจไม่นำเชลยแค้นทั้งสามไปด้วย นางทอดทิ้งคนชั่วให้ค่อยๆ ตายลงช้าๆ ภายในคุกคุมขังของฉางตี้ฮ่องเต้เพราะนางอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปล่อยให้พวกมันทุกข์ทรมานกันไป ส่วนนางเลือกจะไปเสวยสุขกับบุรุษของนางแทน ความรู้สึกผิดและติดค้างคนสกุลหลู่ของนางจางหายไปตั้งแต่วันที่นำโลหิตพวกมันไปเซ่นไหว้แล้วทิ้งอดีตอันเจ็บปวดให้ค่อยๆ ตายไปพร้อมกับคนกระทำถูกต้องที่สุดแล้ว...ช่วงแรกที่ไปถึงก็ไม่ได้ทุกข์ยากดังที่ซ่างกวนไท่กล่าวเอาไว้ อยู่ต่อไปอีกห้าเดือน อิ๋งโจวก็ส่งข่าวดีกลับไปที่เสียนหยาง ข่าวดีที่ว่าพระชายาเจี่ยตั้งครรภ์แล้ว ฉางตี้ฮ่องเต้ดีใจอย่างยิ่งจากอิ๋งโจวมาเสียนหยางห่างกันอยู่เจ็ดร้อยลี้ ดังนั้นจากที่แต่แรกซ่างกวนไท่คิดจะรั้งอยู่อิ๋งโจวเพียงสองถึงสามปีก็เปลี่ยนเ
ตอนที่ 35 || ตอนอวสานอีกหลายวันต่อมา หลังจากซ่างกวนไท่จัดการหลายสิ่งหลายอย่างเรียบร้อย เตรียมแต่จะเดินทางไปอิ๋งโจว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะพาเจี่ยอวี้หลันไปพบคนที่ติดค้างนางและครอบครัวสกุลหลู่เสียทีผ่านไปร่วมห้าเดือน คนที่สมควรตายก็ตายไปหมดแล้วคนที่ต้องถูกเนรเทศก็เนรเทศไปจนสิ้น ใครต้องถูกขายไปเป็นทาสไปเป็นนางคณิกาก็ถูกขายไปจนสิ้น แต่ยังคงเหลืออีกสามชีวิตที่ถูกคุมขังมายาวนานร่วมครึ่งปีเงาร่างของบุรุษที่เคยหล่อเหลาปรากฏแก่สายตาของเจี่ยอวี้หลันเป็นคนแรก มอมแมมและซูบผอมอีกทั้งยังเหม็นเน่าจากบาดแผลที่คงถูกทรมานทุกวันจนไม่หลงเหลือสภาพของ เฉินกั๋วกงผู้ทรนงในอดีตแม้สักส่วน แต่นางก็ยังจดจำได้ว่ามันผู้นี้คือใคร“ไม่เจอกันนานเลยนะ มู่หรงจิ่ง”เสียงหวานดังกังวานไปทั่วคุกใต้ดินแห่งนี้ทั้งที่เจี่ยอวี้หลันก็เพียงเอ่ยด้วยโทนเสียงปกติแท้ๆ ไม่นานเสียงโซ่ตรวนก็ดังขึ้นบ้างบ่งบอกว่าเจ้าของร่างที่นอนขดตัวอยู่นั้นรับรู้ถึงการมาของนางแล้ว“ใคร?” ถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง“แย่จริง ไม่พบกันแต่ไม่เท่าไหร่เฉินกั๋วกงก็ลืมเปิ่นหวางเฟยเสียแล้ว”“หลิงเอ๋อร์!”พอมีสติรับรู้ได้มู่หรงจิ่งถึงกับกระชากโซ่ตรวนเพื่อจะพุ่ง
ตอนที่ 34หลังผ่านค่ำคืนวสันต์ของคู่สามีภรรยาไปเพียงสามวัน ซ่างกวนไท่ก็ควบคุมทหารไปอิ๋งโจว เพื่อจับกุมโซ่วอ๋องกับกองกำลังที่ซ่องสุมมากว่าห้าปีโดยเมืองหลวงเป็นฉางตี้ฮ่องเต้กับแม่ทัพจี จีหยวนโจว ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ขององครักษ์ชั้นในปกป้องเสียนหยางเป็นผู้จับกุมเส้นสายของโซ่วอ๋อง แน่นอนว่าต้องมีสกุลมู่หรงกับสกุลหลู่รวมอยู่ด้วย เจี่ยอวี้หลันอยู่ภายในตำหนักชินอ๋องรับฟังอย่างสงบนางรอเพียงซ่างกวนไท่กลับมา เพราะเขารับปากกับนางแล้วว่าจะให้นางลงมือแก้แค้นด้วยตนเอง เจี่ยอวี้หลันเชื่อเขา นางจึงรออย่างใจเย็น กบฎของโซ่วอ๋องคราวนี้นับเป็นการถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง หากกล่าวว่าเมื่อครั้งกบฎองค์ชายรอง ซากศพ เผาไหม้ร่วมเดือน ครั้งนี้ก็แทบไม่แตกต่างและยิ่งเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงในด้านโหดร้ายของปีศาจดำและขาวจึงยิ่งโด่งดัง ในอดีตเจี่ยอวี้หลันยังเด็ก โลกของนางขณะนั้นมีเพียงสีขาวกับสีดำ จึงมองว่าสองพี่น้องซ่างกวนทั้งเหี้ยมโหดและอำมหิต ทว่าบัดนี้นางผ่านอะไรมามาก จึงไม่ได้ตัดสินเพียงขาวหรือดำ ถูกกับผิด แต่เจี่ยอวี้หลันมองจากมุมมองของความเป็นจริงจึงค่อยเข้าใจ แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฉางตี้ฮ่องเต้หรือชินอ๋อง พวกเขาล้
ตอนที่ 33กล่าวจบซ่างกวนไท่ก็งอนิ้วชี้เคาะลงไปที่ปลายจมูกโด่งเรียวงามของ ‘ตัวแสบ’ เบาแสนเบา ก่อนที่จะขยับจับร่างแน่งน้อยในอ้อมแขนวางลงบนเตียงด้วยท่วงท่าอ่อนโยน และทะนุถนอมราวกับเจี่ยอวี้หลันนั้นเป็นไข่ในหิน ก็เพราะเขารักนางถึงเพียงนี้ จะไม่ถนอมได้อย่างไรไหว“ข้าจะถนอมเจ้า ให้เจ็บปวดน้อยที่สุด แต่เจ้าก็ต้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อดึงเช่นคราวก่อน”กล่าวพลางคร่อมกายอยู่เหนือร่างแน่งน้อย ตาจ้องตาแสนอ่อนหวาน ราตรีเข้าหออาจผ่านมาเป็นเดือน แต่ราตรีนี้กลับกรุ่นกลิ่นหวานล้ำไม่แตกต่างจากราตรีของคู่วิวาห์ใหม่เลยแม้แต่น้อยทั้งน้ำเสียง สัมผัส และสายตาที่ซ่างกวนไท่ส่งมาให้ทำเอาเจ้าของร่างแน่งน้อย หัวใจเต้นเร็วและแรงจนสะท้านสะเทือนไปทั้งหัวอก นางลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความใจกล้าที่เคยมีคล้ายจะมลายหายไปกับสายตาเว้าวอนอ่อนหวานเสียแล้ว“พะ...เพคะ”“เด็กดี ราตรีนี้ขอแค่เจ้าปล่อยไปตามอารมณ์กับข้าเป็นผู้นำก็พอ จากนั้นทุกอย่างจะดีเอง” กลีบปากล่างของเจี่ยอวี้หลันเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความประหม่าและกังวลอยู่เล็กน้อย“ปล่อยกายและใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลสิ่งใด และอย่าได้เขินอายมากไป เพียงเพราะเจ้าต้องเปลือยกายต่อหน้าข้
ตอนที่ 32รถม้าถึงตำหนักแล้วซ่างกวนไท่เป็นผู้ลงไปก่อน เขารอรับเจี่ยอวี้หลันอยู่ด้านล่าง ส่งนางจนถึงตำหนัก อยู่ร่วมมื้อกลางวันกับนางแล้วจึงบอกให้นางพักผ่อน“มื้อค่ำเจ้ารับไปก่อนได้เลยนะเจี่ยเอ๋อร์ ข้าอาจกลับมาไม่ทัน”“ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวเจี่ยเอ๋อร์ไปส่ง”“ไม่ต้องหรอกเจ้าพักเถิด”“เพิ่งกินอิ่ม ให้เจี่ยเอ๋อร์เดินไปส่งเถิดเพคะ”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”ภาพสองสามีภรรยาพูดจาด้วยดี สายตาที่มองกันนั้นคงไม่ต้องเอ่ยถึง ทุกคนที่รับใช้ชินอ๋องเห็นแล้วต่างตื้นตัน ที่บัดนี้นายท่านของพวกตนนอกจากเหน็ดเหนื่อยและวุ่นวายกับงานราชกิจมากล้น พอกลับถึงตำหนักก็ยังมี ความสุข รอคอยอยู่“อย่าลืมดื่มยานะเจี่ยเอ๋อร์”“เพคะ”มองส่งเรือนกายสูงใหญ่ขึ้นรถม้าจนหายเข้าไปด้านใน เจี่ยอวี้หลันก็ยังคงยืนรอจนรถม้าเคลื่อนพ้นไปจากหน้าประตูตำหนัก นางจึงกลับเข้าสู่ตำหนักมู่หรงจิ่งที่แอบซุ่มดูอยู่ทำได้เพียงกำหมัดกัดฟัน เพราะไม่มีโอกาสจะเข้าใกล้สตรีซึ่งเขามั่นใจว่านางคือหลู่อวี้หลิง อยากได้นางกลับคืนใจแทบขาด ทว่ามิอาจเอื้อมถึง ทำเอาคนที่อยากได้สิ่งใดก็ต้องได้คับแค้นใจยิ่ง“หึ! มีข้าอยู่ ยังจะคิดเพ้อฝัน สมควรตายจริงๆ”มีหรือคนเช่นซ่างก
ตอนที่ 31นางเองก็ตอบรับเขากลับไปทุกคำขอเช่นกัน และที่ตอบรับออกไปนางมั่นใจแล้วทั้งหมดจึงได้อนุญาตเขาออกไป ไม่มีเลยแม้เสี้ยวลมหายใจที่เจี่ยอวี้หลันจะไม่แน่ใจและลังเล“มันจะเจ็บมากนะ”“เพคะ”สิ้นเสียงหวานตอบรับท่อนลำแข็งขึงจึงถูกกดแทรกลงมา เริ่มแรกแค่ตึงก่อนจะเริ่มเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีกกระชาก ใบหน้าหวานค่อยๆ เปลี่ยนสีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเม็ดโต แต่นางกลับไม่กรีดร้องออกมาแม้เพียงครึ่งคำ เจ็บหนักเข้านางจึงเอื้อมมือขึ้นไปดึงลำคอแกร่งให้เขาก้มลงมาจุมพิตนางทันทีเท้าเรียวสองข้างยกขึ้นโอบกอดรอบสะโพกแกร่งแล้วออกแรงกดให้ชายหนุ่มรับรู้ว่านางต้องการให้เขาเดินหน้าเข้ามาให้จบในคราวเดียวปึก!“อื้อ!”“เจี่ยเอ๋อร์!”ซ่างกวนไท่มิคาดคนตัวเล็กจะใจเด็ดถึงเพียงนี้ตัวตนของเขามิใช่ธรรมดาแรกเข้าไปในคราวเดียวเช่นนี้นางบาดเจ็บไม่น้อยแน่นอน“มะ…มิเป็นไรเพคะ เจี่ยเอ๋อร์ทนไหว”เจ็บก็เจ็บมันคราวเดียวไปเลย เจี่ยอวี้หลันคิดเช่นนั้น เพราะนางไร้เดียงสานักยังไม่รู้แจ้งว่ามันไม่ได้จบสิ้นเพียงแค่ตัวตนของซ่างกวนไท่เข้าไปสุดความยาว แต่นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะสิ!“เจ้าตัวโง่งม เจ้าทำตนเองบาดเจ็บด้วยเหตุอันใด”ซ่างกวนไท่กล่าว
Comments