“เจ้ากลัาขัดขืนข้าอย่างนั้นหรือ เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาบังอาจมาขัดขืนข้า ข้าจะทำให้เจ้าสำนึกเอง ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย เด็กๆ จับนางกลับจวน”“ขอรับ”บ่าวชายที่ติดตามมาต่างขานรับ ร่างกำยำของพวกมันล้อมร่างบางไว้แน่นหนา พลางแสยะยิ้มหื่นกระหาย ยามยื่นมือหมายคว้าร่างงามตรงหน้า ดวงตาดอกท้อฉายแ
ร่างระหงในชุดสีขาวเดินกลับสู่ใจกลางความคึกคักของตลาดอีกครั้ง ดวงตาคู่งามกวาดมองแผงค้าเล็กๆ ด้วยความสนใจ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่า ดูเหมือนนางจะพลัดหลงกับเสด็จพี่อวี้เจี้ยนเสียแล้วสิทว่าเจ้าตัวหาได้ใส่ใจเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายย่อมต้องหานางพบเป็นแน่ สองเท้าจึงก้าวเดินเรื่อยเปื่อยชมสินค้าอย่างสบายใจ แผงร้านเล็
“รู้อะไรไหมเจ้าเด็กน้อย สิ่งที่น่ากลัวหาใช่เส้นทางที่เจ้าเลือก จิตใจที่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากของเจ้าต่างหากที่น่ากลัว เจ้าก็แค่รู้ว่าการเป็นขอทานมันยากลำบาก และกลัวสายตาดูถูกยามเจ้าขอทาน จึงเลือกที่จะแย่งชิงมันมาอย่างผิดๆ มากกว่า”ดวงตาที่ซีดเหลืองต่างจากวัยเบิกกว้าง สตรีผู้นี้รู้ความคิดของเขา รู้ว่า
จบประโยคของนาง เด็กชายพลันนิ่งอึ้งตกตะลึง มารดาของสตรีผู้นี้กำลังป่วยหนักอย่างนั้นหรือ ไหนจะน้องๆ นางที่กำลังรอด้วยความหิวโหย ชั่วขณะนั้นเด็กชายเกิดความรู้สึกว่าตนเองกำลังใช้ความลำบากของตัวมาเป็นข้ออ้างทำร้ายผู้อื่น ดวงตาแห้งผากหลุบลงพื้นอย่างละอายใจโชคดีที่นางยังติดตามมาเอาเงินคืนได้ มิเช่นนั้นหาก
ออกนอกจวนครั้งนี้จ้าวเหมยฮวาไม่ได้ให้สาวใช้ติดตามมา เพราะไม่ต้องการให้คนเยอะมากความ อวี้เจี้ยนเองก็เข้าใจความคิดอีกฝ่ายดี เมื่อมาถึงย่านเขตตลาดจึงโบกมือสั่งให้เหล่าองครักษ์แยกย้ายกันไปคุ้มกันอย่างลับๆ แทนถนนในตลาดของเมืองหลวงเต็มไปด้วยฝูงชนที่เดินขวักไขว่ ผู้คนต่างเดินสวนกันไปมาแน่นขนัด เหล่าบรรดาร
ตำหนักไทเฮาที่เคยเงียบเหงายามนี้เริ่มปรากฏเสียงสดใสของนางกำนัลในตำหนักลอยมาเป็นระยะ เฉกเดียวกับเจ้าของตำหนักที่ทรงอาภรณ์สง่ากว่าทุกวันในรอบหลายปีสาเหตุเพราะวันนี้ตำหนักฉือหนิงของไทเฮาเปิดประตูแล้ว นับเป็นเวลาแปดปีที่เนิ่นนานยิ่งนัก หลังจากที่ประกาศเก็บตนไม่ออกนอกตำหนักจนกว่าคุณหนูจ้าวจะกลับมา เมื่อ