LOGINไร่อคิราห์
หญิงสาวตื่นขึ้นมา กลับพบร่างสูงของอคิราห์นั่งเอามือกอดอกจ้องมองมาที่เธออย่างคาดโทษอยู่ข้างที่นอน เหมือนเช่นเมื่อช่วงสายของวันอีกแล้ว
“ลุกขึ้นไปกินข้าว” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งขึ้นมาทันที ที่เห็นหญิงสาวลืมตาขึ้นมา
“...” หญิงสาวไม่เอ่ยตอบอะไรออกมา แต่กลับจ้องมองไปที่ร่างสูงอย่างพิจารณา เพราะกำลังสับสนในตัวของเขา เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แต่เธอก็ยอมลุกขึ้น เดินไปนั่งที่โต๊ะที่มีอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะ
“กินเข้าไปจะได้มีแรง เธอยังตายตอนนี้ไม่ได้ และก็นี่ดูให้เต็ม ๆ ตา เผื่อจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้” เสียงเข้มพูดขึ้น เมื่อหญิงสาวกำลังตักอาหารเข้าปากตัวเอง แล้วยื่นรูปใบหนึ่งไปตรงหน้าของเธอที่กำลังรับประทานอาหารอยู่
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ แล้วเอารูปใครมาให้ฉันดูทำไม” หญิงสาววางช้องลง แล้วมองหน้าร่างสูงถามออกไปทันที เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อ
“พอมีของตกถึงท้องเข้าหน่อย ก็มีแรงปากดีขึ้นมาเลยน่ะ” ร่างสูงเอ่ยจาประชดประชันต่อว่าเธอออกมาทันที
“ฉันไม่รู้น่ะว่าคุณแค้นฉันเรื่องอะไร แล้วคนในรูปนี้ฉันก็ไม่รู้จักไม่เห็นมาก่อนด้วย” หญิงสาวตรงหน้ายืนขึ้น ประจันหน้ากับร่างสูงทันที
เมื่อโดนกล่าวหา สิตาพัชร์ก็เอ่ยบอกไปตามตรง เพราะเธอไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ดูอายุรุ่นราวคราวพ่อขนาดนี้เป็นการส่วนตัวด้วย เพราะขนาดพ่อที่ให้กำเนิดเธอยังไม่เคยรู้ลึกทุกเรื่องเลย เธอไม่ชอบผู้ชายที่มักมากในกามไม่เคารพครอบครัวแบบนั้น ถึงแม้เขาจะทำให้เธอเกิดมาก็ช่าง เธอยังคงมีความคิดที่จะมีผัวเดียวเมียเดียวอยู่
“แน่ใจหรือว่าไม่รู้จัก มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจนถึงไส้ ถึงพุงขนาดนั้น” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างเหยียดหยามเธอ พร้อมกับสายตาที่มองเธออย่างดูถูกในตัวของเธออีกด้วย
“มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ คุณรู้จักฉันดีมากนักหรือไง ถึงมากล่าวหากันมั่ว ๆ แบบนี้คุณเจ้าของไร่ไม่มีความคิด” หญิงสาวตอกกลับอย่างเดียดดานไม่เกรงกลัวเลยสักนิด เมื่อถูกร่างสูงตรงหน้าหยามเกียรติละศักดิ์ศรีมากขนาดนี้
“รู้พอ ๆ กับคนที่เธอผลาญเงินอยู่นั้นแหละ แต่เสียใจด้วยที่ตอนนี้เขาคนนั้น ไม่อยู่ให้เธอปอกลอกอีกแล้วพราวฟ้า แล้วฉันก็ชื่อคิน อคิราห์ เรียกให้ถูกด้วย” ร่างสูงหูตาร้อนขึ้นมาทันที เมื่อเจอวาจาตอกกลับของหญิงสาวที่ไม่เกรงกลัวเขาเลย ตัวเล็กกว่าเขาตั้งเยอะ จะบีบก็ตายตรงนี้แหละ แต่ไม่มีความเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อยช่างกล้าเสียเหลือเกิน
“ฉันไม่อยากรู้จักคนแบบคุณ แล้วฉันขอบอกเอาไว้ตรงนี้อีกครั้งนะ ว่าฉันชื่อ แพรวา สิตาพัชร์ เหมพิรัชต์ อายุ 19 ปี ระวังเถอะจับฉันมาแบบนี้ ฉันหนีรอดออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันฟ้องคุณหมดตัวแน่” หญิงสาวหากได้สนใจ ในสิ่งที่ร่างสูงบอกไม่ พร้อมกับเอ่ยแนะนำตัวอีกครั้งกับร่างสูงอย่างเน้นถ้อยคำที่ชัดเจน แถมขู่ออกมาอีกด้วยหากเธอออกไปจากที่นี่ได้ จะฟ้องเขาอีก
“กล้าดียังไง”
อคิราห์ที่ตอนนี้เลือดกำลังร้อนในกายอยู่แล้ว เจอคำขู่ของหญิงสาวออกมา บีบกรามหญิงสาวอย่างแรงทันที อย่างโมโหที่ถูกเธอขู่อย่างท้าทาย
“โอ้ยยย ปล่อยน่ะ” หญิงสาวร้องออกมา และพยายามแกะมือของร่างสูงออก
“คิดจะฟ้องฉันเหรอ หาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนเถอะ หึ ผู้หญิงส่ำสอน สกปรกโสโครกไม่เหลือชิ้นดี ข้างในคงจะเน่าเฟะน่าดูล่ะสิท่า” ร่างสูงพ่นคำจาที่ดูเหยียดหยามเธอออกไป พร้อมทกับสายตาที่วาวโรจน์โกรธอย่างอยากจะฆ่าเธอทิ้งตรงนี้ทิ้งสะเหลือเกิน
“ถ้ารู้ว่าตัวฉันสกปรกมากขนาดนั้น ก็ช่วยเอามือออกจากตัวของฉันด้วย และอย่ามาแตะต้องตัวของฉันเด็ดขาด ถ้าฉันส่ำสอนแบบนั้นก็อย่าหลงมายุ่งกับฉันล่ะ” หญิงสาวสวนกลับไปโดยที่น้ำตาเริ่มหน่วยคลอเบ้าตา เพราะความเจ็บที่ถูกร่างสูงบีบ และโกรธที่ถูกต่อว่าแบบนี้ด้วย
“หึ มีอะไรดีนักเหรอ ถึงมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ คนอย่างฉันถึงจะชอบเรื่องอย่างว่า แต่จะไม่มีวันกินผู้หญิงอย่างเธอเป็นอันขาด ต่อให้เธอนอนอ้าขาต่อหน้าฉันก็เถอะ” ร่างสูงเค้นหัวเราะเยาะในคำพูดของเธอ พร้อมกับสลัดมือออกจากตัวเธอ แล้วไม่วายที่จะพ่นวาจาเหยียดหยามออกมา
ร่างสูงเดินออกไปจากห้องนอนนั้นทันที อย่างไม่สบอารมณ์ เพราะขืนอยู่ตรงนี้ต่อ เขาได้ฆ่าเธอทิ้งตอนนี้แน่ ๆ แล้วชับรถออกไปที่ท้ายไร่ ที่มีกระท่อมหลังเล็ก ๆ แต่ด้านในเรียบสุดหรูมาก หลังหนึ่งที่เขาสร้างไว้มาหลบพักผ่อนอยู่ลำพังตลอด หากมีเรื่องไม่สบายใจ
อีกด้านหนึ่งของโรงอาหารของไร่ คนงานกำลังรับประทานอาหารค่ำ และนั่งสุงสิงคุยกันดั่งเช่นทุกวัน เพราะเป็นที่รวมตัวของคนงาน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
“ไอ้วัฒน์ นายมึงขับออกไปไหนว่ะ” เสียงคนงานชายคนหนึ่งถามธวัฒน์ลูกน้องคนสนิทอคิราห์ขึ้น เมื่อได้ยินเสียงรถเจ้านายหนุ่มขับออกไป
“ไปไหนมันของเรื่องของเขาไหมวะ เราเป็นแค่ลูกจ้างอย่าไปสนใจเรื่องของเจ้านายมาก เอาเวลาปทำมาหากินของเราดีกว่า” ธวัฒน์ตอกกลับทันที เพราะไม่อยากพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
“แต่กูเหมือนเห็นผู้หญิงในบ้านของคุณคินน่ะ แฟนเหรอ” คนงานคนเดิมยังคงตั้งคำถามออกมาอีกครั้ง
“ถามมากอยู่ได้ กินได้แล้วข้าว เดี๋ยวคุณคินมาได้ยินงานจะเข้าเอา และอย่าเที่ยวไปพูดมั่ว เดี๋ยวเรื่องถึงหูคุณหญิงวุ่นวายอีก” ธวัฒน์รีบเตือนเพื่อนร่วมงานทันที และกลัวคนจะเอาไปแจ้งกับนายหญิงของไร่ ที่พักรักษาตัวที่บ้านหลังใหญ่อยู่ตอนนี้จะรู้เรื่องด้วย
กลับมาทางด้านเจ้าของไร่ที่ขับมาถึงกระท่อม ก็เข้าไปด้านในทันที แล้วเอาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ออกมาดื่ม เพื่อดับความร้อนในใจที่พร้อมจะปะทุออกมาตอนนี้ ให้สงบลง
“จับมาผิดตัวเหรอ แต่ข้อมูลก็ตรงกับของพ่อที่บอกทุกอย่างนี้ แต่ทำไมอายุไม่ตรงกัน หรือเธอจะโกหกพ่อเรื่องอายุว่ะ โธ่เว้ย!” ร่างสูงยกเครื่องดื่มขึ้นกระดก พร้อมกับนั่งทบทวนคำพูดของหญิงสาว กับคำพูดของพ่อที่บอกเอาไว้ มาประติดประต่อกัน กับเรื่องราวที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
บทส่งท้าย(จบ)ทุกคนและญาติสนิทต่างพากันมามุงอยู่ที่ห้องหอของคู่บ่าว-สาว โดยที่อคิราห์ใช้บ้านของเขานั้นเอง ที่แปลงโฉมมาเป็นเรือนหอของเขาและเธอ“แม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดน่ะ เพราะลูกชายแม่ก็อายุปาไปขนาดนี้แล้ว เชิญคุณพงษ์กับคุณพลอยดีกว่าคะ” นิตยาพูดขึ้นมาทันที“ผมขอเป็นตัวแทนก็แล้วกันน่ะ” พงษ์พิพัฒน์จึงเป็นฝ่ายพูดพูดขึ้นเอง“เชิญคะ” นิตยาอนุญาตทันที“พ่อขอให้ลูกทั้งสอง มีแต่ความสุขในชีวิตคู่รักกันไปจนแก่เฒ่า จนกว่าจะตายจากกันเลยนะ ผิดถูกรู้จักให้อภัยกัน จำไว้น่ะ การแต่งงานมันคือตอนจบของบทละคร แต่ชีวิตจริงแล้วมันคือการเริ่มต้นของชีวิตคู่ต่างหาก สุดท้ายนี้ พ่อขอให้ลูกทั้งสองรักกันให้เหมือนวันแรกที่รักกันน่ะ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองเลย” พงษ์พิพัฒน์ร่ายยาวออกเป็นคำสอนทันที“ขอบคุณครับ/คะ” ทั้งคู่เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยทันที ที่พงษ์พิพัฒน์เอ่ยจบ“ประโยคสุดท้ายนี้ ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ ตอนนี้ก็มีแล้วอยู่ในท้อง รอคลอดอีกจะจัดให้อย่างงามเลยครับ” อคิราห์พูดขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงคำสอนของพ่อตา แล้วเอ่ยรับปากออกมาอย่างมั่นใจในตัวเอง“พี่คิน!” หญิงสาวข้างกายตวัดสายตามองค้อนใส่สา
วิวาห์ พารักหนึ่งเดือนต่อมาไร่อคิราห์บรรยากาศงานแต่งงานของทั้งคู่ ถูกจัดขึ้นมาในไร่ของเขาเอง ที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่นของแขกเหรื่อแต่เรียบง่าย มีการเชิญแค่ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยาน และคนงานในไร่เพียงเท่านั้น ตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดงานที่ใหญ่โต ประกาศข่าวให้โลกรู้ไปเลย แต่สิตาพัชร์ขอเอาไว้ด้วยแล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะกล้าขัดใจเมียรัก ขอแค่เธอปริปากพูด เขาก็พร้อมจะสยบในทันที แล้วอีกอย่างเธอก็ตั้งครรภ์อยู่ด้วย หากว่าแขกเหรื่อมากันเยอะ ก็จะต้องต้อนรับกันนาน เกรงว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยเอาด้วย“ว่าไงไอ้เจ้าบ่าว และว่าที่คุณพ่อ มาแรงแซงพวกกูเลยน่ะมึง” ธีรเมธเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เดินเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับเธียรวัฒน์ ที่เดินมาตามหลังสบทบด้วยอีกคน“พวกพี่คุยกันไปก่อนเลยน่ะ แพรขอตัวไปหาป้าติ๋มกับคุณพ่อก่อน” สิตาพัชร์เมื่อเห็นว่าเพื่อนของสามีมา เธอจึงขอตัวออกมาจากตรงนั้น เพื่อที่จะให้พวกเขาได้คุยกันสะดวกขึ้น ในฐานะเพื่อนสนิทกัน“เดินระวังนะครับ แล้วอย่าไปนานล่ะ ใกล้จะถึงเวลาเข้าห้องหอแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอไม่ค่อยระวังตัวเลย แถมยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเธอ
สิ่งล้ำค่ารุ่งเช้าบ้านโยธาพิวัฒน์พงษ์พิพัฒน์ให้เจ้าหน้าที่อำเภอเข้ามาที่บ้าน เพื่อดำเนินเรื่องการจดทะเบียนสมรสของลูกสาวคนเล็กในวันนี้เดิมที่อคิราห์จะพาเธอไปที่สำนักงานเขตเอง แต่เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อยู่อาจจะไม่ค่อยสะดวก ผู้เป็นพ่อเลยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้านแทนเสียเองและเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้กลับไปพักที่คอนโดฯ เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับเธอ โดยที่เขาให้เมฆากับนิตยาผู้เป็นแม่กลับไร่ไปก่อน ส่วนตัวเขาจะขอพาสิตาพัชร์ทำธุระ จัดการทุกอย่างทางนี้เสร็จแล้วจะกลับไปที่ไร่ และจัดงานแต่งขึ้นทันที“หนูอยากเปลี่ยนชื่อไหมหนูแพร” พงษ์พิพัฒน์ผู้เป็นพ่อถามลูกสาวขึ้นมาทันที“ไม่ค่ะ แพรว่าชื่อนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เธอรีบปฏิเสธในทันทีที่พ่อของเธอถามถึงเรื่องนี้“ทำไม่ล่ะแพร” อคิราห์ถามเธอขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเธอ เมื่อเธอปฏิเสธพ่อของเธอเช่นนั้น “ก็เพราะชื่อนี้ยังไงล่ะคะ ถึงทำให้แพรกับพี่คินได้มาเจอกัน แล้วก็รักกัน...” เธอพูดขึ้นมาด้วยน้พเสียงที่อ่อนนุ่ม พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเบ้าอย่างหวานซึ้งอคิราห์ที่ได้ยินดังนั้น กลับพูดไม่ออกทันที เพราะไม่รู้จะสันหาคำไหนมาขอบคุณเธอ จึงได
เลี้ยงต้อนรับลูกเขยทุกคนที่ยังคงอยู่กันที่บ้านหลังนี้ต่อ คุยเสวนากันตามคนที่พึ่งจะผูกดองกัน และร่วมรับประทานมื้อกลางวันร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยพงษ์พิพัฒน์ได้จัดเลี้ยงฉลองให้แก่หญิงสาวที่เป็นลูกสาวคนเล็ก และว่าที่ลูกเขยหมาด ๆ ที่ริมสระน้ำข้างบ้าน“รถใครมาอีกล่ะ...ติ๋มไปดูหน่อยสิ” เสียงผู้นั่งหัวโต๊ะของพงษ์พิพัฒน์พูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงรถดังเข้ามาภายในบริเวณบ้านอย่างสงสัย เพราะตนมั่นใจว่าไม่ได้เชิญใครที่ไหนแล้วทุกคนที่อยู่กลางวงสังสรรค์นั่น หยุดทุกการกระทำ แล้วหันไปตามต้นเสียงที่ได้ยินเสียงรถกันอย่างสามัคคีกันทุกคน และติยาแม่บ้านของที่นี่ จึงรีบเดินออกไปแต่ไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย“พราว!” เสียงเอ่ยเรียกชื่อขึ้นมาดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มเจ้าของเสียง ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาสิตาพัชร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กันพงษ์พิพัฒน์และอคิราห์ทันที ที่เดินเข้ามาถึงวงสังสรรค์ติยาเมื่อทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร ก็รีบขึ้นไปตามหญิงสาวที่อยู่ชั้นบนของบ้านในทันที เพราะเกรงว่าจะมีปากเสียงกัน“หยุดครับ” อคิราห์รีบลุกขึ้นเอ่ยห้าม และรีบดึงหญิงสาวข้างกายเข้ามาใกล้ตัว แล้วเอาตัวเขาเอาบังเอาไว้ทันที“แกเป็นใครว
เล่นใหญ่“พี่คิน!” หญิงสาวตวัดสายตาค้อนใส่ทันที เมื่อได้รับรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วหยิกเข้าไปที่ต้นแขนของเขาด้วยอย่างแรง“โอ้ยยย” อคิราห์ร้องออกมาเสียงหลงทันที เมื่อถูกคนที่นั่งข้างกายหยิกเข้ามาที่ต้นแขนเต็ม ๆทุกคนที่ยังอยู่บริเวณนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ และเอ็นดูทั้งคู่ เมื่อคนอย่างอคิราห์ที่ไม่เคยยอมใครมาก่อน กลับต้องสยบให้แก่หญิงสาว“ดูก็รู้แล้วนะครับว่าใครจะมีอำนาจสูงสุดต่อไปนี้” เมฆาที่นั่งอยู่กับพื้น ใกล้ ๆกับเหล่าบรรดาแม่บ้านและคนสวนของบ้าน ต่างพากันซุบซิบออกมาเสียงดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน“ไอ้เมฆ!” อคิราห์หันมาจ้องโทษที่เมฆาไว้ทันที ด้วยสาตายที่ดุดัน“เอาล่ะ มีกันอยู่แค่นี้ ก็ทำพิธีกันแค่นี้แหล่ะ ไหนล่ะแหวนเอามาสวมให้น้องสิ ทำพอแต่เป็นพิธีไปก่อน” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังทันที“แม่ครับ” อคิราห์หันไปนิตยาทันที เพราะเขาก็ลืมเรื่องนี้จนสนิท จะมาทาบทามลูกดสาวเขาแต่กลับมาเสียตัวเปล่า“แหวนวงนี้อาจจะไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่เป็นแหวนประจำตระกูลของแม่เอง ถึงจะสู้ราคาหลายล้านจากสร้อยคอของหนูแพรไม่ได้ แต่มันก็เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ล้ำค่าที่สุด ที่แม่เต็
สารภาพต่อหน้าผู้ใหญ่“ดิฉันขอไม่พูดอ้อมค้อมเลยแล้วกันนะคะ ที่จริงแล้วคนที่ลูกชายดิฉันจะให้มาสู่ขอ คือหนูแพรวา ลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ต่างหากคะ”“สู่ขอยัยแพร!” พัชร์สิตาเน้นย้ำ“ใช่แล้วค่ะ เพราะหนูแพรคือแฟนของตาคิน และคนที่ทำหนูแพรท้องก็คือตาคินนี้แหละค่ะ ทั้งคู่รักกัน แล้ววันนี้ก็ถือว่าเป็นวันดีเลยมาทำทุกอย่างให้ถูกต้องสักที ถึงจะข้ามขั้นไปหน่อย แต่ทางเรายินดียอมรับหนูแพรเป็นลูกสะใภ้คะ” นิตยาร่ายยาวออกมาทันที“ร้ายมากเลยน่ะครับลูกชายคุณ เอ่อ...” พงษ์พิพัฒน์พูดแหย่ทางอคิราห์ แล้วหันมาถามทางนิตยาต่อ“นิตยาคะ หรือเรียกว่านิตก็พอ และยังเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ตามกฎหมายของ นายอัครา รัตนสืบสิงห์ พอจะคุ้นบ้างไหมค่ะ คุณพราวฟ้า!” นิตยาบอกกับพงษ์พิพัฒน์ในประโยคแรก แต่ประโยคหลังกลับเน้นเสียงขึ้น แล้วหันมาทางพัชร์สิตาแทนทำเอาพัชร์สิตาที่ได้ยินดังนั้น แทบจะนั่งไม่ติด เพราะชื่อผู้ชายที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับอคิราห์ แถมยังเป็นพ่อลูกกันอีก“ลูกชายคุณนิตไม่รู้หรือครับ ว่าลูกสาวผมยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นอีกครั้ง“ทราบคะ ตาคินทราบดีว่าหนูแพรยังเด็ก แต่ทำอย







