ห้างสรรพสินค้า...
หญิงสาวมาซื้อของที่ห้างตามที่เขาบอกอยู่เมื่อวาน แต่มากับคนขับรถของที่บ้านและบอดี้การ์ดที่มาคอยถือของให้กับเธออีกหนึ่งคนตามคำสั่งของเขา เพราะตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นเขาอยู่ที่บ้านแล้วไม่รู้ว่าออกไปทำงานตั้งแต่เช้าหรือออกไปตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับก็ไม่รู้
"ผมขอเอาของกลับไปไว้ที่รถให้ก่อนนะครับแล้วจะรีบกลับมา"
"ค่ะ"
ในขณะที่คนที่มาช่วยถือของกำลังเอาของกลับไปเก็บที่รถหญิงสาวก็เดินเลือกซื้อของที่ยังซื้อไม่เสร็จไปด้วยเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก
ตึก!
"อ๊ะ! ขอโทษค่ะ"
"เฮ้ย...ตาไม่มีดูหรือไงวะถึงได้มาชนคนอื่นแบบนี้"
"ขอโทษจริงๆค่ะฉันไม่ทันมองคุณเองก็มัวแต่ก้มเล่นโทรศัพท์นี่คะ"
"นี่เธอโทษฉันหรอ?"
"เปล่าค่ะก็แค่พูดในสิ่งที่ตาเห็น ฉันผิดที่ฉันไม่ทันได้ระวังส่วนคุณก็ผิดที่เอาแต่ก้มเล่นโทรศัพท์จนไม่มองทาง" เห็นเธอเงียบๆ แบบนี้แต่เธอก็เป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมาและไม่ยอมเสียเปรียบให้ใครเด็ดขาด และเธอก็ไม่ชอบคนที่ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด แล้วยังมาหาเรื่องอีกต่างหาก
"ฉันเดินของฉันดีๆ เล่นโทรศัพท์แล้วไงวะ โทรศัพท์ฉันไหม เธอนั่นแหละที่ไม่ดู"
"ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยค่ะ"
"หน้าตาก็ดีแต่เสียดายปากเสีย"
"คุณเองก็หน้าตาดีนะคะแต่ทำไมดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย" เธอเองก็ตอบกลับเขาไปเช่นกัน เรื่องอะไรจะยอมโดนดูถูกได้ง่ายๆ ล่ะ
"นี่!"
"อ๊ะ!? เจ็บนะคะ!"
"เจ็บสิดีจะได้จำ เธอจะได้รู้ว่าฉันเนี่ยรู้จักกับเจ้าของห้างนี้นะ และพ่อของฉันก็รู้จักตำรวจยศใหญ่ๆ หลายคนเลยด้วย"
"คุณจะมาขู่ฉันทำไมคะ ขู่ไปฉันก็ไม่กลัวหรอกค่ะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!"
"ผิดที่เธอมาปากเสียใส่คนอย่างฉันไง!"
"แต่คุณก็มาว่าฉันก่อนนี่คะ ลองคิดกลับกันถ้าคุณมาเป็นฉันคุณจะยอมหรือเปล่าล่ะ อีกอย่างคุณเป็นผู้ชายแทนที่จะขอโทษกันสักหน่อย ไม่ใช่มาบังคับให้ฉันขอโทษ"
"....."
"อะ โอ๊ยยย...!!" ผู้ชายตรงหน้าจับแขนของเธอแรงขึ้นอีกทำเอาเธอเจ็บจนหน้าเสียไปหมดแล้ว
หมับ! พลั่ก!
ทันใดนั้นมือของผู้ชายที่จับเธอเอาไว้แน่นก็ถูกดึงออกไปพร้อมกับโดนผลักออกไปจนแทบล้มต่อหน้าเธอ
"คุณน้ำตาลเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"
"ไม่ค่ะ"
"กล้าดียังไงมาทำคนของคุณภวินทร์"
"....." พอได้ยินอย่างนั้นผู้ชายที่ทำท่าทางอวดดีใส่เธอก่อนหน้านี้ก็ถึงกับหน้าเสียไปเลย ราวกับว่าชื่อนี้ทำให้ผู้ชายคนนี้กลัวมากๆ ทั้งที่ได้ยินแค่ชื่อเอง
"ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณภวินทร์เมื่อไหร่ เป็นเรื่องใหญ่แน่"
"พอเถอะค่ะกลับกันเถอะคนมองหมดแล้ว" น้ำตาลรีบเข้าไปห้ามเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มมีการมุงเกิดขึ้น เธอทั้งรู้สึกกลัวรู้สึกอาย เพราะบางคนมองเธอด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีด้วย เหมือนกับว่าผู้ชายสองคนมาทะเลาะกันเพียงเพราะเธอ
"รู้เอาไว้ซะว่านี่คือว่าที่เจ้าสาวของคุณภวินทร์ ใครที่คิดจะทำให้เจ้าสาวของคุณภวินทร์เจ็บมันต้องเจ็บยิ่งกว่า"
"กลับกันเถอะค่ะฉันซื้อของเสร็จแล้ว"
"ครับ"
พอกลับไปถึงรถเธอก็เอาแต่นั่งนิ่งแต่ตัวยังสั่นไม่หาย มือก็จับแขนที่โดนผู้ชายคนนั้นบีบเอาไว้ มันเจ็บหนักขนาดนี้อีกไม่นานคงได้มีรอยเขียวขึ้นมาแน่ๆ
"คุณน้ำตาลไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ"
"ค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องบอกกับคุณวินได้หรือเปล่าคะ"
"ไม่ได้หรอกครับ หน้าที่ของผมคือดูแลคุณและรายงานสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมไม่สามารถปกปิดได้ ถึงผมไม่บอกยังไงคุณภวินทร์ก็ต้องรู้อยู่ดี"
"ฉันไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องร้ายแรง"
"ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ คนบางคนมันก็ควรได้รับการสั่งสอนบ้างถึงจะหลาบจำและไม่มาทำแบบนี้กับใครอีก"
"....."
"คุณไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณภวินทร์ไม่ว่าอะไรคุณหรอก"
"ค่ะ"
พอกลับถึงบ้านน้ำตาลก็รีบขึ้นห้องนอนของตัวเองในทันที ส่วนของที่เธอซื้อมาแม่บ้านก็ทยอยขนขึ้นมาให้ เพราะเธอกลัวว่าจะมีคนเห็นรอยที่แขนของเธอซึ่งตอนนี้มันเป็นรอยแดงมากๆ อีกไม่นานก็คงจะเป็นรอยช้ำสีเขียวๆ แน่
"พี่คะมียาทาแก้ฟกช้ำไหมคะ"
"มีนะคะเดี๋ยวลงไปหยิบให้ค่ะ"
หญิงสาวนั่งรอจนกระทั่งแม่บ้านเดินขึ้นมาพร้อมกับยาที่เธอขอไปก่อนหน้านี้
"ให้ช่วยทาให้ไหมคะ"
"ค่ะ"
"ตายจริงเกิดอะไรขึ้นคะทำไมถึงเป็นรอยมือแดงขนาดนี้" เพราะรอยช้ำมันชัดเจนมากทำให้แม่บ้านที่ได้เห็นถึงกับตกใจเลยเช่นกัน แดงช้ำขนาดนี้เธอต้องเจ็บมากแน่ๆ
"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ"
"ทายาแบบนี้คงไม่หายแค่วันสองวันหรอกนะคะ หายแดงแล้วเดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นสีเขียวแล้วก็จะค่อยๆ จางไปเองแต่ก็ต้องใช้เวลา"
"ขอบคุณนะคะ"
"ถ้าคุณน้ำตาลอยากให้ทายาให้ก็เรียกได้เลยนะคะ"
"ค่ะ"
พอแม่บ้านเดินออกไปเธอก็เอาแต่นั่งคิด ว่าจะทำยังไงไม่ให้ภวินทร์ได้มาเห็นรอยบนแขนของเธอ ผิวขาวๆ ของเธอพอมีรอยแดงนิดเดียวก็มองออกแล้ว แต่นี่มันรอยแดงช้ำใหญ่มากๆ เลยด้วยไม่ต้องสังเกตก็มองออก
แกร๊ก~
"คะ คุณวิน..."
"....." ชายหนุ่มเดินเข้ามาประคองแขนของเธอขึ้นแล้วมองดูรอยบนแขนของเธอ ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่แววตาและการถอนหายใจหนักๆ ของเขามันทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธมาก
"อยะ อย่าให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ น้ำตาลไม่เป็นอะไรจริงๆ เดี๋ยวมันก็หายแล้วค่ะ"
"ถ้าคนของฉันเข้าไปช่วยเธอไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นเธอรู้หรือเปล่า?!"
"ที่นั่นคนเยอะเขาไม่กล้าทำอะไรหรอกค่ะ"
"....."
"นะคะคุณวิน อย่าทำอะไรที่มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ"
"ฉันคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เพราะแบบนี้มันหยามหน้ากันเกินไป หมอนั่นเป็นลูกหนี้ของฉันอยู่แล้วด้วย ถึงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันก็ต้องจัดการอะไรสักอย่างอยู่แล้ว"
"ลูกหนี้?"
"ก็พวกผีพนันที่เข้ามาเล่นในคาสิโนของฉันแล้วดันหมดตัว สุดท้ายก็ต้องมากู้ยืมเงินฉันเพื่อไปเล่นต่อแต่ก็ไม่มีมาคืน"
"คะ คุณจะทำเขาถึงตายไหมคะ..." เธอถามเสียงสั่นเครือ
"เธอกลัวหรอ?" น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนขึ้น เหมือนกับว่าเขาเห็นเธอกำลังกลัวเลยไม่อยากใช้เสียงที่มันทำให้เธอกลัวมากขึ้นไปอีก
"ค่ะ"
"บางอย่างเธอก็ต้องรู้ว่าโลกภายนอกมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด"
"....."
"กลับกันมันโหดร้ายจนบางครั้งคนบางคนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเลยด้วยซ้ำ"
"....."
"เหมือนกับที่ฉันต้องเผชิญมา"
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั