แชร์

ตอนที่3. จามิล

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-07 12:51:29

ธีราพยายามถามอู๋ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ชายชรายังคงนั่งเหม่อลอยไม่แสดงปฏิกิริยาใดใด

          หญิงสาวถามอยู่พักหนึ่งแล้วก็หันไปขอร้องจามิลว่า “คุณช่วยถามเป็นภาษาคีรีมันให้หน่อยสิคะ”

          “ได้ครับ” จามิลตอบ แล้วหันไปส่งภาษาท้องถิ่นกับชายชราผู้ยังคงนิ่งเฉยเหมือนคนไร้วิญญาณ

          เขาพูดภาษาคีรีมันอยู่พักหนึ่ง แต่อู๋ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด

          “พอทีเถอะ!” รินเซนพูดขัดขึ้น หันมาจ้องธีราเขม็งพลางเอ่ย “คุณกลับไปเถอะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาถามพ่อของฉัน คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าพ่อตอบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”

          ธีราพยักหน้ารับรู้ก่อนถอนหายใจเบาๆ

          จามิลส่งภาษาคีรีมันกับรินเซน “ผมขอยืมจามรีหน่อยนะ”

          “คุณจะเอาไปให้ผู้หญิงไทยขี่ใช่ไหม?” รินเซนถามด้วยภาษาเดียวกัน

          “ใช่” จามิลตอบ

          “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ให้” รินเซนพูดด้วยทีท่าแง่งอน

          คังมองคนนั้นทีมองคนนี้ทีแล้วพูดแทรก “งั้นศิษย์พี่จามิลก็ต้องแบกผู้หญิงสวยๆ กลับที่พัก”

          “ทำไมต้องแบกด้วย?” รินเซนถามเสียงห้วน

          “ขาเธอเจ็บ” จามิลตอบ

          “ก็ให้เธอค่อยๆ เดินกลับไปเองสิ” รินเซนพูดอย่างไม่ยี่หระ

          “ไม่ได้หรอก เธอเป็นแขกของท่านอาจารย์” จามิลอ้าง

          คำอ้างได้ผล รินเซนมีทีท่าอ่อนลง อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปากอนุญาต “อย่างนี้ให้เอาจามรีไปขี่ก็ได้”

          ธีราเพิ่งขี่จามรีเป็นครั้งแรกในชีวิตก็เลยเกร็งๆ ไม่น้อย

          “ไม่ยากหรอกครับ ก็เหมือนกับขี่วัวขี่ควายในบ้านเมืองคุณ” จามิลพูดปลอบ

          หญิงสาวจึงสารภาพตามตรง “ฉันไม่เคยขี่วัวขี่ควาย หรือขี่อะไรมาก่อนเลย”

          “อ้อ” เขาพยักหน้าแล้วแนะนำ “คุณทำตัวให้สบาย อย่าขืนตัวนะครับ รับรองไม่ตกแน่”

          หญิงสาวได้แต่ยิ้ม พูดน่ะง่าย แต่ทำจริงไม่ได้ง่ายอย่างนั้น จามิลซึ่งจูงจามรีอยู่ด้านหน้าหันมาเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของหญิงสาว เลยหาเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

          “คุณเห็นสภาพของอู๋แล้ว จะเลิกล้มความคิดที่จะค้นหาดอกเตอร์ธีระไหม?”

          “ไม่” หญิงสาวยืนกรานเสียงหนักแน่น “แม้ว่าจะต้องตามไปถึงกันเดนก็ตาม”

          “แล้วคุณจะไปตามหากันเดนที่ไหน?” พระหนุ่มเอ่ยพลางจูงจามรีให้เดินไต่ไปตามเส้นทางที่ปูลาดด้วยก้อนหิน มีเณรน้อยคังเดินนำหน้าลิ่วๆ “เพราะไม่มีใครเคยพบหรือเคยไปถึงมาก่อน”

          “ฉันวานให้ล่ามช่วยหาพรานนำทางอยู่ เธอบอกฉันว่าพรานคนนี้เคยเห็นเมืองประหลาดที่ซ่อนตัวในหุบเขา เขาคิดว่านั่นคือกันเดน” หญิงสาวบอกตามตรง

          จามิลขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนถาม “เขาเรียกร้องค่าจ้างสูงมากใช่ไหม?”

          “ใช่” หญิงสาวตอบพลางขยายความ “เขาต้องการให้ฉันจ่ายล่วงหน้าทั้งหมด อ้างว่าหนทางอันตราย หากเขาเป็นอะไรไป คนทางบ้านจะได้ไม่ลำบาก เวลานี้ฉันต่อรองขอจ่ายเพียงครึ่งหนึ่งก่อน”

          “แม้แต่ครึ่งหนึ่งคุณก็ไม่สมควรจ่าย” จามิลพูดเสียงหนักแน่น

          “ทำไมคะ?” หญิงสาวถาม เลิกเรียวคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย

          “เพราะมีคนหลอกลวงชาวต่างชาติว่าจะพาไปกันเดน พอรับเงินแล้วก็เชิดเงินหายตัวไป คนที่ว่าจ้างก็สูญเงินเปล่าๆ” จามิลอธิบาย

          “ตายจริง!” หญิงสาวอุทาน

          “อย่างแรกนี่คุณยังไม่ถึงกับตายหรอกครับ แต่ถ้าอย่างที่สองนี่สิคุณจะยิ่งลำบาก” พระหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ

          “หมายความว่าอย่างไร?” หญิงสาวถาม อดนึกถึงเงินที่จ่ายมัดจำล่วงหน้าไปแล้วครึ่งหนึ่งไม่ได้

          “อย่างแรกเขาแค่หลอกเงินคุณแล้วหนี” เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง “แต่อย่างที่สองเขาจะทำทีพาคุณไปหากันเดนจริงๆ แต่แล้วก็จะปล่อยคณะของคุณทิ้งไว้ในหุบเขาแห่งใดแห่งหนึ่ง กว่าคุณจะหาทางกลับมาเองได้ก็สะบักสะบอมเอาเรื่อง”

          “คุณพูดเสียจนคนฟังท้อใจ” หญิงสาวพูดแล้วเหมือนนึกขึ้นได้ “หรือคุณพยายามพูดโน้มน้าวใจให้ฉันล้มเลิกที่จะไปค้นหากันเดน?”

          “นั่นก็ส่วนหนึ่ง” จามิลยอมรับตรงๆ “แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเองด้วย”

          “ขอบคุณที่หวังดี แต่งานนี้ฉันถอยไม่ได้”

          สีหน้าและน้ำเสียงหญิงสาวหม่นเศร้าจนคนฟังอดสงสัยไม่ได้

          “คุณมีเหตุจำเป็นอะไรหรือครับ?”

          ธีรานิ่งอึ้ง มองพระหนุ่มที่เดินจูงจามรีอยู่แล้วมีความรู้สึกว่าไว้วางใจเขาได้

          “เวลานี้คุณแม่ของฉันป่วยอยู่ ท่านรอคอยคุณพ่อมานานนับสิบปี ฉันอยากพาคุณพ่อกลับไปพบคุณแม่” หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อเสียงแผ่ว “หรืออย่างน้อยก็นำข่าวคราวที่แท้จริงกลับไป”

          จามิลนิ่งเงียบ เขาเดินจูงจามรีไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดจาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากเป็นภาษาไทยที่ฟังคล้ายกลอนไร้สัมผัส

          กันเดน แดนอารยะ

แดนแห่งสุขสันต์อมตะ

ณ ขอบฟ้าที่สายรุ้งจรดเมฆา”

          ตกเย็นจามิลก็พาธีราเดินทางมาถึงที่พัก หญิงสาวมองเห็นวิษณุลูกพี่ลูกน้องหนุ่มที่มาจากเมืองไทยด้วยกัน ยืนโงนเงนรอเธอด้วยทีท่าหงุดหงิด พอเธอนั่งหลังจามรีเข้ามาใกล้

         วิษณุเอ่ยถามทันที “ทำไมไปนานนักล่ะธีรา?”

          “เดี๋ยวค่อยคุยกัน” หญิงสาวพูดตัดบท

          ทว่าวิษณุไม่ยอมฟัง ยังคงพูดอย่างหงุดหงิด “พระที่นี่เป็นอะไรไปกันหมด เดี๋ยวก็เรียกผู้หญิงไปพบ เดี๋ยวก็จูงตัวประหลาดให้ผู้หญิงนั่ง หรือพระที่นี่เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้”

          หญิงสาวโกรธจนหน้าแดงก่ำเค้นเสียงพูด “พี่ณุ ท่านฟังภาษาไทยรู้เรื่องนะ”

          “ก็ช่างหัวมัน” วิษณุพูดโพล่งพร้อมกับเอื้อมมือหมายผลักไหล่จามิล “ไปซะ จะไปไหนก็ไปไอ้หัวโล้น”

          จามิลเบี่ยงไหล่ทำให้มือวิษณุพลาดเป้าถลาลงไปทั้งตัว จึงกลิ้งคลุกฝุ่นอยู่กับพื้นถนนหน้าโรงแรมที่พัก

          โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ขนาดไม่กว้างใหญ่นัก มีห้องพักเพียงสิบกว่าห้อง ผู้เข้าพักส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าจากทิเบตและชาวคีรีมันเอง

          แม้จะเป็นโรงแรมเพียงแห่งเดียวในเมืองเจโล เมืองหลวงของคีรีมัน แต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไร ทุกสิ่งดูเรียบง่ายราวกับโรงเตี๊ยมในภาพยนตร์จีนโบราณ

          คังวิ่งเข้าไปเรียกเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นสองสามีภรรยา ฝ่ายสามีวิ่งไปพยุงวิษณุให้ลุกขึ้น ส่วนภรรยาช่วยจามิลประคองธีราลงจากหลังจามรี

          “เขาคงเมา คุณอย่าถือสานะคะ” หญิงสาวบอกจามิลเบาๆ

          “ครับ” จามิลรับคำเสียงเรียบ

          พอวิษณุลุกขึ้นยืนได้ก็ชี้หน้าพระหนุ่ม “มึงกล้าผลักกูเหรอ?”

          เจ้าของโรงแรมฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าลูกค้าเมามายจึงเรียกพนักงานอีกคนมาช่วยกันทั้งฉุดทั้งดึงให้เขาเข้าไปข้างใน ธีรามองสภาพของวิษณุแล้วได้แต่ถอนหายใจ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แดนอารยะ   ตอนที่54 จบบริบูรณ์

    “เราควรบอกท่านเพียงว่าคุณวิษณุประสบอุบัติเหตุ คุณเจอเขาอีกทีเขาก็มีอาการอย่างนี้แล้ว ไม่มีใครเห็นว่าเขาประสบอุบัติเหตุอย่างไร เพียงพบเขานอนอยู่บนพื้นในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเขาหายตัวไปจากโรงแรมที่พัก ไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บอะไร” ชายหนุ่มออกความคิด “เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นกว่าถูกสูบขวัญวิญญาณเป็นไหนๆ” หญิงสาวยิ้มฝืดๆ อย่างจนปัญญา “ฉันจะส่งพี่ณุเข้าโรงพยาบาลไปตรวจเช็กสมองอย่างละเอียด เผื่ออาจจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง” “ดีครับ” ชายหนุ่มเห็นด้วย แม้จะรู้แก่ใจว่าไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงไหนสามารถช่วยเหลือวิษณุให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เครื่องบินที่ธีรา จามิล และวิษณุโดยสารมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ธีราพาวิษณุขึ้นแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน เธอไม่ได้บอกทางบ้านถึงเวลาที่เดินทางกลับ ส่วนจามิลก็มาส่งธีราและวิษณุถึงบ้านก่อน จึงเข้าพักในโรงแรมสภาพค่อนข้างดีแห่งหนึ่งในกรุงเทพ กลับถึงบ้านธีราโผเข้ากอดมารดาที่มองมาด้วยสายตายินดี แม้จะประหลาดใจที่อยู่ๆ ลูกสาวก็กลับมาถึงบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าว “คิดถึงแม่จังเลยค่ะ” หญิงสาวกล่าวจากใจจริง “แม่ก็

  • แดนอารยะ   ตอนที่53 ท่าทางอึกอัก

    สิ่งที่ได้ฟังทำให้หญิงสาวชาวไทยพลอยยินดีกับนางพญาอาโรจนาและพญานาคราชชมพูจนอดแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ “ดิฉันดีใจจริงๆ ค่ะ ที่ทั้งสองสมหวังในความรักสักที...แต่ เอ้อ...” ราชฤาษีเห็นหญิงสาวมีท่าทางอึกอัก ก็รู้ว่าเธอมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูด “เจ้าอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ” พอได้รับคำอนุญาตจากราชฤาษี ธีราก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขอร้อง “ดิฉันอยากจะขอให้ท่านช่วยพี่วิษณุค่ะ ให้เขามีสติเป็นปกติ ไม่ใช่คนเอ๋อแบบนี้” “ปกติเจ้าไม่ชอบเขามิใช่หรือ?” ราชฤาษีถาม “ค่ะ ดิฉันไม่ชอบเขาเพราะว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองเกินไป” “แล้วทำไมถึงได้ขอร้องแทนเขา?” “ดิฉันสงสารคุณป้าจิตราคุณแม่ของพี่ณุค่ะ คุณป้ามีลูกคนเดียวคือพี่ณุ แล้วพี่ณุมาเป็นแบบนี้ คุณป้าคงต้องเสียใจมากค่ะ” “เจ้าขอได้ แต่เราไม่ให้” ราชฤาษีตอบด้วยสุรเสียงเรียบๆ “ทำไมคะ?” หญิงสาวถามอย่างสงสัย “ทุกคนมีบาปบุญเป็นของตนเอง” ราชฤาษีกล่าวหนักแน่น “เวลานี้วิษณุกำลังรับผลแห่งบาปที่เขาเคยก่อเอาไว้อยู่ ส่วนนารีผลที่สูบขวัญวิญญาณของเขาไปนั้น นางได้กลายเป็นมนุษย์มีเลื

  • แดนอารยะ   ตอนที่52 คุณอยากรู้เหตุผลไหมครับ

    หญิงสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “คุณเก็บผลไม้นี้ให้ดีเสียก่อนเถอะ เพราะไม่ว่ามันจะหอมหรือเหม็น มันก็ผ่านด่านตรวจไม่ได้” จามิลเตือน สีหน้าระบายยิ้มจางๆ “ถูกต้องค่ะ ฉันต้องใส่ถุงพลาสติก ผูกปากถุงให้แน่น ป้องกันกลิ่นโชยออกมา” หญิงสาวเอ่ยพลางทำตามที่พูด นำถุงพลาสติกบรรจุผลไม้จากกันเดนเก็บใส่กระเป๋าสะพาย “คุณเก็บของให้เรียบร้อยนะครับ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางกัน” จามิลบอก “พวกเรา?” หญิงสาวเลิกเรียวคิ้วงามเป็นเชิงถาม “ครับ คุณ ผม และคุณวิษณุ ผมว่าจ้างรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวชัดถ้อยชัดคำ “คุณจะไปกับฉันและพี่ณุหรือคะ?” หญิงสาวถามเพื่อความมั่นใจ “ครับ คุณอยากรู้เหตุผลไหมครับ?” ชายหนุ่มย้อนถาม หญิงสาวนิ่ง เธอดีใจที่จะมีเขาไปด้วย ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลหรือไม่มีก็ตาม ทว่าจามิลยังคงอยากอธิบายเหตุผล “ผมมีเหตุผลทั้งทางฝ่ายคุณและฝ่ายผม ฝ่ายคุณคือคุณต้องการคนดูแลคุณวิษณุระหว่างเดินทาง คุณเป็นผู้หญิงคงไม่สะดวก แต่ผมเป็นผู้ชายผมสะดวก ส่วนทางนี้...ไม่ช้าก็เร็วคนในคีรีมันจะต้องรู้ว่าผมไปกันเดนมา แล้วผมก็จะ

  • แดนอารยะ   ตอนที่51 ประโยคแรก

    “ใครบอกให้คุณดูแลพี่ณุ?” ธีราเพิ่งมีโอกาสเปิดปากถามเป็นประโยคแรก “ก็ราชฤาษีน่ะสิ อยู่ๆ ก็พูดเจาะจงให้ฉันดูแลคุณณุ” หลิงสะบัดเสียงตอบ “ท่านมีเหตุผลอะไรที่ให้ทำอย่างนั้น?” หญิงสาวถามเสียงเรียบ “ก็…” หลิงพูดอึกอัก หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ราชฤาษีชนะกานตะอย่างไม่ยากเย็น เป็นการต่อสู้ที่สวยงามและตื่นตาตื่นใจ แม้ได้รับชัยชนะแต่ราชฤาษีไม่คิดทำร้ายกานตะ เพียงรับสั่งสุรเสียงเฉียบ “เจ้าแพ้เราแล้ว เจ้าจะต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวที่ไปกันเดนนั่น” กานตะขบฟันกรอดๆ จนเห็นสันข้างแก้ม ไม่พูดไม่จา สะบัดหน้าแล้วผละจากไปโดยไม่สนใจคณะเดินทางแม้แต่น้อย “แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?” ต้าเอ่ยขึ้น “เราจะส่งพวกเจ้ากลับไปยังโลกที่พวกเจ้ามา แต่พวกเจ้าจะต้องรวมใจกันเป็นหนึ่ง นึกถึงสถานที่เดียวกันให้ดี” ราชฤาษีรับสั่ง คณะเดินทางจึงปรึกษาหารือกันแล้วลงความเห็นว่าวัดกัมโปเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนรู้จัก จึงเลือกวัดกัมโปเป็นจุดหมายปลายทางในใจของทุกคน “พวกผมจะกลับไปวัดกัมโปขอรับ” ต้าและหลงเอ่ยขึ้นพร้อมเพียง “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้

  • แดนอารยะ   ตอนที่50 เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?

    สวนดอกไม้มีพระสงฆ์วัยกลางคนรูปหนึ่งยืนรออยู่ “ท่านคุรุ” ดอกเตอร์ธีระตรงเข้าไปยกมือพนมไหว้และค้อมศีรษะ ธีราและจามิลเดินไปยกมือไหว้ตามอย่างดอกเตอร์ธีระ คุรุกันปะพยักหน้าก่อนเอ่ยถาม “เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?” “พร้อมครับ” จามิลเป็นคนตอบ “ถ้าเช่นนั้นก็ตั้งจิตนึกถึงสถานที่ที่จะไปให้มั่นคง แล้วเจ้าทั้งสองคนจะไปถึงที่นั่น” ท่านคุรุกล่าวช้าๆ “ครับ” จามิลรับคำพลางพนมมือและโค้งคำนับอีกครา แล้วหันไปเอ่ยกับดอกเตอร์ธีระ “ดอกเตอร์ ผมลานะครับ” “ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ” ดอกเตอร์ธีระกล่าว ยื่นมือให้จามิลจับ ทั้งสองจับมือกันกระชับมั่น “ผมฝากลูกสาวด้วยนะจามิล” ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “ครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด” หนุ่มผู้อ่อนวัยกว่ารับคำหนักแน่น “ฝากความคิดถึงท่านอาจารย์ด้วยนะศิษย์พี่” เณรคังเอ่ย “อย่าลืมบทสวดที่ท่านอาจารย์สอนละ” คนเป็นศิษย์พี่เอ่ย “ผมไม่ลืมแน่นอนครับ” เณรคังรับคำด้วยรอยยิ้มแจ่มใส “คุณธีรากราบลาคุณพ่อสิครับ” จามิลพูดเตือนหญิงสาว หญิงสาวร้องไห้โฮพร้อมกับ

  • แดนอารยะ   ตอนที่49 ที่จริงคนที่นี่

    ที่นี่ ตอนแรกที่พ่อมาถึงที่นี่และรู้ตัวว่ากลับไม่ได้พ่อแทบคลั่งตาย แต่สภาพอากาศของที่นี่ค่อยๆ ชะล้างความทุกข์ ความเศร้าโศกออกจากใจ คนที่นี่ยังมีลักษณะของคนอยู่ประการหนึ่งก็คือต้องสูดลมหายใจ แต่อากาศของที่นี่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถชะล้างอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ความเศร้าโศกต่างๆ นานาให้หมดไป จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร” เอ่ยถึงตรงนี้ดอกเตอร์ธีระได้พาธีราและจามิลมาถึงกระท่อมที่พัก กระท่อมก่อด้วยทับทิมสกัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนอิฐบล็อก “นี่คือบ้านของพ่อ” ดอกเตอร์ธีระเอ่ย “ที่จริงคนที่นี่ไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านก็ได้ เพราะที่นี่ไม่มีฝนตก ไม่มีแดดออก ไม่มีพายุ ไม่มีร้อน ไม่มีหนาว แต่พ่อยังชอบความเป็นส่วนตัวอยู่” เมื่อธีราและจามิลเดินเข้าไปในกระท่อมก็เห็นเณรคังกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาพริ้มอยู่บนตั่งที่เป็นพลอยไพลินทั้งก้อน “คัง” จามิลเรียกเบาๆ เณรคังลืมตา ดวงตาสดใสเปี่ยมสุข ก่อนโห่ร้องเบาๆ “ศิษย์พี่!” แล้วผุดลุกจากที่นั่ง เดินเข้ามาหาพลางพูดด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่กับคุณผู้หญิงที่สวยเหมือนพระโพธิสัตว์มาถึงจนได้ พวกเราจะได้อยู่พร้อมห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status