Wanna be yours
ตอนที่ 5.1
พี่ดูแลเอง
วันต่อมา
“จะดีเหรอแก?”
“โธ่แก แค่ออกมาเปิดหูเปิดตาไม่เห็นเป็นไร”
“แต่พี่คลื่น…”
“ไหนแกว่าพี่คลื่นไม่อยู่?”
“แต่ถ้าพี่รู้…”
“โธ่ดาว ฉันไม่ได้ชวนแกออกมาฆ่าแกงสักหน่อย คนอื่นเขายังได้เที่ยวบ้าง แต่แกไม่เคยเลยนะ ก็เป็นเด็กดีมาตลอด แค่ออกมาหาสังสรรค์เข้าสังคมบ้างจะเป็นไรไป”
“…”
“ก็หรืออยากกลับ? ฉันจะวนรถไปส่ง” เจ้าเอยยอมแพ้กับท่าทางหวาดวิตกของคนนั่งข้าง ๆ เอยไม่ได้คิดไม่ดี แค่อยากให้คนบางคนได้ออกมาเจอโลกความจริงบ้างก็เท่านั้น จะมีโอกาสไหนเหมาะเท่ากับตอนที่นับคลื่นไม่อยู่ “เอาไงคะ?”
“ก็ได้ ๆ ฉันก็อยากอยู่กับทุกคนนอกเวลาเรียนบ้างเหมือนกันนั่นแหละ” นับดาวยอมรับว่าบางครั้งชีวิตเธอก็ขาดสีสันไปบ้าง เรียกได้ว่าแทบไม่ได้ออกมาพบเจอโลกกลางคืนแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตามที
“งั้นก็ลงค่ะ”
“อือ” ร่างเพรียวบางสะพายกระเป๋าก้าวลงจากรถในที่สุด
เสียงอึกทึกของผู้คนที่ด้านนอกร้านอาหารกึ่งผับตรงหน้าทำเอานับดาวต้องกวาดสายตามองเพื่อสำรวจความเป็นไป นับคลื่นบอกว่าเธอไม่ควรมาที่นี่ แต่พี่กับกลุ่มเพื่อนเขามาเยือนแทบทุกคืนตามคำให้การของเจ้าเอย
“บัตรจริงรึเปล่าน้อง?” การ์ดหน้าเข้มสลับสายตามองระหว่างใบหน้าสวยกับบัตรประจำตัวประชาชน ก่อนจะเรียกการ์ดอีกคนให้มาช่วยดู
“บัตรจริงสิพี่ เพื่อนหนูแค่หน้าเด็ก” เจ้าเอยเป็นฝ่ายให้ข้อมูล แม้ไม่อยากพูด แต่เอยก็ตั้งท่าอ้างถึงบุคคลที่สาม “ยายนี่เป็นน้องสาวของพี่คลื่นเพื่อนสนิทของพี่เมฆ”
“คุณเมฆ?”
“ใช่ค่ะ”
“…” / “…” การ์ดทั้งสองยังมีท่าทางไม่มั่นใจ ทว่าเมื่อเจ้าเอยตั้งท่ารบเร้าอีกครั้ง ทั้งอธิบายว่าเป็นบัตรจริงไม่ใช่ของเก๊ร้อยเปอร์เซ็นต์ ท้ายที่สุดสองสาวจึงผ่านด่านด้านหน้าเข้าไปได้ในที่สุด
“ใครคือพี่เมฆ?” นับดาวหันมองหน้าเพื่อนในตอนนี้เอง เธอไม่รู้จักคนชื่อ เมฆ ด้วยซ้ำไป
“เพื่อนสนิทพี่แกไง” เจ้าเอยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เขาเป็นน้องชายเจ้าของที่นี่”
“อือ” นับดาวไม่ได้สนใจอะไรมากเช่นกัน เพียงเดินตามเจ้าเอยซึ่งจูงมือนำเข้าไปที่ด้านใน
แม้จะรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาคนแปลกหน้าที่จ้องมาในจังหวะที่เธอเดินผ่าน แต่นับดาวก็ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องมี และแม้จะรู้สึกใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กับประสบการณ์การหนีเที่ยวครั้งแรกในชีวิต ทว่าตัดสินใจแล้วลองแล้ว จะถอยกลับได้อย่างไร
ไม่ใช่แค่นับคลื่นที่เป็นหนุ่มปาร์ตี้ตัวยง แต่นับทรายพี่สาวเธอก็เที่ยวเป็นประจำตามประสาสาวก๋ากั่น ทั้งบ้านคงมีแค่นับดาวที่เหมือนนกตัวน้อยซึ่งอยู่ในกรงทอง
VIP ZONE
หลายวันที่ผ่านมาฮาร์เปอร์แทบไม่ได้ออกมาท่องราตรีเพราะต้องจัดการเตรียมไฟล์ภาพส่งให้ลูกค้าตามหมายกำหนดส่ง คืนวานเขาตั้งใจจะออกมาปลดปล่อยอารมณ์ก็ดันต้องออกตามติดเพื่อนสนิทที่ทำตัวผิดปกติจนไม่ทันได้ทำอะไร
ถึงวันนี้ที่ตั้งใจจะออกมาเมาอีกสักคืน ทว่าเพียงกระดกแอลกอฮอล์แก้วแรกเอาฤกษ์เอาชัย ของเหลวขมฝาดก็พุ่งผ่านเป็นสายกลับออกมาเพราะอาการสำลักอย่างรุนแรง
พรวด!!!
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!”
แก้วในมือถูกกระแทกวางลงบนโต๊ะ ฮาร์เปอร์รู้สึกเหมือนตัวเขาเมาล่วงหน้าไปแล้วทั้งที่ยังไม่มีแอลกอฮอล์ผ่านเข้าสู่กระแสเลือดแม้แต่หนึ่งหยด ทว่าเสียงของคีนที่ดังขึ้นในจังหวะเดียวกันก็ราวกับจะเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ดวงตาคมมองเห็นในขณะนี้ไม่ใช่ว่าเขาหลอนไปเอง
“น้องสาวเพื่อนมึงหนีเที่ยวว่ะ”
“ใคร?” สิบทิศหันมองด้วยความประหลาดใจ ในบรรดากลุ่มเพื่อน ก็มีแค่คนเดียวที่มีน้องสาว…
“นับดาว” คนให้คำตอบคือ ธารา แม้จะเป็นคนเดียวที่มีโอกาสได้เจอหญิงสาวน้อยสุดต่างจากคนอื่นเพราะเป็นคนรักสันโดษชอบปลีกวิเวกหายตัวไปบ่อย ๆ แต่ธาราไม่ได้สมองเสื่อมถึงขั้นจำหน้าน้องสาวเพื่อนไม่ได้
“ไอ้คลื่นไม่อยู่แค่วันเดียว ดาวแม่งเอาใหญ่” คีนหัวเราะเบา ๆ กับภาพที่ได้เห็น ก่อนจะหันตั้งคำถามกับคนข้าง ๆ “เพื่อนมึงกลับมาวันไหนไอ้เปอร์?”
“มะรืน” ฮาร์เปอร์ตอบเสียงเรียบ
แม้ช่วงหัวค่ำเขาเองเป็นตัวตั้งตัวตีในการชักชวนเพื่อนออกมาดื่ม ทว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อกลับขมวดคิ้วอย่างหนัก ต่างจากคนอื่นที่เพียงหัวเราะกับการปรากฏตัวของหญิงสาวซึ่งยืนร่วมโต๊ะกับกลุ่มเพื่อนที่ชั้นถัดลงไป
“เหตุการณ์แบบนี้ต้องทำไง? ต้องโทรบอกไอ้คลื่นไหม?” สิบทิศตั้งคำถามอย่างไม่แน่ใจ แต่คีนที่ร้องค้านเสียงดังก็ปัดตกความเห็นที่ว่า
“เรื่องไรต้องไปบอกแม่ง น้องมันคงแค่อยากออกมาเที่ยวบ้างตามประสาวัยรุ่น”
“กูก็ว่างั้น ปล่อยให้อยู่กับเพื่อนไป ไม่เห็นเป็นไร” ธาราพยักหน้าเห็นด้วยตามนิสัยรักความเป็นส่วนตัว สิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตเป็นของใครของมันจะไปยุ่งเรื่องคนอื่นเพื่ออะไร ท้ายที่สุดสิบทิศจึงพยักหน้าช้า ๆ อย่างคล้อยตามด้วยอีกคน
“พวกมึงว่าไงกูก็ว่างั้น”
“…” แต่ฮาร์เปอร์ไม่เห็นด้วย
ดวงตาสีอ่อนทว่าคมกริบจับมองอยู่ที่ตำแหน่งเดิมนานกว่านาที ขณะที่สองหูก็จับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองจำเป็นอีกสามตัวที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ลงมติกันว่าจะจับตาดูแลหญิงสาวจากตรงนี้ แต่มันจะไปช่วยอะไร ไม่มีใครคิดเห็นเหมือนเขาหรือไง ว่านับดาวควรกลับห้องตั้งแต่วินาทีนี้เลยด้วยซ้ำไป
“สรุปว่าเมื่อวานไอ้คลื่นมันไปไหน?”
“…”
“ไอ้เปอร์?”
“ไร?”
“กูถาม… ว่าเมื่อวานเพื่อนมึงไปไหน? วันนี้แม่งก็ไม่โผล่ไปเรียน แถมหายหัวไปไหนก็ไม่บอก” คีนเป็นตัวแทนหมู่บ้านในการเปิดประเด็น หากใครจะสนิทกับนับคลื่นที่สุดคงไม่พ้นฮาร์เปอร์ซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย
“ไหนว่าเมื่อคืนมึงออกไปตามมัน?” สิบทิศเลิกคิ้วถามขึ้นอีกคน ทว่าการตอบกลับอย่างขอไปทีของฮาร์เปอร์ก็ทำเอาทุกคนงง
“กูจะไปรู้มันได้ไง”
“ก็มึง…”
“กูไม่รู้ กูออกไปก็ไม่เจอใคร” คนให้คำตอบตีหน้านิ่ง แม้เขาเองจะมีข้อสงสัยล้านแปดอยู่ในหัว แต่ในเมื่อคนซึ่งถูกอ้างถึงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เขาก็จำต้องเก็บเป็นความลับ มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันกับคืนที่ผ่านมาก็เป็นได้
“มึงจะเสือกอะไรเรื่องของมันนัก แม่งก็ขยันทำตัวลึกลับไปเรื่อย” ธาราเอ่ยด้วยเสียงเรียบเรื่อย “ก็คงมีเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ มันถึงไม่บอก”
ฮาร์เปอร์นึกอยากจะคารวะเจ้าของเสียงสันนิษฐานสักหนึ่งจอก แต่ตอนนี้เขาไม่มีใจจะเสวนาเรื่องตัวเจ้าปัญหาอย่างนับคลื่นมากนัก เพราะมีบางอย่างดึงความสนใจทั้งหมดไป
“ไอ้ตัวชวนมาเสือกไม่แดก” คีนส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นตัวตั้งตัวตีเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว “เป็นไรของมึง?”
“เปล่า”
“เป็นห่วงดาว?” คีนสังเกตเอาจากตำแหน่งการมองของสายตาฮาร์เปอร์จึงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อตามประสา “กูรู้ว่าน้องมันสวย แต่คนนี้ของต้องห้ามเผื่อมึงลืม”
“อะไรของมึง?” คนซึ่งตกเป็นเป้าสายตาจากกลุ่มเพื่อนจำต้องละความสนใจกลับมากับประโยคที่ได้ฟัง “น้องไอ้คลื่นก็เหมือนน้องกู กูไม่ได้คิดอะไรด้วย”
“เป็นเหี้ยไรทำไมต้องซีเรียส กูแค่พูดเล่นหน่อยเดียว” คีนยังคงหัวเราะเบา ๆ “ทำหน้าจริงจังขนาดนี้ กูว่าพอจะเข้าเค้า”
“อย่าพูดงี้ให้ไอ้ห่าคลื่นได้ยินเชียว” สิบทิศเองก็ผุดยิ้มขบขัน แค่จินตนาการว่าใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนเกิดไปตกหลุมรักน้องสาวของนับคลื่น มีหวังความประสาทแดกคงบังเกิดรายวัน
“กูไม่ได้คิด” ฮาร์เปอร์เองก็หัวเราะเสียงเครียด แม้จะไม่สามารถบังคับสายตาไม่ให้มองกลับไปที่ตำแหน่งเดิม แต่เสียงเรียบก็เอ่ยตามน้ำเพื่อไม่ให้เป็นที่คลางแคลงใจของใครต่อใคร “ใครแม่งจะเอาน้องนุ่งทำเมีย”