Wanna be yours
ตอนที่ 4.2
ความลับของพี่ชาย
“มีใครมารึเปล่า?”
เสียงตั้งคำถาม พร้อมเสียงฝีเท้าที่เดินย้อนกลับมา ทำเอาฮาร์เปอร์รู้สึกเหงื่อตกเพราะไม่ทันได้คิดถึงเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานประเภทนี้ แม้จะมีเหตุผลสามารถอธิบายการกระทำ แต่เขาไม่ต้องการให้ใครจับได้ ทว่ากังวานเสียงหวานของคนที่ยืนหน้าซีดเผือดในความมืดก็ราวกับจะเป็นเสียงสวรรค์
“พะ… พี่คลื่นเปิดประตูเองรึเปล่า?”
“พี่?”
“พี่ไปเที่ยวมาใช่ไหม? พี่กลับมาปิดประตูไม่สนิทรึเปล่า?”
“พี่ปิดประตูไม่สนิท?”
“มะ… ไม่งั้นมันจะเปิดอยู่ได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ว่าเราพาใครมา?”
“จะบ้าเหรอ ดาวจะพาใครมา?”
เสียงสนทนาระหว่างสองพี่น้องมีคนนอกร่วมรับฟังอยู่ด้วยจริงตามข้อสันนิษฐานของคนเป็นพี่
บัดนี้ฮาร์เปอร์เริ่มมองหาที่ซ่อนตัว ด้วยรู้แก่ใจว่านับดาวโกหกไม่เก่ง แถมเจ้าตัวยังเป็นน้องสาวของนับคลื่นอาจโดนต้อนให้จนมุมก็เป็นได้
ร่างสูงตัดสินใจเคลื่อนไหวในความมืดอย่างรวดเร็วพุ่งตัวไปที่ด้านข้างของเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งซึ่งพอมีที่ว่างหลงเหลือในทันที ฮาร์เปอร์รู้นิสัยของเพื่อนสนิทดี อีกทั้งไม่ต้องการทำให้หญิงสาวมีปัญหาก็ด้วย
“พี่คลื่นจะเข้ามาทำไม…”
“พี่แค่จะดู หลบไป”
“พี่คลื่น…”
“หลบ”
แอ๊ด…
เสียงประตูถูกแง้มเปิด มาพร้อมกับแสงไฟสลัวซึ่งติดสว่าง
นับดาวเม้มริมฝีปาก จำต้องยอมก้าวถอยหลังเพื่อเปิดทางให้พี่ชาย ใบหน้าขาวผ่องซีดเผือดหันมองด้านในห้องขนาดเล็กซึ่งยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มีแค่ผ้าห่มผืนหนาเท่านั้นที่ผืนผ้าส่วนหนึ่งร่วงหล่นอยู่ที่ซอกระหว่างเตียงและกำแพง
ในความงันเงียบราวกับเป็นช่วงเวลากลั้นลมหายใจ ไม่ใช่เฉพาะในความรู้สึกของหญิงสาว ทว่าบัดนี้ฮาร์เปอร์ก็ชะงักหยุดการเคลื่อนไหว ตลอดทั้งเรือนกายนิ่งสนิทไม่กระโตกกระตากถึงการมีอยู่แม้แต่ขยับเดียว
ขณะเดียวกันนับคลื่นก็ก้าวเข้าสู่ห้องส่วนตัวของน้องสาวเพียงแค่หนึ่งก้าว ดวงตาคมเฉียบกวาดมองเพียงหนึ่งอึดใจก็หลุบตามองร่างผอมเพรียวในชุดนอนตัวบาง นับดาวที่เพิ่งได้สติจึงรีบใช้ข้ออ้างนี้ให้เกิดประโยชน์ทันที
“พี่คลื่นออกไปเลย ดาวแต่งตัวไม่เรียบร้อย” แม้แผ่วเสียงจะมีความตะกุกตะกัก ทว่าดวงหน้าขาวผ่องก็พยายามปั้นหน้าขึงขัง
“อืม” นับคลื่นยอมละสายตาจากน้องก็จริง แต่ก็ยังจ้องสำรวจสภาพความเป็นไปที่ด้านใน
“ถ้าพี่ไม่ออกไปดาวจะโทรฟ้องแม่ จะฟ้องพี่ทรายด้วย” นับดาวจำต้องงัดไม้ตายออกมาใช้ ในครอบครัวมีเพียงเธอเท่านั้นที่ทุกคนประคบประหงมดูแลเป็นอย่างดีตามประสาลูกสาวคนเล็ก “พี่คลื่น”
“อืม” นับคลื่นก็จำต้องยอมเลิกจับผิดในที่สุด ร่างสูงก้าวถอยหลังออกไป ทว่าสายตายังคงส่ายสำรวจกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่บานประตูปิดสนิทลง
จากนั้นคนด้านในก็ลนลานกดล็อกลูกบิดในทันที
แกร๊ก!
“ฟู่ว!” ด้านคนซึ่งซ่อนตัวอยู่ก็ถึงกับระบายลมหายใจกะพริบตาระรัวเร็วกับสถานการณ์ที่เพิ่งผ่านเผชิญเช่นเดียวกัน
ฮาร์เปอร์อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากไอ้คลื่นเพื่อนรักคิดว่าตัวเขาที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แอบกิน กับน้องสาวมันจะเกิดอะไรขึ้น ก็นับว่ายังโชคดีที่ในห้องหับบัดนี้เหลือเพียงการเคลื่อนไหวแผ่วเบาของหญิงสาว ก่อนนาทีถัดมาผ้าห่มผืนหนาจะถูกรวบดึงพ้นจากตัวเขาซึ่งทอดกายนิ่งสนิทอยู่ที่ข้างเตียง
“ไง” เสียงแหบต่ำลอดผ่านลำคอ ริมฝีปากได้รูปเผยยิ้มขบขัน แม้เมื่อครู่มัดกล้ามทั่วทั้งร่างจะเขม็งเกลียวเครียดก็ตามที
“ไม่ตลกนะพี่เปอร์” เสียงแผ่วกระซิบของคนซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงสวนกลับ “มะ… ไม่ตลก”
นับดาวรู้สึกผิวแก้มผ่าวร้อนอย่างหนักตอนฉวยคว้าบราเซียร์ลูกไม้สีดำให้พ้นจากใบหน้าของพี่ชายนอกไส้ที่ไม่คิดจะกระดิกตัวเลยสักขยับ เธอถอดบรานอนเป็นปกติ ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ จะมีผู้ชายตัวโตวิ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวแบบนี้ และเพราะไม่อยากให้ใครโฟกัสผิดเรื่องเธอจึงเป็นฝ่ายวกกลับเข้าประเด็นที่ยังคาใจ
“สรุปว่าพี่มีเรื่องอะไร?”
“…” ฮาร์เปอร์ไม่ตอบ
ร่างสูงผละออกจากที่ซ่อน ก้าวขายาว ๆ ไปที่บานประตู พร้อมแนบหูฟังความเป็นไปจากทางด้านใน ใบหน้าหล่อเรียบเฉยนานกว่านาทีเพื่อใช้สมาธิจับฟังเสียง เมื่อมั่นใจว่านับคลื่นไปแล้ว ดวงตาคมกริบก็หันมองที่คนตัวเล็กซึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง
“มีอะไร? เกิดอะไรขึ้น?” นับดาวตั้งคำถามอีกครั้ง
“ไม่รู้” ฮาร์เปอร์ยกมือขึ้นเสยผม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ทว่าคำตอบของเขาก็ทำเอาเจ้าของห้องถึงกับเบิกตาโต
“ไม่รู้? ไม่รู้คืออะไร? แล้วพี่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้คือ?” ทั้งการให้เธอแอบเปิดประตูให้ ไหนจะแอบลอบเข้าห้องเธอ ซ้ำยังได้เห็นของส่วนตัวเธอแบบนี้ก็ด้วย!
“ก็ยังไม่รู้จริง ๆ” ฮาร์เปอร์ยกมือยอมแพ้กับสายตาคาดคั้น เขาไม่ทันได้รู้เรื่องรู้ราวก็ต้องมาหลบซ่อนตัวแบบนี้จะไปรู้ได้ยังไง
แต่ที่รู้แน่…
คือภาพเรือนร่างบอบบางทว่าอวบอัดในชุดนอนตัวจ้อยเริ่มทำให้สายตาไม่รักดีหยุดมองไม่ได้ ทั้งแขนขาเรียวสวยขาวผ่อง ไหนจะสัดส่วนโค้งเว้าชวนกลืนน้ำลายของน้อง พลั้งเผลอจดจ้องอยู่นานก็จำใจต้องคว้าชุดคลุมซึ่งพาดวางบนพนักเก้าอี้ส่งต่อให้เจ้าตัว
“ใส่นี่ก่อน”
“อะ… อือ” นับดาวก็ถึงกับใบหน้าปลั่งแดงกับความไม่ระมัดระวังของตัวเธอเพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับเรื่องที่ต้องการจะรู้ หน้าแดง… กับดวงตาคมกริบไม่แสดงอารมณ์ที่จดจ่ออยู่กับเต้าอวบรัดรึงผ่านเนื้อผ้าบางเบา ก่อนสายตาไร้ความรู้สึกแบบที่ว่าของเพื่อนพี่ชายจะเบนมองไปอีกทาง
เพราะไม่อยากให้เกิดความกระอักกระอ่วนในบรรยากาศ หลังสวมใส่ชุดคลุมปกปิดเรียบร้อย คนตัวเล็กจึงทำทีวกกลับเข้าประเด็นเดิมโดยไม่กระโตกกระตากถึงอีกหนึ่งสภาวะอารมณ์
“แล้วทำไมพี่ต้องแอบมาด้วย?”
“ก็แอบตามมาจับผิดมันนี่ไง” ฮาร์เปอร์ก็ตอบในอาการนิ่งสงบเช่นเดียวกัน
“จับผิดเรื่องอะไร…”
“วันนี้ไอ้คลื่นมันโดนรุมกระทืบจากไหนมาไม่รู้”
“ฮะ!!” คนฟังถึงกับเบิกตาโต
นับดาวไม่เห็นรู้เรื่อง พี่ชายยังทำตัวปกติดีทุกอย่าง ไม่เหมือนคนโดนกระทืบมาเลยสักนิด แต่เธอก็เพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงการสวมแมสก์ปิดบังใบหน้า รวมถึงวันนี้คนขี้ร้อนแบบพี่ใส่เสื้อแขนยาวมีฮู้ดก็ด้วย
“ถามแม่งก็ไม่บอก แถมยังบอกว่าห้ามบอกคนอื่นอีก” ก็คงมีฮาร์เปอร์คนเดียวที่ทันได้เห็นสภาพที่ว่าของเพื่อน
“พี่คลื่นอาจมีเรื่องกับคนอื่นเฉย ๆ รึเปล่า?” น้องสาวตั้งข้อสันนิษฐาน แต่ฮาร์เปอร์ก็สั่นหัว
“ถ้าแค่นั้นทำไมมันไม่บอก?” เพื่อนเขาชอบแดกตีนก็จริง แต่นับคลื่นไม่เคยขอให้ช่วยปิดบังคนอื่น ซ้ำเจ้าตัวยังมีท่าทางเร่งร้อนผิดปกติจนน่าสงสัย เขาถึงตามมาดูให้เห็นกับตาว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้าแทรกแบบเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“พี่คิดมากไปรึเปล่า อาจไม่มีอะไร” นับดาวมองโลกในแง่ดี เธอคิดว่าฮาร์เปอร์อาจคิดมากไป แต่สีหน้าของเขาเห็นต่างอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมหันจ้องสบตาอย่างคนมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง
“ถ้าไม่มีอะไร มันจะหายไปไหนตั้งสองวัน”
“…” นับดาวเห็นถึงข้อเท็จจริงวินาทีนี้
ปกติพี่ชายไม่เคยทิ้งให้เธออยู่เพียงลำพังเกินกว่าหนึ่งคืน อีกทั้งการมาปลุกเรียกตอนดึกดื่นก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พี่คลื่นราวกับกำลังเร่งรีบตามข้อสันนิษฐานที่ได้ฟังจริง ๆ
“ไม่มีอะไร” ทว่าเมื่อเห็นน้องสาวเพื่อนเริ่มทำหน้าแตกตื่น ฮาร์เปอร์ก็จำต้องกลับลำในคำพูดตัวเอง “ไม่ต้องกังวล”
“ไม่ให้ดาวกังวลได้ไง? พี่พูดมาซะขนาดนี้ หรือว่าพี่คลื่นแอบค้ายา? หรือพี่แอบทำเรื่องไม่ดี…” ใบหน้าขาวโพลนเริ่มซีดเผือดขึ้นเรื่อย ๆ นับดาวอดคิดไม่ได้ถึงกรณีอื่น ๆ พี่ชายเธอเป็นพวกมุทะลุอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ สุดท้ายจึงไม่แปลกใจที่ฮาร์เปอร์จะสงสัยถึงขึ้นตามจับพิรุธ
“เอาเป็นว่า พี่จะตามดูมันเอง เธอไม่ต้องกังวล” ร่างสูงหยัดกายขึ้นยืนเพื่อปิดประเด็น“เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่ง มันคงไม่มีอะไร” มันมีแน่ ฮาร์เปอร์คิดอย่างนั้น แต่เขาไม่ต้องการให้คู่สนทนาต้องคิดมากตามไปด้วย
“เดี๋ยวสิพี่เปอร์” นับดาวลงจากเตียงเดินเข้าขวางร่างสูงซึ่งตั้งท่าจะผละจาก ตากลมโตเงยขึ้นมองอย่างคนช่างวิตก “ถ้าพี่รู้เรื่องอะไรมาบอกดาวด้วยได้ไหม? หรือให้ดาวช่วยสืบด้วยดีไหม? ถ้าพี่คลื่นมีเรื่องปกปิดจริง…”
“ไม่” ฮาร์เปอร์สั่นศีรษะปฏิเสธ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะช่วยอะไรเขาได้ “เธออยู่เฉย ๆ มันไม่มีอะไร”
“โกหก”
“เอาเป็นว่ามันไม่มี แค่ถ้าพี่ขอความร่วมมือแบบวันนี้ ช่วยหน่อยแล้วกัน”
“ถ้าพี่ไม่ยอมให้ดาวรู้เรื่อง ดาวจะไม่ช่วย และจะไปบอกพี่คลื่นด้วยว่าพี่แอบเข้าห้องดาว”
“…” ฮาร์เปอร์หรี่สายตามองคนตัวเล็กที่มีสีหน้าเป็นต่อ เพียงน้องเห็นว่าเขาชะงัก เจ้าตัวก็ยกสมาร์ตโฟนขึ้นชู ตะกุกตะกักเอ่ยท้า
“หรือจะให้ดาวโทรหาพี่คลื่นตอนนี้เลย…”
พรึ่บ!
มือหนาคว้าของส่วนตัวของหญิงสาวโยนไว้บนเตียง ดวงตาคมกริบจ้องนิ่งที่ใบหน้าสวยนานกว่าอึดใจ
ฮาร์เปอร์รู้ดีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิท จึงไม่ต้องการให้คนตรงหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยว และรู้ดีว่านับคลื่นจะไม่มีทางยอมให้รู้หากมีเรื่องที่ต้องการปกปิดจริง เขาแอบสืบเองทางสะดวกกว่าเป็นไหน ๆ แต่เห็นได้ชัดว่ามีคนบางคนดื้อรั้นไม่ยอมฟัง
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” นับดาวพยายามตีหน้าจริงจัง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน “ดาวก็แค่ขอมีส่วนร่วมบ้างเท่านั้นเอง”
ไม่ใช่แค่ฮาร์เปอร์ที่รู้จักนับคลื่นดียิ่งกว่าใคร แต่น้องสาวก็รู้ดีว่าพี่ชายมีนิสัยอย่างไร หากตั้งคำถามโต้ง ๆ พี่คลื่นจะไม่มีวันยอมบอก ถ้าตามความน่าจะเป็น สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวเสมอ
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศอีกชั่วอึดใจ จากที่นับดาวได้เห็นความลังเลซึ่งฉายผ่านดวงหน้าคมเฉียบ ก็บ่งชัดว่าอีกฝ่ายจะต้องตกปากรับคำเธออย่างแน่นอน