Wanna be yours
ตอนที่ 5.2
พี่ดูแลเอง
“แต่น้องมึงสวย สเปกมึงจัด ๆ” คีนยังคงแหย่เล่น ทว่าก็ได้รับการตอบกลับด้วยหางตาเย็นชา “อะ ๆ มึงไม่คิดก็ได้ แต่ผู้ชายคนอื่นอะไม่แน่” ว่าพลางคีนก็พยักพเยิดให้ทุกคนได้เห็นภาพเดียวกัน เมื่อมีผู้ชายเริ่มเดินป้วนเปี้ยนเข้าหาหญิงสาว “ควรไปจัดการสักหน่อยไหม?”
“เพื่อนเขารึเปล่า?” ข้อคิดเห็นดังมาจากธาราที่ก็กำลังกอดอกมองไปยังทิศทางเดียวกัน มีสิบทิศผงกศีรษะเห็นด้วยอยู่ที่ข้าง ๆ
“กูก็ว่าแค่เพื่อน น้องยังยิ้มได้คงไม่มีอะไร”
“แล้วไอ้ตัวนู้นอะ?” คีนพยักพเยิดไปยังอีกทางดึงทุกคู่สายตาให้หันมองตาม “สองตัวที่ยืนอยู่มุมนู้น กูว่าไม่น่าใช่เพื่อน”
“กูก็ว่างั้น”
“อืม ไม่น่าใช่”
ในระหว่างบทสนทนาของผู้ปกครองหนึ่งสองสามซึ่งกำลังนั่งสังเกตการณ์ไปดื่มไป มีเพียงฮาร์เปอร์คนเดียวที่ไม่ออกความเห็น
แม้ไม่ออกความเห็น แต่เขาก็นึกรำคาญเหลือเกินกับการนั่งพูดไปเรื่อยของเพื่อนทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นการชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อยของคีน หรืออารมณ์เฉื่อยชาของธารา กระทั่งการนั่งกระดิกเท้ารอฟังของสิบทิศ ล้วนแล้วแต่น่ารำคาญในสายตาเขาทั้งสิ้น
ฮาร์เปอร์นึกถึงนับคลื่นก็ตอนนี้ หากมันอยู่เขาคงไม่ต้องมานั่งตบตีกับตัวเองในใจ แต่ติดตรงที่เจ้าตัวไม่อยู่จะทำห่าอะไรก็ประดักประเดิดไปเสียหมด
ดวงตาคมกริบวาบฉายด้วยอารมณ์รำคาญใจกับตำแหน่งซึ่งสายตาจับมอง ขนาดมองจากระยะไกลน้องสาวของเพื่อนสนิทยังโดดเด่นด้วยหน้าตาผิวพรรณยิ่งกว่าใครในรอบบริเวณ ไหนจะหุ่นเพรียวบางทว่าอุดมด้วยเนื้ออวบอัดในบางสัดส่วน
แม้ไม่คิดออกความเห็น แต่ฮาร์เปอร์ไม่ปฏิเสธว่าน้องสาวของนับคลื่นสวยสะพรั่งบาดอารมณ์ชายจริง ๆ เขายอมรับว่าเป็นห่วง แต่ก็แค่เป็นห่วงตามประสาพี่ชายนอกไส้ที่สนิทสนมกับเจ้าตัว
และเมื่อเวลาเดินหน้าผ่านไปก็เห็นได้ชัด…
เห็นได้ชัดว่าจากจะพักมาแดกเหล้าสักวัน เขาก็เป็นอันไม่ได้แดกเลยสักวัน อืม เวรจริง ๆ
สองชั่วโมงต่อมา
หลังจากนั่งนิ่งในอิริยาบถเดิมอยู่นานจนตะคริวแทบกิน ร่างโปร่งกำยำก็ขยับตัวเป็นหนแรกด้วยการยกข้อมือขึ้นดูเวลา ก่อนได้ข้อสรุปว่าถึงเวลาที่คนบางคนควรพอได้แล้วจริง ๆ
ดวงตาคมกริบจ้องนิ่งกลับไปที่ตำแหน่งเดิม พร้อมกันเหล้าซึ่งรินทิ้งไว้นานก็ถูกคว้าขึ้นดื่มจนหมด ฮาร์เปอร์หยัดกายขึ้นคว้ากุญแจรถกับสมาร์ตโฟนผละจากที่นั่งในทันที คงไม่มีเวลาไหนทางสะดวกเท่าตอนนี้อีกแล้ว ตอนที่เพื่อนทุกตัวออกไปสูบบุหรี่ที่ด้านนอก
อันที่จริงฮาร์เปอร์สามารถบอกทุกคนตามตรงในความบริสุทธิ์ใจ ทว่าจากบทสนทนาเมื่อสองชั่วโมงก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเดียวที่เป็นห่วงนับดาวมากเกินพอดี และเพราะนึกรำคาญหากจะต้องแจกแจงมุมมองส่วนตัว สุดท้ายจึงตัดสินใจฉายเดี่ยวโดยไม่ต้องทนฟังเสียงนกเสียงกาให้รำคาญใจ
“ดาว”
“หืม?”
เพียงเดินถึงโต๊ะของหญิงสาวก็คะเนได้ในทันทีว่าที่เขาคิดนั้นผิดไปหลายส่วน อาจเพราะเห็นเพียงด้านหลังของเจ้าตัวจากระยะไกลจึงไม่รู้ถึงระดับความมึนเมา ทว่าจากนัยน์ตาใสซึ่งเปิดปรือเพียงเล็กน้อยในขณะนี้ บ่งชัดว่านับดาวตกอยู่ในสภาวะเตรียมคอพับหลับลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่งอย่างแน่นอน
ฮาร์เปอร์เลื่อนขมวดหัวคิ้วเข้าหากันอดไม่ได้ที่จะกดสายตามองอย่างตำหนิ “พอ”ประกอบคำสั่งก็คว้าแก้วจากมือเจ้าของ
จังหวะนี้เองที่เพื่อนสนิทของน้องหันมาเห็นเขาพอดี
“อ้าวพี่เปอร์”
“ดาวต้องกลับแล้ว” เสียงเรียบตอบกลับคนหนึ่ง ทว่าสายตาดุ ๆ ยังคงกดมองใบหน้าคุ้นเคย “พี่จะพากลับ”
“พี่มาจากไหน?” นับดาวที่สติสตางค์เริ่มไม่ครบร้อยจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ขมวดคิ้วงุนงง “ดาวออกมาเที่ยวกับเพื่อน”
“เห็นแล้ว” ฮาร์เปอร์ก็เห็นอยู่ ตาเขาแทบค้างแข็งนานกว่าสองชั่วโมงจะไม่เห็นได้อย่างไร “เที่ยวพอแล้วก็กลับ”
ทว่าคนตัวเล็กก็ยังคงนิ่งงัน งุนงงทั้งจากสติที่ลดเหลือน้อยลง รวมถึงคำสั่งโดยไร้เหตุผลของเพื่อนพี่ชาย แต่แล้วเสียงแผ่วกระซิบก็ตะกุกตะกักลนลานอย่างคนมีความผิด
“พะ… พี่คลื่นมาเหรอ?”
“ไอ้คลื่นไม่ได้มา” ฮาร์เปอร์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะใช้มุกเดียวกันกับที่หญิงสาวเคยใช้กับเขายกขึ้นขู่ “แต่ถ้าเธอไม่กลับ พี่จะโทรบอกมัน”
“…” คนฟังใช้เวลาประมวลผลนานกว่าอึดใจ โดยระหว่างนี้ก็มีเจ้าเอยพยายามช่วยพูดให้อีกแรง
“เดี๋ยวเอยไปส่งเองก็ได้นะ เอยไม่เมา”
“พี่ดูแลเอง” ร่างสูงยังคงตีหน้านิ่ง พร้อมกันก็คว้าเข้าที่ข้อมือของคนเป็นน้อง เอ่ยสำทับย้ำในคำเดิมเพื่อข่มขู่ให้เกรงกลัว “ถ้าไม่กลับ คืนนี้พี่เธอได้รู้แน่”
“แต่พี่เปอร์…”
“ดาวห้ามดื้อกับพี่”
ท่ามกลางกระหึ่มจังหวะเสียงเพลง รวมถึงเสียงจอแจของผู้คนผสานกับเสียงของดีเจ บทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ดำเนินไปโดยมีเพื่อนร่วมโต๊ะของหญิงสาวจับสายตามอง ความงุนงงฉายชัดผ่านสีหน้าของทุกคน นาทีนี้รุ่นพี่สุดหล่อที่ขึ้นชื่อเรื่องความฮอตในหมู่รุ่นน้องผู้หญิงราวกับต้องการกินหัวใครสักคนก็ไม่ปาน
แต่ฮาร์เปอร์ไม่แคร์…
“เมาขนาดนี้ ถ้าโดนใครลากไปไหนต่อไหนจะทำไง?” เขาชักหงุดหงิดขึ้นทุกที ยิ่งได้เห็นสายตากระหายจากมุมมืดมองมา เขาก็นึกอยากจะตะบันหน้าพวกแม่งให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่แน่นอนว่าที่กำลังทำ… ก็แค่ทำหน้าที่แทนคนเป็นพี่ชาย
Rrrrrr
ก็ราวกับโชคจะเข้าข้างเมื่อจู่ ๆ มีสายเรียกเข้าจากใครสักคนดังขึ้นพอดี แค่ได้เห็นชื่อซึ่งปรากฏบนหน้าจอ ลมหายใจซึ่งสะกดกลั้นก็ได้รับการระบายออก
“ไอ้คลื่นโทรมา”
“ยะ… อย่ารับนะ” คนเมารีบคว้าจับแขนแกร่งด้วยท่าทีตระหนก ช้อนสายตามองอย่างขอความเห็นใจ “พี่เปอร์อย่ารับนะ”
“ไม่ให้พี่รับสายมัน แล้วเธอจะกลับไหม?” เจ้าของวงแขนกำยำตวัดรวบกอดบั้นเอวคอดกิ่วอย่างคนมีแต้มต่อในทันที
ทว่านิ่งรอนานกว่าอีกอึดใจก็ยังคงไร้เสียงตอบกลับ…
ฮาร์เปอร์พ่นลมหายใจเสียงดัง ก่อนจะตั้งคำถามกึ่งออกคำสั่งเป็นหนสุดท้าย “สรุปว่าไปได้ยัง?” ก็ถ้ายังพูดไม่รู้ฟังเห็นทีเขาคงต้องดุอย่างจริงจังเสียแล้วกระมัง “มีแต่ผู้ชายจ้องจะกิน ไม่รู้ตัวรึไง?”
สิบนาทีต่อมา
หลังจากบังคับให้หญิงสาวยอมกลับได้แล้ว ฮาร์เปอร์ก็เพิ่งได้รู้ว่าน้องเมากว่าที่เขาคิด แสงไฟด้านนอกทำให้ได้เห็นถึงความผิดปกติผ่านใบหน้า ระหว่างพาร่างบางเดินตุปัดตุเป๋ไปที่รถ เสียงห้าวก็พร่ำบ่นตลอดทางโดยที่คนฟังคล้ายจะไม่ได้ยิน
อีกทั้งในหลายจังหวะนับดาวก็แทบจะล้มลงกอง ขาเรียวซึ่งโผล่พ้นชุดกระโปรงตัวสั้นเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทรงตัว กระทั่งพ้นระยะสายตาผู้คนจึงจำเป็นที่จะต้องถือวิสาสะตวัดร่างบางขึ้นอุ้ม
เขาจัดการให้คนเมานั่งที่เบาะข้างคนขับพร้อมทั้งจัดแจงคาดเข็มขัดนิรภัย ทว่านับดาวที่เคลิ้มหลับไปแล้วก็ขยับตัวอย่างอึดอัด ส่งผลให้ดวงตาคมกริบพลั้งเผลอหลุบมองทรวงอกอวบอัดซึ่งเต้าเนื้อโดนสายคาดรัดรึง ไหนจะเดรสขนาดจิ๋วซึ่งเล็กเกินพอดีบริเวณส่วนที่ว่าก็ด้วย แค่ได้เห็นก็ต้องรู้สึกหายใจไม่ออกแทนเสียอย่างนั้น
“ดาว” ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาพยายามเขย่าปลุกคนซึ่งนอนนิ่ง และเพียงเปลือกตาบางเปิดปรือขึ้นมอง เสียงเรียบก็ตั้งคำถามทันที “เธออึดอัดรึเปล่า?”
“อือ” เจ้าของดวงตาฉ่ำหวานผงกศีรษะรับ ก่อนมือนุ่มจะคว้าจับเข้าที่ข้อแขนแข็งแรงอึกอักเสียงเบา “พี่จะไม่บอกพี่คลื่นใช่ไหมว่าดาว…”
“หนีเที่ยว?”
“อือ”
ความขบขันฉายผ่านดวงตาคม ทว่าฮาร์เปอร์ก็ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย “แล้วจะดื้อแอบหนีมาเที่ยวแบบนี้อีกไหม?”
“ไม่ดื้อ ดาวไม่ดื้อ” นัยน์ตาสุกใสกะพริบปริบอย่างคนว่าง่าย นับดาวที่สติไม่อยู่กับร่องกับรอยเริ่มที่จะพึมพำต่อรอง “พี่อยากให้ทำอะไร ดาวยอมหมดเลย แต่อย่าบอกพี่คลื่นนะ”
ฮาร์เปอร์ถึงกับชะงักในคำพูดแสนไร้เดียงสาที่ได้ฟัง ก่อนจะต้องตีหน้าเข้มหนักขึ้นอีก
“ห้ามไปพูดแบบนี้กับผู้ชายที่ไหน เข้าใจไหม?”
“อะ… อือ ดาวยอมให้พี่แค่คนเดียว”
“กับพี่ก็ห้ามพูด” นาทีนี้ฮาร์เปอร์ก็ได้แต่เตือนสติตัวเองว่าคู่สนทนากำลังเมา สุดท้ายก็เป็นเขาที่ตกปากรับคำเพื่อปิดประเด็น “ถ้าสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไอ้คลื่นจะไม่รู้”
“อือ” นับดาวรีบพยักหน้ารับ และอาจเพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าที่ควรทำให้เธอพลั้งตัวเผลอใจ เบี่ยงขยับศีรษะเพียงเล็กน้อยก็ประทับจูบเข้าที่ข้างแก้มสากโดยไม่ทันได้หักห้ามใจ อีกทั้งสายตาก็ออดอ้อนโดยที่ไม่รู้ตัว “ดาวขอบคุณนะคะ”
พลันความเงียบก็เข้าครอบครองบรรยากาศ…
มีเพียงสองสายตาเท่านั้นที่จ้องประสานผ่านแสงสลัวราง…
“ดาว” ฮาร์เปอร์เลียริมฝีปากแห้งผากกับการกระทำที่เขาไม่คิดว่าน้องจะกล้า
ถึงอยากจะจับตีก้นให้เข็ดที่คนคออ่อนปล่อยให้ตัวเองเมาได้ขนาดนี้ ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงตำหนิด้วยสายตาดุ ๆ
และยังไม่ทันได้เอ่ยเตือนสติ คนตัวเล็กก็หอมฟอดข้างแก้มสากอีกครั้งด้วยท่าทางเมาหนักอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าทำแบบนี้ ไม่ดี” เสียงเรียบเอ่ยอย่างยับยั้งชั่งใจ ทว่านัยน์ตาใสก็ราวกับจะสื่อสารบางอย่าง เขาจึงต้องข่มขวัญให้ได้รู้สึกตัว “เธอทำแบบนี้ คนอื่นเขาจะคิดยังไง?”
“คิดว่ายังไง…”
“อยากรู้?”
“…” นับดาวไม่ตอบ ทว่าก็กะพริบตาราวกับจะรอฟัง
ฮาร์เปอร์รู้ดีว่าไม่ควรตักเตือนด้วยวิธีประเภทนี้ แต่แม้รู้ว่าไม่ถูกไม่ควร ทว่าใบหน้าคมเฉียบก็คลอเคลียเข้าหาเจ้าของกลิ่นหอมยั่วยวนโดยขาดใจยั้งคิด
จมูกคมเป็นสันไล้ผ่านผิวแก้มขาวเนียน ก่อนส่วนปลายจะกดหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ พร้อมกันริมฝีปากอุ่นก็เฉียดผ่านตำแหน่งอันตรายโดยจงใจ ท่วงท่าสายตาสุดเร้าอารมณ์อย่างคนจัดเจนทำเอาคนตัวเล็กถึงกับชะงักลมหายใจ
ขณะที่ดวงตาคมจดจ้องนิ่ง เสียงห้าวก็เอ่ยอย่างใจเย็น ต่างจากความรู้สึกทางเพศที่ ตอบสนอง ตรงไปตรงมาผ่านเป้ากางเกงซึ่งนาทีนี้บางสิ่งบางอย่างผงาดพาดขึ้นเป็นลำ
“รู้รึยังว่าคนอื่นเขาคิดยังไง?”
เขาทำขนาดนี้… นับดาวก็ควรต้องรู้ตัวสักทีว่ากำลังเล่นอยู่กับอารมณ์แบบไหนของผู้ชาย