Wanna be yours
ตอนที่ 5.2
พี่ดูแลเอง
“มึงอะไม่ แต่คนผู้ชายคนอื่นอะไม่แน่” คีนส่ายศีรษะไปมา เมื่อเห็นกลุ่มผู้ชายสองสามคนเริ่มเดินเข้าป้วนเปี้ยนกับหญิงสาว “ควรไปจัดการสักหน่อยไหม?”
“เพื่อนเขารึเปล่า?” ข้อคิดเห็นดังมาจากธาราที่ก็กำลังนั่งเท้าคางมองไปยังทิศทางเดียวกัน มีสิบทิศผงกศีรษะเห็นด้วยอยู่ที่ข้าง ๆ
“กูก็ว่าแค่เพื่อน น้องยังยิ้มได้คงไม่มีอะไร”
“แล้วไอ้ตัวนู้นอะ?” คีนพยักพเยิดไปยังอีกทาง “สองตัวที่ยืนอยู่มุมนู้น กูว่าไม่น่าใช่เพื่อน”
“กูก็ว่างั้น”
ในระหว่างการสนทนาของไอ้ผู้ปกครองหนึ่งสองสามซึ่งกำลังนั่งสังเกตการณ์ไปดื่มไป มีเพียงฮาร์เปอร์ที่ไม่ออกความเห็น แต่เขานึกรำคาญเหลือเกินกับการนั่งพูดไปเรื่อยของเพื่อนทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นการชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อยของคีน หรืออารมณ์เฉื่อยชาของธารา กระทั่งการนั่งกระดิกตีนรอฟังของสิบทิศ ล้วนแล้วแต่น่ารำคาญในสายตาเขาทั้งสิ้น
ฮาร์เปอร์นึกถึงนับคลื่นก็ตอนนี้ หากมันอยู่ เขาคงไม่ต้องมานั่งตบตีกับตัวเองในใจ แต่ติดตรงที่เจ้าตัวไม่อยู่ จะทำห่าอะไรก็ประดักประเดิดไปเสียหมด จากจะพักมาแดกเหล้าสักวันก็เป็นอันไม่ได้แดกเลยสักวัน เวรจริง ๆ
สองชั่วโมงต่อมา
หลังจากนั่งนิ่งในอิริยาบถเดิมอยู่นานจนตะคริวแทบกิน ร่างโปร่งกำยำก็ขยับตัวเป็นหนแรกด้วยการยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนได้ข้อสรุปว่าถึงเวลาที่คนบางคนควรพอได้แล้วจริง ๆ
ดวงตาคมกริบจ้องนิ่งกลับไปที่ตำแหน่งเดิม พร้อมกันเหล้าซึ่งรินไว้นานก็ถูกคว้าขึ้นดื่มจนหมด ฮาร์เปอร์หยัดกายขึ้นเต็มความสูง คว้ากุญแจรถกับสมาร์ตโฟนผละเดินออกจากที่นั่งในทันที คงไม่มีเวลาไหนทางสะดวกเท่าตอนนี้อีกแล้ว ตอนที่เพื่อนทุกตัวของเขาออกไปสูบบุหรี่ที่ด้านนอก
ฮาร์เปอร์สามารถบอกทุกคนได้ตามตรงด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทว่าจากบทสนทนาเมื่อสองชั่วโมงก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเดียวที่เป็นห่วงนับดาวมากเกินพอดี และเพราะนึกรำคาญที่จะต้องแจกแจงมุมมองส่วนตัว สุดท้ายจึงตัดสินใจฉายเดี่ยวโดยไม่ต้องทนฟังเสียงนกเสียงกาให้รำคาญใจ
“ดาว”
“หืม?”
เพียงเดินถึงโต๊ะของหญิงสาว ฮาร์เปอร์ก็คะเนได้ในทันทีว่าที่เขาคิดนั้นผิดไปหลายส่วน อาจเพราะเห็นเพียงด้านหลังของเจ้าตัวจากระยะไกลจึงไม่รู้ถึงระดับความมึนเมา ทว่าจากดวงตาเปิดปรือเพียงเล็กน้อยที่ได้เห็นในขณะนี้ บ่งชัดว่านับดาวตกอยู่ในสภาวะเตรียมคอพับหลับลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
คิ้วหนาเลื่อนขมวดเข้าหากัน เขาอดไม่ได้ที่จะกดสายตามองอย่างตำหนิ “พอ” ประกอบคำสั่งก็คว้าแก้วเหล้าจากมือเจ้าของ จังหวะนี้เองที่เพื่อนสนิทของอีกฝ่ายหันมาเห็นเขาเข้าพอดี
“อ้าวพี่เปอร์”
“ดาวต้องกลับแล้ว” เสียงเรียบตอบกลับคนหนึ่ง ทว่าสายตาดุ ๆ ยังคงกดมองที่ใบหน้าคุ้นเคย “พี่จะพากลับ”
“พี่มาจากไหน?” นับดาวที่สติสตางค์เริ่มไม่ครบร้อยจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ขมวดคิ้วงุนงง “ดาวออกมาเที่ยวกับเพื่อน…”
“เห็นแล้ว” ฮาร์เปอร์ก็เห็นอยู่ ตาเขาแทบค้างแข็งนานกว่าสองชั่วโมงจะไม่เห็นได้อย่างไร “เที่ยวพอแล้วก็กลับ”
“…” คนตัวเล็กยังคงนิ่งงัน งุนงงทั้งจากสติที่เหลือน้อยลง รวมถึงคำสั่งโดยไร้เหตุผลของเพื่อนพี่ชาย แต่แล้วก็ต้องตะกุกตะกักลนลานอย่างคนมีความผิด “พะ… พี่คลื่นมาเหรอ?”
“ไอ้คลื่นไม่ได้มา” ฮาร์เปอร์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะใช้มุกเดียวกันกับที่หญิงสาวเคยใช้กับเขาเมื่อคราวก่อนยกขึ้นขู่ “แต่ถ้าเธอไม่กลับ พี่จะโทรบอกมัน”
“…” คนฟังใช้เวลาประมวลผลนานกว่าอึดใจ โดยระหว่างนี้ก็มีเจ้าเอยพยายามช่วยพูดให้อีกแรง
“เดี๋ยวเอยไปส่งเองก็ได้นะ เอยไม่เมา”
“พี่ดูแลเอง” ร่างสูงยังคงตีหน้านิ่ง พร้อมกันมือกระด้างก็คว้าเข้าที่ข้อมือของคนเป็นน้อง เอ่ยสำทับย้ำในคำเดิมเพื่อข่มขู่ให้เกรงกลัว “ถ้าไม่กลับ คืนนี้พี่เธอได้รู้แน่”
“แต่พี่เปอร์…”
“ดาวห้ามดื้อกับพี่”
ท่ามกลางกระหึ่มเสียงเพลง รวมถึงเสียงจอแจของผู้คนผสานกับเสียงของดีเจ บทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ดำเนินไปโดยมีเพื่อนร่วมโต๊ะของหญิงสาวจับสายตามอง
แม้ต่างรู้ดีว่ารุ่นพี่หนุ่มเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายของนับดาว แต่ความงุนงงก็ฉายผ่านสีหน้าของทุกคน ฮาร์เปอร์โดดเด่นเกินกว่าใครในรอบบริเวณก็จริง แต่นาทีนี้เครื่องหน้าคมคายก็ราวกับต้องการจะกินหัวใครสักคน
“เมาขนาดนี้ ถ้าโดนใครลากไปไหนต่อไหนจะทำไง?” คนตัวโตชักหงุดหงิดขึ้นทุกที ยิ่งได้เห็นสายตากระหายจากมุมมืดมองมา เขาก็นึกอยากจะตะบันหน้าพวกแม่งให้รู้แล้วรู้รอดไปแต่แน่นอนว่าที่กำลังทำ… ก็แค่ทำหน้าที่แทนคนเป็นพี่ชาย
ก็ราวกับจะเป็นโชคของเขาเมื่อจู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากใครสักคนดังขึ้นพอดี แค่ได้เห็นชื่อซึ่งปรากฏบนหน้าจอ ลมหายใจซึ่งสะกดกลั้นก็ได้รับการระบายออก “ไอ้คลื่นโทรมาพอดี…”
“ยะ… อย่ารับนะ” คนเมาคว้าเข้าที่แขนแกร่งด้วยความตกใจ
ทว่าพร้อมกันวงแขนกว้างก็ตวัดเข้าที่บั้นเอวบางอย่างคนมีแต้มต่อ
“สรุปว่าไปได้ยัง?” ฮาร์เปอร์เลิกคิ้วตั้งคำถาม ทั้งอดไม่ได้ที่จะกระซิบให้อีกฝ่ายได้ยินแค่สองคนด้วยรำคาญใจเต็มทน “มีแต่ผู้ชายจ้องจะกิน ไม่รู้ตัวเลยรึไง”
สิบนาทีต่อมา
หลังจากบังคับให้หญิงสาวยอมกลับได้แล้ว ฮาร์เปอร์ก็เพิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายเมากว่าที่เขาคิด แสงไฟที่ด้านนอกทำให้เห็นได้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าผ่องขาวอย่างชัดเจน ระหว่างพาร่างบางเดินตุปัดตุเป๋ไปที่รถ เสียงเรียบก็พร่ำบ่นมาตลอดทางโดยที่คนฟังคล้ายจะไม่ได้ยิน
ในหลายจังหวะนับดาวราวกับจะล้มลงกอง ขาเรียวเล็กซึ่งโผล่พ้นชุดกระโปรงตัวสั้นเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทรงตัว จนเมื่อพ้นระยะสายตาของผู้คน ก็ฮาร์เปอร์เองที่ถือวิสาสะตวัดร่างเพรียวบางขึ้นอุ้ม
เขาจัดการให้คนเมานั่งประจำเบาะข้างคนขับ พร้อมทั้งจัดแจงคาดเข็มขัดนิรภัย ทว่านับดาวที่เคลิ้มหลับไปแล้วก็ขยับตัวอย่างอึดอัด ส่งผลให้ดวงตาคมพลั้งเผลอหลุบมองทรวงอกอวบอัดซึ่งเนื้อเต้าโดนสายคาดรัดรึง ไหนจะเดรสขนาดจิ๋วซึ่งเล็กเกินพอดีที่บริเวณส่วนที่ว่าก็ด้วย แค่ได้เห็นเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออกแทนเสียอย่างนั้น
“ดาว” ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาพยายามเขย่าปลุกคนซึ่งยังนอนนิ่ง และเพียงเปลือกตาบางเปิดปรือขึ้นมอง เสียงเรียบก็ตั้งคำถามทันที “เธออึดอัดรึเปล่า?”
“อือ” เจ้าของดวงตาฉ่ำปรือผงกศีรษะรับ ก่อนมือนุ่มจะคว้าจับเข้าที่ข้อแขนแข็งแรงอึกอักเสียงเบา “พี่จะไม่บอกพี่คลื่นใช่ไหมว่าดาว…”
“หนีเที่ยว?”
“อือ”
ความขบขันฉายผ่านดวงตาคม ทว่าใบหน้าหล่อก็ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย “แล้วจะดื้อแอบหนีมาแบบนี้อีกไหม?”
“ไม่ดื้อ” นัยน์ตาสุกใสกะพริบปริบอย่างคนว่าง่าย “พี่อยากให้ทำอะไร ดาวยอมหมดเลย”
ฮาร์เปอร์ถึงกับชะงักกับคำพูดแสนไร้เดียงสาที่ได้ฟัง ก่อนจะต้องตีหน้าเข้มในอีกวินาที “ห้ามไปพูดแบบนี้กับผู้ชายที่ไหน เข้าใจไหม?”
“อือ ดาว… ยอมให้พี่แค่คนเดียว”
“กับพี่ก็ห้ามพูด” ฮาร์เปอร์ได้แต่เตือนสติตัวเองว่าอีกฝ่ายกำลังเมา สุดท้ายจึงตกปากรับคำเพื่อปิดประเด็น “ถ้าสัญญากับพี่ว่าจะไม่ดื้อ ไอ้คลื่นจะไม่รู้”
“อือ” นับดาวพยักหน้ารับ และเพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจากความเมาทำให้เธอเผลอตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าสวยขยับเพียงเล็กน้อยก็ประทับจูบเข้าที่ข้างแก้มสากโดยไม่ทันได้หักห้ามใจ ทั้งสายตาก็ออดอ้อนโดยที่ไม่รู้ตัว “ดาวขอบคุณนะ”
พลันความเงียบก็เข้าครอบครองบรรยากาศนานกว่าอึดใจ…
มีเพียงสองสายตาเท่านั้นที่ประสานมองผ่านความสลัวราง…
“ดาว” ฮาร์เปอร์เลียริมฝีปากแห้งผากกับการกระทำที่เขาไม่คิดว่าน้องจะกล้า ถึงอยากจะจับตีก้นเสียให้เข็ดที่คนคออ่อนปล่อยให้ตัวเองเมาได้ขนาดนี้ ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงตำหนิด้วยสายตาดุ ๆ และยังไม่ทันได้เตือนสติ คนเมาก็หอมฟอดเข้าที่ข้างแก้มเขาอีกครั้งด้วยท่าทางเมาหนักอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าทำแบบนี้ ไม่ดี” เสียงเรียบเอ่ยอย่างยับยั้งชั่งใจ ทว่านัยน์ตาใสขณะนี้ก็ราวกับจะสื่อสารบางอย่าง เขาจึงต้องข่มขวัญให้อีกฝ่ายได้รู้สึกตัว “เธอทำแบบนี้ คนอื่นเขาจะคิดว่าไง?”
“คิดว่า… ยังไง…”
“อยากรู้?”
“…” นับดาวไม่ตอบ ทว่าก็กะพริบตาช้า ๆ ราวกับจะรอฟัง
“…” ฮาร์เปอร์รู้ดีว่าไม่ควรตักเตือนด้วยวิธีประเภทนี้ แต่แม้รู้ว่าไม่ถูกไม่ควร ทว่าใบหน้าคมคายก็คลอเคลียเข้าหาเจ้าของกลิ่นหอมยั่วยวนโดยขาดใจยั้งคิด
จมูกคมเป็นสันไล้ผ่านผิวแก้มนุ่มเนียน ก่อนส่วนปลายจะกดหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ พร้อมกันริมฝีปากอุ่นก็เฉียดผ่านตำแหน่งอันตราย
ขณะที่ดวงตาคมจ้องนิ่ง เสียงห้าวก็เอ่ยอย่างใจเย็น ต่างจากความรู้สึกทางเพศที่ ตอบสนอง ตรงไปตรงมาผ่านเป้ากางเกงซึ่งนาทีนี้บางสิ่งบางอย่างผงาดพาดขึ้นเป็นลำ
“รู้รึยังว่าคนอื่นเขาคิดยังไง?”
เขาทำขนาดนี้… นับดาวก็ควรต้องรู้ตัวสักทีว่ากำลังเล่นอยู่กับอารมณ์แบบไหนของผู้ชาย