“เธอเป็นว่าที่ภรรยาฉันเอง”
เอเบลพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วยังไม่ได้ทำความรู้จักกันกับหญิงสาวจริงๆ จังๆ เลยด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับขี้ตู่เอาว่าอีกฝ่ายคือว่าที่ภรรยาของตัวเองซะแล้ว “อย่ามาโกหกน่า...ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินนายท่านลูเซียโน่ กับมาดามเอวาน่าพูดถึงว่าที่คู่หมั้นของนายเลยสักที” โทนี่ไม่เชื่อเพื่อนสนิท เพราะเขาเองเป็นหมอประจำตระกูลวินเทอร์ มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องราวภายในของคนในตระกูล “อีกไม่นานก็ใช่แล้วไง... อืม...อาการของเธอยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกไหม ต้องพาเธอไปโรงพยาบาลหรือเปล่า” โทนี่อ้าปากค้าง เพราะทันทีที่เขาได้ฟังคำตอบของเอเบล เขาก็เข้าใจได้ในทันที ว่าเพื่อนสนิทคงจะชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ ถึงขั้นหมายตาเธอเอาไว้ให้เป็นว่าที่ภรรยาในอนาคต “อะ...แฮ่ม อืม...ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงแล้ว ให้เธอพักผ่อน แล้วถ้าเธอตื่นก็ให้ดื่มน้ำมากๆ แค่นั้นแหละ” นายแพทย์หนุ่มกระแอมไอก่อนที่จะตอบคำถามของเพื่อนสนิทออกมา ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผู้หญิงคนนี้กันแน่ ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นว่าที่ภรรยาของมาเฟียลำดับที่สองของตระกูลวินเทอร์โดยไม่รู้ตัว “ถ้าอย่างนั้น นายก็กลับไปได้แล้ว” เอเบลบอกหมอหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว โทนี่ถึงกับหน้าเหวอ เพราะถูกไอ้คนเอาแต่ใจตัวเองไล่กลับทันทีที่หมดประโยชน์ “อะไรกันวะ เพิ่งมาถึงได้ไม่นานก็จะไล่กันกลับซะแล้ว” “พรุ่งนี้เข้าเวรเช้าไม่ใช่เหรอ” เอเบลเดินกลับออกมาจากห้องแต่งตัว เขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเพราะชุดเดิมที่เคยสวมใส่อยู่มันเปียกไปหมด “เออ... แล้วนี่นายจะเอายังไงกับเรื่องนี้” โทนี่ถามพลางชี้ไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง “รับผิดชอบสิ ฉันพาเธอกลับมาบ้าน ถึงจะไม่ได้นอนกับเธอ แต่ถ้าคนอื่นรู้เข้า ชื่อเสียงของเธอก็เสียหายแล้ว” โทนี่มองบน เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่ามาเฟียหนุ่มจะสนใจสายตาของคนอื่นด้วย แถมยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษไม่แตะต้องหญิงสาวที่เหมือนเป็นอาหารจานหลักของมัน แล้วยังมีหน้าบอกว่าจะรับผิดชอบฝ่ายหญิงอีก “เอาที่นายสบายใจ” โทนี่คร้านจะเอ่ย เขาก้มหน้าลงมองนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือของตน ก่อนที่จะเอ่ยขอตัวลากลับจริงๆ เอเบลไม่ได้รั้งเพื่อนสนิทเอาไว้ เขากล่าวคำขอบคุณที่โทนี่ไม่ค่อยจะได้ฟังจากปากของมาเฟียหนุ่ม ทำเอาโทนี่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาพยักหน้าแล้วคว้ากระเป๋าเครื่องมือเดินออกจากห้องไป เอเบลหันกลับมาสนใจหญิงสาว ใบหน้าสวยที่เคยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ตอนนี้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เขามองหน้าเธออย่างหลงใหล มาเฟียหนุ่มเดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆ คนที่นอนหลับตาพริ้ม ราวกับเป็นลูกแมวน้อย มือหนายื่นไปสัมผัสใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะชักมือของตนกลับมา แล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนต่อสายหาพี่ชาย “ดอฟ เพื่อนๆ ของน้องสะใภ้กลับโรงแรมกันหรือยัง” “อือ...กำลังจะกลับกันพอดี ทำไม...มีอะไรกับพวกเขาหรือเปล่า” ปลายสายตอบก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับฉัน” เอเบลบอกพี่ชาย “ผู้หญิงคนไหนวะ” การที่มีผู้หญิงอยู่กับน้องชายถือเป็นเรื่องปกติ เอวานเลยถามแค่ว่าผู้หญิงที่อยู่กับน้องชายคือใคร “ก็คนที่ผมบอกว่าสนใจในงานแต่งของเดลไง” เอวานรีบเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ทันที สายตาของเขาก็มองสำรวจไปยังกลุ่มของเพื่อนน้องสะใภ้ ก็ไม่พบหญิงสาวคนที่น้องชายสนใจจริงๆ “นายล่อลวงเธอไปหรือไง” เขาเค้นถามเอเบลออกมาทันที “ถามผู้หญิงของพี่ดูเถอะ หวังดีกับผมจนเกินเหตุ” เอวานมองไปยังรีน่าที่ยืนอยู่ในกลุ่มของเธอแล้วรีบซักไซ้น้องชายออกมาทันที “เกิดอะไรขึ้น...รีน่ามาเกี่ยวอะไรด้วย” “เรื่องมันยาว แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับผม ฝากพี่ช่วยบอกเพื่อนๆ ของเธอด้วยว่า รอให้เธอตื่นเดี๋ยวผมจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมเอง” เมื่อจบประโยคเอเบลก็วางสายไป มีแต่เอวานที่ยังคงรู้สึกงุนงง ยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ทำตามที่น้องชายขอร้องมาแต่โดยดี เขาเดินกลับเข้ามาหากลุ่มเพื่อนของน้องสะใภ้ แล้วพูดออกมาโดยเติมแต่งเรื่องราวเข้าไป “ทุกคนครับ เกิดเรื่องขึ้นกับผู้หญิงในกลุ่มของพวกคุณ แต่ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว เอเบลน้องชายของผมเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ตอนนี้เธออยู่กับเขา แต่ยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่ ถ้าเธอตื่นน้องชายของผมบอกว่าจะไปส่งเธอที่โรงแรมเองครับ” คนทั้งกลุ่มต่างพากันรู้สึกตกอกตกใจ เมื่อได้รับรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับอิงวรา เพราะทุกคนต่างพากันคิดว่าอิงวรากลับโรงแรมไปแล้วตามที่ธัญญ่าบอก เจ้ลูซี่จึงหันไปถามย้ำกับธัญญ่า ผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบสาว เธอก็ยืนยันว่าอิงวราเป็นคนบอกกับเธอเอง ว่าขอตัวกลับโรงแรมไปก่อน เธอเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับอิงวรา โชคดีที่คุณเอเบลช่วยเหลือนางแบบสาวไว้ทัน ไม่อย่างนั้นธัญญ่าเองก็คงจะนึกโทษตัวเองเหมือนกัน เมื่อได้ยินว่าพี่ชายของเจ้านายจะพาอิงวรากลับไปส่งที่โรงแรม ทุกคนจึงขอตัวพากันกลับโรงแรมทันที เอวานจึงช่วยอำนวยความสะดวกโดยการให้ลูกน้องขับรถไปส่ง พวกเจ้ลูซี่ต่างพากันขอบคุณพี่ชายของเจ้านายก่อนที่จะจากกัน เอวานเองรู้สึกละอายใจที่เรื่องจริงไม่ใช่แบบที่เขาเล่ามาทั้งหมด แต่ก็ยอมรับคำขอบคุณของทุกคนแต่โดยดี หลังจากรถตู้ที่พากลุ่มของน้องสะใภ้ออกจากหน้าไนต์คลับไป มาเฟียหนุ่มจึงหันกลับไปมองรีน่าด้วยแววตาขุ่นเคือง คืนนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเธอ นางแบบสาวเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าความหวังดีของเธอ กำลังจะกลับมาทำลายตัวของเธอเองเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมา เป็นท่วงทำนองแสนหวาน แขกที่มาร่วมงาน ต่างเฝ้ามองไปยังเวที ที่ทอดยาวไปข้างหน้า แสงไฟจากสปอตไลท์สาดส่องไปยังเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาว ที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับเจ้าสาว แสนสวย ด้านหลังของทั้งคู่ ยังมีเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวเดินตามมาด้วยระหว่างทางเอเบล เหลือบมองเจ้าสาวของเขาเป็นระยะ วันนี้อิงวราในชุดเจ้าสาวแบบสากลสวยมากจริงๆ เธอทำให้เขาตกหลุมรักเธอ จนนับครั้งไม่ถ้วน จะพูดไปก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เพราะต่างก็ไม่มีใครคิดว่าคำพูดของเขาในวันนั้นจะเป็นเรื่องจริงจัง แต่ในวันนี้เขากลับได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขาตกหลุมรักนางแบบสาวชาวไทยตั้งแต่แรกเห็น และมีความคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอจริง ๆสองบ่าวสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางเวที พิธีการดำเนินไปอย่างชื่นมื่น พิธีกรดำเนินรายการไปตามขั้นตอน มีพิธีการตัดเค้ก และดื่มแชมเปญ เพื่อแสดงความยินดี บ่าวสาวจุมพิตกันจากนั้นวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้น ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว และแขกผู้มาร่วมงานพากันจับคู่เต้นรำ อิงวราอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าบ่าวสุดหล่อ“คุณเชื่อไหม...ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คือภา
หลังจากอิงวราแต่งงานกับเอเบลได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน นางศิริลักษณ์ก็ตัดสินใจละทางโลก มุ่งหน้าสู่ทางธรรม ปลงผมบวชชี ตามความตั้งใจเดิม ที่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนืออิงวราได้เดินทางมาส่งมารดา เธอรู้สึกตื้นตันใจ ที่ในท้ายที่สุดแล้ว มารดาก็ได้เลือกเดินไปบนเส้นทางแห่งธรรม ยอมละทิ้งทางโลก ที่มีแต่กับดักทำให้คนตกลงไปที่ผ่านมามารดาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ไม่ยอมรับสถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาระหนี้สิน ที่สร้างความลำบากให้แก่เธอมากมายแต่อิงวราก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองมารดาเลย ก่อนที่อิงวราจะลามารดากลับกรุงเทพฯ แม่ชีศิริลักษณ์ก็ได้อวยพรให้ลูกสาว มีความสุขในชีวิต อิงวราก้มกราบเท้ามารดา แล้วจึงออกเดินทางกลับเพื่อไปทำหน้าที่ของตนต่อผู้จัดการส่วนตัวที่มาด้วยกัน มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความเป็นกังวลของนางแบบสาวก็พอเข้าใจ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือน อิงวราก็ต้องเดินทางไปแต่งงานที่เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วและหลังจากนั้น หญิงสาวก็ต้องติดตามสามี ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะเอเบล สามีของเธอทำธุรกิจ และมีอำนาจของตระกูลอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้อิงวราต้องติดตามเอเบลไปอาศัยอยู
“บัดนี้ขอประกาศว่า มิสเตอร์เอเบล วินเทอร์ และนางสาวอิงวรา หงส์สิริภา เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ขอพระเจ้าอวยพร”หลังจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมแหวนให้กันและกัน บาทหลวงก็ได้ประกาศสถานะ ให้แก่คนทั้งสอง จากนั้นเจ้าบ่าวจึงรั้งร่างบางของเจ้าสาว ให้เข้ามาในอ้อมแขน แล้วมอบจุมพิตอันแสนหวานให้กับเธอมีเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่แซวดังขึ้น ช่างภาพภายในงานที่มีอยู่กันหลายคน ต่างก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศแห่งความประทับใจของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในครั้งนี้เอาไว้หลังจากพิธีอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้เชิญให้ทุกคน อยู่กินเลี้ยงร่วมกันต่อดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นมา เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เต้นรำ เพื่อนๆ พากันรุมล้อมทั้งสองเอาไว้นางศิริลักษณ์มองไปยังบุตรสาวที่กำลังเต้นรำกับชายหนุ่มที่สวมสูทสีขาวสะอาด นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุข และความรู้สึกปล่อยวางได้เห็นอิงวราในวันที่มีความสุขเช่นนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดให้เธอต้องเป็นห่วงหรือกังวลใจในตัวบุตรสาวอีกแล้วนางศิริลักษณ์ดึงสายตากลับมา พูดคุยกับมาดามเอวาน่า ตอนนี้เธอกำลังนั่งร่วมโต๊ะ อยู่
สามเดือนต่อมาณ ชายทะเลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย สถานที่แห่งนี้ถูกเนรมิต ให้กลายเป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงาน ของทายาทมาเฟียระดับโลก อย่างลูกชายคนที่สอง ของตระกูลวินเทอร์ กับนางแบบสาวชาวไทย แขกที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้ กลับมีเพียงแค่คนสนิทของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวเท่านั้นนั่นก็เป็นเพราะความต้องการของเจ้าสาว ที่อยากจะจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ในสถานที่ที่ถูกเจ้าบ่าวขอแต่งงาน มีคนสนิทมาร่วมเป็นสักขีพยานแต่อีกสองเดือนหลังจากนี้ พิธีฉลองมงคลสมรสที่แท้จริง จะถูกจัดขึ้นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ที่เมืองชิคาโก้ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายเจ้าบ่าวมิสเตอร์และมิสซิสวินเทอร์ อย่างนายลูเซียโน และมาดามเอวาน่า พร้อมด้วยครอบครัวของเอเดน และเอวาน พี่ชายคนโตของเอเบล ก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน ให้กับทายาทคนที่สองของตระกูลวินเทอร์ ที่กำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวของตัวเอง“เอวาน...น้อง ๆ ก็แต่งงาน มีครอบครัวกันหมดแล้ว เราล่ะ...เมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างเขาสักที”นายลูเซียโน เอ่ยปากถามบุตรชายค
“พระอาทิตย์ตกดินสวยจังเลยค่ะ”“ชอบไหม” อิงวราหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลา“ชอบค่ะ”"ชอบผมหรือชอบทะเลกว่ากัน" เสียงทุ้มดังมาจากข้างใบหู"ก็ต้องชอบคุณมากกว่าอยู่แล้วสิคะ" เสียงหวานตอบออกมาเจือความขบขันเอเบลโน้มใบหน้าลงไป จุมพิตที่แก้มเนียนของเธอ อิงวราหลับตาพริ้ม ซึมซับความสุขที่มาเฟียหนุ่มมอบให้ ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะยืนกอดกัน มองพระอาทิตย์ดวงโต ที่ค่อยๆ จมหายไปกับท้องทะเลหลังจากที่พระอาทิตย์ยามเย็น หายไปในท้องทะเลแล้ว แสงจากหลอดไฟบนเสาไฟสูง ที่เรียงรายอยู่ริมชายหาด ก็ถูกเปิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เอเบลจูงมืออิงวรา พาเธอเดินกลับไปยังสถานที่เดิมตอนนี้สถานที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปถึง เบื้องหน้าจึงมีซุ้มดอกไม้สีขาว ผ้าสีขาวปลิวไสว รายล้อมไปด้วยไฟประดับและบนหาดทรายมีเทียนที่ถูกปักเอาไว้ เป็นคำว่า Will You Marry Me? อิงวราได้เห็นภาพเบื้องหน้าก็ใจเต้นแรง เธอหันกลับมามองแฟนหนุ่มเอเบลคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นทราย เข่าอีกข้างหนึ่งชันขึ้น มือหนาล้วงกล่องแหวนออกมาจาก
เสียงคลื่นซัดสาดกระทบเข้าฝั่ง ดังปะปนไปกับเสียงของเพลงเบาๆ หลังจากที่เอเบลกินอิงวราจนเป็นที่พอใจ และนอนพักผ่อนเอาแรง จนพละกำลังฟื้นกลับคืนมาเต็มที่แล้ว เขาก็ได้พาหญิงสาว ออกมานั่งกินปิ้งย่างที่ริมทะเล ตามความต้องการของเธอนางแบบสาวนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะ แต่สุดท้ายแล้วใบหน้าสวย ก็คลี่คลายความขุ่นเคือง ที่มีอยู่บนใบหน้าลง นั่นก็เป็นเพราะกุ้งตัวใหญ่ในจานตรงหน้า ซึ่งเอเบลเป็นคนที่คอยแกะเปลือก ให้กับเธอด้วยมือของเขาเอง“กินเยอะๆ นะที่รัก ผมว่าคุณผอมเกินไปแล้ว” เอเบลเอ่ยขณะวางกุ้งเผาแกะเปลือกตัวที่สอง ลงบนจานให้กับแฟนสาว“อิงค์ผอมเหรอคะ อิงค์ว่าหลังจากที่คุณกลับไปครั้งก่อน น้ำหนักอิงค์ก็ขึ้นมาตั้งสองกิโล” อิงวราตาโต พลางถามเขาออกมาอย่างไม่อยากเชื่อเอเบลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทำเพียงส่งยิ้มให้กับเธอ มือหนายังคงแกะกุ้ง ที่จอร์ชกับเดวิดทำหน้าที่ย่าง ให้กับพวกเขาจนสุกแล้ว วางลงบนจานให้กับเธออย่างต่อเนื่องบอดี้การ์ดทั้งสี่ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง แดนกับเพื่อนชาวไทยของเขา คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รอบๆ บริเวณนี้ ให้แก่เจ้านายทั้งสอง&ldq