“เธอเป็นว่าที่ภรรยาฉันเอง”
เอเบลพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วยังไม่ได้ทำความรู้จักกันกับหญิงสาวจริงๆ จังๆ เลยด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับขี้ตู่เอาว่าอีกฝ่ายคือว่าที่ภรรยาของตัวเองซะแล้ว “อย่ามาโกหกน่า...ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินนายท่านลูเซียโน่ กับมาดามเอวาน่าพูดถึงว่าที่คู่หมั้นของนายเลยสักที” โทนี่ไม่เชื่อเพื่อนสนิท เพราะเขาเองเป็นหมอประจำตระกูลวินเทอร์ มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องราวภายในของคนในตระกูล “อีกไม่นานก็ใช่แล้วไง... อืม...อาการของเธอยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกไหม ต้องพาเธอไปโรงพยาบาลหรือเปล่า” โทนี่อ้าปากค้าง เพราะทันทีที่เขาได้ฟังคำตอบของเอเบล เขาก็เข้าใจได้ในทันที ว่าเพื่อนสนิทคงจะชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ ถึงขั้นหมายตาเธอเอาไว้ให้เป็นว่าที่ภรรยาในอนาคต “อะ...แฮ่ม อืม...ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงแล้ว ให้เธอพักผ่อน แล้วถ้าเธอตื่นก็ให้ดื่มน้ำมากๆ แค่นั้นแหละ” นายแพทย์หนุ่มกระแอมไอก่อนที่จะตอบคำถามของเพื่อนสนิทออกมา ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผู้หญิงคนนี้กันแน่ ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นว่าที่ภรรยาของมาเฟียลำดับที่สองของตระกูลวินเทอร์โดยไม่รู้ตัว “ถ้าอย่างนั้น นายก็กลับไปได้แล้ว” เอเบลบอกหมอหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว โทนี่ถึงกับหน้าเหวอ เพราะถูกไอ้คนเอาแต่ใจตัวเองไล่กลับทันทีที่หมดประโยชน์ “อะไรกันวะ เพิ่งมาถึงได้ไม่นานก็จะไล่กันกลับซะแล้ว” “พรุ่งนี้เข้าเวรเช้าไม่ใช่เหรอ” เอเบลเดินกลับออกมาจากห้องแต่งตัว เขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเพราะชุดเดิมที่เคยสวมใส่อยู่มันเปียกไปหมด “เออ... แล้วนี่นายจะเอายังไงกับเรื่องนี้” โทนี่ถามพลางชี้ไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง “รับผิดชอบสิ ฉันพาเธอกลับมาบ้าน ถึงจะไม่ได้นอนกับเธอ แต่ถ้าคนอื่นรู้เข้า ชื่อเสียงของเธอก็เสียหายแล้ว” โทนี่มองบน เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่ามาเฟียหนุ่มจะสนใจสายตาของคนอื่นด้วย แถมยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษไม่แตะต้องหญิงสาวที่เหมือนเป็นอาหารจานหลักของมัน แล้วยังมีหน้าบอกว่าจะรับผิดชอบฝ่ายหญิงอีก “เอาที่นายสบายใจ” โทนี่คร้านจะเอ่ย เขาก้มหน้าลงมองนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือของตน ก่อนที่จะเอ่ยขอตัวลากลับจริงๆ เอเบลไม่ได้รั้งเพื่อนสนิทเอาไว้ เขากล่าวคำขอบคุณที่โทนี่ไม่ค่อยจะได้ฟังจากปากของมาเฟียหนุ่ม ทำเอาโทนี่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาพยักหน้าแล้วคว้ากระเป๋าเครื่องมือเดินออกจากห้องไป เอเบลหันกลับมาสนใจหญิงสาว ใบหน้าสวยที่เคยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ตอนนี้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เขามองหน้าเธออย่างหลงใหล มาเฟียหนุ่มเดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆ คนที่นอนหลับตาพริ้ม ราวกับเป็นลูกแมวน้อย มือหนายื่นไปสัมผัสใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะชักมือของตนกลับมา แล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนต่อสายหาพี่ชาย “ดอฟ เพื่อนๆ ของน้องสะใภ้กลับโรงแรมกันหรือยัง” “อือ...กำลังจะกลับกันพอดี ทำไม...มีอะไรกับพวกเขาหรือเปล่า” ปลายสายตอบก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับฉัน” เอเบลบอกพี่ชาย “ผู้หญิงคนไหนวะ” การที่มีผู้หญิงอยู่กับน้องชายถือเป็นเรื่องปกติ เอวานเลยถามแค่ว่าผู้หญิงที่อยู่กับน้องชายคือใคร “ก็คนที่ผมบอกว่าสนใจในงานแต่งของเดลไง” เอวานรีบเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ทันที สายตาของเขาก็มองสำรวจไปยังกลุ่มของเพื่อนน้องสะใภ้ ก็ไม่พบหญิงสาวคนที่น้องชายสนใจจริงๆ “นายล่อลวงเธอไปหรือไง” เขาเค้นถามเอเบลออกมาทันที “ถามผู้หญิงของพี่ดูเถอะ หวังดีกับผมจนเกินเหตุ” เอวานมองไปยังรีน่าที่ยืนอยู่ในกลุ่มของเธอแล้วรีบซักไซ้น้องชายออกมาทันที “เกิดอะไรขึ้น...รีน่ามาเกี่ยวอะไรด้วย” “เรื่องมันยาว แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับผม ฝากพี่ช่วยบอกเพื่อนๆ ของเธอด้วยว่า รอให้เธอตื่นเดี๋ยวผมจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมเอง” เมื่อจบประโยคเอเบลก็วางสายไป มีแต่เอวานที่ยังคงรู้สึกงุนงง ยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ทำตามที่น้องชายขอร้องมาแต่โดยดี เขาเดินกลับเข้ามาหากลุ่มเพื่อนของน้องสะใภ้ แล้วพูดออกมาโดยเติมแต่งเรื่องราวเข้าไป “ทุกคนครับ เกิดเรื่องขึ้นกับผู้หญิงในกลุ่มของพวกคุณ แต่ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว เอเบลน้องชายของผมเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ตอนนี้เธออยู่กับเขา แต่ยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่ ถ้าเธอตื่นน้องชายของผมบอกว่าจะไปส่งเธอที่โรงแรมเองครับ” คนทั้งกลุ่มต่างพากันรู้สึกตกอกตกใจ เมื่อได้รับรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับอิงวรา เพราะทุกคนต่างพากันคิดว่าอิงวรากลับโรงแรมไปแล้วตามที่ธัญญ่าบอก เจ้ลูซี่จึงหันไปถามย้ำกับธัญญ่า ผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบสาว เธอก็ยืนยันว่าอิงวราเป็นคนบอกกับเธอเอง ว่าขอตัวกลับโรงแรมไปก่อน เธอเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับอิงวรา โชคดีที่คุณเอเบลช่วยเหลือนางแบบสาวไว้ทัน ไม่อย่างนั้นธัญญ่าเองก็คงจะนึกโทษตัวเองเหมือนกัน เมื่อได้ยินว่าพี่ชายของเจ้านายจะพาอิงวรากลับไปส่งที่โรงแรม ทุกคนจึงขอตัวพากันกลับโรงแรมทันที เอวานจึงช่วยอำนวยความสะดวกโดยการให้ลูกน้องขับรถไปส่ง พวกเจ้ลูซี่ต่างพากันขอบคุณพี่ชายของเจ้านายก่อนที่จะจากกัน เอวานเองรู้สึกละอายใจที่เรื่องจริงไม่ใช่แบบที่เขาเล่ามาทั้งหมด แต่ก็ยอมรับคำขอบคุณของทุกคนแต่โดยดี หลังจากรถตู้ที่พากลุ่มของน้องสะใภ้ออกจากหน้าไนต์คลับไป มาเฟียหนุ่มจึงหันกลับไปมองรีน่าด้วยแววตาขุ่นเคือง คืนนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเธอ นางแบบสาวเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าความหวังดีของเธอ กำลังจะกลับมาทำลายตัวของเธอเองแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาภายในห้อง ปะทะเข้ากับใบหน้าสวยที่ยังคงหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ เรียวแขนของเธอโอบกอดร่างหนาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เอเบลลืมตาตื่นขึ้นมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ลุกไปจากเตียง เขายังคงยินยอมให้เธอโอบกอดด้วยความเต็มใจ เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาต้องอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ใคร่ จนต้องไปจัดการตัวเองในห้องน้ำถึงสองครั้งสองครา ถึงแม้เขาจะไม่ได้ล่วงเกินหญิงสาว จนทำให้เธอเสียหาย แต่เขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษขนาดนั้นมือเล็กลูบไล้ไปบนแผงอกหนั่นแน่น ความเย็นจากผิวกายที่ได้สัมผัส ทำให้อิงวราคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง เปลือกตาคู่บางค่อยๆ เปิดออก ก่อนที่หญิงสาวจะชักมือที่กำลังลูบไล้แผงอกที่เปลือยเปล่าของชายหนุ่ม กลับมาด้วยความตกใจ อิงวรารีบพลิกกายกลับมานอนตรงๆ แต่ยังไม่กล้าที่จะลุกขึ้นในทันทีทันใด เพราะตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวว่าเธอนอนอยู่กับใคร และเธอกับคนข้างกายมีความสัมพันธ์ทางกายกันไปแล้วหรือยัง“ตื่นแล้วเหรอคุณ” เสียงทุ้มสำเนียงอเมริกันดังออกมาจากริมฝีปากหนาของชายหนุ่มอิงวราหันหน้าไปมองคนข้างๆ พอเห็นว่าเขาเป็นใครก็ต้องตกใจปนโล่งใจ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาสำรวจตัว
ฝรั่งหนุ่มนั่งไขว่ห้างกำลังอ่านบางสิ่งบางอย่างในสมาร์ทโฟนเครื่องหรู อยู่ที่เก้าอี้หัวโต๊ะของโต๊ะอาหารตัวยาว อิงวรามองเห็นเขาครั้งแรกก็ชะงักเท้า เธอยอมรับเลยว่าฝรั่งหนุ่มตรงหน้านั้น มีหน้าตาที่หล่อเหลา เป็นสเปกของสาวๆ หลายๆ คน หากเธอไม่ถูกเขาล่วงเกินเมื่อคืน เธอเองก็คงคิดกับเขาในแง่ดีเช่นกัน แต่หลังจากผ่านค่ำคืนที่เธอจดจำอะไรไม่ได้มาแล้ว ทำให้เธอมองเขาไม่ดี“นายคะ มาดามมาแล้วค่ะ”แม่บ้านรายงานมาเฟียหนุ่ม เขาเงยหน้าละสายตาจากตัวหนังสือในสมาร์ทโฟนราคาแพงที่อยู่ในมือแล้วมองไปยังร่างระหงที่ยืนอยู่หลังแม่บ้านของตน“เชิญนั่งก่อนสิคุณ กินมื้อเช้าก่อนแล้วผมจะพาไปส่งที่โรงแรม” เขาผายมือเชื้อเชิญแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นที่เคยได้ยิน แม่บ้านรู้หน้าที่จึงรีบผละตัวออกจากบริเวณนี้ไป“กระเป๋าฉันอยู่ไหนคะ คุณเห็นกระเป๋าฉันหรือเปล่า” เพราะเธออยากใช้สมาร์ทโฟนเพื่อติดต่อหาผู้จัดการส่วนตัวจึงไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกเธอมา“กินมื้อเช้าก่อนเถอะครับ กระเป๋าคุณอยู่ในห้องนอนนั่นแหละ ไม่หายไปไหนหรอก” มาเฟียหนุ่มบอกหญิงสาวยิ้มๆ“ฉันก็ไม่ได้กลัวว่ามันจะหายไปไหน ฉันเพียงแค่อยากจะใช้โทรศัพท์ โ
ภายในรถตู้คันหรูสีดำ ที่ติดกระจกนิรภัยกันกระสุนรอบคัน มีหญิงสาวร่างบางนั่งตัวตรงอยู่ตรงเบาะข้างๆ ของชายหนุ่มรูปร่างกำยำ บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ จนชายหนุ่มอดที่จะเหลือบมองใบหน้าสวยที่เอาแต่สนใจมองไปข้างหน้าไม่ได้ ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะยกมือหนาขึ้นมา แล้วใช้นิ้วเขี่ยแก้มเนียนของเธอเบาๆ หญิงสาวสะดุ้งเหลียวมองคนข้างกาย ก่อนที่จะเอ่ยปากถามเขาเสียงดัง“ทำอะไรคะ”แววตาของเธอที่มองมายังเขา อย่างไม่เกรงกลัว ทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาเขายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน ที่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนแมวเหมียวได้ขนาดนี้“มากกว่านี้พวกเราก็ทำกันมาแล้ว คุณยังจะมาหวงอะไรกับแค่การที่ผมใช้นิ้วเขี่ยแก้ม หรือคุณชอบให้ผมใช้นิ้วเขี่ยข้างล่างของคุณมากกว่า”อิงวราหน้าตึงทันที จะยกมือขึ้นปิดปากเขาก็ไม่ทัน ลูกน้องสองคนที่นั่งข้างหน้าคงจะได้ยินกันหมดแล้ว ใบหน้าสวยร้อนผ่าวพลันสะบัดใบหน้าหนีมาเฟียหนุ่มทันที ไม่รู้ว่าเธอจะเดตกับเขาไหวหรือเปล่า ก็ในเมื่อเขาปากสว่างเสียขนาดนี้เอเบลหัวเราะดังในลำคอ ก่อนที่เขาจะหลับตาลง เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ เป็นเพราะหญิงสาวข้างๆ คนเดียว ที่ทำให้เขาต้องหักห้ามใจ ทำตัวเ
“ไม่ยากจริงๆ นั่นแหละ เห้ย!! รีบออกรถสิ ฉันง่วงนอนแล้ว”เอเบลพึมพำออกมา ก่อนที่เขาจะส่งเสียงดังสั่งลูกน้อง เขาง่วงนอนจริงๆ เพราะเมื่อคืน เขาต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ล่วงเกินหญิงสาว จนเขาต้องลุกไปช่วยเหลือตัวเองอยู่หลายครั้ง ชีวิตเขาไม่เคยต้องมาอดทนอดกลั้นเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงได้ขนาดนี้ หากนี่ไม่ใช่การที่เขาตกหลุมรักเธอคนนี้แล้วจริงๆ ถ้าอย่างนั้นมันจะเรียกว่าอาการอะไรไปได้อีกบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองสะดุ้ง ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถรีบออกรถทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเจ้านาย นี่สิถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้านายที่พวกเขารู้จัก ถึงแม้เจ้านายจะเป็นคนที่ขี้เล่น และทำตัวสบายๆ มากกว่าพี่น้องคนอื่น แต่ก็มีนิสัยจริงจังและโหดเหี้ยมอยู่ในสายเลือดไม่แพ้กัน ถ้าไม่อย่างนั้นจะดูแลลูกน้องทั้งทวีปได้อย่างไรอิงวรากลับถึงห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เดินขึ้นลิฟต์มาได้เพียงห้านาที ผู้จัดการส่วนตัวนั่งรอเธออยู่อย่างกระวนกระวายใจ เพราะได้ข่าวแค่ว่าเธอเกิดเรื่อง แล้วถูกเอเบลช่วยเหลือเอาไว้จากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอได้แต่โทษตัวเองที่ปล่อยให้นางแบบสาวที่เธอดูแล กลับโรงแรมตามลำพัง“พี่ธัญญ่า อย่
ณ ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมืองชิคาโก้ วันนี้ทางร้านได้มีโอกาสต้อนรับทายาทมาเฟียตระกูลดังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้พนักงานทุกคนต่างพากันตัวเกร็ง ไม่กล้ากระทำการใดๆ ให้มาเฟียหนุ่มหน้าตาดี ที่ควงสาวสวยชาวเอเชีย มาดินเนอร์ที่นี่ต้องรู้สึกขุ่นเคืองใจวันนี้เอเบลลงทุนปิดร้านอาหารชื่อดังร้านนี้ ก็เพื่อมาเดตกับอิงวราโดยเฉพาะ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมาก่อน และดูเหมือนว่าพวกพนักงานที่เคยได้ยินข่าวมาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ว่าหญิงสาวที่มาเฟียหนุ่มควงมาในวันนี้ ดูเป็นคนสำคัญของเขามากกว่าคู่ขาหรือคู่ควงทั่วไป“นี่คุณปิดร้านนี้เหรอคะ” อิงวราถามเขาออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีลูกค้าที่อยู่ในร้านเลยสักคน“ก็คุณบอกผมว่าไม่อยากเป็นข่าว ผมทำแบบนี้คงไม่ผิดหรอกใช่ไหม”อิงวราหมดคำจะเอ่ย บริกรของร้านเข้ามารับรายการอาหารอย่างกล้าๆ กลัวๆ อิงวรามองอาการของพนักงานแล้วก็รู้สึกเห็นใจ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นเป็นคนโหดร้ายถึงขนาดไหน ถึงได้ทำให้คนอื่นรู้สึกเกรงกลัวเขาได้ขนาดนี้สองหนุ่มสาวนั่งดินเนอร์กันใต้แสงเทียน เสียงดนตรีดังขึ้นให้บรรยากาศโรแมนติก อิงวรา
“ผมชื่อเอเบล วินเทอร์ ชื่อเล่นว่า เดฟ อายุสามสิบสองปี อาชีพนักธุรกิจ เกิดที่เมืองชิคาโก้ แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ ครอบครัวของผมก็อย่างที่คุณรู้ มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน”เอเบลแนะนำตนเองออกมาให้หญิงสาวฟังบ้าง นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ของมาเฟียหนุ่ม เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน“เดฟ...”อิงวราเรียกชื่อเล่นของเขาออกมาพลางยิ้มหวานให้ มาเฟียหนุ่มใจเต้นแรงตอนที่มองเห็นรอยยิ้มนี้อีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน“นี่ก็ดึกแล้ว อิงค์ว่าเรากลับกันเถอะค่ะ”เพราะเธอเอ่ยปากชวนเขากลับนั่นเอง เขายังรู้สึกว่าเวลาที่เขาได้ใช้กับเธอ เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเลยด้วยซ้ำ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย“กลัวผู้จัดการลงโทษเหรอครับ กลับดึกนิดหน่อยเธอคงไม่ว่าหรอก อีกอย่างคุณก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำงานเสียหน่อย” เอเบลเย้าแหย่หญิงสาวตรงหน้า“การนอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะค่ะ”อิงวราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้เวลากับเขาให้มากจนเกินไป เพราะถ้าถึงวันที่เธอต้องกลับประเทศไทย เธอกลัวว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขาจะเปลี่ยนไป“วันนี้เดตวันแรก ผมจะไม่ขัดใจคุณก็แล้วกัน แต่ถ้าวันต่อๆ ไป ต้องแล้วแต่ผ
อิงวรากลับมาถึงห้องพัก ก็พบว่าพี่ธัญญ่า ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ ไม่ได้อยู่ที่ห้องพักอย่างที่เธอคาดเดา นางแบบสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะเธอยังไม่พร้อม ที่จะตอบคำถามของผู้จัดการส่วนตัวในตอนนี้ ร่างระหงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำก่อนเข้านอนระหว่างที่เธอกำลังใช้ไดร์เป่าผม ที่ยังคงเปียกชื้นอยู่นั้น เสียงของสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ถูกวางเอาไว้บนเตียงก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงวางไดร์เป่าผมลง แล้วเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนที่กำลังส่งเสียงร้องอยู่ ขึ้นมาดูรายชื่อ ของผู้ที่ติดต่อเข้ามามุมปากยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะสัมผัสหน้าจอ เพื่อเป็นการรับสาย สงสัยเขาคงจะกลับถึงเพ้นท์เฮ้าส์ท์แล้ว ถึงได้โทรมาหาเธอในตอนนี้“ฮัลโหล...” เสียงหวานส่งไปยังปลายสาย“คุณนอนหรือยัง ผมถึงเพ้นท์เฮ้าส์ครับ” มาเฟียหนุ่มรายงานออกมา เขาไม่เคยปฏิบัติกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน นอกจากมารดาคนเดียวเท่านั้น“ยังค่ะ...ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เอ่อ...เรื่องนี้ คุณไม่เห็นจะต้องโทรมารายงานฉันเลยค่ะ” อิงวราตอบปลายสายกลับไปยิ้มๆ ระหว่างที่เธอเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง“ผมกลัวว่าคุณจะเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ หรือว่าคุณไม่ได้สนใจอะไร”
หลังจากที่เครื่องบินลอยอยู่เหนือท้องฟ้านานเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็นักบินก็ประกาศลงจอดเสียที อิงวราถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เอเบลที่จิบไวน์อยู่ แอบปรายตามองหญิงสาวด้วยแววตาขบขัน ทว่าเขากลับเลือกที่จะไม่เปิดโปงให้เธอได้อาย“ถึงแล้วครับ ผมรับรองว่าคุณต้องชอบ” เอเบลลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือไปให้หญิงสาวจับอิงวรารู้สึกว่าตนเองวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย จากการนั่งเครื่องบินเล็กที่ไม่คุ้นชิน จึงยอมวางมือลงไปบนมือหนาของเขาแต่โดยดีสองหนุ่มสาวเดินกุมมือกัน ลงจากเครื่องบินส่วนตัวไป ทว่าบรรยากาศด้านนอก นอกจากที่อิงวราจะได้เห็นวิวของท้องทะเลสีฟ้าครามแล้ว ยังมองเห็นว่ามีบรรดาชายชุดดำ ยืนเรียงแถวกันอยู่ยาวเหยียดสองฝั่งซ้ายขวา ราวกับว่ากำลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่และก็เป็นไปอย่างที่อิงวราคิด พอเอเบลพาเธอก้าวเท้า ลงมาจากบันไดเครื่องบินเล็กส่วนตัว ชายชุดดำทั้งหมดก็ส่งเสียง กล่าวทักทายมาเฟียหนุ่มขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน อิงวราถึงกับสะดุ้ง เอเบลหันกลับไปมองคนข้างๆ ก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้อง แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน จากนั้นจึงเดินกุมมืออิงวรา มุ่งหน้าไปยังบ้านพักส่วนตัว“เกาะนี้เจ้านายยังไม่เคยพาผู้หญิงคนไ
เอเบลเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนที่จะอุ้มหญิงสาว พาเธอเดินมุ่งหน้าไปยังเตียงนอน วางเธอลงแล้วโถมกายหนาตามไป มือทั้งสองข้างจับเรียวขาทั้งสองข้าง ให้แยกออกจากกันจากนั้นเขาจึงซุกใบหน้าหล่อเหลาลงไปตรงจุดกลางกายสาว มือทั้งสองข้างย้ายมาสัมผัสตรงจุดอ่อนไหวของเธอ ช่วยเปิดทางให้ลิ้นของเขาเข้าไปได้อย่างง่ายดายอิงวราเงยหน้าขึ้น พยายามขบเม้มริมฝีปาก ทว่าเธอก็ยังคงส่งเสียงครางหวานออกมาอยู่ดี เอเบลปรนเปรอเธอทั้งลิ้นและนิ้วเรียวยาว เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ริมสระว่ายน้ำร่างบางเกร็งกระตุก ปลดปล่อยน้ำรักออกมา จนน้ำใสๆ เปรอะเปื้อนที่นอน ร่างเพรียวระหง อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงเอเบลเอื้อมมือไปหยิบกล่องถุงยางอนามัย ที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงหยิบออกมาหนึ่งชิ้น ฉีกซองออก สวมใส่ลงไปบนแก่นกายแข็งขึงของตนอย่างรวดเร็วมือหนาจับเรียวขาของหญิงสาว ที่กำลังนอนตาปรืออยู่บนเตียงให้แยกออก จากนั้นจึงใช้นิ้วเรียวเปิดทางถ้ำงาม ซึ่งตอนนี้เปียกแฉะไปด้วยสายธารแห่งความสุข ที่เธอเพิ่งจะปลดปล่อยออกมาก่อนหน้า“เจ็บหน่อยนะที่รัก”เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะค่อยๆ กดแก่นกาย ให้แทรกผ่านเข้าไป
สองหนุ่มสาวใช้เวลาอยู่ที่สระว่ายน้ำตามลำพัง นานเกือบสองชั่วโมง อิงวราดื่มไวน์เข้าไป จนจำไม่ได้แล้วว่า นี่เป็นแก้วที่เท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่า เธอไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเมาอย่างที่ควรจะเป็นเอเบลคอยเหลือบมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา เพราะเขารู้ดีว่า เธอนั้นคอไม่แข็งเท่ากับเขา ทว่าวันนี้เธอกลับดื่มเก่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก“อิงค์...ถ้าคุณเมาแล้ว กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนก็ได้นะครับ” มือหนาคว้าข้อมือบางที่กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเอาไว้ แก้วไวน์แก้วนั้น จึงทำได้เพียงแค่จ่ออยู่ที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ“อิงค์ยังไม่เมาค่ะ ใครบอกว่าอิงค์เมา” อิงวราดื้อดึง ไม่ยอมรับว่าตัวเองเมา ยกไวน์แก้วนั้นขึ้นมาดื่มจนหมดเดิมทีที่เธอตัดสินใจดื่ม ก็เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย และความกระอักกระอ่วน ที่ต้องมองเขาเปลือยท่อนบน เปิดเผยเรือนร่างน่ามองอยู่ในสายตาของเธอ ทว่าดื่มไปดื่มมาก็ชักจะติดลม การดื่มแอลกอฮอล์ แม้จะทำให้คนเรารู้สึกมึนเมา แต่ก็สามารถทำให้คนเราหลงลืมความเขินอายไปได้เช่นกัน“แต่หน้าคุณแดงมากเลยนะ” เอเบลลุกขึ้นจากเตียงไม้ตัวยาวที่เขานั่งอยู่ ไปนั่งลงบนเตียงไม้ตัวเดียวกับหญิงสาวแทน“กะ...ก็อากาศร้อนนี่คะ” เธอ
อิงวราเห็นเขาเลิกสนใจเธอแล้ว เธอจึงเดินออกไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงระเบียงห้อง ทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศในเวลานี้ มีแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมากระทบผิวน้ำ ประกายระยิบระยับให้ความสวยงาม อิงวราสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรู้สึกผ่อนคลายจวบจนมื้อเที่ยง แอนนิก้าจึงได้มาตามเจ้านายและหญิงสาว ให้ไปรับประทานมื้อเที่ยง ที่พวกเธอจัดเตรียมเอาไว้ให้ที่ห้องอาหาร เอเบลเผลอหลับไปเช่นเดียวกับอิงวรา ที่กลับเข้าห้องมาก็ล้มตัวนอนบนเตียง แล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว“หลังจากมื้อเที่ยงแล้ว เราจะไปไหนกันดีคะ” อิงวราถามออกมาในขณะที่กำลังเดินตามเขาไปยังห้องอาหารที่อยู่คนละฝั่งกับห้องนอน“คุณอยากนอนพักอีกสักนิดหรือเปล่า ถ้าไม่อยากผมจะพาคุณไปว่ายน้ำย่อยอาหารกันสักนิด”อิงวรามองออกไปข้างนอกผ่านกำแพงกระจกใส แสงแดดไม่แรงมากเหมือนประเทศไทย คงจะไม่ร้อนเท่าไหร่ ออกไปว่ายน้ำเล่นก็ยังดีกว่าอยู่ในห้องกับเขาตามลำพัง บอกตามตรงว่าเธอค่อนข้างรู้สึกอึดอัด เพราะรู้สึกเหมือนกับว่า เธอถูกสายตาของเขาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา“กินมื้อกลางวันเสร็จ พวกเราไปว่ายน้ำกันก็ได้ค่ะ”เธอดึงสายตากลับมาจากด้านนอก
อิงวราถูกมาเฟียหนุ่ม กึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปในห้อง ก็รู้สึกตื่นตระหนก แม้ว่าคืนนั้นเธอกับเขา จะเกินเลยกันไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะยอมปล่อยให้เรื่องผิดพลาดแบบคืนนั้น เกิดขึ้นซ้ำอีกหน อีกทั้งเธอก็ยังรู้จักเขาไม่มากพอ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเธอไม่อยากเป็นเพียงแค่ของเล่นของใคร“ดะ...เดี๋ยวค่ะ ที่คุณบอกว่า คืนนี้ ‘เรา’ จะพักที่นี่ด้วยกัน อย่างนั้นเหรอคะ” อิงวราเอ่ยถามพลางชะงักเท้า และพยายามชักแขนของตนเองกลับ“ก็ใช่น่ะสิครับ”ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงใหญ่หันกลับมาอุ้มเธอขึ้นจากพื้น แล้วพาไปยังเตียงนอน อิงวรายิ่งรู้สึกตกใจในการกระทำของมาเฟียหนุ่มตอนแรกเอเบลเพียงแค่อยากจะแกล้งหญิงสาวเท่านั้น ทว่ากลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอ กลับชวนให้เขาหลงใหล เกิดความอยากที่จะแนบชิดกับเธอจริงๆ ขึ้นมาร่างเพรียวระหง ถูกวางลงบนเตียงนุ่มอย่างช้าๆ ก่อนที่คนตัวโต จะโน้มกายลงไปใกล้ชิด ริมฝีปากหนามีจุดมุ่งหมายคือริมฝีปากอิ่มของหญิงสาว ทว่ายังไม่ทันจะได้แนบชิดกัน อิงวราก็ใช้มือขวางกั้นเอาไว้อย่างไม่เกรงกลัว“ยะ...อย่าค่ะ” อิงวราห้ามเขา นัยน์ตากลมโตจ้องมองมาเฟียหนุ่มอย่างไม่หลบหลีก เอเบลฉีกยิ้มทรงเสน่ห์“ทำไมล่ะครับ คน
หลังจากที่เครื่องบินลอยอยู่เหนือท้องฟ้านานเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็นักบินก็ประกาศลงจอดเสียที อิงวราถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เอเบลที่จิบไวน์อยู่ แอบปรายตามองหญิงสาวด้วยแววตาขบขัน ทว่าเขากลับเลือกที่จะไม่เปิดโปงให้เธอได้อาย“ถึงแล้วครับ ผมรับรองว่าคุณต้องชอบ” เอเบลลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือไปให้หญิงสาวจับอิงวรารู้สึกว่าตนเองวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย จากการนั่งเครื่องบินเล็กที่ไม่คุ้นชิน จึงยอมวางมือลงไปบนมือหนาของเขาแต่โดยดีสองหนุ่มสาวเดินกุมมือกัน ลงจากเครื่องบินส่วนตัวไป ทว่าบรรยากาศด้านนอก นอกจากที่อิงวราจะได้เห็นวิวของท้องทะเลสีฟ้าครามแล้ว ยังมองเห็นว่ามีบรรดาชายชุดดำ ยืนเรียงแถวกันอยู่ยาวเหยียดสองฝั่งซ้ายขวา ราวกับว่ากำลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่และก็เป็นไปอย่างที่อิงวราคิด พอเอเบลพาเธอก้าวเท้า ลงมาจากบันไดเครื่องบินเล็กส่วนตัว ชายชุดดำทั้งหมดก็ส่งเสียง กล่าวทักทายมาเฟียหนุ่มขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน อิงวราถึงกับสะดุ้ง เอเบลหันกลับไปมองคนข้างๆ ก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้อง แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน จากนั้นจึงเดินกุมมืออิงวรา มุ่งหน้าไปยังบ้านพักส่วนตัว“เกาะนี้เจ้านายยังไม่เคยพาผู้หญิงคนไ
อิงวรากลับมาถึงห้องพัก ก็พบว่าพี่ธัญญ่า ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ ไม่ได้อยู่ที่ห้องพักอย่างที่เธอคาดเดา นางแบบสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะเธอยังไม่พร้อม ที่จะตอบคำถามของผู้จัดการส่วนตัวในตอนนี้ ร่างระหงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำก่อนเข้านอนระหว่างที่เธอกำลังใช้ไดร์เป่าผม ที่ยังคงเปียกชื้นอยู่นั้น เสียงของสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ถูกวางเอาไว้บนเตียงก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงวางไดร์เป่าผมลง แล้วเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนที่กำลังส่งเสียงร้องอยู่ ขึ้นมาดูรายชื่อ ของผู้ที่ติดต่อเข้ามามุมปากยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะสัมผัสหน้าจอ เพื่อเป็นการรับสาย สงสัยเขาคงจะกลับถึงเพ้นท์เฮ้าส์ท์แล้ว ถึงได้โทรมาหาเธอในตอนนี้“ฮัลโหล...” เสียงหวานส่งไปยังปลายสาย“คุณนอนหรือยัง ผมถึงเพ้นท์เฮ้าส์ครับ” มาเฟียหนุ่มรายงานออกมา เขาไม่เคยปฏิบัติกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน นอกจากมารดาคนเดียวเท่านั้น“ยังค่ะ...ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เอ่อ...เรื่องนี้ คุณไม่เห็นจะต้องโทรมารายงานฉันเลยค่ะ” อิงวราตอบปลายสายกลับไปยิ้มๆ ระหว่างที่เธอเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง“ผมกลัวว่าคุณจะเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ หรือว่าคุณไม่ได้สนใจอะไร”
“ผมชื่อเอเบล วินเทอร์ ชื่อเล่นว่า เดฟ อายุสามสิบสองปี อาชีพนักธุรกิจ เกิดที่เมืองชิคาโก้ แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ ครอบครัวของผมก็อย่างที่คุณรู้ มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน”เอเบลแนะนำตนเองออกมาให้หญิงสาวฟังบ้าง นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ของมาเฟียหนุ่ม เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน“เดฟ...”อิงวราเรียกชื่อเล่นของเขาออกมาพลางยิ้มหวานให้ มาเฟียหนุ่มใจเต้นแรงตอนที่มองเห็นรอยยิ้มนี้อีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน“นี่ก็ดึกแล้ว อิงค์ว่าเรากลับกันเถอะค่ะ”เพราะเธอเอ่ยปากชวนเขากลับนั่นเอง เขายังรู้สึกว่าเวลาที่เขาได้ใช้กับเธอ เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเลยด้วยซ้ำ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย“กลัวผู้จัดการลงโทษเหรอครับ กลับดึกนิดหน่อยเธอคงไม่ว่าหรอก อีกอย่างคุณก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำงานเสียหน่อย” เอเบลเย้าแหย่หญิงสาวตรงหน้า“การนอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะค่ะ”อิงวราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้เวลากับเขาให้มากจนเกินไป เพราะถ้าถึงวันที่เธอต้องกลับประเทศไทย เธอกลัวว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขาจะเปลี่ยนไป“วันนี้เดตวันแรก ผมจะไม่ขัดใจคุณก็แล้วกัน แต่ถ้าวันต่อๆ ไป ต้องแล้วแต่ผ
ณ ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมืองชิคาโก้ วันนี้ทางร้านได้มีโอกาสต้อนรับทายาทมาเฟียตระกูลดังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้พนักงานทุกคนต่างพากันตัวเกร็ง ไม่กล้ากระทำการใดๆ ให้มาเฟียหนุ่มหน้าตาดี ที่ควงสาวสวยชาวเอเชีย มาดินเนอร์ที่นี่ต้องรู้สึกขุ่นเคืองใจวันนี้เอเบลลงทุนปิดร้านอาหารชื่อดังร้านนี้ ก็เพื่อมาเดตกับอิงวราโดยเฉพาะ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมาก่อน และดูเหมือนว่าพวกพนักงานที่เคยได้ยินข่าวมาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ว่าหญิงสาวที่มาเฟียหนุ่มควงมาในวันนี้ ดูเป็นคนสำคัญของเขามากกว่าคู่ขาหรือคู่ควงทั่วไป“นี่คุณปิดร้านนี้เหรอคะ” อิงวราถามเขาออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีลูกค้าที่อยู่ในร้านเลยสักคน“ก็คุณบอกผมว่าไม่อยากเป็นข่าว ผมทำแบบนี้คงไม่ผิดหรอกใช่ไหม”อิงวราหมดคำจะเอ่ย บริกรของร้านเข้ามารับรายการอาหารอย่างกล้าๆ กลัวๆ อิงวรามองอาการของพนักงานแล้วก็รู้สึกเห็นใจ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นเป็นคนโหดร้ายถึงขนาดไหน ถึงได้ทำให้คนอื่นรู้สึกเกรงกลัวเขาได้ขนาดนี้สองหนุ่มสาวนั่งดินเนอร์กันใต้แสงเทียน เสียงดนตรีดังขึ้นให้บรรยากาศโรแมนติก อิงวรา
“ไม่ยากจริงๆ นั่นแหละ เห้ย!! รีบออกรถสิ ฉันง่วงนอนแล้ว”เอเบลพึมพำออกมา ก่อนที่เขาจะส่งเสียงดังสั่งลูกน้อง เขาง่วงนอนจริงๆ เพราะเมื่อคืน เขาต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ล่วงเกินหญิงสาว จนเขาต้องลุกไปช่วยเหลือตัวเองอยู่หลายครั้ง ชีวิตเขาไม่เคยต้องมาอดทนอดกลั้นเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงได้ขนาดนี้ หากนี่ไม่ใช่การที่เขาตกหลุมรักเธอคนนี้แล้วจริงๆ ถ้าอย่างนั้นมันจะเรียกว่าอาการอะไรไปได้อีกบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองสะดุ้ง ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถรีบออกรถทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเจ้านาย นี่สิถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้านายที่พวกเขารู้จัก ถึงแม้เจ้านายจะเป็นคนที่ขี้เล่น และทำตัวสบายๆ มากกว่าพี่น้องคนอื่น แต่ก็มีนิสัยจริงจังและโหดเหี้ยมอยู่ในสายเลือดไม่แพ้กัน ถ้าไม่อย่างนั้นจะดูแลลูกน้องทั้งทวีปได้อย่างไรอิงวรากลับถึงห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เดินขึ้นลิฟต์มาได้เพียงห้านาที ผู้จัดการส่วนตัวนั่งรอเธออยู่อย่างกระวนกระวายใจ เพราะได้ข่าวแค่ว่าเธอเกิดเรื่อง แล้วถูกเอเบลช่วยเหลือเอาไว้จากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอได้แต่โทษตัวเองที่ปล่อยให้นางแบบสาวที่เธอดูแล กลับโรงแรมตามลำพัง“พี่ธัญญ่า อย่