ร่างสูงอุ้มผู้หญิงที่น่าจะมีน้ำหนักไม่ถึงห้าสิบกิโลกรัม เดินมุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวของเขาอย่างไม่ลังเล แม้คนในอ้อมแขนจะพยายามดิ้นรนอย่างอ่อนแรงก็ตามที อิงวรารู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไป ทันทีที่ร่างกายของเธอหลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรง หญิงสาวจึงพยายามดึงทิ้งเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้าออก อย่างไม่สนใจสายตาของคนตัวโต ที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตา
เอเบลกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ทันทีที่ได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่สมบูรณ์แบบสมวัยของหญิงสาวตรงหน้า จุดกลางกายหนุ่มที่เคยหลับใหลอยู่ กลับตื่นขึ้นมาจนเขาต้องห้ามใจตนเอง ไม่ให้รังแกคนที่ไร้หนทางสู้ เพราะไม่รู้ว่ารีน่าใส่สิ่งนั้นลงในพันซ์ให้หญิงสาวดื่มไปมากขนาดไหน อาการของเธอที่แสดงออกมาถึงได้รุนแรงขนาดนี้ “คุณ!! ตามผมมา” พูดจบเอเบลก็รีบลากแขนหญิงสาวชาวไทยที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ให้เดินตามเขาเข้าไปภายในห้องน้ำ ก่อนที่จะเปิดน้ำจากฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ให้เธอ สายน้ำที่ไหลออกมาไม่ได้ดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นจากภายในให้อิงวราเลยแม้แต่นิด เอเบลที่เป็นคนพาเธอเข้ามาก็ตัวเปียกไม่ต่างกัน เขารีบผละกายออกจากห้องน้ำเพื่อไปหยิบสมาร์ทโฟน แล้วรีบต่อสายหาแพทย์ประจำตระกูล ปลายสายตอบรับออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ด้วยการเรียกชื่อเล่นของมาเฟียหนุ่มอย่างสนิทสนม “โทรมาทำไมกลางดึกครับ...คุณเดฟ” “ทอม…นายรีบมาที่เพ้นท์เฮ้าส์ส่วนตัวของฉันด่วนเลย ฉันต้องการให้นายรักษาคนสำคัญ” คุณหมอหนุ่มผุดลุกขึ้นจากที่นอนทันที ก่อนที่เขาจะรีบแต่งตัวพลางสอบถามปลายสายไปด้วย “ตอนนี้คนคนนั้นมีอาการยังไงบ้าง” “ตัวสั่น ไม่มีสติ ปากบ่นร้อนอย่างเดียว อ้อ...ผิวเริ่มแดงไปหมดแล้วด้วย” เอเบลที่เดินเข้าไปดูอาการของนางแบบสาวที่ยังคงอยู่ในห้องน้ำ แล้วจึงรีบอธิบายในสิ่งที่เขาเห็นออกมาให้หมอหนุ่มฟัง “นั่นมันอาการของคนที่ถูกวางยา GHB นี่นา เดฟ!!! นายเป็นคนวางยาเธอหรือไง” โทนี่รู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ เขาจึงบอกถึงสาเหตุของอาการเหล่านี้ ก่อนที่จะถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงตกใจ ก็จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่รู้จักกันมา เพื่อนของเขาไม่เคยใช้ยาแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงมาเสนอตัวให้ แล้วที่บอกว่าคนสำคัญ อย่าบอกว่ามันจริงจังกับเธอ แต่แสดงออกแบบสุภาพบุรุษไม่เป็น จึงได้คิดจะใช้วิธีรวบหัวรวบหางเธอซะเลย “นายจะบ้าเหรอวะ รู้จักฉันมาตั้งนาน นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้กับใคร ถึงจะถูกใจอีกฝ่ายขนาดไหนก็เถอะ” เอเบลปฏิเสธออกมาทันที ถึงแม้ในครั้งนี้เขาจะมีส่วน ในการทำให้หญิงสาวตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เถอะ แต่เขาไม่ได้เป็นคนลงมือเองนี่ จะให้เขายอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำผิดได้อย่างไร “รีบๆ มาเถอะ อย่าถามให้มากไปกว่านี้เลย” เอเบลเห็นอาการของหญิงสาวก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาทันที แม้จะเกิดอารมณ์กับเรือนร่างที่งดงามตรงหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ใครมันจะไปบ้าลงมือฉวยโอกาสคนที่เขาไม่ยินยอมพร้อมใจ อย่างน้อยเขาก็ต้องได้ใจเธอ แม้จะต้องใช้แผนการอะไรก็ตาม “ช่วยด้วย...ชะช่วยฉันด้วย” หญิงสาวครวญครางพลางบิดกายไปมาอย่างทรมาน ความต้องการที่เก็บกดเอาไว้ภายในกำลังตีตื้นขึ้นมา เอเบลฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง เขาทำได้แค่เพียงสังเกตภาษากายของเธอ “ใจเย็นๆ นะคุณ หมอกำลังจะมาแล้ว” เขาขยับเข้าไปใกล้ แต่แล้วร่างระหงเปลือยเปล่าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ กลับโผเข้ามาโอบกอดร่างหนาของเขาเอาไว้ ความร้อนจากผิวกายของเธอยิ่งทำให้เขาเป็นกังวล ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งโมโหคู่ขาของพี่ชาย แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหวังดี ความเกรี้ยวโกรธของมาเฟียหนุ่มจึงค่อยทุเลาลง เขาเริ่มโอบกอดตอบเธอเช่นกัน ใบหน้าหล่อเหลาถูกมือเล็ก โน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยหวานของเธอ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของอีกฝ่ายจะประกบเข้ากับริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ตอนแรกเอเบลรู้สึกตกใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถ้าทำเพียงแค่จูบเธอเองก็คงจะไม่นึกรังเกียจเขาเท่าไหร่ หากมันพอจะช่วยเธอได้บ้าง เขายอมกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาเธอเองก็ได้ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปภายในโพรงปากของอิงวรา หญิงสาวสิ้นไร้สติตอนนี้มีแต่ความต้องการที่จะปลดปล่อย ถึงเธอจะไม่เคยจูบกับผู้ชายคนไหนมาก่อน แต่การจูบกับฝรั่งหนุ่มตรงหน้าเธอในครั้งนี้ กลับทำได้เป็นธรรมชาติ มือหนาพยายามที่จะไม่ล่วงเกินลูบไล้เต้างามหรือบั้นท้ายงามงอนของคนตัวเล็กกว่า เพราะหากปล่อยให้มือทั้งสองข้างได้สัมผัสกับร่างกายเธอ เขาเองก็คงจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว เอเบลเพียงใช้มือทั้งสองข้าง ประคองใบหน้าสวยของหญิงสาวเอาไว้ จูบครั้งนี้หวานล้ำ แต่จะมากไปกว่านี้คงไม่ได้แล้ว เขารีบผลักเธอออก ก่อนที่จะดึงข้อมือเล็กให้เดินตามไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ แล้วคว้าเอาชุดคลุมมาสวมใส่ให้กับเธอ “ใส่ไว้ก่อนนะคุณ หมอจะมาแล้ว” เขาบอกพลางช่วยสวมมันลงบนร่างกายของหญิงสาว อิงวราเริ่มมีสติแต่ทว่าความต้องการที่จะปลดปล่อยก็ยังคงอยู่ ลึกๆ ในใจเธอรู้สึกดีที่เขาไม่ฉวยโอกาสกับเธอไปมากกว่านี้ แสดงว่าเขาเป็นคนดีกว่าที่เธอคิด หญิงสาวร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับตุ๊กตายอมให้เขาอุ้มเธอไปนอนลงบนเตียง “นายครับ หมอโทนี่มาถึงแล้วครับ” เสียงของบอดี้การ์ดส่วนตัวดังเข้ามาผ่านประตูห้อง “หมอมาถึงแล้วคุณ ทำใจดีๆ ไว้นะ...ให้หมอเข้ามาข้างในได้เลย” มาเฟียหนุ่มบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะตะโกนบอกลูกน้องให้รีบเชิญหมอหนุ่มเข้ามาข้างใน ร่างสูงใหญ่ของนายแพทย์หนุ่มชาวอเมริกันรีบสาวเท้าเข้ามาภายในห้อง ก่อนสายตาของเขาจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาว ที่กำลังนอนบิดกายอยู่บนเตียง หมอหนุ่มรีบพุ่งเข้าไปทำการตรวจอาการเบื้องต้น ก่อนที่จะลงมือรักษาตามอาการ จนหญิงสาวเริ่มนอนนิ่ง เอเบลที่เปลือยท่อนบนเดินไปมาเหมือนกับหนูติดจั่นถึงได้หยุดอยู่กับที่ “สวยนี่หว่า...สาวเอเชียด้วย นายไปพาเธอมาจากที่ไหนเนี่ย...เอ...ใช่สาวไทยในงานแต่งน้องชายของนายหรือเปล่าวะ” เพราะคนไข้หลับไปแล้ว หมอหนุ่มจึงแสดงความคิดเห็นออกมาได้ วันนี้เขาไปร่วมงานแต่งงานของเอเดลมาก็จริง แต่ทว่าเขาอยู่ร่วมงานเพียงไม่นานก็กลับ เพราะต้องเข้าเวรในตอนเช้า จึงไม่ทันได้ทำความรู้จักกับเพื่อนเจ้าสาวเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมา เป็นท่วงทำนองแสนหวาน แขกที่มาร่วมงาน ต่างเฝ้ามองไปยังเวที ที่ทอดยาวไปข้างหน้า แสงไฟจากสปอตไลท์สาดส่องไปยังเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาว ที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับเจ้าสาว แสนสวย ด้านหลังของทั้งคู่ ยังมีเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวเดินตามมาด้วยระหว่างทางเอเบล เหลือบมองเจ้าสาวของเขาเป็นระยะ วันนี้อิงวราในชุดเจ้าสาวแบบสากลสวยมากจริงๆ เธอทำให้เขาตกหลุมรักเธอ จนนับครั้งไม่ถ้วน จะพูดไปก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เพราะต่างก็ไม่มีใครคิดว่าคำพูดของเขาในวันนั้นจะเป็นเรื่องจริงจัง แต่ในวันนี้เขากลับได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขาตกหลุมรักนางแบบสาวชาวไทยตั้งแต่แรกเห็น และมีความคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอจริง ๆสองบ่าวสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางเวที พิธีการดำเนินไปอย่างชื่นมื่น พิธีกรดำเนินรายการไปตามขั้นตอน มีพิธีการตัดเค้ก และดื่มแชมเปญ เพื่อแสดงความยินดี บ่าวสาวจุมพิตกันจากนั้นวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้น ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว และแขกผู้มาร่วมงานพากันจับคู่เต้นรำ อิงวราอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าบ่าวสุดหล่อ“คุณเชื่อไหม...ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คือภา
หลังจากอิงวราแต่งงานกับเอเบลได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน นางศิริลักษณ์ก็ตัดสินใจละทางโลก มุ่งหน้าสู่ทางธรรม ปลงผมบวชชี ตามความตั้งใจเดิม ที่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนืออิงวราได้เดินทางมาส่งมารดา เธอรู้สึกตื้นตันใจ ที่ในท้ายที่สุดแล้ว มารดาก็ได้เลือกเดินไปบนเส้นทางแห่งธรรม ยอมละทิ้งทางโลก ที่มีแต่กับดักทำให้คนตกลงไปที่ผ่านมามารดาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ไม่ยอมรับสถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาระหนี้สิน ที่สร้างความลำบากให้แก่เธอมากมายแต่อิงวราก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองมารดาเลย ก่อนที่อิงวราจะลามารดากลับกรุงเทพฯ แม่ชีศิริลักษณ์ก็ได้อวยพรให้ลูกสาว มีความสุขในชีวิต อิงวราก้มกราบเท้ามารดา แล้วจึงออกเดินทางกลับเพื่อไปทำหน้าที่ของตนต่อผู้จัดการส่วนตัวที่มาด้วยกัน มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความเป็นกังวลของนางแบบสาวก็พอเข้าใจ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือน อิงวราก็ต้องเดินทางไปแต่งงานที่เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วและหลังจากนั้น หญิงสาวก็ต้องติดตามสามี ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะเอเบล สามีของเธอทำธุรกิจ และมีอำนาจของตระกูลอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้อิงวราต้องติดตามเอเบลไปอาศัยอยู
“บัดนี้ขอประกาศว่า มิสเตอร์เอเบล วินเทอร์ และนางสาวอิงวรา หงส์สิริภา เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ขอพระเจ้าอวยพร”หลังจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมแหวนให้กันและกัน บาทหลวงก็ได้ประกาศสถานะ ให้แก่คนทั้งสอง จากนั้นเจ้าบ่าวจึงรั้งร่างบางของเจ้าสาว ให้เข้ามาในอ้อมแขน แล้วมอบจุมพิตอันแสนหวานให้กับเธอมีเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่แซวดังขึ้น ช่างภาพภายในงานที่มีอยู่กันหลายคน ต่างก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศแห่งความประทับใจของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในครั้งนี้เอาไว้หลังจากพิธีอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้เชิญให้ทุกคน อยู่กินเลี้ยงร่วมกันต่อดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นมา เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เต้นรำ เพื่อนๆ พากันรุมล้อมทั้งสองเอาไว้นางศิริลักษณ์มองไปยังบุตรสาวที่กำลังเต้นรำกับชายหนุ่มที่สวมสูทสีขาวสะอาด นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุข และความรู้สึกปล่อยวางได้เห็นอิงวราในวันที่มีความสุขเช่นนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดให้เธอต้องเป็นห่วงหรือกังวลใจในตัวบุตรสาวอีกแล้วนางศิริลักษณ์ดึงสายตากลับมา พูดคุยกับมาดามเอวาน่า ตอนนี้เธอกำลังนั่งร่วมโต๊ะ อยู่
สามเดือนต่อมาณ ชายทะเลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย สถานที่แห่งนี้ถูกเนรมิต ให้กลายเป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงาน ของทายาทมาเฟียระดับโลก อย่างลูกชายคนที่สอง ของตระกูลวินเทอร์ กับนางแบบสาวชาวไทย แขกที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้ กลับมีเพียงแค่คนสนิทของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวเท่านั้นนั่นก็เป็นเพราะความต้องการของเจ้าสาว ที่อยากจะจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ในสถานที่ที่ถูกเจ้าบ่าวขอแต่งงาน มีคนสนิทมาร่วมเป็นสักขีพยานแต่อีกสองเดือนหลังจากนี้ พิธีฉลองมงคลสมรสที่แท้จริง จะถูกจัดขึ้นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ที่เมืองชิคาโก้ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายเจ้าบ่าวมิสเตอร์และมิสซิสวินเทอร์ อย่างนายลูเซียโน และมาดามเอวาน่า พร้อมด้วยครอบครัวของเอเดน และเอวาน พี่ชายคนโตของเอเบล ก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน ให้กับทายาทคนที่สองของตระกูลวินเทอร์ ที่กำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวของตัวเอง“เอวาน...น้อง ๆ ก็แต่งงาน มีครอบครัวกันหมดแล้ว เราล่ะ...เมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างเขาสักที”นายลูเซียโน เอ่ยปากถามบุตรชายค
“พระอาทิตย์ตกดินสวยจังเลยค่ะ”“ชอบไหม” อิงวราหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลา“ชอบค่ะ”"ชอบผมหรือชอบทะเลกว่ากัน" เสียงทุ้มดังมาจากข้างใบหู"ก็ต้องชอบคุณมากกว่าอยู่แล้วสิคะ" เสียงหวานตอบออกมาเจือความขบขันเอเบลโน้มใบหน้าลงไป จุมพิตที่แก้มเนียนของเธอ อิงวราหลับตาพริ้ม ซึมซับความสุขที่มาเฟียหนุ่มมอบให้ ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะยืนกอดกัน มองพระอาทิตย์ดวงโต ที่ค่อยๆ จมหายไปกับท้องทะเลหลังจากที่พระอาทิตย์ยามเย็น หายไปในท้องทะเลแล้ว แสงจากหลอดไฟบนเสาไฟสูง ที่เรียงรายอยู่ริมชายหาด ก็ถูกเปิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เอเบลจูงมืออิงวรา พาเธอเดินกลับไปยังสถานที่เดิมตอนนี้สถานที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปถึง เบื้องหน้าจึงมีซุ้มดอกไม้สีขาว ผ้าสีขาวปลิวไสว รายล้อมไปด้วยไฟประดับและบนหาดทรายมีเทียนที่ถูกปักเอาไว้ เป็นคำว่า Will You Marry Me? อิงวราได้เห็นภาพเบื้องหน้าก็ใจเต้นแรง เธอหันกลับมามองแฟนหนุ่มเอเบลคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นทราย เข่าอีกข้างหนึ่งชันขึ้น มือหนาล้วงกล่องแหวนออกมาจาก
เสียงคลื่นซัดสาดกระทบเข้าฝั่ง ดังปะปนไปกับเสียงของเพลงเบาๆ หลังจากที่เอเบลกินอิงวราจนเป็นที่พอใจ และนอนพักผ่อนเอาแรง จนพละกำลังฟื้นกลับคืนมาเต็มที่แล้ว เขาก็ได้พาหญิงสาว ออกมานั่งกินปิ้งย่างที่ริมทะเล ตามความต้องการของเธอนางแบบสาวนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะ แต่สุดท้ายแล้วใบหน้าสวย ก็คลี่คลายความขุ่นเคือง ที่มีอยู่บนใบหน้าลง นั่นก็เป็นเพราะกุ้งตัวใหญ่ในจานตรงหน้า ซึ่งเอเบลเป็นคนที่คอยแกะเปลือก ให้กับเธอด้วยมือของเขาเอง“กินเยอะๆ นะที่รัก ผมว่าคุณผอมเกินไปแล้ว” เอเบลเอ่ยขณะวางกุ้งเผาแกะเปลือกตัวที่สอง ลงบนจานให้กับแฟนสาว“อิงค์ผอมเหรอคะ อิงค์ว่าหลังจากที่คุณกลับไปครั้งก่อน น้ำหนักอิงค์ก็ขึ้นมาตั้งสองกิโล” อิงวราตาโต พลางถามเขาออกมาอย่างไม่อยากเชื่อเอเบลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทำเพียงส่งยิ้มให้กับเธอ มือหนายังคงแกะกุ้ง ที่จอร์ชกับเดวิดทำหน้าที่ย่าง ให้กับพวกเขาจนสุกแล้ว วางลงบนจานให้กับเธออย่างต่อเนื่องบอดี้การ์ดทั้งสี่ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง แดนกับเพื่อนชาวไทยของเขา คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รอบๆ บริเวณนี้ ให้แก่เจ้านายทั้งสอง&ldq