“ยัยเฟย์แกหายตัวไปไหนแต่เช้า!” เสียงโวยวายดังขึ้นเหมยหลินอารมณ์เสียเรียกจนเจ็บคอแต่มันไม่ยอมโผล่หน้ามาเสียที
“เดี๋ยวจ๋ายเก็บให้นะคะ” แม่บ้านเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงคุณหนูเรียก พร้อมกับบอกว่าจะเก็บให้เองจึงถูกเหมยหลินต่อว่า
“ฉันไม่ได้เรียกแก ไปตามเฟรินทร์มาเก็บให้ฉัน”
“มีอะไรคะ”
เฟรินทร์กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่แม่บ้านอีกคนจึงอาสาขึ้นมาแทน แต่เธอต้องรีบตามขึ้นมาเพราะเหมยหลินไม่ถูกใจแม่บ้านคนไหนเลย
เมื่อเธอเดินมาถึงเหมยหลินก็โยนรองเท้าและกระเป๋าใส่และต่อว่าเพราะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
“มัวทำอะไรอยู่ ฉันเรียกหาแกตั้งนานแล้ว อย่าลืมสิว่าแกอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะอะไร”
เฟรินทร์ไม่ตอบอะไร หยิบรองเท้าและกระเป๋าของเหมยหลินเดินออกไปจัดใส่ตู้เรียงไว้อย่างสวยงาม “แกเตรียมน้ำอุ่นให้ฉันด้วย วันนี้ฉันอยากแช่น้ำ”
“ค่ะ” เธอหันไปตอบสั้นแล้วรีบไปทำตามคำสั่ง เพราะหากเธอชักช้า เธอคงถูกพี่สาวต่างแม่ดุด่าอีกแน่
หญิงสาวต้องตื่นมาเตรียมอาหารให้กับทุกคนในครอบครัวทุกเช้าเป็นประจำ เธอต้องทำไว้ทั้งข้าวต้มและหมูแฮมไข่ดาว กาแฟดำ เพราะพ่อ พี่สาว พี่ชาย ชอบกินคนละอย่าง ขณะที่นั่งกินข้าวเธอก็ต้องคอยบริการพวกเขา ซึ่งเป็นแบบนี้ประจำ
“วันนี้ฉันไม่อยากจะกินข้าวต้ม” ไห่ฉงบอกพร้อมเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกห่าง เฟรินทร์ก็ต้องเปลี่ยนเป็นไข่ดาวหมูแฮมมาให้
“นั่งลงกินข้าวเถอะ” ประมุขของบ้านเอ่ยเสียงเรียบบอกกับเฟรินทร์ ไห่ฉงกับเหมยหลินตวัดสายตาดุๆ มองคนที่พวกเขาไม่ชอบขี้หน้า ก่อนที่เหมยหลินจะถามพ่อ
“คุณพ่อจะให้มันมานั่งกินด้วยจริงๆ เหรอคะ?”
“นั่นสิครับ คุณพ่อเป็นคนบอกเองนะ ว่ามันอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะคนใช้ ผมคงร่วมตะกับคนใช้ไม่ได้หรอกนะครับ” ไห่ฉงไม่พอใจเพราะตั้งแต่เฟรินทร์เข้ามาอยู่ในบ้านพ่อเหมือนจะรักมันมาก
“ลืมไปแล้วเหรอว่าเฟย์เป็นใคร!” ชิงอีเอ่ยเสียงเรียบแต่ดูเกรงขาม เฟรินทร์ก็คือลูกสาวอีกคนของเขาและดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งพาได้มากที่สุด
“ถ้าพ่อยืนยันจะให้มันนั่งกินข้าวด้วย งั้นหนูไม่กิน”
“ผมก็ด้วย”
ทั้งพี่น้องเดินออกไปจากห้องอาหาร เฟรินทร์มีใบหน้าที่เรียบเฉยเพราะเห็นภาพนี้จนชินตา เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจมีสิ่งเดียวที่อยากทำคือออกไปจากบ้านหลังนี้
“นั่งลงสิ” ชิงอีมองลูกสาวคนเล็กซึ่งมีใบหน้าคล้ายกับแม่ของเธอนัก น่าเสียดายที่ฟองฟ้าไม่ได้อยู่ดูลูกสาวเติบโต
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปกินในครัวอย่างทุกวันได้” ชิงอีได้แต่ถอนหายใจ ทั้งที่อยากจะปกป้องลูกสาวมากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวว่าเฟรินทร์จะโดนพี่สาวพี่ชายรังแกมากกว่านี้ หรือว่าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้เลยเหมยหลินไม่น่ากลัวเท่าไห่ฉง จนถึงตอนนี้เขายังไม่ยอมยกธุรกิจให้ลูกชายดูแล
“คุณเฟย์มานั่งกินดีกว่าค่ะป้าไปเก็บเอง”
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะไม่นานหรอก”
ซูฉีถอนหายใจเฟรินทร์ก็เป็นลูกสาวอีกคนแต่ทำไมประมุขของบ้านถึงไม่ยอมดูแล เรียนจบแทนที่จะให้ออกไปทำงานแต่ไม่ แถมยังถูกคนในบ้านรังแกอยู่เรื่อย
.
วันนี้ดัสตินนัดเจอเหมยหลิน เขาไปรับหญิงสาวจากงานเดินแบบพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวช่อโต ต่างเป็นที่อิจฉาของเหล่านางแบบคนอื่นๆ ยิ่งเห็นคนมองเหมยหลินก็ยิ่งเชิดหน้า ภูมิใจในความสวยของตนเอง
“ผมจองร้านอาหารอิตาเลียนไว้”
เหมยหลินยิ้มอย่างพอเมื่อเขารู้ว่าเธอชอบทานอะไร
“คุณรู้เหรอคะว่าฉันชอบอาหารอิตาเลียน?”
“ครับ”
ดัสตินยิ้มมุมปากภายในใจกำลังเยาะหยันว่าเหยื่อกำลังหลงกลแล้ว ‘ศึกษาข้อมูลมาขนาดนี้ จะไม่รู้ได้ยังไง’ แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคืบหน้าไวมาก หลังจากกินข้าวเสร็จเขาจึงอาสามาส่งเหมยหลินที่บ้าน
“คุณไม่มีคนรักจริงๆ เหรอคะ”
“คุณน่าจะได้ยินข่าวผมมาแล้วว่าแต่คุณจะไม่ให้ยอมเป็นชู้ใครใช่ไหม”
“ฉันโสดค่ะ คุณชอบควงผู้หญิงเป็นว่าเล่น”
เล่นกับไฟเธอชอบดี จะทำให้เขารู้ว่าเธอนี่แหละที่จะจับเขาอยู่หมัด
“ชอบเพราะผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจเหมือนอย่างตอนนี้” ใบหน้าของใครอีกคนลอยเข้ามาให้สมอง วันนั้นเขาจับเธอไว้ได้แล้วเชียว แต่แม่คุณเล่นแตะกล่องดวงใจของเขาจนเกือบเป็นหมัน แล้วพ่อเสกเด็กเข้าท้องให้เลย
“คุณดัสติน ดัสตินคะ!”
“คะ ครับ” เขาหลุดออกจากภวังค์เมื่อหญิงสาวเขย่าต้นแขนของเขา
“คุณยิ้มอะไร” เธอเห็นนั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนกำลังคิดเรื่องสนุก
“เปล่าครับถึงแล้ว”
“ลงมากินไวน์ด้วยกันก่อนไหมคะวันนี้พี่ไห่ฉงกับคุณพ่อไม่อยู่”
“ยินดีครับ พวกนายรอแถวนี้ก่อน” เขาหันมาส่งลี่ถังและลูกน้อง ในบ้านนี่คงไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาเดินตามเหมยหลินเข้าไปในคฤหาสน์หลังโต
“เฟรินทร์ ยัยเฟย์!” เหมยหลินตะโกนเรียกเฟรินทร์ให้มาเอากระเป๋าเธอไปเก็บเหมือนอย่างทุกครั้ง พยายามส่งยิ้มหวานเพื่อไม่ให้เขารู้ตัวตนที่แท้จริง
ดัสตินมองไปเรื่อยเปื่อยสักพักมีเสียงหวานตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่สวยหวานจนเขาละสายตาไม่ได้ อยากเจอหน้าแต่ดันมาตรงนี้นี่เองคนใกล้ตัวเขาทั้งนั้น ดัสตินมองเฟรินทร์ด้วยสายตาหวานเชื่อม หน้าหวานๆ แววตาเศร้าๆ ดึงดูดเขาได้อย่างดี
เมื่อเหมยหลินเห็นสายตาของดัสตินที่มองเฟรินทร์เธอก็ไม่พอใจแล้วรีบไล่หญิงสาวออกไป และสั่งไม่ต้องมาที่ห้องรับแขกอีก
“คนนั้นน้องสาวคุณเหรอ”
“คนใช้คุณดูคนไม่ออกขนาดนั้นเหรอคะ” คนสวยอยากจะกรีดร้องเขานั่งดื่มไวน์กับเธอมาสามสิบนาทีแต่ถามเรื่องเฟรินทร์ทุกครั้งที่มีโอกาส ขนาดเปลี่ยนเรื่องคุยเขายังวกกลับมาถาม
“คนใช้เองเหรอ หน้าตาคล้ายกันจังสวยมาก” เขาพูดเหมือนละเมอและอมยิ้มยามที่คิดถึงเฟรินทร์ เขาไม่เคยสนใจใครขนาดนี้มาก่อน
“คุณเป็นอะไรคะ?”
“ผม ผมเหมือนจะเจ็บหัวใจนะขอตัวกลับก่อนนะครับ” หัวใจเขาเต้นแรงหรือว่าเขากำลังป่วยเป็นโรคหัวใจ ตั้งแต่เด็กยันโตก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้
“ค่ะฉันเดินออกไปส่ง”
“ขอบคุณครับ”
เมื่อเข้ามาในรถเขายังคงจับหน้าอกข้างซ้ายตัวเอง ที่อาการเริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว เขาเป็นแบบนี้บ่อยครั้งยามที่คิดถึงใบหน้าของใครอีกคน
“ลี่ถัง”
“ครับนายใหญ่”
“พาฉันไปหาลีออน”
“นายใหญ่ไม่สบายเหรอครับ” ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากไปโรงพยาบาล
“อย่าถาม!”
หรือว่าเฟรินทร์กำลังทำเสน่ห์ใส่เขา ต้องใช่แน่ๆ เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งทำกลับลืมใบหน้าของเธอไม่ลง ลืมไม่ลงไม่เป็นไรฉุดมาให้มันจบๆ ไปเลยขอเวลาหาข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวก่อน
‘รอพี่ก่อนนะน้อง’
เสียงร้องไห้ของเด็กทารกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยที่ปลุกให้คนเป็นพ่อสะดุ้งตื่นขึ้นจากสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ดัสตินยันตัวลุกขึ้นจากเตียง มือขยี้ตาที่หนักอึ้งและชุ่มไปด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะก้าวไปอุ้มร่างน้อยขึ้นมาแนบอก “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับลูก” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า กดจูบเบาๆ บนหน้าผากของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสะอื้น ร่างน้อยดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน พยายามผลักอกเขาเล็กน้อยเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง เขาถอนหายใจยาวพยายามไกวตัวลูกไปมา หัวของเขาหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ทับเอาไว้ ดวงตาแดงก่ำและใต้ตาคล้ำลึกเป็นวง เหมือนหมีแพนด้าที่อดนอนมาสามวันติด เขาลองเปลี่ยนท่าอุ้ม ลองร้องเพลงกล่อม ลองพาเดินวนรอบห้อง แต่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นผล เฟรินทร์ตื่นขึ้นมาพอดีจึงได้เห็นภาพนั้นพอดี ผู้ชายตัวโตที่อุ้มลูกไม่ค่อยเป็นกลางคืนเป็นหน้าที่เขาที่ต้องลุกขึ้นมาอุ้มลูกยามที่ลูกร้อง “ทำไมไม่นอนครับลูก…” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความอ่อนล้าและสิ้นหวัง ทารกน้อยในอ้อมแขนยังคงแผดเสียงร้องไม่หยุด เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงจนสุดท้าย เมื่อไม่มีแรงแม้แต่จ
เหงื่อซึมทั่วใบหน้าซีดเซียว ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้มขณะกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ“อึก...!” เสียงครางลอดออกมาจากลำคอ เธอรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง“สูดลมหายใจเข้าไว้! อีกนิดเดียวค่ะคุณแม่!”เสียงปลอบโยนจากหมอและพยาบาลดังก้องในโสตประสาท แต่ทุกอย่างรอบตัวกลับพร่ามัว เธอไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับมืออุ่นของใครบางคนกอบกุมมือเธอไว้แน่น ดวงตาคมเข้มเต็มไปด้วยความเป็นห่วง“อดทนไว้นะเมียจ๋า... พี่อยู่ตรงนี้”เสียงทุ้มต่ำของเขาสั่นเครือ เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะเบ่งแรงสุดท้ายเสียงร้องแหลมเล็กดังก้องไปทั่วห้อง พร้อมกับลมหายใจของเธอที่เหมือนถูกดึงกลับมาอีกครั้ง น้ำตาที่เอ่อคลอร่วงเผาะลงข้างแก้ม แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข“ลูกของเรา...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่พยาบาลวางร่างเล็กๆ ไว้แนบอก“หน้าตาน่าเกลียดน่าชังจัง”หัวใจของเธอเต้นแรง แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือความเจ็บปวดอีกต่อไป เป็นเพราะชีวิตน้อยๆ ที่เธออุ้มอยู่ในอ้อมแขนก่อนหน้านี้“อื้ม...!” เสียงครางเบาๆ ทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาสะดุ้งสุดตัว เขาหันขวับไปมองคนบนเตียง คนที่กำลังจับท้องตัวเองแ
เฟรินทร์มองหน้าคนที่เข้ามาบุกรุกห้องนอนของเธอ เขากระโดดขึ้นเตียงโดยที่เธอยังไม่ได้อนุญาต ตั้งแต่เกิดเหตุเขาหายเงียบไปสองสัปดาห์ไม่ยอมส่งข่าว ปล่อยให้เธอคิดไปฝ่ายเดียว และวันนี้เข้าโผล่หน้ามาทั้งโกรธทั้งคิดถึงเป็นห่วงเขาสารพัด แต่คนตรงหน้าเหมือนจะไม่รู้สึกผิด “มานอนสิจ๊ะเมียจ๋าไม่คิดถึงผัวเหรอ” “คุณตลกมากเหรอคะคุณดัสติน” เธอทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเขา แต่เขากลับทำหน้าระรื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่แค่ปล่อยข่าวลือน่าตอนนี้พี่กลับมาครบ 32” “ไม่ต้องมาจับ!” เธอเบี่ยงตัวหนีไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัว “ที่รักขา~ พี่ผิดไปแล้วมาให้พี่ทักทายลูกหน่อย” “เราเลิกกันเถอะค่ะ เฟย์ไม่อยากให้ลูกตกอยู่ในอันตรายแบบคุณ” เธออยากใช้ชีวิตแบบปกติไม่ต้องคอยมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา “ไม่เลิกให้ตายก็ไม่เลิก” พยานรักอยู่ในท้องแท้ๆ “นั่นเป็นปัญหาของคุณค่ะเราทำหน้าที่พ่อแม่ก็พอ” “ไม่เลิกพี่ไม่เลิก!” ต่อเอามีดมาจ่อที่คอก็ไม่มีวันเลิกเด็ดขาด “ออกไปค่ะ” “เฟย์ทำไมงี่เง่าจังเลยมันคืองาน
ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงดัสตินหัวใจสลายเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะเขาที่ดูแลเฟรินทร์กับลูกไม่ดี น้ำตาเขาไหลออกมาอย่างไม่อายสายตาของใคร เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือดจนเปลี่ยนไป เสียงลมหายใจของเธอหนักขึ้น...เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเฟรินทร์ ขณะที่เธอนอนซมอยู่บนเตียงคนไข้ มือขาวซีดกำผ้าปูแน่น ร่างกายสั่นสะท้านเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาเป็นระลอก "หมอ...ช่วยลูกฉันด้วย..." เสียงของเธอสั่นเครือ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หมอไม่พูดอะไรให้เสียเวลา เขาขยับเข้ามาตรวจร่างกายเธออย่างเร่งด่วน สีหน้าเคร่งเครียดขณะมองจอมอนิเตอร์ที่แสดงอาการของทั้งแม่และเด็ก ในขณะที่เฟรินทร์กัดริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอจากความทรมาน "ยาได้แล้วค่ะ หมอ" พยาบาลส่งเข็มฉีดยาให้ หมอรับมาและรีบฉีดยาเข้าทางสายน้ำเกลือ พลางเฝ้าดูอาการของเธออย่างใกล้ชิด ทุกวินาทีช่างยาวนานเหลือเกิน หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ค่อยๆ ทุเลาลง หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความหวัง "ลูก...ลูกปลอดภัยไหมคะ?" หมอยิ้มบางๆ "ปลอดภัยแล้ว แต่อีกไม่กี่วันคุณต้องพักผ่อนให้มาก ห้ามเครี
“สวัสดีค่ะนายหญิงเมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ” “หลับสบายมากเลยค่ะ แต่มีรู้ว่ามีผีที่ไหนมาร้องห่มร้องไห้ทั้งคืน” พูดแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ขอบตาดำยิ่งกว่าหมีแพนด้า “ตายจริงโจรหรือเปล่าคะ” “โจรที่ไหนมันจะกล้าเข้ามาเหยียบที่นี่” แม้แต่แมลงสักตัวไม่อาจบินผ่านเข้ามาได้ ดัสตินนั่งทานอาหารเช้าเงียบๆ เมื่อเช้าดีนะตื่นก่อนหญิงสาวไม่อย่างนั้นคงโวยวายบ้านแตกที่ถูกเขาลวนลามตอนที่เธอหลับ “คุณลี่ถังไปส่งเฟย์ที่โรงแรมx หน่อยค่ะ” วันนี้เธอแต่งตัวสวยเพราะมีงานสำคัญ อย่าคิดว่าไม่รู้เมื่อคืนเขาแอบทำอะไรกับเธอ “ไปทำไม” อยู่ดีๆ จะไปโรงแรมไอ้แดนนี่ “ชิ” เฟรินทร์ไม่ตอบเดินไปรอลี่ลังที่รถดัสตินไม่รอช้ารีบเข้าไปนั่งในรถ จนมาถึงโรงแรมเขาถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นงานหมั้นของแดนนี่ เฟรินทร์เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู โดยมีดัสตินเดินตามหลังและลูกน้องของเขาเดินตามเป็นโขยง หลายคนกำลังคิดว่าสาวน้อยคนนี้คงมีความหมายสำหรับเขามากชายหนุ่มดูหวงแหน “มาแล้วเหรอพี่ชาย” “แด๊ดกับหม่ามี้ยังไม่กลับมาจากเที่ยวรอบโลก ไว้งานแต่งท่านต้องม
ดัสตินพาหญิงสาวกลับมาที่เซฟเฮาส์ในมาเก๊าเขาค่อยๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงกลัวว่าคนตัวเล็กจะตื่น เขานั่งมองใบหน้าของเธอและหอมแก้มทั้งว้ายและขวาเวลานี้อะไรก็ยอมทุกอย่างขอแค่หญิงสาวไม่หนีไปจากเขาก็พอ เขาเดินมาส่องกระจกหน้าแดงบวมแดงแต่ไม่คิดโกรธเมีย“ผมเอายามาให้ครับ”“อื้อ ขอบใจ”“ทานยาแก้ปวดก่อนดีกว่าครับ”ดัสตินยอมทานยาเพราะตอนนี้เขาปวดแผลมาก ตอนที่อุ้มเมียไม่รู้สึกเจ็บเท่าไร เขานั่งลงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง“โทนี่”“ครับ”“นายทำงานกับฉันมากี่ปีแล้ว?”“14 ปีแล้วครับ” ถามแบบนี้คงไม่คิดจะให้กันออกใช่ไหม รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ตอนนี้นายอายุ 36 แล้วหนิ...” เขาเว้นจังหวะการพูด “นายง้อผู้หญิงยังไงวะ นายอายุเยอะกว่าฉันน่าจะมีประสบการณ์มาก่อน”ไอ้โทนี่เป็นขี้ข้ารับใช้นายตั้งแต่เรียนจบจนอายุปูนนี้ยังไม่มีเมียตัวเป็นตน เขาไม่เคยจีบสาวมาก่อนและจะตอบคำถามเจ้านายยังไง“ถ้าตอบว่าไม่เคยจีบสาวมาก่อนเสียชาติเกิดมาก”แรงมาก แล้วตัวเองไม่เคยจีบสาวมาก่อนเหมือนกัน ถึงได้ทุกข์ระทมตกนรกแสนหมื่นล้านครั้งแบบนี้ ทำงานถวายหัวจะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว“ผม...”“มึงตอบดีๆ” เขาคาดหวังกับคำตอบของโทนี่มาก จะได้ตามง้อเฟรินทร