แดนนี่นั่งหน้าเครียดเขาพอได้ยินข่าวมาบ้างว่าตอนนี้กำลังมีคนตามจีบเหมยหลินแต่ไม่คิดว่าเขาคนนั้นจะเป็นดัสติน ผู้ชายที่เขาไม่อยากวุ่นวายด้วย
“คุณโอเคไหมคะ”
“ผู้หญิงเขาไม่เลือกผมจะทำอะไรได้”
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เฟรินทร์กำลังจะลงจากรถแต่ดัสตินคว้าแขนเธอไว้ก่อน เหมือนเขามีบางอย่างถามแต่เขากลับไม่พูด ใบหน้าของทั้งสองคนหันมองกันหากใครเห็นต้องเข้าใจว่ากำลังจู๋จี๋กัน
ปัง!
“ว้าย โอ๊ยฉันเจ็บ” เฟรินทร์ตกใจที่เห็นเขาคนนั้น แถมยังลากเธอลงมาจากรถของแดนนี่ตอนนี้มือของเขาราบเอวเธอไว้แน่น ทำให้หน้าอกของเธอเสียดสีกับหน้าอกของเขาพอดี
“ปล่อยเธอนะคุณดัสติน”
“มึงชอบแส่อีกแล้วนะ” เผลอหน่อยไม่ได้เลยยัยหนูของเขาไปกับคนอื่นเสียแล้ว อะไรที่เขาหมายตาไว้เขาไม่ปล่อยไปง่ายๆ
“คุณปล่อยผู้หญิงดีกว่าน้องเขาเจ็บนะ”
“น้อง? มึงมีน้องสาวเมื่อไรกูไม่เห็นรู้” เขาโกรธจนเผลอบีบต้นแขนของเธอแน่น จนเกิดเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้านิ้ว
“คุณปล่อยฉัน!”
“เผลอไม่ได้เลยนะ...มึงอย่าเสือกตามมา”
“คุณแดนนี่กลับไปเถอะค่ะ”
แดนนี่จึงหยุดมองดัสตินลากเฟรินทร์ขึ้นรถ เขางงเป็นไก่ตาแตกกำลังตามจีบเหมยหลินอยู่แล้วทำไมถึงทำท่าทีหวงเฟรินทร์เสียขนาดนั้น
“เปิดประตู!”
“ไม่วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอให้เข็ด” เขาโกรธมากที่เห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น
“ไม่เปิดใช่ไหม”
“เออ ไม่เปิดทุบให้ตายกระจกไม่แตกหรอก”
เพียะ!
“โอ้ยยยย” หัวกูแตกแทนยัยหนูของเขามือหนักจังเลย ตบมาทีเล่นเอาเขามึนศีรษะไปหมด
โทนี่กับลี่ถังมองสบตากันจังหวะที่เขามองกระจกหลังเป็นช็อตที่หญิงสาวกำลังตบหัวเจ้านายของเขาพอดี ตบแรงจนหัวโยกไปหมด
“เปิดประตูฉันจะลง”
“เธอกล้าตบฉันเหรอมานี่” เขากระชากข้อมือของเธอจนตัวปลิวมานั่งอยู่บนตักของเขา ปากหนาต้องร้องดังลั่นอีกครั้ง
“โอ๊ยยยย ยอมแล้วๆๆๆ...ไอ้ลี่ถังเปิดประตูดิวะ!”
ดัสตินมองหลังมือที่ตอนนี้มีรอยเขี้ยวฟันกัดจนเห็นได้อย่างชัดเจน น่าโมโหโดนตบหัวต่อหน้าลูกน้องไม่พอยังมากัดมือของเขาจนมีเลือดไหลซิมออกมา
“เอ่อ...ไปทำแผลไหมครับ”
“ดูถูกกูโดนผู้หญิงทำร้ายแค่นี้ไม่ตายหรอก” แต่ตอนนี้เริ่มมึนหัว การจะเข้าใกล้เฟรินทร์ไม่ใช่เรื่องง่ายวันนี้เกือบเหลือแต่ชื่อ วันหน้าจะเหลืออะไร
เฟรินทร์รีบวิ่งเข้ามาในบ้านเธอยังตกใจไม่หายที่เขาฉุดเธอขึ้นรถไปแบบนั้น วันหน้าต้องเจออะไรบ้างเหมยหลินชอบเขาได้อย่างไร ผู้ชายมักมากเอากันไม่เลือกสถานที่
“แกไปไหนมานานจังเลย”
เฟรินทร์ออกมากับแดนนี่ตั้งนานสองนานแต่ไม่ถึงบ้านเสียที หรือว่ามันจะไปเล่าอะไรให้ชายหนุ่มฟัง
“พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะสร้อยของคุณค่ะ”
“อย่าพูดเรื่องของฉันให้แดนนี่ฟังอีกเราสองคนจบกันแล้ว อีกอย่างอย่าสาระแนไปอ่อยคุณดัสตินอยู่ให้ห่างจากเขา” ไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่ถามถึงเฟรินทร์จนเธอเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจีบใครกันแน่
“ค่ะ”
.
แดนนี่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ มือข้างหนึ่งจับแก้ววิสกี้ที่เหลือเพียงครึ่งเดียว เขาหมุนมันเบาๆ มองน้ำสีอำพันไหลวนไปตามแรงเหวี่ยงของข้อมือ แสงไฟนีออนสีแดงส้มสะท้อนผ่านของเหลวในแก้ว สร้างเงาทอดยาวลงบนเคาน์เตอร์ไม้ขัดมัน เสียงเพลงจังหวะหนักแน่นจากลำโพงดังกลบทุกเสียงรอบข้าง แต่ในหัวของเขากลับเงียบสงัด มีเพียงความคิดวกวนกับรสชาติขมปร่าที่ติดปลายลิ้น
“ตกลงไปไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
แดนนี่มองคนที่นั่งอยู่ข้างกายที่พยายามตามตื๊อให้เขาซื้อขาย ฟังไม่ผิดซื้อขายบริการอายุเข้าเลขสองหรือยังเขาไม่แน่ใจเพราะหน้าเด็กมาก
“ร้านเงินเหรอ?”
มินนี่กัดปาดหยักหน้าเธอมาทำงานตามคำแนะนำของญาติผู้พี่ แต่กลับถูกหลอกให้มาทำงานขายบริการในเมื่อชีวิตมันบัดซบ จึงเลือกลูกค้าด้วยตัวเองเป้าหมายก็คือเขาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
“อายุเท่าไร”
“24 ค่ะ” พูดแล้วต้องรีบหลบสายตาเพราะเธอไม่กล้าสบตาอันคมกริบของเขา หนุ่มหล่อลูกครึ่งหน้าตาดูดีมากการแต่งตัวก็ดี
“ไหนหลักฐาน”
“เอ่อ...ไม่มีค่ะพอดีหนูถูกยึดพาสปอร์ต”
“ไม่ใช่คนที่นี่” แดนนี่เห็นหญิงสาวส่ายหน้าใบหน้าเขานึกว่าคนจีนผิวขาวดวงตากลมโตหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักไม่เบา
“ฉันจะซื้อตามขึ้นไปบนห้อง” บนไนต์คลับแห่งนี้ชั้นบนสุดจะมีห้องวีไอพีเอาไวบริการแขกกระเป๋าหนัก มินนี่เดินตามเขามาถึงห้องสุดหรู
“ดะ เดี๋ยวค่ะคุณจะเอาเลยเหรอ”
“จะขายก็อย่าถามเยอะ”
แดนนี่กระโจนใส่สาวน้อยเขารีบจนลืมถามชื่อ จะชื่ออะไรไม่จำเป็นต้องสนใจพอเช้ามาจ่ายเงินจบแยกย้าย ไม่มีอะไรผูกมัดกัน
“อ๊า อื้อ พะ...แล้ว” อีตาบ้าเกิดคึกอะไรขึ้นมาถึงจับเธอคิดเสียหลายรอบ ตอนนี้ส่วนล่างของเธอระบมไปหมด
แดนนี่กดปากหนักๆ ลงไปที่แก้มทั้งสองข้างของคนใต้ร่าง หญิงสาวยังบริสุทธิ์ผุดผ่องหวานจนเขาไม่อยากปล่อยไปไหน
“อืม...อ๊า” เสียงร้องครั้งสุดท้ายเขาปลดปล่อยน้ำกามเข้าไปในรูร่องทุกหยาดหยด ไม่ยอมดึงตัวตนออกมาเขาเสียบคารูไว้แบบนั้น เอาสนุกไม่พอจนเขาลืมป้องกันไปเสียสนิท
05.00 น.
“อื้อ ถือว่าเป็นค่าตัวหนูก็แล้วกันจะได้มีเงินกลับเมืองไทย” มินนี่หยิบเงินของเขาออกมาจนหมดกระเป๋าแต่มีไม่กี่ใบ เมื่อหันไปเห็นของมีค่าจึงรีบคว้าแล้วรีบออกมาจากขุมนรกนั่น
“จะไปไหน!”
“ว้าย คะ..คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไร”
“หึ ยัยแมวขโมย”
คิดจะขโมยนาฬิการาคาหลายล้านของเขา เขาตื่นตั้งแต่หญิงสาวลุกไปสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว
“หนูเปล่าพอดีมีธุระจะรีบออกไป”
“อย่ามาโกหกมาให้ฉันตีก้นเสียดีๆ” แดนนี่คว้าตัวของหญิงสาวแต่เธอหลบทันทำให้เขาคว้าได้แต่กระเป๋า จึงยื้อฉุดกระชากกันไปมา
ปึก
เขาเห็นเอกสารพาสปอร์ตร่วงหล่นแล้วไหนบอกไม่มี ยัยเด็กนี่กำลังโกหกเขาอยู่ มือหนารีบเปิดดูว่ามีอะไรที่หญิงสาวปกปิดเขาไว้อีก
Thailand เป็นคนไทยชื่อมีนรญา คณานาง เขาไล่อ่านไปเรื่อยๆ จนถึงวันเดือนปีเดือนที่หญิงสาวบอกเขาว่าอายุ 24
“นี่อะไร”
“พาสปอร์ตหนูไงคะ”
“เธอเล่นตลกอะไร ห๊ะ! บอกมาว่าเธอเข้ามาทำอะไรแล้วใครให้ทำงาน!”
“โอ๊ย ปล่อยสิไอ้แก่ทำตัวเป็นตำรวจไปได้” เธอไม่ใช่คนร้ายที่ต้องตอบคำถามเขา
“เธอด่าใครไอ้แก่!” รับไม่ได้ที่ถูกเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดเรียกไอ้แก่ เขาอายุห่างจากหญิงสาวสิบกว่าปีก็ไม่แก่เท่าไร
“ปล่อยฉัน”
“พูดไม่เพราะฉันจะทำเธอส่งตำรวจ”
“โอ๊ยยย ปล่อยฉันจะกลับ”
“ไม่ปล่อยโว้ย มานี่!” เขาอุ้มหญิงสาวพาดบ่าเดินออกจากห้อง สั่งให้ลูกน้องเก็บข้าวของตามไปที่เพ้นท์เฮาส์ เจ็บใจที่ถูกเด็กหลอก เอาจนเอวเคล็ดเธอบอกว่าไอ้แก่...
เดี๋ยวเขาจะสั่งสอนว่าอย่ามาหยามเขา คนอย่างแดนนี่ คารุกโซ ไม่ยอมแพ้ให้ใครมาด่าว่าแก่
“ปล่อยฉันไอ้แก่”
“โอ๊ย ยัยเด็กบ้า...พวกมึงพาผ้ามาหมัดดิ” หน้าหล่อๆ ของเขามีรอยช้ำรอบดวงตาเมื่อถูกสาวน้อยต่อยเข้าเต็มเบ้า เขาจับหญิงสาวเข้าในรถแล้วกลับเพ้นท์ฮ้าส์ทันที ยังไม่เบื่อจะรีบหนีจากกันไปไหน
เสียงร้องไห้ของเด็กทารกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยที่ปลุกให้คนเป็นพ่อสะดุ้งตื่นขึ้นจากสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ดัสตินยันตัวลุกขึ้นจากเตียง มือขยี้ตาที่หนักอึ้งและชุ่มไปด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะก้าวไปอุ้มร่างน้อยขึ้นมาแนบอก “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับลูก” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า กดจูบเบาๆ บนหน้าผากของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสะอื้น ร่างน้อยดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน พยายามผลักอกเขาเล็กน้อยเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง เขาถอนหายใจยาวพยายามไกวตัวลูกไปมา หัวของเขาหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ทับเอาไว้ ดวงตาแดงก่ำและใต้ตาคล้ำลึกเป็นวง เหมือนหมีแพนด้าที่อดนอนมาสามวันติด เขาลองเปลี่ยนท่าอุ้ม ลองร้องเพลงกล่อม ลองพาเดินวนรอบห้อง แต่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นผล เฟรินทร์ตื่นขึ้นมาพอดีจึงได้เห็นภาพนั้นพอดี ผู้ชายตัวโตที่อุ้มลูกไม่ค่อยเป็นกลางคืนเป็นหน้าที่เขาที่ต้องลุกขึ้นมาอุ้มลูกยามที่ลูกร้อง “ทำไมไม่นอนครับลูก…” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความอ่อนล้าและสิ้นหวัง ทารกน้อยในอ้อมแขนยังคงแผดเสียงร้องไม่หยุด เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงจนสุดท้าย เมื่อไม่มีแรงแม้แต่จ
เหงื่อซึมทั่วใบหน้าซีดเซียว ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้มขณะกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ“อึก...!” เสียงครางลอดออกมาจากลำคอ เธอรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง“สูดลมหายใจเข้าไว้! อีกนิดเดียวค่ะคุณแม่!”เสียงปลอบโยนจากหมอและพยาบาลดังก้องในโสตประสาท แต่ทุกอย่างรอบตัวกลับพร่ามัว เธอไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับมืออุ่นของใครบางคนกอบกุมมือเธอไว้แน่น ดวงตาคมเข้มเต็มไปด้วยความเป็นห่วง“อดทนไว้นะเมียจ๋า... พี่อยู่ตรงนี้”เสียงทุ้มต่ำของเขาสั่นเครือ เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะเบ่งแรงสุดท้ายเสียงร้องแหลมเล็กดังก้องไปทั่วห้อง พร้อมกับลมหายใจของเธอที่เหมือนถูกดึงกลับมาอีกครั้ง น้ำตาที่เอ่อคลอร่วงเผาะลงข้างแก้ม แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข“ลูกของเรา...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่พยาบาลวางร่างเล็กๆ ไว้แนบอก“หน้าตาน่าเกลียดน่าชังจัง”หัวใจของเธอเต้นแรง แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือความเจ็บปวดอีกต่อไป เป็นเพราะชีวิตน้อยๆ ที่เธออุ้มอยู่ในอ้อมแขนก่อนหน้านี้“อื้ม...!” เสียงครางเบาๆ ทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาสะดุ้งสุดตัว เขาหันขวับไปมองคนบนเตียง คนที่กำลังจับท้องตัวเองแ
เฟรินทร์มองหน้าคนที่เข้ามาบุกรุกห้องนอนของเธอ เขากระโดดขึ้นเตียงโดยที่เธอยังไม่ได้อนุญาต ตั้งแต่เกิดเหตุเขาหายเงียบไปสองสัปดาห์ไม่ยอมส่งข่าว ปล่อยให้เธอคิดไปฝ่ายเดียว และวันนี้เข้าโผล่หน้ามาทั้งโกรธทั้งคิดถึงเป็นห่วงเขาสารพัด แต่คนตรงหน้าเหมือนจะไม่รู้สึกผิด “มานอนสิจ๊ะเมียจ๋าไม่คิดถึงผัวเหรอ” “คุณตลกมากเหรอคะคุณดัสติน” เธอทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเขา แต่เขากลับทำหน้าระรื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่แค่ปล่อยข่าวลือน่าตอนนี้พี่กลับมาครบ 32” “ไม่ต้องมาจับ!” เธอเบี่ยงตัวหนีไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัว “ที่รักขา~ พี่ผิดไปแล้วมาให้พี่ทักทายลูกหน่อย” “เราเลิกกันเถอะค่ะ เฟย์ไม่อยากให้ลูกตกอยู่ในอันตรายแบบคุณ” เธออยากใช้ชีวิตแบบปกติไม่ต้องคอยมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา “ไม่เลิกให้ตายก็ไม่เลิก” พยานรักอยู่ในท้องแท้ๆ “นั่นเป็นปัญหาของคุณค่ะเราทำหน้าที่พ่อแม่ก็พอ” “ไม่เลิกพี่ไม่เลิก!” ต่อเอามีดมาจ่อที่คอก็ไม่มีวันเลิกเด็ดขาด “ออกไปค่ะ” “เฟย์ทำไมงี่เง่าจังเลยมันคืองาน
ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงดัสตินหัวใจสลายเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะเขาที่ดูแลเฟรินทร์กับลูกไม่ดี น้ำตาเขาไหลออกมาอย่างไม่อายสายตาของใคร เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือดจนเปลี่ยนไป เสียงลมหายใจของเธอหนักขึ้น...เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเฟรินทร์ ขณะที่เธอนอนซมอยู่บนเตียงคนไข้ มือขาวซีดกำผ้าปูแน่น ร่างกายสั่นสะท้านเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาเป็นระลอก "หมอ...ช่วยลูกฉันด้วย..." เสียงของเธอสั่นเครือ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หมอไม่พูดอะไรให้เสียเวลา เขาขยับเข้ามาตรวจร่างกายเธออย่างเร่งด่วน สีหน้าเคร่งเครียดขณะมองจอมอนิเตอร์ที่แสดงอาการของทั้งแม่และเด็ก ในขณะที่เฟรินทร์กัดริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอจากความทรมาน "ยาได้แล้วค่ะ หมอ" พยาบาลส่งเข็มฉีดยาให้ หมอรับมาและรีบฉีดยาเข้าทางสายน้ำเกลือ พลางเฝ้าดูอาการของเธออย่างใกล้ชิด ทุกวินาทีช่างยาวนานเหลือเกิน หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ค่อยๆ ทุเลาลง หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความหวัง "ลูก...ลูกปลอดภัยไหมคะ?" หมอยิ้มบางๆ "ปลอดภัยแล้ว แต่อีกไม่กี่วันคุณต้องพักผ่อนให้มาก ห้ามเครี
“สวัสดีค่ะนายหญิงเมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ” “หลับสบายมากเลยค่ะ แต่มีรู้ว่ามีผีที่ไหนมาร้องห่มร้องไห้ทั้งคืน” พูดแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ขอบตาดำยิ่งกว่าหมีแพนด้า “ตายจริงโจรหรือเปล่าคะ” “โจรที่ไหนมันจะกล้าเข้ามาเหยียบที่นี่” แม้แต่แมลงสักตัวไม่อาจบินผ่านเข้ามาได้ ดัสตินนั่งทานอาหารเช้าเงียบๆ เมื่อเช้าดีนะตื่นก่อนหญิงสาวไม่อย่างนั้นคงโวยวายบ้านแตกที่ถูกเขาลวนลามตอนที่เธอหลับ “คุณลี่ถังไปส่งเฟย์ที่โรงแรมx หน่อยค่ะ” วันนี้เธอแต่งตัวสวยเพราะมีงานสำคัญ อย่าคิดว่าไม่รู้เมื่อคืนเขาแอบทำอะไรกับเธอ “ไปทำไม” อยู่ดีๆ จะไปโรงแรมไอ้แดนนี่ “ชิ” เฟรินทร์ไม่ตอบเดินไปรอลี่ลังที่รถดัสตินไม่รอช้ารีบเข้าไปนั่งในรถ จนมาถึงโรงแรมเขาถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นงานหมั้นของแดนนี่ เฟรินทร์เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู โดยมีดัสตินเดินตามหลังและลูกน้องของเขาเดินตามเป็นโขยง หลายคนกำลังคิดว่าสาวน้อยคนนี้คงมีความหมายสำหรับเขามากชายหนุ่มดูหวงแหน “มาแล้วเหรอพี่ชาย” “แด๊ดกับหม่ามี้ยังไม่กลับมาจากเที่ยวรอบโลก ไว้งานแต่งท่านต้องม
ดัสตินพาหญิงสาวกลับมาที่เซฟเฮาส์ในมาเก๊าเขาค่อยๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงกลัวว่าคนตัวเล็กจะตื่น เขานั่งมองใบหน้าของเธอและหอมแก้มทั้งว้ายและขวาเวลานี้อะไรก็ยอมทุกอย่างขอแค่หญิงสาวไม่หนีไปจากเขาก็พอ เขาเดินมาส่องกระจกหน้าแดงบวมแดงแต่ไม่คิดโกรธเมีย“ผมเอายามาให้ครับ”“อื้อ ขอบใจ”“ทานยาแก้ปวดก่อนดีกว่าครับ”ดัสตินยอมทานยาเพราะตอนนี้เขาปวดแผลมาก ตอนที่อุ้มเมียไม่รู้สึกเจ็บเท่าไร เขานั่งลงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง“โทนี่”“ครับ”“นายทำงานกับฉันมากี่ปีแล้ว?”“14 ปีแล้วครับ” ถามแบบนี้คงไม่คิดจะให้กันออกใช่ไหม รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ตอนนี้นายอายุ 36 แล้วหนิ...” เขาเว้นจังหวะการพูด “นายง้อผู้หญิงยังไงวะ นายอายุเยอะกว่าฉันน่าจะมีประสบการณ์มาก่อน”ไอ้โทนี่เป็นขี้ข้ารับใช้นายตั้งแต่เรียนจบจนอายุปูนนี้ยังไม่มีเมียตัวเป็นตน เขาไม่เคยจีบสาวมาก่อนและจะตอบคำถามเจ้านายยังไง“ถ้าตอบว่าไม่เคยจีบสาวมาก่อนเสียชาติเกิดมาก”แรงมาก แล้วตัวเองไม่เคยจีบสาวมาก่อนเหมือนกัน ถึงได้ทุกข์ระทมตกนรกแสนหมื่นล้านครั้งแบบนี้ ทำงานถวายหัวจะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว“ผม...”“มึงตอบดีๆ” เขาคาดหวังกับคำตอบของโทนี่มาก จะได้ตามง้อเฟรินทร