ดัสตินมารับเหมยหลินไปทานข้าว ขณะที่หญิงสาวกำลังแต่งตัว เขาใช้สายตาสำรวจรอบๆ สวนหย่อม หวังว่าจะได้เจอคนที่เขาคิดถึง และแล้วก็เห็นเฟรินทร์กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ท่ามกลางแปลงดอกไม้ เขารีบเดินตรงไปหาเธอทันที
เขามองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเยิ้ม ราวกับโหยหาจนอยากดึงเธอเข้ามากอดให้หนำใจ วันนี้เธอดูสดใสกว่าทุกวัน สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดสีขาวสะอาดตา และผมที่ถักเป็นเปียแกะสองข้าง เขานั่งลงข้างเธอโดยไม่รอช้า
“คุณ!”
เธอผงะและลุกขึ้นทันทีเหมยหลินเคยเตือนไว้ว่าให้อยู่ห่างๆ จากคนรักของตัวเอง เธอไม่อยากมีปัญหาจึงก้าวเท้าเตรียมหนีแต่ไม่ทันเขา
“จะรีบไปไหน”
เขารีบลุกขึ้นพร้อมกับคว้าข้อมือของเธอ และกระชากเธอจนเซถลาจนหน้าอกกว้าง และเขาก็ฉวยโอกาสรวบเอวบางทันที
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากตัวของคนตัวเล็กกว่าทำให้เขาสูดดมเข้าไป ทั้งสองอยู่ใกล้กันจนลมหายใจรดต้นคอของเฟรินทร์จึงหดลำคอหนี
“ช่วยปล่อยด้วยค่ะ” หญิงสาวพยายามดันตัวออกจากอกกว้างแต่ดัสตินกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดคนป่าเถื่อน
“บอกให้ปล่อย!”
“อะ อะ ถ้าตบฉันจูบ”
“ปล่อยฉันก่อนสิคุณ” เธอจำชื่อของเขาไม่ได้ถึงแม้จะเจอกันหลายครั้งก็ตาม
“อะไรกันจำชื่อฉันไม่ได้?”
“ฉันไม่รู้จักคุณ” เจอหน้ากันครั้งแรกเขากำลังพลอดรักกับผู้หญิงใต้ต้นไม้ เจอกันครั้งที่สองที่บ้านหลังนี้ ครั้งที่สามก็ตอนที่เธอตบเขา เอาเวลาไหนไปถามว่าเขาชื่ออะไร
“ดัสตินจำเอาไว้ฉันชื่อดัสติน หรือจะเรียกว่าจินห้าวก็ได้” จินห้าวเป็นชื่อจีนที่คนในครอบครัวของเขามักเรียนขาน ชื่อนี้สงวนไว้เฉพาะคนในครอบครัวเขาเท่านั้น
“ไม่อยากรู้จัก”
“ไม่อยากจำชื่อว่าที่ผัวได้ยังไง!” เผื่อเอาไว้ซ้อมเรียกชื่อเขาเวลาอยู่บนเตียงจะได้เรียกชื่อถูก ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดี
“ปล่อยด้วยค่ะ”
“พูดเป็นคำเดียวหรือไงไหนซ้อมเสียงดิ คุณดัสตินขา~” เขากำลังสนุกยามที่เห็นใบหน้าสวยหงิกงอไม่พอใจที่เขาไม่ยอมปล่อย
“จะปล่อยหรือไม่ปล่อย”
“จะแตะเป้าหรือตบหัวบอกเลยฉันซ้อมมาแล้วหลบทะ...โอ๊ยยยย”
เฟรินทร์หยิกหัวนมของเขาสุดแรงในเมื่อไม่มีช่องว่างให้เธอปะทุร้ายเขา สิ่งที่อยู่ให้ตัวเขาที่สุดคือหน้าอกของที่อยู่ระดับสายตาพอดี
“ยอมแล้วๆๆๆ ปล่อยหัวนมฉันก่อนมันหลุดไปเธอจะไม่มีอะไรดูดนะ”
ดัสตินไม่ยอมปล่อยมือจากเอวสอบของหญิงสาวรอบหน้าต้องเจออะไรอีกก็ไม่รู้ ระหว่างนั้นมีเสียงเรียกของเหมยหลินดังขึ้นมาช่วยชีวิตของเฟรินทร์พอดี
“คุณดัสตินอยู่ไหนคะ?”
เหมยหลินเรียกหาดัสตินและกำลังเดินมาทางนี้ หญิงสาวก็ยิ่งดิ้นให้หลุดอย่างร้อนใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะมาเห็นแล้วเธอจะถูกทำโทษ
“ฉันขอร้อง ปล่อยฉันเถอะค่ะ” เธอขอร้องพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเหมยหลินเข้ามาใกล้ ดัสตินผลักคนตัวเล็กออกห่างและยิ้มมุมร้ายอย่างสมใจ
“วันนี้ฉันเล่นเธอแค่นี้ก่อน ไว้เจอกันนะ”
“...” เฟรินทร์ไม่ตอบวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนที่เหมยหลินจะเข้ามาเจอดัสติน ทำให้เธอรอดหวุดหวิด
“คุณมาทำอะไรตรงนี้คะ” ออกมาแล้วไม่เจอเขาเรียกหาเฟรินทร์ไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็น ร้อนใจกลัวว่าทั้งสองจะแอบมาพูดคุยกันลับหลังเธอ
“ออกมาสูดอากาศดอกกุหลาบใครปลูกเหรอสวยจัง”
เขารู้ว่าใครเป็นคนปลูกเพราะเห็นหลักฐานอยู่เต็มสองตา ดอกกุหลาบหลากสีถูกปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม
“ของคนใช้ค่ะไม่รู้ปลูกอะไรนักหนา”
“เฟรินทร์นั่นเหรอ”
เหมยหลินเริ่มไม่พอใจเมื่อเขาวกกลับมาเข้าเรื่องของเฟรินทร์อีกครั้ง สรุปเขาจะจีบเธอหรือจีบมันกันแน่ เพราะบทสนทนาไม่เคยมีเรื่องของเธอ
“คุณจีบใครกันแน่คะ”
“ผมแค่ถามทำไมดูอารมณ์เสียจังออกไปทานข้าวกันดีกว่า” เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยกลัวว่าเหมยหลินจะรู้ว่าเขาสนใจเฟรินทร์มากแค่ไหน
.
เฟรินทร์แอบมองรถหรูที่แล่นออกไปพ้นนอกรั้วบ้านอย่างโล่งใจ วันนี้จะออกไปเดินเล่นเพราะเป็นวันพักผ่อน
“เฟย์จะออกไปไหน”
“คุณพ่อไม่ได้ออกไปทำงานเหรอคะ?” เธอตกใจเล็กน้อยที่เห็นพ่อยังอยู่ในบ้าน
“พ่อจะออกไปสายหน่อย ไปแต่งตัวแล้วออกไปกับพ่อ” ชิงอีมองลูกสาวคนเล็กด้วยความเอ็นดู เขาอยากบอกใครต่อใครว่าคนนี้คือลูกสาวอีกคนของเขา
เฟรินทร์เดินตามพ่อเข้ามาในโรงแรมสุดหรู เธอนั่งลงข้างกายของพ่อสายตามองสอดส่องไปมาจนเจอกับร่างสูงที่เธอรู้จัก ซึ่งเดินมาพร้อมหญิงสาวร่างเล็กเรียกว่าลากน่าจะใช้ได้
“คุณแดนนี่สวัสดีครับผมแนะนำให้รู้จักกับเฟรินทร์เป็น...”
“สวัสดีค่ะคุณแดนนี่สาวสวยคนนี้ชื่ออะไรคะ”
“สวัสดีครับคุณเซี่ยคุณเฟย์ คนข้างกายผมมินนี่ครับ”
เขาจับข้อมือคนดื้อไว้แน่นกว่าจะลากออกมาจากเพ้นท์เฮาส์ได้ เขาคอยปรามตลอดกลัวมินนี่จะก่อเรื่องและหาเรื่องหนีไปจากเขา
“ใครเขาอยากตามมาด้วยไอ้เฒ่าหัวงู” มินนี่ด่าเป็นภาษาไทยออกมาเธอพูดภาษาจีนไม่ได้ สื่อสารภาษาอังกฤษพอได้ เขาจับเธอแต่งตัวแล้วลากออกมาด้วยกัน
“เอะ คุณเฟย์ขอคุยกับคุณมินนี่ได้ไหมคะ”
“ตามสบายครับ” แดนนี่หันไปสั่งลูกน้องให้เดินตามสองสาวอย่างใกล้ชิด เดี๋ยวเด็กดื้อของเขาจะแอบหนีอีกเขาหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าต่อ
เฟรินทร์หันมองสาวสวยตรงหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มอย่างไรเธอไม่แน่ใจเหมือนกัน
“ทำไมถึงมาอยู่กับคุณแดนนี่ได้คะ”
“คุณพูดไทยเหรอคะ” มินนี่ถามอย่างแปลกใจ
“ฉันเป็นคนไทยค่ะย้ายมาอยู่ที่นี่ 10 กว่าปีแล้ว”
“คุณเฟย์รู้จักกับคุณแดนนี่เหรอคะ?” มินนี่ถามด้วยความสนใจ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาให้เธอรู้จักเขามากขึ้น
“เขาเป็นคนคุยที่เฟย์รู้จักค่ะ...ตอนนี้เลิกกันไปแล้ว” เฟรินทร์สีหน้าที่สลดลงจึงรีบพูดต่อ สาวสวยคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญของแดนนี่แน่
“ฉันอายุ 22 แล้วมินนี่อายุเท่าไหร่”
“18 ค่ะ” เธอเพิ่งอายุครบสิบแปดพี่ไปเมื่อสองวันก่อน เธออยากกลับเมืองไทยแต่แดนนี่ยึดเอกสารการเดินทางของเธอไว้ทั้งหมด ตอนนี้มีโอกาสหนีแล้วสาวไทยคนนี้คงช่วยเธอได้
“พี่เห็นใจมินนี่นะแต่พี่ช่วยอะไรไม่ได้ พี่คนเป็นธรรมดาไปสู้รบตบมือกับคุณแดนนี่ไม่ไหวหรอก เขาดูใจดีกับมินนี่มากเลยลองเอาอกเอาใจเขาดู”
บางทีเขาอาจจะยอมปล่อยหญิงสาวกลับไป เมื่อเธอยังไม่ทันถามว่ามาทำอะไรที่นี่แดนนี่กลับเดินเข้ามาเสียก่อน
“เดี๋ยวสิเฟรินทร์ผมมีอะไรจะให้”
“คุณให้เฟย์ทำไมคะ”
“นามบัตรของผมเผื่อคุณอยากคุยกับมินนี่ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ”
แดนนี่ส่งยิ้มให้สาวคนรู้จักตลอดที่เขาคบหากับเหมยหลินเขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนเลยว่าตัวเองนั้นเป็นใครมาจากไหน ครั้งนี้เขาควรบอกความจริงกับเฟรินทร์
“ไว้เจอกันใหม่นะคะพี่เฟย์”
“ดูแลตัวเองนะมินนี่เดี๋ยวพี่ติดต่อไป” เฟรินทร์ก้มอ่านชื่อบนนามบัตรที่เขาทิ้งไว้ให้ เธอไม่ทราบว่าเขาทำงานอะไรพออ่านนามสกุลถึงได้รู้ คารุกโซ เธอเคยได้ยินที่ไหนสักที่แต่จำไม่ได้
“ว้ายยยย”
เฟรินทร์ไม่พอใจที่เขาคว้านามบัตรไปจากมือของเธอแล้วโยนทิ้งถังขยะ ทำไมเธอต้องเจอหน้าเขาทุกครั้ง
“มันเป็นญาติฉันเองจะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรือไง!” เขามาเข้าห้องน้ำแต่เจอเฟรินทร์กำลังพูดคุยกับแดนนี่พอดี
“พูดอะไรของคุณใครจะเอาคุณ”
“ฉันไงจะเอาเธอเฟรินทร์ เธอเป็นของฉัน”
“อยากโดนอีกหรือไง”
“อะ อะ รอบนี้หยิกหัวนมอีกฉันจะบีบนมคืนนะ” เขาเห็นเฟรินทร์กัดปากตัวเองไม่พอใจ แล้วเดินกระแทกเท้าออกไปจนเขาหัวเราะออกมา รู้สึกอารมณ์ดีไม่น้อยยามที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก
เสียงร้องไห้ของเด็กทารกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยที่ปลุกให้คนเป็นพ่อสะดุ้งตื่นขึ้นจากสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ดัสตินยันตัวลุกขึ้นจากเตียง มือขยี้ตาที่หนักอึ้งและชุ่มไปด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะก้าวไปอุ้มร่างน้อยขึ้นมาแนบอก “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับลูก” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า กดจูบเบาๆ บนหน้าผากของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสะอื้น ร่างน้อยดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน พยายามผลักอกเขาเล็กน้อยเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง เขาถอนหายใจยาวพยายามไกวตัวลูกไปมา หัวของเขาหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ทับเอาไว้ ดวงตาแดงก่ำและใต้ตาคล้ำลึกเป็นวง เหมือนหมีแพนด้าที่อดนอนมาสามวันติด เขาลองเปลี่ยนท่าอุ้ม ลองร้องเพลงกล่อม ลองพาเดินวนรอบห้อง แต่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นผล เฟรินทร์ตื่นขึ้นมาพอดีจึงได้เห็นภาพนั้นพอดี ผู้ชายตัวโตที่อุ้มลูกไม่ค่อยเป็นกลางคืนเป็นหน้าที่เขาที่ต้องลุกขึ้นมาอุ้มลูกยามที่ลูกร้อง “ทำไมไม่นอนครับลูก…” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความอ่อนล้าและสิ้นหวัง ทารกน้อยในอ้อมแขนยังคงแผดเสียงร้องไม่หยุด เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงจนสุดท้าย เมื่อไม่มีแรงแม้แต่จ
เหงื่อซึมทั่วใบหน้าซีดเซียว ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้มขณะกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ“อึก...!” เสียงครางลอดออกมาจากลำคอ เธอรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง“สูดลมหายใจเข้าไว้! อีกนิดเดียวค่ะคุณแม่!”เสียงปลอบโยนจากหมอและพยาบาลดังก้องในโสตประสาท แต่ทุกอย่างรอบตัวกลับพร่ามัว เธอไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับมืออุ่นของใครบางคนกอบกุมมือเธอไว้แน่น ดวงตาคมเข้มเต็มไปด้วยความเป็นห่วง“อดทนไว้นะเมียจ๋า... พี่อยู่ตรงนี้”เสียงทุ้มต่ำของเขาสั่นเครือ เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะเบ่งแรงสุดท้ายเสียงร้องแหลมเล็กดังก้องไปทั่วห้อง พร้อมกับลมหายใจของเธอที่เหมือนถูกดึงกลับมาอีกครั้ง น้ำตาที่เอ่อคลอร่วงเผาะลงข้างแก้ม แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข“ลูกของเรา...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่พยาบาลวางร่างเล็กๆ ไว้แนบอก“หน้าตาน่าเกลียดน่าชังจัง”หัวใจของเธอเต้นแรง แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือความเจ็บปวดอีกต่อไป เป็นเพราะชีวิตน้อยๆ ที่เธออุ้มอยู่ในอ้อมแขนก่อนหน้านี้“อื้ม...!” เสียงครางเบาๆ ทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาสะดุ้งสุดตัว เขาหันขวับไปมองคนบนเตียง คนที่กำลังจับท้องตัวเองแ
เฟรินทร์มองหน้าคนที่เข้ามาบุกรุกห้องนอนของเธอ เขากระโดดขึ้นเตียงโดยที่เธอยังไม่ได้อนุญาต ตั้งแต่เกิดเหตุเขาหายเงียบไปสองสัปดาห์ไม่ยอมส่งข่าว ปล่อยให้เธอคิดไปฝ่ายเดียว และวันนี้เข้าโผล่หน้ามาทั้งโกรธทั้งคิดถึงเป็นห่วงเขาสารพัด แต่คนตรงหน้าเหมือนจะไม่รู้สึกผิด “มานอนสิจ๊ะเมียจ๋าไม่คิดถึงผัวเหรอ” “คุณตลกมากเหรอคะคุณดัสติน” เธอทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเขา แต่เขากลับทำหน้าระรื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่แค่ปล่อยข่าวลือน่าตอนนี้พี่กลับมาครบ 32” “ไม่ต้องมาจับ!” เธอเบี่ยงตัวหนีไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัว “ที่รักขา~ พี่ผิดไปแล้วมาให้พี่ทักทายลูกหน่อย” “เราเลิกกันเถอะค่ะ เฟย์ไม่อยากให้ลูกตกอยู่ในอันตรายแบบคุณ” เธออยากใช้ชีวิตแบบปกติไม่ต้องคอยมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา “ไม่เลิกให้ตายก็ไม่เลิก” พยานรักอยู่ในท้องแท้ๆ “นั่นเป็นปัญหาของคุณค่ะเราทำหน้าที่พ่อแม่ก็พอ” “ไม่เลิกพี่ไม่เลิก!” ต่อเอามีดมาจ่อที่คอก็ไม่มีวันเลิกเด็ดขาด “ออกไปค่ะ” “เฟย์ทำไมงี่เง่าจังเลยมันคืองาน
ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงดัสตินหัวใจสลายเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะเขาที่ดูแลเฟรินทร์กับลูกไม่ดี น้ำตาเขาไหลออกมาอย่างไม่อายสายตาของใคร เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือดจนเปลี่ยนไป เสียงลมหายใจของเธอหนักขึ้น...เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเฟรินทร์ ขณะที่เธอนอนซมอยู่บนเตียงคนไข้ มือขาวซีดกำผ้าปูแน่น ร่างกายสั่นสะท้านเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาเป็นระลอก "หมอ...ช่วยลูกฉันด้วย..." เสียงของเธอสั่นเครือ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หมอไม่พูดอะไรให้เสียเวลา เขาขยับเข้ามาตรวจร่างกายเธออย่างเร่งด่วน สีหน้าเคร่งเครียดขณะมองจอมอนิเตอร์ที่แสดงอาการของทั้งแม่และเด็ก ในขณะที่เฟรินทร์กัดริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอจากความทรมาน "ยาได้แล้วค่ะ หมอ" พยาบาลส่งเข็มฉีดยาให้ หมอรับมาและรีบฉีดยาเข้าทางสายน้ำเกลือ พลางเฝ้าดูอาการของเธออย่างใกล้ชิด ทุกวินาทีช่างยาวนานเหลือเกิน หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ค่อยๆ ทุเลาลง หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความหวัง "ลูก...ลูกปลอดภัยไหมคะ?" หมอยิ้มบางๆ "ปลอดภัยแล้ว แต่อีกไม่กี่วันคุณต้องพักผ่อนให้มาก ห้ามเครี
“สวัสดีค่ะนายหญิงเมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ” “หลับสบายมากเลยค่ะ แต่มีรู้ว่ามีผีที่ไหนมาร้องห่มร้องไห้ทั้งคืน” พูดแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ขอบตาดำยิ่งกว่าหมีแพนด้า “ตายจริงโจรหรือเปล่าคะ” “โจรที่ไหนมันจะกล้าเข้ามาเหยียบที่นี่” แม้แต่แมลงสักตัวไม่อาจบินผ่านเข้ามาได้ ดัสตินนั่งทานอาหารเช้าเงียบๆ เมื่อเช้าดีนะตื่นก่อนหญิงสาวไม่อย่างนั้นคงโวยวายบ้านแตกที่ถูกเขาลวนลามตอนที่เธอหลับ “คุณลี่ถังไปส่งเฟย์ที่โรงแรมx หน่อยค่ะ” วันนี้เธอแต่งตัวสวยเพราะมีงานสำคัญ อย่าคิดว่าไม่รู้เมื่อคืนเขาแอบทำอะไรกับเธอ “ไปทำไม” อยู่ดีๆ จะไปโรงแรมไอ้แดนนี่ “ชิ” เฟรินทร์ไม่ตอบเดินไปรอลี่ลังที่รถดัสตินไม่รอช้ารีบเข้าไปนั่งในรถ จนมาถึงโรงแรมเขาถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นงานหมั้นของแดนนี่ เฟรินทร์เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู โดยมีดัสตินเดินตามหลังและลูกน้องของเขาเดินตามเป็นโขยง หลายคนกำลังคิดว่าสาวน้อยคนนี้คงมีความหมายสำหรับเขามากชายหนุ่มดูหวงแหน “มาแล้วเหรอพี่ชาย” “แด๊ดกับหม่ามี้ยังไม่กลับมาจากเที่ยวรอบโลก ไว้งานแต่งท่านต้องม
ดัสตินพาหญิงสาวกลับมาที่เซฟเฮาส์ในมาเก๊าเขาค่อยๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงกลัวว่าคนตัวเล็กจะตื่น เขานั่งมองใบหน้าของเธอและหอมแก้มทั้งว้ายและขวาเวลานี้อะไรก็ยอมทุกอย่างขอแค่หญิงสาวไม่หนีไปจากเขาก็พอ เขาเดินมาส่องกระจกหน้าแดงบวมแดงแต่ไม่คิดโกรธเมีย“ผมเอายามาให้ครับ”“อื้อ ขอบใจ”“ทานยาแก้ปวดก่อนดีกว่าครับ”ดัสตินยอมทานยาเพราะตอนนี้เขาปวดแผลมาก ตอนที่อุ้มเมียไม่รู้สึกเจ็บเท่าไร เขานั่งลงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง“โทนี่”“ครับ”“นายทำงานกับฉันมากี่ปีแล้ว?”“14 ปีแล้วครับ” ถามแบบนี้คงไม่คิดจะให้กันออกใช่ไหม รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ตอนนี้นายอายุ 36 แล้วหนิ...” เขาเว้นจังหวะการพูด “นายง้อผู้หญิงยังไงวะ นายอายุเยอะกว่าฉันน่าจะมีประสบการณ์มาก่อน”ไอ้โทนี่เป็นขี้ข้ารับใช้นายตั้งแต่เรียนจบจนอายุปูนนี้ยังไม่มีเมียตัวเป็นตน เขาไม่เคยจีบสาวมาก่อนและจะตอบคำถามเจ้านายยังไง“ถ้าตอบว่าไม่เคยจีบสาวมาก่อนเสียชาติเกิดมาก”แรงมาก แล้วตัวเองไม่เคยจีบสาวมาก่อนเหมือนกัน ถึงได้ทุกข์ระทมตกนรกแสนหมื่นล้านครั้งแบบนี้ ทำงานถวายหัวจะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว“ผม...”“มึงตอบดีๆ” เขาคาดหวังกับคำตอบของโทนี่มาก จะได้ตามง้อเฟรินทร