บทที่ 4.ภาพบาดตา
มิรินเอ่ยถามเพื่อนสนิทของเธอเหมือนทุกครั้ง ก่อนที่เฌอเบลล์จะสวมกอดแขนของเธอ "โอ๊ย!" มิรินเอ่ยร้องขึ้น เมื่อเฌอเบลล์บีบเข้าที่แผลของเธออย่างตั้งใจ "ริน ฉันขอโทษนะ ฉันลืมตัวอะ" "ริน มีเลือดออกด้วยอะ ไปห้องพยาบาลก่อนไหม" นานะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเลือดของเธอไหลออกมาเป็นจำนวนมาก มาร์ตินยังคงจับจ้องไปที่มิรินด้วยสายตาดุดันไม่ต่างจากเดิม "เหอะ!" เสียงเจเลอร์เอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อเห็นว่ามาร์ตินยังคงยืนมองนิ่ง เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนมาร์ตินคงอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาล "ไม่เป็นไรนานะ เรามีเอาอุปกรณ์ทำแผลมา" มิรินค่อย ๆ หยิบ ๆ ยาล้างแผลและผ้าก็อซออกมาทำความสะอาดบาดแผลด้วยตัวเอง "ฉันช่วยไหมจะได้ไวขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันทำเองดีกว่าเดี๋ยวมือเธอเหม็น" "ฉันขอโทษจริง ๆ นะยัยริน ฉันไม่ได้ตั้งใจ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนไปซื้อข้าวให้ฉันล่ะ" "เธอยังมีอารมณ์จะกินข้าวอยู่เหรอยัยเบลล์ มิรินเจ็บอยู่นะ" นานะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อเฌอเบลล์งอแงจะกินข้าวอย่างเดียว "เบลล์จะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเราไปซื้อให้" " จริงนะ งือ ตินน่ารักที่สุดเลย ขอบคุณนะ” คำพูดของชายหนุ่มที่เปล่งออกมา ทำเอามิรินลืมความเจ็บปวดที่บาดแผลไปชั่วขณะ ในขณะที่เธอบาดเจ็บ แต่มาร์ตินกลับเป็นห่วงเพื่อนสนิทของเธอ ว่าจะหิวไปมากกว่านี้ ขวดน้ำยาแอลกอฮอล์ สีฟ้า ถูกเทราดลงบนแผลเป็นจำนวนมาก ก่อนที่มาร์ตินจะปัดขวดยาออกจากมือของเธอ "ยัยริน เธอเป็นไรรึเปล่า พวกเราเรียกเธอตั้งนานแล้วนะ แล้วเทยาลงแผลสดขนาดนั้น ไม่แสบเหรอ" เมื่อได้สติอาการแสบซ่านบริเวณบาดแผลก็เข้าเล่นงานเธอทันที "อ่อ ไม่เป็นไรหรอก" มิรินเอ่ยตอบนานะออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนที่เพื่อน ๆ จะจ้องท่าทีแปลกไปของเธอ มิรินทำแผลให้ตัวเองเรียบร้อย ก่อนจะขอตัวจากเพื่อนไปล้างมือ โดยไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มอีกคน เดินตามออกมา "มิริน!" เฮือก! มิรินสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ ๆ มาร์ติน ก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอ "ติน นายเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ" ปึง! เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ก่อนจะตามด้วยร่างของเฌอเบลล์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ "เบลล์บอกแล้วไง ว่ามาคนเดียวได้" มิรินเข้าใจในทันที มาร์ตินคงเป็นห่วงเฌอเบลล์ที่เดินมาเข้าห้องน้ำคนเดียว "ริน ฉันกับตินจะไปหาอะไรกินกันอะ เธอเอาอะไรปะ" เฌอเบลล์เอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้น ก่อนจะเดินจูงมือชายหนุ่มออกไป "ไม่เป็นไรอะ ฉันจะเข้าห้องน้ำก่อน พวกเธอไปก่อนเลย" หลังจากที่เพื่อนสนิททั้งสองเดินออกไป มิรินก็เปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำทันที ก่อนที่หยาดน้ำตา ที่พยายามกลั้นไว้จะค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาบนแก้มใสของเธอ มาร์ตินคงรู้สึกแบบเดียวกับเฌอเบลล์ แล้วเธอก็คงไม่มีสิทธิ์ ทำตัวสนิทสนมกับมาร์ตินเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว เป็นเวลาหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเจเลอร์ เพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคน ยืนรอหน้าห้องน้ำ "เธอเข้าไปทำอะไรข้างในนั้นตั้งนาน" "ก็เข้าทำธุระไง มาถามอะไรเนี่ยหลบไปเลยนะเจ" "ยัยริน แกมีปัญหาอะไร ที่ไม่ได้บอกพวกเราใช่ไหมวะ" "ปัญหาอะไรของเจ หลบไปเลย เพื่อนรออยู่นะ" มิรินแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง เมื่อเห็นว่าเจเลอร์แสดงท่าทีจับผิดเธออย่างเห็นได้ชัด มิรินเดินไปกลับที่โต๊ะอีกครั้ง ทว่าที่นั่งของเธอกลับถูกแทนที่โดยมาร์ติน มิรินจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ ไวน์ ทั้งที่ข้างมาร์ตินก็ว่างอยู่ เธอไม่อยากถูกมองว่าเป็นส่วนเกินของเฌอเบลล์และมาร์ตินอีกแล้ว เจเลอร์กระตุกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีสะใจ ก่อนที่มาร์ตินจะเช็ดมุมปากให้เฌอเบลล์เมื่อเห็นว่าเธอกินเลอะ "โอ๊ย! อะไรจะดูแลกันดีขนาดนั้น ถามจริง ถ้าฉันกับยัยรินกินเลอะแบบนี้ ไม่ทราบว่าแกจะเช็ดให้ฉันแบบนี้ไหมวะ ติน" นานะเอ่ยแซวเพื่อนทั้งสองขึ้น ก่อนจะจ้องมองไปที่มิรินอย่างจับผิด ก่อนที่ไวน์จะเอ่ยแทรกขึ้น "ไม่ได้ชื่อเบลล์ ก็เหนื่อยหน่อยนะพวกแกอะ แต่ถ้าอยากมีคนเช็ดให้ เดี๋ยวฉันเช็ดให้เองก็ได้ แต่เช็ดด้วยตีนนะ" ไวน์เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่งสายตาเย้ยหยันไปที่มิรินและนานะ "มีคนเคยบอกไวน์ไหม ว่าเป็นคนที่พูดจาไม่เคยผ่านสมองเลย" "ว้าย!!! ไอ้ไวน์โดนมิรินด่า ฮ่าฮ่าฮ่า" นานะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสะใจก่อนที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มจะหัวเราะออกมาเสียงดัง รวมถึงพวกเขาทั้งคู่ มิรินเพียงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะนั่งฟังเพื่อน ๆ พูดคุยกัน เฌอเบลล์และมาร์ตินยังคงหยอกล้อกันอยู่ตลอดเวลาโดยมีเพื่อน ๆ เอ่ยแซวเป็นระยะ มิรินพยายามแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เพื่อที่หัวใจของเธอจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อพวกเรายังคงต้องอยู่กลุ่มเดียวกัน "มิริน เป็นอะไรรึเปล่าหน้าแกดูซีด ๆ นะ" เจเลอร์เอ่ยขึ้น ก่อนจะเอาหลังมืออังที่หน้าผากของเธอ "เห้ย!! เธอป่วยหนิ" "เปล่านะ เมื่อเช้าเรายังโอเคอยู่เลย อากาศมันร้อนอะ เราเลยตัวร้อน" มิรินพูดตัดบทเพื่อนสนิททันที เพราะไม่อยากให้เพื่อน ๆ รับรู้ถึงอาการของเธอ "เธอล้างแผลที่ไหน หมอให้ยามารึเปล่า" เจเลอร์ยังคงเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเป็นห่วง ร่วมถึงไวน์ที่รู้สึกถึงอาการแปลก ๆ ของเพื่อนตั้งแต่เดินกลับมาจากห้องน้ำแล้ว "แผลแค่นี้เอง พ่อเราล้างให้" "แผลแค่นี้งั้นเหรอ!" มาร์ตินโพล่งขึ้นด้วยท่าทีเดือดดาล ทำเอาคนร่างเล็กสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ "ไอ้ตินเป็นเหี้ยอะไรของมึง ตวาดมิรินทำไม แหม! พอไม่ใช่เฌอเบลล์หน่อย ก็เสียงแข็งเลยนะ" คำพูดของไวน์ ทำเอาหัวใจของมิรินจุกจนแทบพูดไม่ออก แต่มันก็จริงเหมือนที่ไวน์เอ่ยมาทั้งหมด มาร์ตินมักจะพูดคุยกับเฌอเบลล์ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เลยทำให้มาร์ตินรู้ว่าต้องเอาใจเฌอเบลล์ยังไง "ตรงนี้มันร้อนอะ ฉันขอตัวไปรออาจารย์ที่ห้องนะ" มิรินเอ่ยขึ้นก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายตัวเองลุกไปในทันที เจเลอร์จ้องมองมาร์ตินด้วยสายตาไม่พอใจ ที่มาร์ตินนั้นตวาดใส่เธอ ก่อนที่เจเลอร์จะเดินตามร่างมิรินออกไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์มาร์ตินเดินย่างกรายออกไปจากห้องทันที ก่อนจะเห็นเฌอเบลล์และนานะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นานะรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที ที่ไม่เห็นมิรินเดินออกมาพร้อมกัน แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป"มีอะไร"มาร์ตินเอ่ยถามทั้งสองคนขึ้น เมื่อเห็นว่าพวกเธอมาหาเขาถึงที่นี่ เฌอเบลล์คิดหาข้ออ้างไม่ทัน จึงแกล้งชวนมาร์ตินคุยสัพเพเหระมิรินที่นั่งรอมาร์ตินนานพอสมควรจึงเดินสำรวจภายในห้อง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเอกสารสัญญาจ้าง และภาพถ่ายงานของเธอ ต่าง ๆ นานา ที่เธอตั้งใจทำมัน มิรินกำรูปภาพเหล่านั้นด้วยความโกรธเคือง แปลว่าที่ผ่านมา มันไม่เคยมีสินค้าตัวไหนจ้างเธอจริง ๆ แต่มันจากมาร์ตินที่คอยจ้างเธอ ความโกรธเคืองและผิดหวังประเดประดังเข้ามาภายในใจ มิรินโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ทำได้เพียงให้ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามา เอกสารการจ้างนักสืบพร้อมรูปถ่ายของเธอต่าง ๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะ อย่างเป็นระเบียบเพื่อคำอธิบายจากเขา"ตินเราออกไปกินข้าวกลางวันกันร้านเดิมไหม เบลล์หิวแล้ว"เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีออดอ้อน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนชายหนุ่ม แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมของอีกคน ซึ่งเธอจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำหอมของมิริน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม หญิงสาวชะงักไปค
ใช้เวลาเพียงไม่นานเควินมาถึง สิ่งแรกที่เขามองหาก็คือเธอ แต่ก็ต้องแปลกใจที่มิราไม่ได้อยู่รอเขา"คิดว่าเมียจะวิ่งมากอดซะอีก"เควินสบถขึ้นในใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอแม่มิรารีบเข้าไปกอดเมลลี่ทันที ก่อนที่ย่าก็ถามด้วยความเป็นห่วง" ปลอดภัยแล้วนะลูก""ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ"ปู่เรียกเควินไปคุยอะไรนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน ก่อนจะบอกว่า"พรุ่งนี้ค่อยจัดการพวกมัน"" เควินไปหามิราเถอะ ไม่ต้องห่วงลูก มิราเขาปั๊มนมและฝากลูกกับแม่หนึ่งคืน"" ฝากด้วยนะครับ"เควินรีบขึ้นไปบนห้องด้วยความเร่งรีและตื่นเต้น เป็นในรอบหลายเดือนตั้งแต่เธอท้อง เขาก็ไม่เคยได้สอดแทรกเข้าไปในกายของเธอเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอจัดคืนนี้ให้หนำใจเลยแล้วกันเควินค่อย ๆ เปิดเข้ามาก่อนมองหาหญิงสาว แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อมิรานั้น ใส่ชุดนอนคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ นั่งรออยู่ มิราจ้องมองเควินด้วยสายตายั่วยวน" มาแล้วเหรอคะ ทำไมถึงปล่อยให้รอนานจัง"มิราเอ่ยขึ้นก่อนจะย่างกรายเข้าไปชายหนุ่มพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อผ้าให้ช้า ๆ เควินที่รู้สึกอยากจะขย้ำเธอจึงลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ ทว่ามิรากลับห้ามเอาไว้"ใจเย็นๆสิคะ เรามีเวลาด้วยกันทั้งคืน ไปอาบน้ำก
วันเวลาผ่านไปไวเกือบสามเดือนแล้วที่มิรานั้นออกมาอยู่บ้านกับปู่และย่าของมาเฟียหนุ่ม เธอโดนบังคับมาโดยให้เหตุผลว่า อยู่ใกล้พวกเขาจะปลอดภัยกว่า มิราไม่มีทางเลือก ถึงยอมมาในขณะที่เธอกำลังให้นมลูกอยู่ในสวน อยู่ ๆ ก็มีย่ากับแม่และเมลลี่ผู้จัดการช่วยเลี้ยงลูกของเธอ ทุกๆ คนเห่อหลานมาก" อะมาร์เวลล์ค่าบ กินนมอยู่เหรอค่าบ"ทุกคนต่างหยอกล้อเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษ ก่อนจะฝังจมูกลงแก้มเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษตอนนี้น้ำนมของเธอเยอะมากๆ ทว่าลูกของเธอก็กินเก่งมากเหมือนกัน น้ำนมเอ่อไหลจนต้องปั๊มนมใส่ตู้เก็บไว้จำนวนมาก อยู่ๆ เธอก็คิดถึงตอนที่น้ำนมยังไม่มา ตอนนั้นเธอรู้สึกเครียดมาก แต่ก็ยังดีที่ได้กินน้ำขิงของนัทเชลล์ ทำให้เธอมีน้ำนมสต๊อกไว้ถึงสามตู้ฟรีชหลังจากที่มิราให้นมลูกของเธอเสร็จ เมลลี่ก็มาอุ้มมาร์เวลล์ออกไปทันที"มิไปพักเถอะ""มิแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย จะต้องพักด้วยเหรอ"มิราเอ่ยขึ้นทว่าเมลลี่ไม่สนใจเธอ เอาแต่หยอกล้อหลาน"วันนี้แด๊ดดี้ไปไหน ทำไมห่างลูกนานจังเลย ปกติมาทุกสิบนาที"ว่าจบเควินก็เดินเข้ามากอดมิราจากทางด้านหลัง ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบชิด ทั้งสองสวีทหวานอย่างไม่อายใคร และทุกคนก็เริ่มชินแล้ว
ครอบครัวเควินและมิราย้ายมาอยู่บนเกาะด้วยกันแทบตลอดเวลา เควินเลือกที่จะเอางานมาทำที่เกาะและดูแลเธอแบบใกล้ชิดเพิ่มความปลอดภัยแบบเต็มกำลังเควินแทบไม่ให้หญิงสาวออกห่างจากตัว และยังสั่งให้เธอนอนดูซีรีส์ฟังเพลงอยู่โซฟาในห้องทำงาน แล้วถ้าเบื่อเขาก็พาออกไปเดินเล่น และไปหาแม่ที่อยู่อีกฟากของเกาะแม่เธอกับผู้จัดการก็มาอยู่ด้วยแต่ว่าขอให้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของเกาะ พวกเขาอยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย จริง ๆ ทั้งสองอยากอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่มิราเป็นห่วงจึงขอร้องให้มาด้วยกัน แม่ก็ไม่อยากทำให้ลูกสาวกับเควินต้องเป็นห่วงเลยอยู่ใกล้ ๆ กันจะได้สบายใจ และเชื่อว่าเควินจะดูแลทุกคนได้ปู่และย่าเอ่ยถามถึงข่าวเควินหลานชายจากลูกน้อง เพราะเควินไม่มาหาเขาเลย ด้วยความคิดถึงหลานชายคนเดียวจึงให้คนเป็นย่าแกล้งป่วย"คิดถึงมันมากก็แกล้งป่วยสิ""แกล้งหรือไม่แกล้ง ฉันก็เหมือนคนป่วยอยู่แล้ว"คนแก่ทั้งสองเริ่มปลงและทำใจยอมรับมิราและยิ่งได้รู้ว่านางใจเด็ดและไม่ยอมแพ้ที่จะรักเควินก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอเหมือนย่าของเควินในตอนนั้น ตอนแรกย่าก็อยากได้เมติน่าคู่หมั้นเควินมากเพราะคิดว่าจะทำทุกอย่างได้เพื่อเควิน แต่จริง ๆ แล้วเธอ
. ลูกเควินนั่งดูหมอตรวจหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น มิราเองก็พยายามส่งสายตาให้ชายหนุ่มออกไป ทว่าชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอเอาแต่จ้องมองบนจอ แต่พอเห็นภาพลูกหน้าจอทั้งสองคนก็เงียบไป เควินเอ่ยถามหมอขึ้นว่าเสียงหัวใจเป็นของใคร คุณหมอก็เอ่ยตอบว่า"เสียงของตัวเล็กครับ"เควินนั่งฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่ดีใจจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เควินฟังหมออธิบายวิธีดูแลเมียกับลูกอย่างตั้งใจ สงสัยอะไรก็ถามทำเอาคนเป็นแม่อย่างมิรารู้สึกใจเต้นแรงและไม่คิดว่ามาเฟียอย่างเขาจะสนใจลูกขนาดนี้ และนึกภาพไม่ออกเลยว่าเควินจะโกรธมากแค่ไหนถ้าเธอทำแท้งจริงๆเควินเอ่ยถามเพศลูกขึ้น"เพศอะไรครับ""น้องเป็นผู้ชายครับ"เควินพอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังคงเก็บอาการพออัลตราซาวด์เสร็จหมอก็เอ่ยถามมิราขึ้นทันที"ยังแพ้ท้องอยู่มั้ย""ก็มีบ้างค่ะ""แล้วมีวิธีที่ทำให้หายแพ้ไหม"เสียงมาเฟียหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันที สร้างความมึนงงให้คนเป็นหมอเป็นอย่างมากมิรามองหน้าชายหนุ่มแบบงง ๆ"นี่โง่หรือแกล้งโง่ กันแน่ใครจะรักษาอาการแพ้ท้องได้"มิราเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงอย่างหนักที
36.มิราค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นก่อนจะนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับอาการของตัวเอง เพราะเธอมักจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆมิรารู้สึกเครียดมาก ๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ ทำได้เพียงคิดว่าเธอนั้นไปทำชั่วอะไรไว้ตั้งแต่ชาติปางไหนทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้"จะมีผัวทั้งทีก็เป็นผัวคนอื่นซะงั้น"มิราสบถขึ้นแต่พอพูดถึงผัวเธอก็มองหามาเฟียหนุ่ม ทว่ากลับไม่เจอแล้วก็มีเสียงใครบางคนมาเคาะประตูปู่กับย่าของมาเฟียหนุ่มตั้งใจแอบมาคุยกับเธอตอนที่เควินไม่อยู่ พร้อมกับบังคับเธอให้ทำตามข้อตกลง"เควินควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เธอไม่เหมาะที่จะยืนข้างเควิน เธอมันอ่อนแอเกินไปที่สู้เพื่อเควิน ออกไปจากชีวิตหลานฉันซะ!""ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกคุณต้องการนี่มันชีวิตของฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันไปจากเควิน" "ความปลอดภัยของครอบครัวเธอมั้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะคนที่จะเป็นเมียมาเฟียอย่างเควินจะต้องเป็นคนที่คู่ควร ดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่เป็นภาระให้เควินเหมือนเธอ" "ยังไงเธอเองก็ไม่ได้รักหลานชายฉันอยู่แล้ว สู้เอาเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องมาเสี่ยงอันตราย ฉันจะให้เงิน