บทที่ 3. คำถามซึ่งไร้คำตอบ
ทรงยศเอ่ยขี้น ก่อนจะดึงร่างลูกสาวออกห่าง แต่มิรินกลับสวมกอดผู้เป็นพ่อไว้แน่นกว่าเดิม ส่งผลให้เศษแจกันบาดเข้าบริเวณแขนของเธอ "ถ้าพ่อตายรินจะอยู่ยังไง อย่าทิ้งรินไปอีกคนเลยนะคะ รินไม่เหลือใครแล้ว" มิรินค่อย ๆ ทรุดตัวลงที่พื้น ท่ามกลางหยาดเลือดของตัวเอง ลมหายใจค่อย ๆ อ่อนลง ๆ ก่อนที่เธอจะเป็นลมหมดสติไป ทรงยศค่อย ๆ ทิ้งเศษแจกันในมือลง ก่อนจะสวมกอดลูกสาวไว้แน่น เขาไม่น่าเห็นแก่ตัว สิ้นคิด ทำอะไรไม่คิดถึงลูกเลย "พ่อขอโทษริน เจ็บมากไหมลูก เจ็บมากไหม" ทรงยศเข้าไปพยุงลูกสาวด้วยท่าทีสติแตก ก่อนจะอุ้มร่างลูกสาวไปที่โซฟาอย่างทุลักทุเล ปัก! อ๊ะ! เศษแจกันปักเข้าที่เท้าของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่เขาจะดึงมันออก แล้วคลานไปหยิบกล่องยา เพื่อมาทำแผลให้ให้ลูกสาว แม้ว่าหยาดเลือดบริเวณฝ่าเท้าของตัวเองนั้นจะไหลออกมาไม่หยุดก็ตาม ทรงยศจัดการล้างแผลให้ลูกสาวพร้อมหยดน้ำตา และพรั่งพรูคำว่าขอโทษออกมาไม่หยุด หลังจากที่จัดการทำแผลให้ลูกสาวคนเล็กเรียบร้อย จึงจัดการทำแผลให้ตัวเอง และเก็บกวาดเศษกระจกจำนวนมาก เพราะกลัวว่ามิรินจะเผลอเหยียบ และได้รับบาดเจ็บอีก เป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่หญิงสาวหมดสติไป ทรงยศจัดการเตรียมข้าวต้มหมอใหญ่ไว้ให้ลูกสาว ก่อนที่เธอจะได้สติ และวิ่งมากอดผู้เป็นพ่อทันที "พ่อ.." มิรินสวมกอดพ่อของเธอด้วยความดีใจ เธอคิดว่าจะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพ่อตัวเองเสียแล้ว "กินข้าว กินยาก่อนนะลูก จะได้ไม่ปวดแผลมาก" "พ่อทำข้าวต้มกุ้งที่ลูกชอบด้วยนะ แต่พ่อไม่แน่ใจว่ามันจะกินได้หรือเปล่า เพราะว่าพ่อไม่ได้ชิม" "แล้วของพ่อละคะ พ่อแพ้กุ้งหนิ" "พ่อต้มของพ่อไว้ต่างหาก ลูกกินเถอะ" มิรินเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวตรงข้ามกับพ่อของเธอ เธอค่อย ๆ ตักข้าวต้มในถ้วยเข้าปาก ก่อนจะจ้องมองถ้วยข้าวของพ่อเธอ ในขณะที่ชามของเธอเต็มไปด้วย กุ้งตัวโต แต่ของพ่อเธอนั้นกลับมีแค่ข้าวต้มเปล่า ๆ หยดน้ำตาหญิงสาวร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง เมื่อจ้องมองพ่อของเธอทานข้าวต้มด้วยท่าทีอร่อยมาก ทั้งที่มันไม่ได้น่าอร่อยเลย เพราะเป็นแค่เพียงข้าวต้มใส่เกลือเท่านั้น "อร่อยไหมลูก กินเยอะ ๆ นะ ตัวผอมแบบนี้ ลมพัดทีจะปลิวเอานะ" ทรงยศเอ่ยขึ้นกับลูกด้วยท่าทีหยอกล้อ ก่อนจะหัวเราะออกมา มิรินค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกจากพวงแก้ม ก่อนจะส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ "อร่อยที่สุดเลยค่ะ ฝีมือพ่อหนู" มิรินเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีสดใส แม้ข้าวต้มตรงหน้าเธอ มันจะเค็มมาก ๆ แต่มิรินก็ยังคงสู้กินมันจนหมดถ้วย ก่อนจะส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ "หมดแล้วค่ะ รินไม่เคยทานข้าวต้มที่ไหน อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย" "งั้นพ่อคงต้องทำให้รินกินบ่อย ๆ แล้วแหละ” "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรินซื้อเข้ามาดีกว่า รินไม่อยากให้พ่อเหนื่อย" "แค่นี้เองพ่อทำได้” “ตามใจพ่อแล้วกันนะคะ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้รินกลับจากมหา’ลัย รินจะซื้อของโปรดพ่อเข้ามานะคะ" "อย่าเลยลูกมันแพง" "ไม่เป็นไรค่ะพ่อ" "แล้วเรื่องรถลูก... เอารถพ่อไปขับก่อนได้ไหม มันอาจจะไม่ใช่รถยุโรป อาจจะไม่หรู ไม่โก้ แต่มันสะดวกกว่าหนูไปแท็กซี่นะ หนูจะอายเพื่อน ๆ ไหมลูก ถ้าอาย เดี๋ยวพ่อไปส่งหนูหน้ามหา’ลัยก็ได้นะ" มิรินจ้องใบหน้าผู้เป็นพ่อ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยออกมา และออดอ้อนผู้เป็นพ่อ "ไม่เป็นไรค่ะ รินไม่อาย เพื่อน ๆ ขับรถเก่ากว่านี้ตั้งเยอะ ช่วงนี้รินต้องยืมพี่แสนของพ่อก่อนนะคะ พี่แสนจะไม่งอแงกับรินใช่ไหมคะ" "ฮ่าฮ่า มันแก่แล้วต้องเอาใจมันหน่อย" ทรงยศเอ่ยขึ้น ก่อนจะสวมกอดลูกสาว แม้ว่าเขาจะทำเลวแค่ไหน แต่อย่างน้อยเขาก็สอนลูกให้เป็นคนดีได้ มิรินมีหัวใจที่อ่อนโยนและเข้มแข็งต่างจากพี่สาวและแม่ของเธอมาก เพราะมิรินอยู่กับพี่เลี้ยงจนโต จนพี่เลี้ยงเสียชีวิตไปตอนเธอสิบเอ็ดขวบ ทรงยศก็รับหน้าที่ต่อจากพี่เลี้ยง เพราะมิราและมิรินอายุใกล้ ๆ กัน ทำให้แม่และพ่อต้องช่วยกันเลี้ยงเธอ มิรินจึงติดพ่อมากกว่าแม่ของเธอ @เช้าวันรุ่งขึ้น มิรินเตรียมตัวที่จะไปมหา’ลัยตามปกติ ก่อนที่พ่อของเธอจะเตรียมนมและขนมปังไว้ให้เหมือนทุกวัน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอจะหาคำแก้ตัวกับบาดแผลที่แขน และเรื่องรถของเธอยังไงดี มิรินเดินออกไปที่รถของพ่อเธอด้วยความเร่งรีบ "ไปก่อนนะคะคุณพ่อ" มิรินเอ่ยขึ้นก่อนจะขับสปอร์ตรุนเก่าออกจากบ้านไป โดยมีทรงยศยืนมองอยู่ไกล ๆ "อย่างอแงกับน้องนะไอแสนเอ๊ย!" ทรงยศเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน @มหา’ลัยR มิรินขับรถเข้ามาในมหา’ลัยด้วยท่าทีปกติ ก่อนจะตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนในกลุ่ม โดยมีไวน์ที่ถามขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมวันนี้รินมันขับรถพ่อมาวะ" " ไม่รู้สิ อยากรู้ก็ถามเอง มานู่นละ" นานะเอ่ยขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะจ้องมองไปที่เรียวแขนของเธอเป็นสายตาเดียวกัน "ทะ...ไ" "แขนไปโดนอะไรมา" ในขณะที่ไวน์กำลังเอ่ยถามเกี่ยวกับรถของเธอ แต่มาร์ตินกลับเอ่ยแทรกขึ้น เมื่อเห็นที่แขนของเธอ มีผ้าพันแผลพันอยู่ "เอ่อ..." มิรินมีท่าทีอ้ำอึ้ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างปิดบาดแผลเอาไว้ "นั่นสิมิริน แขนเธอไปโดนอะไรมาอะ คล้ายแก้วบาดเลย" "อ๋อ! พอดีว่าเมื่อวานขับรถเร็วไปหน่อย เลยเผลอชนกับกระถางต้นไม้หน้าบ้านอะ" มิรินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีปกติ ก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ มิรินค่อย ๆ เดินไปนั่งข้าง ๆ เฌอเบลล์เหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป เมื่อมาร์ตินเอาแต่จ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาดุดัน ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยท่าทีปกติ "มีอะไรรึเปล่า" มิรินเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่มาร์ตินจะละสายตาจากใบหน้าเธอ และหันไปถามเฌอเบลล์แทน "เบลล์หิวไหม เมื่อเช้ากินอะไรมารึยัง" มิริน ค่อย ๆ หุบยิ้มลงทันที ก่อนจะหันหน้าไปที่เฌอเบลล์ "ยังเลยอะ หิวมาก" เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำกับมาร์ติน ก่อนที่มิรินจะเสนอตัวขึ้น เพราะปกติเธอจะเป็นคนจัดการเรื่องอาหารให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มอยู่แล้ว "เธอจะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวไปซื้อให้"มาร์ตินเดินย่างกรายออกไปจากห้องทันที ก่อนจะเห็นเฌอเบลล์และนานะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นานะรู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที ที่ไม่เห็นมิรินเดินออกมาพร้อมกัน แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป"มีอะไร"มาร์ตินเอ่ยถามทั้งสองคนขึ้น เมื่อเห็นว่าพวกเธอมาหาเขาถึงที่นี่ เฌอเบลล์คิดหาข้ออ้างไม่ทัน จึงแกล้งชวนมาร์ตินคุยสัพเพเหระมิรินที่นั่งรอมาร์ตินนานพอสมควรจึงเดินสำรวจภายในห้อง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเอกสารสัญญาจ้าง และภาพถ่ายงานของเธอ ต่าง ๆ นานา ที่เธอตั้งใจทำมัน มิรินกำรูปภาพเหล่านั้นด้วยความโกรธเคือง แปลว่าที่ผ่านมา มันไม่เคยมีสินค้าตัวไหนจ้างเธอจริง ๆ แต่มันจากมาร์ตินที่คอยจ้างเธอ ความโกรธเคืองและผิดหวังประเดประดังเข้ามาภายในใจ มิรินโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ทำได้เพียงให้ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามา เอกสารการจ้างนักสืบพร้อมรูปถ่ายของเธอต่าง ๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะ อย่างเป็นระเบียบเพื่อคำอธิบายจากเขา"ตินเราออกไปกินข้าวกลางวันกันร้านเดิมไหม เบลล์หิวแล้ว"เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีออดอ้อน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนชายหนุ่ม แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมของอีกคน ซึ่งเธอจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำหอมของมิริน เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม หญิงสาวชะงักไปค
ใช้เวลาเพียงไม่นานเควินมาถึง สิ่งแรกที่เขามองหาก็คือเธอ แต่ก็ต้องแปลกใจที่มิราไม่ได้อยู่รอเขา"คิดว่าเมียจะวิ่งมากอดซะอีก"เควินสบถขึ้นในใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอแม่มิรารีบเข้าไปกอดเมลลี่ทันที ก่อนที่ย่าก็ถามด้วยความเป็นห่วง" ปลอดภัยแล้วนะลูก""ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ"ปู่เรียกเควินไปคุยอะไรนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน ก่อนจะบอกว่า"พรุ่งนี้ค่อยจัดการพวกมัน"" เควินไปหามิราเถอะ ไม่ต้องห่วงลูก มิราเขาปั๊มนมและฝากลูกกับแม่หนึ่งคืน"" ฝากด้วยนะครับ"เควินรีบขึ้นไปบนห้องด้วยความเร่งรีและตื่นเต้น เป็นในรอบหลายเดือนตั้งแต่เธอท้อง เขาก็ไม่เคยได้สอดแทรกเข้าไปในกายของเธอเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอจัดคืนนี้ให้หนำใจเลยแล้วกันเควินค่อย ๆ เปิดเข้ามาก่อนมองหาหญิงสาว แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อมิรานั้น ใส่ชุดนอนคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ นั่งรออยู่ มิราจ้องมองเควินด้วยสายตายั่วยวน" มาแล้วเหรอคะ ทำไมถึงปล่อยให้รอนานจัง"มิราเอ่ยขึ้นก่อนจะย่างกรายเข้าไปชายหนุ่มพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อผ้าให้ช้า ๆ เควินที่รู้สึกอยากจะขย้ำเธอจึงลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ ทว่ามิรากลับห้ามเอาไว้"ใจเย็นๆสิคะ เรามีเวลาด้วยกันทั้งคืน ไปอาบน้ำก
วันเวลาผ่านไปไวเกือบสามเดือนแล้วที่มิรานั้นออกมาอยู่บ้านกับปู่และย่าของมาเฟียหนุ่ม เธอโดนบังคับมาโดยให้เหตุผลว่า อยู่ใกล้พวกเขาจะปลอดภัยกว่า มิราไม่มีทางเลือก ถึงยอมมาในขณะที่เธอกำลังให้นมลูกอยู่ในสวน อยู่ ๆ ก็มีย่ากับแม่และเมลลี่ผู้จัดการช่วยเลี้ยงลูกของเธอ ทุกๆ คนเห่อหลานมาก" อะมาร์เวลล์ค่าบ กินนมอยู่เหรอค่าบ"ทุกคนต่างหยอกล้อเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษ ก่อนจะฝังจมูกลงแก้มเด็กน้อยวัยสามเดือนเศษตอนนี้น้ำนมของเธอเยอะมากๆ ทว่าลูกของเธอก็กินเก่งมากเหมือนกัน น้ำนมเอ่อไหลจนต้องปั๊มนมใส่ตู้เก็บไว้จำนวนมาก อยู่ๆ เธอก็คิดถึงตอนที่น้ำนมยังไม่มา ตอนนั้นเธอรู้สึกเครียดมาก แต่ก็ยังดีที่ได้กินน้ำขิงของนัทเชลล์ ทำให้เธอมีน้ำนมสต๊อกไว้ถึงสามตู้ฟรีชหลังจากที่มิราให้นมลูกของเธอเสร็จ เมลลี่ก็มาอุ้มมาร์เวลล์ออกไปทันที"มิไปพักเถอะ""มิแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย จะต้องพักด้วยเหรอ"มิราเอ่ยขึ้นทว่าเมลลี่ไม่สนใจเธอ เอาแต่หยอกล้อหลาน"วันนี้แด๊ดดี้ไปไหน ทำไมห่างลูกนานจังเลย ปกติมาทุกสิบนาที"ว่าจบเควินก็เดินเข้ามากอดมิราจากทางด้านหลัง ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบชิด ทั้งสองสวีทหวานอย่างไม่อายใคร และทุกคนก็เริ่มชินแล้ว
ครอบครัวเควินและมิราย้ายมาอยู่บนเกาะด้วยกันแทบตลอดเวลา เควินเลือกที่จะเอางานมาทำที่เกาะและดูแลเธอแบบใกล้ชิดเพิ่มความปลอดภัยแบบเต็มกำลังเควินแทบไม่ให้หญิงสาวออกห่างจากตัว และยังสั่งให้เธอนอนดูซีรีส์ฟังเพลงอยู่โซฟาในห้องทำงาน แล้วถ้าเบื่อเขาก็พาออกไปเดินเล่น และไปหาแม่ที่อยู่อีกฟากของเกาะแม่เธอกับผู้จัดการก็มาอยู่ด้วยแต่ว่าขอให้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของเกาะ พวกเขาอยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย จริง ๆ ทั้งสองอยากอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่มิราเป็นห่วงจึงขอร้องให้มาด้วยกัน แม่ก็ไม่อยากทำให้ลูกสาวกับเควินต้องเป็นห่วงเลยอยู่ใกล้ ๆ กันจะได้สบายใจ และเชื่อว่าเควินจะดูแลทุกคนได้ปู่และย่าเอ่ยถามถึงข่าวเควินหลานชายจากลูกน้อง เพราะเควินไม่มาหาเขาเลย ด้วยความคิดถึงหลานชายคนเดียวจึงให้คนเป็นย่าแกล้งป่วย"คิดถึงมันมากก็แกล้งป่วยสิ""แกล้งหรือไม่แกล้ง ฉันก็เหมือนคนป่วยอยู่แล้ว"คนแก่ทั้งสองเริ่มปลงและทำใจยอมรับมิราและยิ่งได้รู้ว่านางใจเด็ดและไม่ยอมแพ้ที่จะรักเควินก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอเหมือนย่าของเควินในตอนนั้น ตอนแรกย่าก็อยากได้เมติน่าคู่หมั้นเควินมากเพราะคิดว่าจะทำทุกอย่างได้เพื่อเควิน แต่จริง ๆ แล้วเธอ
. ลูกเควินนั่งดูหมอตรวจหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น มิราเองก็พยายามส่งสายตาให้ชายหนุ่มออกไป ทว่าชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอเอาแต่จ้องมองบนจอ แต่พอเห็นภาพลูกหน้าจอทั้งสองคนก็เงียบไป เควินเอ่ยถามหมอขึ้นว่าเสียงหัวใจเป็นของใคร คุณหมอก็เอ่ยตอบว่า"เสียงของตัวเล็กครับ"เควินนั่งฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่ดีใจจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เควินฟังหมออธิบายวิธีดูแลเมียกับลูกอย่างตั้งใจ สงสัยอะไรก็ถามทำเอาคนเป็นแม่อย่างมิรารู้สึกใจเต้นแรงและไม่คิดว่ามาเฟียอย่างเขาจะสนใจลูกขนาดนี้ และนึกภาพไม่ออกเลยว่าเควินจะโกรธมากแค่ไหนถ้าเธอทำแท้งจริงๆเควินเอ่ยถามเพศลูกขึ้น"เพศอะไรครับ""น้องเป็นผู้ชายครับ"เควินพอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังคงเก็บอาการพออัลตราซาวด์เสร็จหมอก็เอ่ยถามมิราขึ้นทันที"ยังแพ้ท้องอยู่มั้ย""ก็มีบ้างค่ะ""แล้วมีวิธีที่ทำให้หายแพ้ไหม"เสียงมาเฟียหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันที สร้างความมึนงงให้คนเป็นหมอเป็นอย่างมากมิรามองหน้าชายหนุ่มแบบงง ๆ"นี่โง่หรือแกล้งโง่ กันแน่ใครจะรักษาอาการแพ้ท้องได้"มิราเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงอย่างหนักที
36.มิราค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นก่อนจะนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับอาการของตัวเอง เพราะเธอมักจะเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆมิรารู้สึกเครียดมาก ๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ ทำได้เพียงคิดว่าเธอนั้นไปทำชั่วอะไรไว้ตั้งแต่ชาติปางไหนทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซ้อนขนาดนี้"จะมีผัวทั้งทีก็เป็นผัวคนอื่นซะงั้น"มิราสบถขึ้นแต่พอพูดถึงผัวเธอก็มองหามาเฟียหนุ่ม ทว่ากลับไม่เจอแล้วก็มีเสียงใครบางคนมาเคาะประตูปู่กับย่าของมาเฟียหนุ่มตั้งใจแอบมาคุยกับเธอตอนที่เควินไม่อยู่ พร้อมกับบังคับเธอให้ทำตามข้อตกลง"เควินควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เธอไม่เหมาะที่จะยืนข้างเควิน เธอมันอ่อนแอเกินไปที่สู้เพื่อเควิน ออกไปจากชีวิตหลานฉันซะ!""ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกคุณต้องการนี่มันชีวิตของฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันไปจากเควิน" "ความปลอดภัยของครอบครัวเธอมั้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะคนที่จะเป็นเมียมาเฟียอย่างเควินจะต้องเป็นคนที่คู่ควร ดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่เป็นภาระให้เควินเหมือนเธอ" "ยังไงเธอเองก็ไม่ได้รักหลานชายฉันอยู่แล้ว สู้เอาเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องมาเสี่ยงอันตราย ฉันจะให้เงิน