10.00 น.
กริ๊งงงง กริ๊งงงง~
" ขิม.."
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง
" โอ้ยขิม โทรศัพท์แก ! "
เสียงพรีมโวยวาย ก่อนจะดึงหัวตัวเองผงกขึ้นมาจากหมอนนุ่ม หน้ายับยู่ยี่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดสุดขีด ในขณะเสียงเจ้าของดังออกมาจากห้องน้ำ
" รับให้หน่อย ฉันอาบน้ำอยู่ ~"
" โอย..ใครโทรมา..คนยิ่งหลับสบายอยู่ นี่ก็เหมือนกัน ตั้งเสียงเรียกเข้าซะแก้วหูแทบแตก "
พรีมบ่นอุบปิดท้ายก่อนจะกดรับ แล้วมาชะงักตอนหลัง ด้วยน้ำเสียงนี้ ติ้ด!
" ฮัลโหล.."
( อรุณสวัสดิ์เด็กน้อย..)
" อ๊ะ.." สะตั้นอยู่สองวิ ดึงโทรศัพท์จากการแนบหูมาดูจอ พลางพึมพำ " ผู้ชาย.."
( ฮัลโหล ได้ยินมั้ย )
" คะ..ค่ะ ค่ะฟังอยู่ค่ะ "
และมาชะงักอีกทีก็ตอนเคลถาม
( คุณไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์ใช่ไหมครับ )
" อะ..อ่า..ใช่ค่ะ หนูเป็นเพื่อน ยัยขิมอาบน้ำอยู่ "
( อ้อ..ชื่อขิมสินะ )
น่าทึ่งมากที่เขาจำเสียงเธอได้ ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อ
" ใช่..ค่ะ.. มีอะไรด่วนไหมคะ ฝากพรีมได้นะ เดี๋ยวพรีมจะบอกให้เองค่ะ "
( ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ไม่ได้สำคัญอะไร เอาเป็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงผมจะโทรไปใหม่ ถึงตอนนั้นเพื่อนคุณคงสะดวกคุยกับผมพอดี)
" คะ?"
แล้วเขาก็วาง
**ติ้ด!**
" อะไรว้า.."
ทำเอาพรีมตาสว่าง นั่งงงเป็นเทวรูป จนกระทั่งเจ้าของตัวจริงเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ พรีมจ้องหน้า ตาไม่กระพริบ
" อะไร้.."
"..."
" มองอะไรของแก.."
ก่อนพรีมจะชูโทรศัพท์เธอขึ้นมาเขย่า
" ฉันจำเสียงไอ้แบงค์แฟนเก่าแกได้ มันไม่ใช่เสียงนี้ บอกมา..นี่ใคร "
" ผู้ชายโทรมาเหรอ.."
ทว่า ขิมกลับถามกลับ ไม่ได้สนใจท่าทางของพรีมเลยสักนิด
" เออ"
" เสียงทุ้มๆ เสียงแหบๆ ใช่ไหม "
" เออ"
นั่นเลยทำให้ขิมถลาเข้าไปคว้าโทรศัพท์คืนมาทันที พลางถาม..หน้าตาอยากรู้มาก
" เอามานี่ เขาบอกว่ายังไง"
" บอกอีกครึ่งชั่วโมงจะโทรมาใหม่ "
" โอเค ตามนั้น ฉันจะได้ปิดเครื่อง "
พลางหมุนตัวเดินหลีก แต่พรีมกับยื้อไว้
" เดี๋ยวอย่าเพิ่ง บอกมาก่อน..พ่อหนุ่มเสียงหวานคนนั้น..ใคร..แฟนแกเหรอ?"
ทว่าขิม..
" บอกทำไม บอกก็โง่ดิ "
แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอีกรอบ
" เฮ้ยยย"
ปัง!
" ฮ่าๆๆ"
**พั่บ!**
เสียงปิดโทรศัพท์แรงพอกับความหัวเสีย เคลโยนมันไปบนเบาะนั่งข้างๆคนขับ ก่อนจะเหยียบคันเร่งไปยังมหาลัยทันที
“ แสบจริงๆ “
พลางยิ้มขำกับตัวเอง หลังจากโทรไปแล้วขิมปิดเครื่อง เขารู้เธอจงใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกรูมเมทเธอไปแล้ว มันไม่ใช่เพราะเคลอยากจะเอาชนะเด็กคนนึงหรอกที่เขาลงทุนถึงขนาดนี้ เพียงแต่ว่าความติดนิสัยเคยชิน การพาพริ้ตตี้มานอน แล้วเลี้ยงดูจนเขามีสามี หรือ เลี้ยงจนตัวเองเบื่อนั้น มันเป็นเรื่องที่เขาทำมานับไม่ถ้วนแล้ว และแต่ละบุคคลเคลไม่เคยขอให้มาผลาญเงินเขาเลยสักครั้ง พวกเจ้าหล่อนนั่นแหละเสนอตัวให้เขาเอง ขุดสันดานแบบนี้ของผู้ชาย ทั้งๆที่มันควรจะอยู่ให้ลึกที่สุดออกมาเอง..
เหตุผลของความมักง่าย คนได้อ่านคงจะสงสัยว่าทำไม
.. ทำไมเคลถึงเป็นคนมักง่ายขนาดนี้ ...เปล่านะ เขาเปล่าข่มขืนใคร หรือ พรากผู้เยาว์ เขาไม่เคยทำอย่างนั้น และแม้แต่คิดจะทำ...ก็จะไม่มี ทว่า ความเหงา สถานะความเครียดในเรื่องของการเป็นพี่คนโต ภาระหลายๆอย่างที่รุมสุมให้คนๆเดียวอย่างเขาต้องดูแล มันทำให้เขาไม่มีเวลาพอที่จะมีแฟน อีกทั้งจุดด้อยที่ทำให้เขาฝังใจ มันก็มาจากเรื่องนี้นี่แหละ... แฟนทิ้งเขา เพราะเขาไม่มีเวลาให้กับเธอ วันนี้เคลก็เพียงคิด อยากจะดูแลใครสักคน ที่มันมาจากความรู้สึกจริงๆของเขาสักที นั่นก็คือ..สาวน้อยบ้านนอกคนนี้ ที่มีหน้าตาไม่ได้ต่างกันกับดาราในการที่เขาเคยคั่วมาเลยสักนิด
<strong>เอี๊ยด!</strong>
บริเวณหน้ามหาลัย มีรถคันนึงจอดเยื้ยงกัน แน่นอนแหละว่ามันต้องเป็นรถของเคล ที่มาดักรอขิม ซึ่งเดินมาแต่ไกลในชุด
...เอ่อ..
...กางเกงยีนส์เอวต่ำแฟชั่นเข่าขาดสีขาว ตัดกับเสื้อครอปเอวลอยสีเทา พร้อมกับรองเท้าผ้าใบขวัญใจเธออีกคู่หนึ่ง
“ เฮอะ..เด็กกะโปโลเอ๊ย..”
เคลส่ายหน้าขันเบาๆเมื่อเห็น ก่อนจะลงจากรถ ในขณะที่สาวร่างบางอย่างขิมยังไม่ทันสังเกตุ เดินผ่านรถเขาไปได้สักสามสี่ก้าวแล้ว
มาตกใจจริงๆก็ตอนที่เคลฉวยแขนไว้
“ น้องขิม..”
“ อ๊ะ!”
ด้วยความสูงที่ต่างกัน ทำเธอต้องเชยคางมอง ก่อนจะงงไก่ตาแตก
“ เฮ้ย คุณ...”
“ ครับผม “
“ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ขิมถามเสียงแหลม ตาเบิกกว้างจนเคลหลุดขำ ชี้ไปทางยานพหนะของตัวเอง
“ มากับรถ “
“ รู้แล้ว! คุณคงไม่เดินมาหรอกค่ะ “ ก่อนขิมจะแทรกเสียงฉุน “ แล้วมาทำไมคะ “
“ แวะมาทำธุระแถวนี้ ไม่คิดว่าจะมาเจอ บังเอิญจังเลยนะครับ...”
“ หืม...จริงเหรอ ”
ขิมถึงกับขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ ไปทานข้าวกันอีกไหม...ผมอยากกินอาหารแบบนั้นที่คุณสั่งอีก “
เคลตัดบทถาม พยายามหลีกเลี่ยง ทว่า ขิมกลับ ..
“ ไม่ล่ะคะ วันนี้หนูรีบ ขอตัว..”
หมุนตัวเดินต่อ เล่นเอาเคลถึงกับรนราน
“ เดี๋ยวๆ แล้วแผลหายดีแล้วเหรอ “
“ ยังค่ะ แต่จะทน “
“...”
“ ขอตัว...”
“ ไปกับผม ผมมีอะไรจะเสนอ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากเดินแบบนี้ “
“ อะไรคะ “
“ มาเถอะน่า “
คราวนี้เคลไม่ปล่อยโอกาสให้ขิมได้เล่นตัวอีก เขายึดต้นแขนเธอไว้ทันทีในขณะพูด ก่อนจะใช้แรงบางส่วนลากเธอให้เดินตามมาที่รถ หลังจากมาถึง
“ อะไรคะ”
“ ทำงานกับผมไหม ผมมีตำแหน่งว่างอยู่ตำแหน่งนึง สามารถทำเป็นพาสไทม์ได้ โดยที่คุณไม่ต้องเสียการเรียน “
“ อะ..เอ๋.. งานอะไรคะ “
“ เป็นคู่ขาของผม “
**ผั๊วะ!!!**
“ โอ๊ย! อะไรของคุณเนี่ย! “
เสียงร้องนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน เคลนั่นแหละ ที่เผอิญโดนหมัดนิ่มชกเข้าไปตรงกลางเบ้า ก่อนจะถูกผลักอีกทีร่างถลาไปชนประตูรถ
ปึง!
“ ขอกันง่ายๆเลยเรอะ! คนบ้า!! “
ก่อนตัวคนทำจะถอยหลีก คราวนี้เคลไม่ได้ห้าม ปล่อยขิมเดินหายไปท่ามกลางกลุ่มคน นั่นเพราะไม่ใช่ว่าเขาเจ็บ แต่ทว่า...
“ ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย...”
อึ้งรับประทานครับท่าน! สะตั้นอยู่พักนึง แล้วขึ้นรถไป
ฝั่งด้านของขิม ในขณะที่เธอเป็นฝ่ายเจ็บ เพราะเกิดชกผิดท่าไปหน่อยจนมือบอบช้ำ ทว่ากลับไม่ได้ทำให้เธอสะท้กสะท้านเท่ากับสีหน้าเธอในตอนนี้เลย ที่มันโกรธซะจนหาที่ลงไม่ได้ ถึงแม้จะเผลอคุมสติไม่ได้ ต่อยคนพูดไปแล้วก็เถอะ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นลงอยู่ดี
“ นี่เหรอ คนรวย ...ให้ตายเถอะ เห็นผู้หญิงเป็นของมีค่าเป็นไหมวะเนี่ย”
บ่นอุบเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนเผลอเหลือบไปเห็นร้านๆนึง ที่ทำให้ขาเธอชะงัก
‘ รับสมัครพนักงานด่วน ‘
“ มีพาสไทม์ด้วยรึเนี่ย “
ได้โอกาสคนร้อนงานอย่างขิม ไม่สนใจสังขารแล้วในตอนนี้ หลังหันไปเห็นป้ายประกาศรับพนักงานอยู่ตรงกระจกหน้า และเขียนตัวใหญ่ๆว่า
...นักศึกษาฝึกงาน/รายชั่วโมงก็ทำได้....
เธอถึงกับเดินมึนเข้าไปทันที โดยไม่ต้องคิดเยอะ นั่นเพราะมันเป็นงานที่เธอถนัด สมัยตอนเรียนมัธยม เธอเคยเป็นคนเช็คของพวกนี้มาก่อน แถมเฝ้าล็อกเกอร์พวกที่มาใช้บรการยิ่งกว่าผู้รักษาความปลอดภัยโรงยิม พอมาเห็นแบบนี้ ก็มั่นใจทันทีว่าตัวเองนั้นทำได้ เลยไม่คิดจะตริตรองหรือรอช้าให้เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว
..กริ๊ง..
“ สวัสดีครับ ...”
ทว่า กลับตัองมาอ้าปากกับคนๆนี้ที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า แล้วมาหุบลงเป็นหน้างงในภายหลัง
“ ขิม! O.O “
“ พี่สปอร์ต O.O “
...ย้อนกลับไป 2 เดือนก่อน...
รักวัยใสที่เหมือนจะไปได้ด้วยดี กลับจบลงแบบไม่ทันได้เริ่ม หญิงร่างสูงโปร่งที่เป็นถึงนักบาสของโรงเรียนอย่างขิม ยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่บนดาดฟ้าอาคารเรียน นั่นเพราะวินาทีนั้นเธออกหัก เกิดพลาดไปจับได้ว่าแบงค์ แฟนรุ่นพี่ปีนึงของเธอ มีคนอื่น ..
...ซึ่ง ภาพนั้นคาหนังคาเขา เห็นชัดเต็มสองตาพอๆกับความเจ็บปวด...
หัวใจขิมถูกทำลายหลังจากนั้นทันที เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าคนที่คบกันมามากกว่า 3 ปี จะทำแบบนี้ได้ ถึงมันจะเป็นรักของเด็กในสายตาผู้ใหญ่
รักที่ใครๆต่างพากันคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องสนุก ทว่า..สำหรับขิมแล้ว หากได้รักใครสักคน เธอรักหมดใจจริงๆ...
‘ พี่ไม่อยากขายเพื่อนนะขิม ‘
‘ บอกขิมมาเถอะนะพี่สปอร์ต ขิมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ‘
‘ ขิม...’
‘ ทำไมพี่แบงค์ถึงมีคนอื่น ทำไมถึงผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับขิมได้ ‘
และเชื่อไหมว่าความเจ็บปวด ที่เธอได้รับมาครานั้น มันไม่ได้มาแค่คำว่าอกหักเพียงอย่างเดียว แต่ทว่า .. มันกลับได้ความเกลียดชังแถมมาด้วย ผู้ชายคนนึง ที่พูดออกมาเต็มปากอย่างไม่ได้คิดจะให้เกียรติผู้หญิง ด้วยเหตุผลที่เขานั้นเลิก มันทำให้เธอแค้นฝั่งหุ่น ถึงขนาดอยู่แผ่นดินจังหวัดเดียวกันกับเขาไม่ได้
ซึ่งมันออกมาจากเพื่อนสนิทอย่างสปอร์ตประมาณว่า..
‘ มันบอกว่าขิมได้ยากกว่าคนนั้น ที่มันไปคบ ความสวย ความเด่น ก็น้อยกว่าด้วย ...’
‘ ฮึก...แค่นั้นน่ะเหรอคะ ...’
“ ขิม ...”
“...”
“ ขิม!!! “
“ คะ! ..คะ...”
“ เรียกตั้งหลายครั้งแล้วทำไมไม่ได้ยิน “
ก่อนเธอจะมาสะดุ้งอีกครั้ง เพราะถูกคนตรงหน้าเรียก
“ เอ่อ..ขอโทษค่ะ ขิมคิดอะไรเพลินไปหน่อย ตะกี้พี่สปอร์ตว่าอะไรนะคะ“
“ พี่ถามว่า เรามาทำอะไรที่นี่ “
“ มาเรียนค่ะ “
“ อันนั้นพี่รู้แล้ว หมายถึง ตรงนี้..และเวลานี้..”
สปอร์ตเลิกคิ้วเข้มขึ้น เหมือนรอคอยคำตอบ ก่อนจะมาชะงักก็ตอนนี้
“ มาสมัครงานค่ะ “
“ ห๊ะ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาเนี่ยนะ!!!”
“ ค่ะ ^^ "
**...คาเฟ่ระแวกเดียวกัน ...**
สปอร์ตพาขิมมานั่งจิบกาแฟด้วยกัน นั่นหมายถึงการสานสัมพันธ์ใหม่ หลังจากห่างหายกันไปนาน แต่คราวนี้ไม่ใช่ในสถานะเพื่อนสนิทของแฟนนะ แต่มันคือพี่น้องคนละพ่อคนละแม่กัน
" คิดดีแล้วรึไง ถึงมาสมัครงานน่ะ "
ได้โอกาสตอนรอออเดอร์ที่สั่ง สปอร์ตก็ถามขิมทันที พลางขมวดคิ้วหลังจากได้คำตอบนี้
" ดีแล้วสิคะ พี่ถามทำไม มีอะไรรึเปล่า อย่าบอกนะว่าเขาไม่รับพนักงานผู้หญิงน่ะ "
" เปล่าครับ แต่เราน่ะเพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง กิจกรรมก็เยอะแยะมากมาย ยังไม่มีเวลาหยุดตายตัว ตั้งใจเรียนก่อนไม่ดีกว่าเหรอ "
ในขณะประโยคนี้ของเขาทำขิมชะงักไปนิดนึงเหมือนกัน เธอเงียบไป ก่อนจะทำหน้าหงอย
" มันก็จริงอย่างที่พี่ว่า แต่ขิมไม่มีทางเลือก.."
" หมายความว่าไง ไม่มีทางเลือก "
" ขิมไม่มีเงินกินไปวันๆ นอกจากค่าเล่าเรียน แม่คำนวณมาแค่นั้น ไม่มีสิทธิ์ขอเพิ่ม "
เธอบอกตามความจริง ก้มหน้างุน รู้สึกถึงความขายหน้าที่มีนิดๆ
" อะไรกัน..ทำไมถึงขอไม่ได้ ลูกมาเรียนนะ ต้องมีเงินหนุนก่อนสิ ใช่ว่าจะมีทำงานได้เลยซะที่ไหน "
ในขณะที่คนตรงข้ามเหมือนกับฉุน ทว่าขิมกลับแทรกกลางคัน
" คือ..พี่สปอร์ต อันที่จริง ขิมดื้อมาเรียนเองค่ะ แม่ไม่ได้อยากให้มาตั้งแต่แรก.."
ห้ามทัพทันควัน เพราะไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีกับแม่เธอ
" อ่าว... ไหงเป็นงั้นล่ะขิม "
"..."
ก่อนเธอจะเงียบไปในที่สุด แล้วก้มหน้างุนปริ่มๆจะร้องไห้แทน
" แม่ขิมไม่อยากให้มา แล้วขิมมาทำไม มหาลัยที่นั่นก็เยอะแยะไม่ใช่เหรอ.."
"..."
" หรือว่า..เรื่องไอ้แบงค์ "
" ฮึก.."
" ต้องใช่แน่ๆ "
จนกระทั่งสปอร์ตเป็นฝ่ายเงียบไปบ้างนั่นล่ะ เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมน้ำตา
" ฮึก.. พี่.."
" ขิมรักมันมากเลยเหรอ ผู้ชายนิสัยแบบนั้น "
" ขิมเจ็บใจ.."
" ไม่จริงหรอกขิม พี่ว่าขิมเปล่าเจ็บใจ แต่ขิมยังลืมมันไม่ได้มากกว่า.."
"..."
" เสียใจใช่มั้ย.. กับคำที่พี่บอกให้ฟังในวันนั้น "
เพราะความหยั่งรู้ของสปอร์ตแท้ๆ ที่ทำขิมพยักหน้ายอมรับ ก่อนจะถูกบีบมือด้วยอุ้งมือใหญ่เบาๆ
" เวลาจะเยียวยาเราได้เชื่อพี่ "
" ขอบคุณนะคะ.."
ซึ่งตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานนำกาแฟมาเสิร์ฟพอดี
" อะ มาแล้ว กินกันก่อนดีกว่า หลังจากนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากัน "
" ค่ะ "
" ว่าแต่ขิมมาที่นี่กับใคร? คนเดียวเหรอ "
" มากับเพื่อนค่ะ เพื่อนที่ซุ่มซ่ามไปชนพี่ตอนอยู่สนามบินวันนั้นไง "
" อ่ะ! ตกลงขิมหรอกเหรอ "
" คะ?"
" ตอนที่ชนวันนั้นน่ะ พี่ก็ว่าน่าจะใช่ แต่มานึกได้ ก็ตอนเดินมาไกลแล้ว ตอนนั้นรีบขึ้นเครื่องด้วย ..โทษทีนะ "
" อ่อ.. ไม่เป็นไรค่ะ ^^ " ขิมบอก พลางก้มลงไปดูดกาแฟปั่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานใหม่ สลับกันกับสปอร์ต " อร่อยดีนะคะ "
" ครับ ร้านประจำพี่น่ะ "
" จริงเหรอ?? สงสัยขิมต้องมาบ่อยๆละ "
" ทำไม.. อย่าบอกนะว่าอยากจะเจอพี่ "
" หะ??"
" ฮ่าๆๆ หยอก.. "
" โถ่เอ้ย ถ้าเรื่องนั้น ไม่ต้องมาเสียเงินที่ร้านกาแฟก็ได้หรอกมั้งคะ เพราะว่าเดี๋ยวพอขิมได้งานที่นั่น ขิมก็เจอพี่ทุกวันละ "
" หืม หมั่นใจจังเลยนะเรา ทำไมต้องเจอพี่ทุกวันด้วยล่ะ "
" เพราะว่าเดี๋ยวพี่จะต้องรับขิมเข้าทำงาน "
" ทำไมคนรับเราเข้าทำงานต้องเป็นพี่ด้วยล่ะ "
" ร้านนั่นน่ะเป็นของพ่อแม่พี่ไม่ใช่เหรอ พี่ย่อมมีสิทธ์อยู่แล้ว "
" อ้าว แล้วถ้าพี่ไม่รับ? "
" ขิมก็จะอ้อน จะไปนั่งเฝ้า จะรอจะตื้อจนกว่าพี่จะรับไง "
" เฮ้ย เอาจริงดิ "
" จริง ^^ "
ก่อนขิมจะหัวเราะร่า เพราะถูกสปอร์ตขยี้หัวเล่น
" นี่แน่ะ!...ร้ายจริงๆ "
" ฮ่าๆๆ"
กำลังใจด้วยค่ะ ขอ ขอ ขอ
วันแห่งความสุข เข้าสู่ประตูวิวาห์ช่วงเวลาเหมาะเจาะ ดั่งใจของคนตั้งและวางไว้ งานแต่งระหว่างคนทั้งคู่ ซึ่งอายุจะห่างกันเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถูกจัดขึ้นในโบสถ์แบบฉบับของคริสเตียน ปัทมาในชุดเจ้าสาวขาวผ่อง ชายกระโปรงผ้าแก้วแฝงกำมะหยี่แวววับเม็ดเล็กๆ ถูกปล่อยลากพื้นยาวเป็นวา และอีกผืนนึงเอามาปิดเครื่องหน้าไว้เล็กน้อย ทำเจ้าสาวรายนี้ช่างหน้าค้นหายิ่งนัก เดินอวดร่างบางมาพร้อมกับวงแขนให้ยืมควงอย่างยศกร พ่อผู้ให้กำเนิดอาสาเดินมาส่ง ท่ามกลางพรมแดง และพยานผองเพื่อนมากกว่าร้อยคน....ทุกคนยิ้ม เธอเองก็ยิ้ม..." ตื่นเต้นจังค่ะพ่อ ..."เสียงหวานใส ทว่า เบาหวิว กระซิบกระซาบ ระหว่างทางเดิน ยศกรเลิกคิ้วให้ลูกสาว พร้อมรอยยิ้มแค่มุมปาก พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำตาหยดแห่งความรู้สึกหน่วงๆ ซึ่งไข่ในหินถูกขโมยไปหยดนี้ไหลลงมา เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาจะต้องยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนอื่นไปครอบครองแล้ว" ใจเย็นๆลูกรัก.. มันคือเรื่องธรรมชาติมากสำหรับผู้หญิง "" แต่มันตื่นเต้นจริงๆนี่คะ ฟังเสียงหัวใจหนูสิ มันแทบจะระเบิด "" อื้ม...พ่อรู้ลูกพ่อรู้ เก็บความตื่นเต้นตรงนั้น ไว้ใช้ในยามเบ่งหลานของพ่อจะ
ค่ำคืนที่ขิมเหนื่อยมาก แต่คงไม่เท่ากับสาวใช้ในบ้านจรัญทิพย์ หลังเก็บแก้วเปล่ากับจานชามที่เขากินกันไม่หยุดไม่หย่อนไปเก็บหลายรอบ นับตั้งแต่เช้าจวบค่ำขิมเพิ่งจะได้พัก ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานพอสมควรจนกระทั่งดึก คืนนี้เธอคงจะค้างที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวขอเมาไปส่งเธอไม่ได้ และจะไม่ให้ไปเองด้วย เพื่อนฝูงที่ไม่รู้มาจากทางไหนไหลกันเข้ามาจนงานไม่มีกร่อยทั้งๆที่เคลยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้เชิญจริงจัง เพียงแค่บอกต่อๆกันไปเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ขิมเลยขอตัวตั้งแต่ตอนนั้นเพราะไม่อยากจะไปยืนเก้ๆกังๆ เป็นผู้หญิงคนเดียว“ เฮ้อ..”ก็อกๆๆ“ เข้ามาได้เลยจ๊ะ “เสียงใสตะโกนออกไปทางประตู ยืนรอคอยจนกระทั่งมันเปิด“ คุณขิมคะ การ์ดอวยพรและของขวัญจากแขก พี่เจิมเก็บมาให้หมดแล้วนะคะ วางอยู่ในห้องคุณเคลค่ะ ““ ค่ะ ขอบคุณนะคะ “เธอสาวเท้าเดินตามหลัง ไม่รอช้าด้วยความตื่นเต้น“ โห้ เยอะไปหมดเลย จากใครบ้างคะเนี่ย “ห่อปากตาเป็นประกายด้วยความตื้นตันเมื่อมาถึง พลิกไปพลิกมามองดูชื่อ เธอไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรอย่างนี้มาก่อน“ หืม มีแต่ของพี่เคลทั้งนั้นเลยค่ะพี่เจิม “หันไปยิ้มกว้างกับสาว
กิจกรรมรับน้องบรรยากาศคึกครื้นสนุกสนานถูกจัดขึ้นด้วยรุ่นพี่มากฝีมือ ให้เข้ากับน้องๆวัยใสที่เพิ่งย่างก้าวผ่านมัธยมมาไม่กี่เดือน เครื่องหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยสีผสมอาหารชนิดล้างสามวันแทบจะไม่ออก หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นขิม ด้วยสภาพดูไม่จืด อาจจะเพ่งไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนอย่างเช่นพรีม ที่ตอนนี้เธอยืนมองอยู่ไกลๆ รอจังหวะคนน้อยและความพร้อม คำขอโทษมันจะหลุดมาจากปากเธอตอนไหนนั้น ไม่มีใครรู้ ทว่า รับปากกับรัลโด้แล้ววันนี้เธอต้องทำ ไม่ใช่เพื่อกระเป๋าใบหรูราคาแสนแพง แต่เพื่อตัวเธอเองต่างหาก ที่แท้จริงก็ไม่อยากเป็นนักหรอกไอ้ศัตรูกับเพื่อนสมัยอนุบาล ความผูกพันธ์มันล้นเหลือมากกว่านั้นและที่สำคัญพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างสนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติเพราะบ้านใกล้เรือนเคียง หนักใจแทนผู้ปกครองแน่นอน ถ้าพรีมยังคงทำตัวมีปัญหา นึกไปถึงรัลโด้ที่เคยขู่กันไว้ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำให้เธอสิ้นอนาคตจนพ่อแม่อับอายแน่นอนถ้าหล่อนร้ายไม่เลิก ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องสอนไม่จำ แถมนิสัยไม่เปลี่ยน ใครเล่าจะมายอมทน อย่างรัลโด้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ การหักดิบเหล่านี้คงต้องเกิดขึ้นเข้าสักวันแน่ ขืนเธอคิดไม
ผ่านไปแล้วเรื่องดราม่า สิ่งที่ปัทมาหรือว่าขิม หญิงสาวจากชลบุรีที่บึ่งขึ้นมาเรียนกรุงเทพ เพราะเหตุผลน้ำเน่าแค่ว่า...หนีคนรัก.... วันนี้ถูกจับติด ติดกับด้วยมารดาของเธอเอง ที่มีความฉลาดไม่แพ้กัน สั่งขิมห่างกับเคลสักระยะหนึ่ง เพื่อดัดนิสัยผู้ชายใจรวนเรปากหนัก เพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่เชื่อไหม เคลแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย“สามวันที่ห่างก็คือห่างจริงๆสิน่า ขิมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย “หน้าเศร้าหงอยปนสลดเกาะกระจกรถ หลังจากเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นมานั่ง“ ขิมเรียนหนัก พี่เคลก็รู้นี่คะ มีกิจกรรมรับน้องด้วย ““ ห้านาทีก็ไม่มีให้กันเลยเหรอ ““ แน่ะ อย่ามางอแงนะ ก็เราตกลงกันก่อนแล้ว สามวันพี่มารับ ก็นี่ไงคะสามวันแล้ว ไปค่ะ ไปกันได้หรือยัง ขิมอยากให้ปากคำจะแย่ละ ““ ทีอย่างนี้รีบนักนะ ““ อะอ้าววว ช่วยไม่ได้ ก็เพราะแฟนเก่าพี่ไม่ใช่รึไง ที่ทำเราสองคนต้องห่างกันอย่างนี้น่ะ พี่ต้องมีความแค้นฝังลึกบ้างนะ”เหลือบตามองร่างสูง ขณะเขาจ้องลงมาขมวดคิ้ว แค่ขิมเพ่งลึกเข้าไปนัยม่านตาก็อ่านใจได้แล้วล่ะ เลยชิงพูด“ ขิมไม่ยอมโทษตัวเองหรอก ที่ขิมวิ่งออกมา เพราะพี่นั่นแหละ ทำท่าเหมือนอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าก่อนเอง ชิ “ทำเคลหล
บรรยากาศชักจะทะแม่ง เมื่อทุกคนพากันมานั่งมองหน้า ไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็น อึดอัดมายังขิมตอนนี้ที่นั่งเอามือจิกกันจนเจ็บ ก้มหน้างุนไม่กล้าเผชิญหน้ากับใคร เธอยังไม่รู้ว่าคดีเอเดลตกบันไดนั้นได้คลี่คลายไปแล้ว ทว่า ยังคิดว่าตัวเองคือคนผิด ส่วนเรื่องหล่อนขโมยเพชรเก้ๆกังๆพร่ำจะบอก แต่ดูเหมือนจังหวะตรงนั้นยังไม่มาหาเธอสักที“เอ่อ...”ลำบากมายังคุณนายนภา ผู้กล้าแสดงออก หล่อนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มตึงเครียด ขี้คล้านจะอยู่ตรงนี้นาน อีกทั้งต้องมาสบตากับสามีเก่าอยู่บ่อยๆ เลยต้องเป็นฝ่ายจำใจพูด แต่ทว่า กลับถูกทางฝั่งฝ่ายชาย แย่งชิงซะก่อน คุณนายอารีย์ไม่อยากถูกมองว่าหล่อนนั้นหยิ่ง เป็นเจ้าบ้านแต่กลับนั่งเงียบ ทั้งๆที่หล่อนนี้ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องแบบนี้ ที่เป็นฝ่ายผิดแล้วต้องมารับผิดชอบใคร เลยไม่ค่อยคุ้นชิน กับคำว่าขอโทษ“ ดิฉันต้องขอโทษทุกๆเรื่อง แทนลูกชายด้วยนะคะ ที่ทำไม่ดีต่อหนูขิม ทั้งเรื่องพาเข้ามาอยู่ที่นี่ ซึ่งดูเหมือนไม่ให้เกียรติ และการคบหาดูใจกัน ดิฉันเองก็เพิ่งจะมาทราบเรื่องนี้ ก็ไม่กี่วันที่ผ่านมาเองค่ะ “สบตากันระหว่างผู้เป็นแม่ ในขณะทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ เนื่องจากมีมารยาท“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
‘ เอ่อ..พาไปไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้หนูกะว่าจะเลิกกับเขา ‘‘ ห๊ะ!!’สองคนผสานเสียง หญิงสาวถึงทีสะดุ้งเฮือก ทบทวนประโยคใหม่ ตัวเองพูดอะไรผิดไป ปาดน้ำตาทิ้งยามที่สิงขรจ้องหน้า เค้นยิ้มเสมือนรู้สันดานน้องสาว“ เลิกเรอะ! โอเค งั้นกลับบ้าน แล้วไหนเสื้อผ้าล่ะ “แกล้งถาม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่เลย เสื้อผ้าเธอไม่มีติดตัวสักชิ้น รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ก้าวออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น คนมันคิดจะเลิก มีโอกาสขนาดนั้น ทำไมยังคงทิ้งไว้อยู่“ เอ่อ...”“ แม่ ขิมมันได้กับเขาแล้ว”เงยหน้าเบิกตาโตเท่าที่เคยทำ ครั้นได้ยินประโยคที่พูด พร้อมฝ่ามือใหญ่อีกรอบ บินว่อนแล้วลงตรงกลางหัวผั๊ว!!!“ โอ้ยแม่! ““ รู้แล้ว!! แกจะย้ำให้ฉันอกแตกตายเลยรึไง แค่นี้เป็นลมมาสิบตลบ ยังไม่สาแก่ใจอีกรึ ““ ฮ่าๆๆๆ “ขณะคนเปิดประเด็นย้ำขำลั่น ต่างจากเจ้าตัวอย่างขิม คราวนี้ก้มหน้าสลดหนักกว่าเก่า ความกดดันทำเธอผสานมือเข้าหากัน หยดน้ำตาหล่นแมะลงพื้นกระเบื้อง“ ขอโทษจ๊ะแม่ “ยกมือไหว้ รู้สึกแย่สุดๆ“ เฮ้อ...ขิมเอ๊ย มาตายน้ำตื้นๆ แกห่างบ้านมาได้กี่วันทำไมแม่จะไม่รู้เล่า คบกันไม่พ้นเดือน ได้กันก็ว่าทำใจลำบากแล้ว นี่มาบอกว่าจะเลิก คิดดีแล้วหรือ...”