จากเด็กผม เข้าสู่กระบวนการเด็กพี่อย่างเต็มรูปแบบ ใครจะรู้ว่าคนอย่างเขาพี่ชายคนโตของตระกูลดัง จะต้องมาวิ่งตามเด็กผู้หญิงธรรมดา
Lihat lebih banyak" ไปแล้วนะแม่..หวัดดีค่ะ "
เสียงใสแจ๋วดังขึ้น พร้อมหน้าที่จิ้มลิ้มของเธอโผล่เข้ามา ทำหญิงวัยกลางคนร่างอวบท้วมหันหลังกลับมามอง ในขณะหล่อนกำลังวุ่นวายกับการจัดกวาดบ้านอยู่
" เอ๋..นี่ลูกจะไปแล้วเหรอขิม "
" ใช่ค่ะ "
" ไหนบอกไฟล์ออกหกโมง นี่เพิ่งจะบ่ายสาม "
" ขิมนัดพรีมเอาไว้ค่ะ "
" หืม..แม่ไม่ยักรู้ พรีมจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพด้วย นึกว่าลูกไปคนเดียวซะอีก"
" ยัยนั่นเพิ่งจะมาเปลี่ยนใจเอาเมื่อคืนน่ะค่ะ "
" อีกแล้วเหรอ..พรีมเป็นแบบนี้ตลอด ชอบทำอะไรฉุกละหุก "
แม่เธอบ่น ในขณะขิมเองก็ถอนหายใจ เลิกคิ้วขึ้น บ่งบอกถึงความหน่าย และเห็นด้วย
" งั้นจะเป็นเพื่อนขิมได้เหรอคะ..เฮ้อ.."
" อืม ถึงเมื่อไหร่ ก็โทรหาแม่ด้วยละกัน "
" ได้ค่ะ ไปแล้วนะคะ "
" บุญรักษาจ้ะ ^^"
ถัดจากแม่ของเธอ ก็มาเจอด่านของพี่ชาย ซึ่งถอดเสื้อเหลือบ็อกเซอร์ตัวเดียวนอนแผ่อ้าซ่าอยู่ พอเธอเดินผ่าน
" มองไม่เห็นหัวเฮียรึนะอิเตี้ย!"
" แม่...ดู.."
เธอถึงชะงักหันไปฟ้องแม่ เบ้ปากจะร้องไห้ คนข้างหลังได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา
" มาลาเฮียเลย..."
ก่อนขิมจะอมยิ้มก้มลงไปมองพี่ชายตัวเอง ที่ตอนนี้กางแขนออกมารอตรงหน้าอยู่
" เออ ก็ได้ๆ " แต่แทนที่เธอจะค่อยๆโน้ม กลับทิ้งลงไปทั้งตัวซะงั้น
" หัวก็ไม่ได้ล้าน ขี้น้อยใจจัง.."
" โอ้ววว แม่ง..น้ำหนัก..กลับมาคราวหน้าลดด้วยนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นหมูเอา.."
" เหวอ~ ปากหมาเหมือนเดิมจริงๆ ไปละ เสียเวลา "
" เดินทางปลอดภัย"
" รักนะเฮียยย"
" แหวะ..แหยง "
" ฮ่าๆๆ"
ถึงคนเป็นแม่อย่างวงแหวนจะเอือมระอาแค่ไหน ที่คุยกันเมื่อไหร่เป็นต้องมีคำหยาบตลอด แต่เชื่อไหม..ความสนิทสนมของทั้งคู่ ที่ทำให้เชื่อว่ายังไงก็ไม่มีทางทิ้งกันนั้น มันทำให้หล่อนสบายใจ ถึงจะแอบกังวลใจไปบ้าง ที่คราวนี้ขิมกำลังจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพก็เถอะ..
..Airport...
" ขิม ทางนี้แก ฉันอยู่ทางเน้! "
เสียงดังกังวานพอๆกับระฆังโรงเรียนของพรีมดังขึ้น ตะโกนโหวกเหวกไม่สนใจใครว่าจะมอง หลังจากเห็นเพื่อน
" ฮื่ม..พรีม "
ในขณะเจ้าของชื่อยิ้มกว้างมาแต่ไกล..
" วันนี้ ตรงเวลาเชียว.." ก่อนถูกเหน็บ
" พูดถึงใครน่ะ? ตัวแกเองเรอะ! ฮ่าๆๆ "
" โถ่.."
" คนอะไร..ตัดสินใจชั่วข้ามคืน "
" ก็ฉันติดแกนี่ อยากอยู่กับแกอะ มันต้องคิดถึงมากแน่ๆ ถ้าแกไป ฉันมีเพื่อนสนิทแค่แกคนเดียว "
พรีมบ่นอุบ เหลือบตาขึ้นแสร้งงอน
" เขาติดต่อกันล่วงหน้านะมหาลัยน่ะ แกมาตัดสินใจเอาตอนนี้ ไม่รู้จะเหลือใบสมัครให้รึเปล่า "
" ก็ลองไม่เหลือดูสิ ฉันจะชักกระเด่วๆ ต่อหน้าอาจารย์ซะเลย "
" ได้ด้วยเหรอ? "
" ฮ่าๆๆ พูดจริงนะ ฉะนั้น แกต้องเอาใจช่วยฉันด้วย โอเคมั้ย.."
" ไม่โอเค.. "
" โด่ว..ขิมอ่ะ "
พรีมถึงกับอมลมเข้าปาก เธออุตส่าห์อ้อน ทว่าเพื่อนรักกลับไม่เห็นหัวกันซะงั้น
" ลำพังตัวฉันเองยังเอาไม่รอด จะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยแกห๊ะ..คิดบ้างสิ "
พลางใช้ปลายนิ้วผลักหัวพริมหน้าหงาย หวังหยอกทิ้งท้าย ทว่า..กลับเลยเถิดไกล กลายเป็นชนคนอื่นซะงั้น
พลั่ก!
" โอ้ย ขอโทษค่ะ "
ถึงกับทำพรีมตกใจ หันไปขอโทษ ในขณะที่คนถูกชนไม่ได้สะท้กสะท้านอะไร พยักหน้ากลับมาให้ แล้วเดินไปต่อ
"ไม่เป็นไรครับ"
" อ๊ะ"
"..."
" แกฉันเหมือนเคยเห็นเขา ที่ไหนสักที่อะ แกคิดเหมือนฉันมั้ย "
พรีมหันขวับมาถามขิมด้วยความตื่นเต้นทันที
" เดือนโรงเรียนไง "
ในขณะที่ขิมนั้นตอบหน้าตาย
...รู้นะว่าหล่อ ออร่าออกซะขนาดนั้น แต่ทว่า เธอไม่ใช่คนที่จะแพ้ความหล่อง่ายๆแบบพรีมหรอก..
" ห๊ะ..ว่าแล้วเชียว ว่าแต่เขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ"
" หาเมียเขาล่ะมั้ง"
" อร๊ายยย ขิม แกนี่ปากคอเลาะร้าย เมียอะไร้! เขาไม่มีหร้อก!"
" แกนั่นแหละ บ้าผู้ชายไม่เลิก ไปได้แล้ว ใกล้เวลาเครื่องจะออกแล้ว "
" ย่ะ สั่งอย่างกับแม่"
" ก็เดินดิ้"
ขิมผลักหลังพรีมเบาๆ แต่เธอกลับหันหลังมาพูดใหม่
"..หล่อดีนะแก คนตะกี้น่ะ "
ซึ่งนั่นทำขิมอดขำไม่ไหว กับการแพ้ความหล่อของเพื่อนตัวเอง
" เหรอ..ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย"
" ฮ่าๆๆ "
กลับกลายเป็นพรีมที่หัวเราะออกมาแทน หลังจากเห็นขิมจีบปากจีบคอพูด
" งั้นๆล่ะ" พลางยักไหล่
"เหรออออ"
ในขณะทั้งคู่กำลังเดินหาที่นั่ง ท่ามกลางความความงงของขิมไม่หาย คนดังอย่างคุณสปอร์ต มาทำอะไรที่นี่ ...รึจะไปเรียนต่อแบบเธอเหมือนกัน
หอพักมหาลัย
" ว้าว...สวยจังเลยขิม น่าอยู่กว่าห้องนอนที่บ้านฉันตั้งเยอะ "
เด็กเพิ่งขึ้น ขิมมาเข้าใจความรู้สึกนี้ก็ตอนนี้แหละ หลังจากลงเครื่องมาถึง วินาทีเหยียบดินแดนกรุงเทพ อุณหภูมิอุ่นๆ ที่ไม่รู้แผ่มาจากความใจร้อนของคน หรือควันรถยนต์กันแน่ ทำความรู้สึกเธอเปลี่ยนแปลงไปทันที
มันคนละซีน มันคนละโมเม้น หนักสุด..คือคนละโลก!
" ที่นี่ดูวุ่นวายชะมัด.."
" บ่นไรน่ะ"
เสียงพรีมถาม ในจังหวะวางกระเป๋าลง เดินเข้ามาหาแล้วยิ้มทะเล้น ต่างจากขิมที่ปั้นหน้าบึ้งตึง
" ไม่ชอบที่นี่เลยว่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่ามาเรียนนะ ฉันจะไม่เหยียบเลย "
มองบรรยากาศ ของหอพักรอบๆ
" คิดถึงแม่ขึ้นมาทันที.. ฟู่! "
" โด่ว..แกอย่าบ่นซี่ มันทำฉันคิดตามไปด้วยนะ "
" ก็มันจริงนี่นา..."
" เอางี้มะ .. ถ้ามันอุดอู้ ก็ไปหาไรกินกัน ดีปะๆ "
" พรีม แม่บอกฉันให้ประหยัด เงินฉันมีจำกัดนะ"
" แต่ไม่ใช่ตอนนี้ "
" พรีม..."
" เราหิวเราต้องกิน "
" แกคนเดียวรึเปล่า..ฉันไม่.."
" ขิม..ข้าวจานนึงเนี่ยนะ ไม่ได้ผลาญมากมายตรงไหนเลย ที่นี่ไม่แพงหรอก ถ้าเลือกร้านถูกๆ พี่คนที่เคยมาอยู่บอกฉันมาแบบนี้ "
" เฮ้อ... ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ ฉันขอไปหางานทำด้วยเลยดีมะ "
" ห๊ะ "
เถียงกันมาถึงประโยคนี้ของขิม พรีมถึงกับเงียบไปทันที ..หรี่ตาถาม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงเมื่อได้คำตอบ
" นี่แกมา เพื่อจะทำงานจริงๆน่ะ เหรอ "
" อืม..แกก็รู้นี่ ครอบครัวฉันไม่ได้มีตังค์เหมือนพ่อแม่แก แม่อนุญาตให้ฉันมาเรียนได้ ก็เพราะฉันบอกว่าฉันจะหางานทำส่งตัวเองเรียนด้วย "
" ทำไมแก ไม่เรียนที่บ้านวะ ตัดสินใจมาที่นี่ทำไม ดูแกไม่ได้มีความสุขเลยนะนี่.."
และอีกคำถาม ที่ทำขิมเป็นฝ่ายนิ่งซะเอง เธอเงียบไปกลางคันเสมือนถูกแทงใจดำ ในขณะที่พรีมเพิ่งจะมานึกออก เธอไม่น่าถาม ทั้งๆที่ควรจะรู้ ...คนเราต้องมีเหตุผลที่จำเป็นสิ ถึงจะทำอะไรฝืนใจ....
" ขอโทษ.."
" อะไร้..บ้าป่าว.."
" ขิม..."
พรีมยื่นมือไปจับ..
" ไหนบอกหิวข้าว ไปสิ"
ในขณะขิมกลบเกลื่อนโดยการเดินนำไป
" อ่าว.."
ใช่ พรีมพูดถูก จริงๆเธอไม่ได้อยากจะมา แต่ที่มา เพราะต้องการจะหนีความรู้สึกของตัวเอง
วันแห่งความสุข เข้าสู่ประตูวิวาห์ช่วงเวลาเหมาะเจาะ ดั่งใจของคนตั้งและวางไว้ งานแต่งระหว่างคนทั้งคู่ ซึ่งอายุจะห่างกันเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถูกจัดขึ้นในโบสถ์แบบฉบับของคริสเตียน ปัทมาในชุดเจ้าสาวขาวผ่อง ชายกระโปรงผ้าแก้วแฝงกำมะหยี่แวววับเม็ดเล็กๆ ถูกปล่อยลากพื้นยาวเป็นวา และอีกผืนนึงเอามาปิดเครื่องหน้าไว้เล็กน้อย ทำเจ้าสาวรายนี้ช่างหน้าค้นหายิ่งนัก เดินอวดร่างบางมาพร้อมกับวงแขนให้ยืมควงอย่างยศกร พ่อผู้ให้กำเนิดอาสาเดินมาส่ง ท่ามกลางพรมแดง และพยานผองเพื่อนมากกว่าร้อยคน....ทุกคนยิ้ม เธอเองก็ยิ้ม..." ตื่นเต้นจังค่ะพ่อ ..."เสียงหวานใส ทว่า เบาหวิว กระซิบกระซาบ ระหว่างทางเดิน ยศกรเลิกคิ้วให้ลูกสาว พร้อมรอยยิ้มแค่มุมปาก พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำตาหยดแห่งความรู้สึกหน่วงๆ ซึ่งไข่ในหินถูกขโมยไปหยดนี้ไหลลงมา เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาจะต้องยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนอื่นไปครอบครองแล้ว" ใจเย็นๆลูกรัก.. มันคือเรื่องธรรมชาติมากสำหรับผู้หญิง "" แต่มันตื่นเต้นจริงๆนี่คะ ฟังเสียงหัวใจหนูสิ มันแทบจะระเบิด "" อื้ม...พ่อรู้ลูกพ่อรู้ เก็บความตื่นเต้นตรงนั้น ไว้ใช้ในยามเบ่งหลานของพ่อจะ
ค่ำคืนที่ขิมเหนื่อยมาก แต่คงไม่เท่ากับสาวใช้ในบ้านจรัญทิพย์ หลังเก็บแก้วเปล่ากับจานชามที่เขากินกันไม่หยุดไม่หย่อนไปเก็บหลายรอบ นับตั้งแต่เช้าจวบค่ำขิมเพิ่งจะได้พัก ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานพอสมควรจนกระทั่งดึก คืนนี้เธอคงจะค้างที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวขอเมาไปส่งเธอไม่ได้ และจะไม่ให้ไปเองด้วย เพื่อนฝูงที่ไม่รู้มาจากทางไหนไหลกันเข้ามาจนงานไม่มีกร่อยทั้งๆที่เคลยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้เชิญจริงจัง เพียงแค่บอกต่อๆกันไปเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ขิมเลยขอตัวตั้งแต่ตอนนั้นเพราะไม่อยากจะไปยืนเก้ๆกังๆ เป็นผู้หญิงคนเดียว“ เฮ้อ..”ก็อกๆๆ“ เข้ามาได้เลยจ๊ะ “เสียงใสตะโกนออกไปทางประตู ยืนรอคอยจนกระทั่งมันเปิด“ คุณขิมคะ การ์ดอวยพรและของขวัญจากแขก พี่เจิมเก็บมาให้หมดแล้วนะคะ วางอยู่ในห้องคุณเคลค่ะ ““ ค่ะ ขอบคุณนะคะ “เธอสาวเท้าเดินตามหลัง ไม่รอช้าด้วยความตื่นเต้น“ โห้ เยอะไปหมดเลย จากใครบ้างคะเนี่ย “ห่อปากตาเป็นประกายด้วยความตื้นตันเมื่อมาถึง พลิกไปพลิกมามองดูชื่อ เธอไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรอย่างนี้มาก่อน“ หืม มีแต่ของพี่เคลทั้งนั้นเลยค่ะพี่เจิม “หันไปยิ้มกว้างกับสาว
กิจกรรมรับน้องบรรยากาศคึกครื้นสนุกสนานถูกจัดขึ้นด้วยรุ่นพี่มากฝีมือ ให้เข้ากับน้องๆวัยใสที่เพิ่งย่างก้าวผ่านมัธยมมาไม่กี่เดือน เครื่องหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยสีผสมอาหารชนิดล้างสามวันแทบจะไม่ออก หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นขิม ด้วยสภาพดูไม่จืด อาจจะเพ่งไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนอย่างเช่นพรีม ที่ตอนนี้เธอยืนมองอยู่ไกลๆ รอจังหวะคนน้อยและความพร้อม คำขอโทษมันจะหลุดมาจากปากเธอตอนไหนนั้น ไม่มีใครรู้ ทว่า รับปากกับรัลโด้แล้ววันนี้เธอต้องทำ ไม่ใช่เพื่อกระเป๋าใบหรูราคาแสนแพง แต่เพื่อตัวเธอเองต่างหาก ที่แท้จริงก็ไม่อยากเป็นนักหรอกไอ้ศัตรูกับเพื่อนสมัยอนุบาล ความผูกพันธ์มันล้นเหลือมากกว่านั้นและที่สำคัญพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างสนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติเพราะบ้านใกล้เรือนเคียง หนักใจแทนผู้ปกครองแน่นอน ถ้าพรีมยังคงทำตัวมีปัญหา นึกไปถึงรัลโด้ที่เคยขู่กันไว้ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำให้เธอสิ้นอนาคตจนพ่อแม่อับอายแน่นอนถ้าหล่อนร้ายไม่เลิก ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องสอนไม่จำ แถมนิสัยไม่เปลี่ยน ใครเล่าจะมายอมทน อย่างรัลโด้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ การหักดิบเหล่านี้คงต้องเกิดขึ้นเข้าสักวันแน่ ขืนเธอคิดไม
ผ่านไปแล้วเรื่องดราม่า สิ่งที่ปัทมาหรือว่าขิม หญิงสาวจากชลบุรีที่บึ่งขึ้นมาเรียนกรุงเทพ เพราะเหตุผลน้ำเน่าแค่ว่า...หนีคนรัก.... วันนี้ถูกจับติด ติดกับด้วยมารดาของเธอเอง ที่มีความฉลาดไม่แพ้กัน สั่งขิมห่างกับเคลสักระยะหนึ่ง เพื่อดัดนิสัยผู้ชายใจรวนเรปากหนัก เพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่เชื่อไหม เคลแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย“สามวันที่ห่างก็คือห่างจริงๆสิน่า ขิมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย “หน้าเศร้าหงอยปนสลดเกาะกระจกรถ หลังจากเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นมานั่ง“ ขิมเรียนหนัก พี่เคลก็รู้นี่คะ มีกิจกรรมรับน้องด้วย ““ ห้านาทีก็ไม่มีให้กันเลยเหรอ ““ แน่ะ อย่ามางอแงนะ ก็เราตกลงกันก่อนแล้ว สามวันพี่มารับ ก็นี่ไงคะสามวันแล้ว ไปค่ะ ไปกันได้หรือยัง ขิมอยากให้ปากคำจะแย่ละ ““ ทีอย่างนี้รีบนักนะ ““ อะอ้าววว ช่วยไม่ได้ ก็เพราะแฟนเก่าพี่ไม่ใช่รึไง ที่ทำเราสองคนต้องห่างกันอย่างนี้น่ะ พี่ต้องมีความแค้นฝังลึกบ้างนะ”เหลือบตามองร่างสูง ขณะเขาจ้องลงมาขมวดคิ้ว แค่ขิมเพ่งลึกเข้าไปนัยม่านตาก็อ่านใจได้แล้วล่ะ เลยชิงพูด“ ขิมไม่ยอมโทษตัวเองหรอก ที่ขิมวิ่งออกมา เพราะพี่นั่นแหละ ทำท่าเหมือนอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าก่อนเอง ชิ “ทำเคลหล
บรรยากาศชักจะทะแม่ง เมื่อทุกคนพากันมานั่งมองหน้า ไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็น อึดอัดมายังขิมตอนนี้ที่นั่งเอามือจิกกันจนเจ็บ ก้มหน้างุนไม่กล้าเผชิญหน้ากับใคร เธอยังไม่รู้ว่าคดีเอเดลตกบันไดนั้นได้คลี่คลายไปแล้ว ทว่า ยังคิดว่าตัวเองคือคนผิด ส่วนเรื่องหล่อนขโมยเพชรเก้ๆกังๆพร่ำจะบอก แต่ดูเหมือนจังหวะตรงนั้นยังไม่มาหาเธอสักที“เอ่อ...”ลำบากมายังคุณนายนภา ผู้กล้าแสดงออก หล่อนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มตึงเครียด ขี้คล้านจะอยู่ตรงนี้นาน อีกทั้งต้องมาสบตากับสามีเก่าอยู่บ่อยๆ เลยต้องเป็นฝ่ายจำใจพูด แต่ทว่า กลับถูกทางฝั่งฝ่ายชาย แย่งชิงซะก่อน คุณนายอารีย์ไม่อยากถูกมองว่าหล่อนนั้นหยิ่ง เป็นเจ้าบ้านแต่กลับนั่งเงียบ ทั้งๆที่หล่อนนี้ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องแบบนี้ ที่เป็นฝ่ายผิดแล้วต้องมารับผิดชอบใคร เลยไม่ค่อยคุ้นชิน กับคำว่าขอโทษ“ ดิฉันต้องขอโทษทุกๆเรื่อง แทนลูกชายด้วยนะคะ ที่ทำไม่ดีต่อหนูขิม ทั้งเรื่องพาเข้ามาอยู่ที่นี่ ซึ่งดูเหมือนไม่ให้เกียรติ และการคบหาดูใจกัน ดิฉันเองก็เพิ่งจะมาทราบเรื่องนี้ ก็ไม่กี่วันที่ผ่านมาเองค่ะ “สบตากันระหว่างผู้เป็นแม่ ในขณะทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ เนื่องจากมีมารยาท“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
‘ เอ่อ..พาไปไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้หนูกะว่าจะเลิกกับเขา ‘‘ ห๊ะ!!’สองคนผสานเสียง หญิงสาวถึงทีสะดุ้งเฮือก ทบทวนประโยคใหม่ ตัวเองพูดอะไรผิดไป ปาดน้ำตาทิ้งยามที่สิงขรจ้องหน้า เค้นยิ้มเสมือนรู้สันดานน้องสาว“ เลิกเรอะ! โอเค งั้นกลับบ้าน แล้วไหนเสื้อผ้าล่ะ “แกล้งถาม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่เลย เสื้อผ้าเธอไม่มีติดตัวสักชิ้น รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ก้าวออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น คนมันคิดจะเลิก มีโอกาสขนาดนั้น ทำไมยังคงทิ้งไว้อยู่“ เอ่อ...”“ แม่ ขิมมันได้กับเขาแล้ว”เงยหน้าเบิกตาโตเท่าที่เคยทำ ครั้นได้ยินประโยคที่พูด พร้อมฝ่ามือใหญ่อีกรอบ บินว่อนแล้วลงตรงกลางหัวผั๊ว!!!“ โอ้ยแม่! ““ รู้แล้ว!! แกจะย้ำให้ฉันอกแตกตายเลยรึไง แค่นี้เป็นลมมาสิบตลบ ยังไม่สาแก่ใจอีกรึ ““ ฮ่าๆๆๆ “ขณะคนเปิดประเด็นย้ำขำลั่น ต่างจากเจ้าตัวอย่างขิม คราวนี้ก้มหน้าสลดหนักกว่าเก่า ความกดดันทำเธอผสานมือเข้าหากัน หยดน้ำตาหล่นแมะลงพื้นกระเบื้อง“ ขอโทษจ๊ะแม่ “ยกมือไหว้ รู้สึกแย่สุดๆ“ เฮ้อ...ขิมเอ๊ย มาตายน้ำตื้นๆ แกห่างบ้านมาได้กี่วันทำไมแม่จะไม่รู้เล่า คบกันไม่พ้นเดือน ได้กันก็ว่าทำใจลำบากแล้ว นี่มาบอกว่าจะเลิก คิดดีแล้วหรือ...”
Komen