ณ ตำหนักจื้อเฉินทันทีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมาถึง บุตรชายทั้งสองก็โผเข้ามาในอ้อมแขนของนางแต่ทันใดนั้นด้านหลังก็มี “กรงเล็บปีศาจ” ยื่นออกมา คว้าคอเสื้อด้านหลังของพวกเขาไว้ แล้วดึงพวกเขากลับไป“มาวุ่นวายอะไรกันอยู่ตรงนี้ เสด็จแม่พวกเจ้ามาหาเสด็จพ่ออย่างเราต่างหาก” เซียวอวี้ส่งเด็กทั้งสองคนไปให้แม่นม ให้พวกนางพาเหล่าองค์ชายไปที่ตำหนักด้านข้างเฟิ่งจิ่วเหยียนมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเป็นห่วงเขาเอาแต่ส่ายศีรษะ“ผู้ใดตื่นตระหนกไม่ดูตาม้าตาเรือ จนทำให้เจ้าต้องตกใจ?”“ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเพคะ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้หัวเราะเสียงใส: “เราดูอ่อนแอเพียงนั้นเชียวหรือ? วางใจเถอะ เราปลอดภัยดี”ขณะพูดยังหมุนตัวรอบหนึ่งต่อหน้านาง และเอ่ยด้วยท่าทีหยอกล้อ“หรือจะให้เราถอดเสื้อผ้าออก ให้เจ้าตรวจดูอย่างละเอียดสักรอบดีหรือไม่?”เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนมั่นใจว่าเขาไม่เป็นอะไร จิตใจก็สงบลงเขาจับมือนางให้นั่งลง “นักฆ่าพวกนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเราได้ ตอนนี้กำลังถูกสอบสวนอยู่ แต่เป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่เซียวเหิงส่งมา เจ้านั่นเริ่มจะอยู่ไม่นิ่งแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนย้อนถาม: “เพราะเหต
ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางตกใจเป็นอย่างมาก“หนานเจียงมิใช่กำลังโจมตีต้าเซี่ยอยู่หรือ? แล้วอ้อมมาโจมตีแคว้นตงซานตั้งแต่เมื่อใด?!”“หรือว่าต้าเซี่ยถูกยึดครองจนหมดแล้ว?”“ไม่ใช่! น่าจะเป็นหนานเจียงอ้อมมาทางทิศตะวันออกของต้าเซี่ย แล้วโจมตีชายแดนใต้ของเรา!”ทหารที่มารายงานข่าวคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“ฝ่าบาท! โปรดส่งกำลังทหารไปโดยเร็วเถิด! หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”บนบัลลังก์มังกร ฮ่องเต้ทรงมีสีหน้าคร่ำเคร่ง พลางตะคอกด้วยความโมโห“ทหารชายแดนสืบข่าวสถานการณ์ของศัตรูประสาอะไร! พวกเขาจึงบุกมาถึงหน้าประตูได้! ถึงแม้เราจะส่งกำลังเสริมไปตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว!”ทหารผู้นั้นมีสีหน้าทุกข์ใจ“ขอกราบทูลฝ่าบาท ตั้งแต่ต้าเซี่ยถูกโจมตีเมืองจนแตกพ่ายติดต่อกัน แม่ทัพก็ได้ส่งสายลับไปแล้ว เพียงแต่...เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า กองทัพศัตรูที่เห็นชัดว่ายังอยู่ในเขตแดนต้าเซี่ย จู่ ๆ จะมาปรากฏตัวในแคว้นตงซานของพวกเราอย่างไม่มีที่มาที่ไป พวกสายลับจึงไม่อาจสืบหาต้นตอได้เลย...”เสนาบดีผู้หนึ่งในนั้นก้าวมาข้างหน้า“ฝ่าบาท ต้องเป็น ‘ใยแมงมุม’! ชาวหนานเจียงเหล่านั้น จะต้องใช้เส้น
ณ แคว้นตงซานตอนที่หยวนจั้นฟื้นขึ้นมา ก็อยู่ในคุกหลวงแล้วมือและเท้าของเขาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ราวกับว่าเขาเป็นอาชญากรร้ายแรงอะไรทำนองนั้นภายในห้องขังนี้มีเขาอยู่เพียงคนเดียวสีหน้าของเขาดูเหม่อลอย ดวงตาไร้ชีวิตชีวา คล้ายกับถูกดูดวิญญาณออกไป เหลือเพียงร่างที่ว่างเปล่า นั่งพิงอยู่มุมกำแพงอย่างเลื่อนลอยเมื่อรัชทายาทมาเยี่ยมเขา และเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุดแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคว้นตงซาน ด้วยความบริสุทธิ์ไร้ความผิด กลับกลายเป็นนักโทษที่ถูกจองจำ“หยวนจั้น...” รัชทายาทเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งหยวนจั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังรัชทายาทที่อยู่นอกประตูห้องขังทันทีที่เห็นรัชทายาท ก็นึกถึงบิดามารดาที่ตายอย่างน่าอนาถที่ลานประหาร รวมถึง ชาติกำเนิดของตัวเขาเองความเจ็บแค้น ความอับยศ และความสับสน...ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ ทำให้น้ำตาเขาเอ่อคลอ และกลายเป็นหยดน้ำตาเม็ดใหญ่ ร่วงหล่นจากหางตาเขาเอ่ยออกมาช้า ๆ ทีละคำ“ฆ่า ข้า เถอะ”สำหรับเขาในตอนนี้ การมีชีวิตอยู่ทรมานยิ่งกว่าการตายเสียอีกรัชทายาทมีสีหน้าเคร่งขรึม“การมีชีวิตอยู่ สำคั
หร่วนฝูอวี้ชะงักไปชั่วขณะ เพิ่งจะได้สติกลับมา จากคำพูดที่รุ่ยอ๋องกล่าวเมื่อครู่ นางรู้แต่เพียงว่า ท่านอ๋องถูกเซียวเหิงยุยง ให้แย่งชิงกู่ราชาที่อยู่ในตัวนาง แต่ไม่เคยคิดอย่างถี่ถ้วนว่า เป้าหมายของเซียวเหิงคืออะไรก่อนหน้านี้ นางคิดไปเองโดยด่วนสรุปว่า ยาถอนพิษมนุษย์โอสถก็ถูกทำขึ้นมาแล้ว ดังนั้นมนุษย์โอสถนี้จึงไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไปแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ความทะเยอทะยานของเซียวเหิง หาใช่ว่าจะหายไปพร้อมกับการปรากฏตัวของยาถอนพิษไม่ยิ่งไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนว่า ความเร็วในการแพร่กระจายของพิษมนุษย์โอสถนั้น รวดเร็วกว่าการทำยาถอนพิษอย่างมาก ดังนั้น เซียวเหิงจึงยังคงเหนือชั้นกว่าและเพื่อป้องกันไม่ให้นางทำลายแผนการดี ๆ ของเขา เขาถึงต้องจัดการนางหร่วนฝูอวี้สะบัดมือของรุ่ยอ๋องที่จับนางไว้ พลางหัวเราะเยาะซ้ำ ๆ “บอกมาเถอะ พวกท่านวางแผนจะทำเช่นไร”เซียวเหิงเป็นศัตรูคนเดียวกันของพวกเขา การร่วมมือกันจึงเป็นผลลัพธ์ที่เลี่ยงไม่ได้รุ่ยอ๋องส่งจดหมายลับของฮ่องเต้ให้นางดู ในนั้นเขียนไว้ชัดเจนแล้วว่า จะตอบโต้ถานไถเหยี่ยนกับเซียวเหิงและพรรคพวกเช่นไร“สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ ขัดขวางไม่ให้ถานไ
หยวนจั้นเพิ่งตระหนักได้ว่า วันนี้คืองานเลี้ยงหงเหมิน ในเมื่อรัชทายาททราบว่าตระกูลหยวนของเขาสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ต้าโจว แล้วจะไม่เตรียมการได้อย่างไร? เขายิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นปลดอาวุธออกเองโดยสมัครใจ กางมือสองข้างออก “รัชทายาท ข้าภักดีต่อแคว้นตงซานอย่างสุดหัวใจ “หากท่านสงสัยว่าข้าและเสียวอู่ สมรู้ร่วมคิดกับถานไถเหยี่ยน และพยายามกอบกู้ต้าโจว ก็จับข้าขังไว้ได้เลย “ส่วนคนอื่น ๆ ในตระกูลหยวนล้วนบริสุทธิ์ โดยเฉพาะ...ภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งเข้ามาของข้าผู้นั้น ขอรัชทายาทได้โปรด ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หยวนจั้นไม่ต้องการลากใครเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่คนเดียว เซี่ยหวั่นเฉินถอนหายใจ พลางส่ายศีรษะเบา ๆ “หยวนจั้น ข้ารู้จักเจ้ามานานหลายปีแล้ว ยังจะไม่เข้าใจเจ้าอีกหรือ? “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสมรู้ร่วมคิดกับกากเดนของต้าโจว แต่เกรงว่าถานไถเหยี่ยนจะตามล่าเจ้า จึงต้องลำบากเจ้าแล้ว เพียงส่งเจ้าไปที่คุกหลวงสักพัก นี่ก็เพื่อปกป้องเจ้าเช่นกัน” หยวนจั้นยังข้องใจ “ถานไถเหยี่ยนจับตัวเสียวอู่ไปแล้ว เหตุใดยังต้องมาหาข้าอีก?” เซี่ยหวั่นเฉินเอ่ยอย่
ราชทูตส่ายศีรษะ “ฝ่าบาท แผนการโดยละเอียดของฮ่องเต้ฉีนั้น กระหม่อมไม่ทราบแน่ชัด แต่ฮ่องเต้ฉีมั่นใจอย่างมาก คิดว่าไม่ใช่การล้อเล่นกับพวกเราพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ที่นั่งบนบัลลังก์ สีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า คำพูดประเภทนี้ ฟังอย่างไรก็เหมือนเป็นการล้อเล่น! เหตุใดเขาถึงส่งคนโง่เช่นนี้ไปเป็นราชทูต? อีกด้านหนึ่ง ณ ฐานที่มั่นของกองทัพหนานเจียง ในกระโจมทหาร ถานไถเหยี่ยนได้รับรายงาน แม่ทัพหนานเจียงคนหนึ่งขอคำแนะนำเร่งด่วน “ท่านกุนซือ คิดไม่ถึงว่าหนานฉีจะเข้ามาแทรกแซง ยามนี้ ยาถอนพิษมนุษย์โอสถ ได้ถูกส่งไปที่วังหลวงต้าเซี่ยเรียบร้อยแล้ว นี่ไม่เป็นผลดีกับพวกเราเลย! ขอให้ท่านกุนซือตัดสินใจ ควรจะส่งคนแทรกซึมเข้าไปในเมืองหลวง เพื่อขโมยยาถอนพิษมาหรือไม่!” ถานไถเหยี่ยนวางตัวสงบนิ่ง ยกถ้วยชาขึ้น ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย “เป็นของปลอม” “ท่านกุนซือ ท่านบอกว่าอะไรเป็นของปลอม?” ถานไถเหยี่ยนกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ยาถอนพิษนั้น เป็นของปลอม” แม่ทัพผู้นั้นตกใจไม่น้อย “เป็นไปได้อย่างไร? ท่านกุนซือ ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” ถา