หนึ่งชั่วยามต่อมา ขณะที่กองทัพใหญ่เริ่มออกเดินทาง มีคนหาเสียวอู่พบแล้วพูดให้ถูกก็คือ พบศพที่น่าจะเป็นเสียวอู่มือทั้งคู่ของท่านผู้เฒ่าหยวนที่อ่อนแรง ลูบศีรษะศพนั้น แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่อยากเชื่อ และโกรธเกรี้ยวมากท่านเงยหน้ามองไปทางเซียวอวี้เป็นอันดับแรกสีหน้าเซียวอวี้สงบนิ่ง ไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใด ๆท่านผู้เฒ่าหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นมา เดินเข้าไปหาเซียวอวี้เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ด้านข้างเซียวอวี้ รู้สึกได้ถึงท่าทีแววตาผิดปกติของท่านผู้เฒ่าหยวนแววตานั้น เหมือนกำลังตำหนิเซียวอวี้เขากำลังสงสัยว่า ที่เสียวอู่เกิดเรื่องนั้น เกี่ยวข้องกับเซียวอวี้?ไม่ทันให้เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดมาก ท่านผู้เฒ่าหยวนก็ถามเซียวอวี้“ทำไม…ไม่ให้เขามีทางรอด!”ทันใดนั้น ท่านผู้เฒ่าก็หันไปมองบรรดาขุนพลแห่งแคว้นหนานฉี “เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ไม่รู้เรื่องราชสำนัก ทำไมพวกเจ้าต้องให้เขาตาย! แค่เพราะเลือดในกายของเขาหรือ? เพราะเขามีสายเลือดแห่งแคว้นต้าโจว เขาจึงสมควรตายหรือ?”ขุนพลทั้งหลายไม่เอ่ยคำใด แต่สีหน้าพวกเขาก็บอกทุกอย่างแล้ว...พวกเขาต้องการให้เสียวอู่ตายเซียวอวี้ขึ้นขี่ม้า พร้อมออกคำสั่ง “สายเลื
“เขาพูดว่าอะไร” แววตาเซียวอวี้เยือกเย็น จับจ้องเสียวอู่โดยตรงเฉินจี๋กำด้ามดาบแน่น ความตึงเครียดแล่นผ่านร่างกายเสียวอู่ทำหน้าจริงจัง“ถานไถเหยี่ยนเจ้าสุนัขชั่วนั่น ชอบพูดเหลวไหล“เมื่อก่อนข้าไม่เข้าใจ เกือบจะเชื่อเข้าแล้ว“ครั้งนั้นเขาบอกข้าว่า ศิษย์พี่ท่านก็เป็นสายเลือดแห่งแคว้นต้าโจว สิ่งที่เขาทำทั้งหมด ก็ล้วนเพื่อช่วยท่านรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว ข้าช่วยเขา ก็เท่ากับช่วยศิษย์พี่“ข้าก็เลยเชื่อ“ต่อมาเซียวเหิงยกทัพห้าหมื่นมา ก็เป็นถานไถเหยี่ยนสั่งข้าให้ฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย“หลังจากข้าหนีออกมาจากเซียวเหิง ก็คิดจะไปถามถานไถเหยี่ยนให้ชัดเจน คราวที่เจอกันอีกที ก็ตอนที่กำลังหาจุดศูนย์กลางค่ายกล ข้าส่งสายตาให้เขา ยังบอกเขาว่า ข้าได้ทำตามที่เขาบอกแล้ว แต่เขากลับไม่สนใจข้า“ข้าคิดในใจ แย่แล้ว เขาหลอกใช้ข้าแน่…”สีหน้าเฉินจี๋เคร่งขรึม กลั้นหายใจไม่ออกเสียงเสียวอู่รู้หรือไม่ว่า การกล่าวหาว่าฮ่องเต้มีสายเลือดแคว้นต้าโจว จะนำภัยมาอย่างร้ายแรงเพียงใด?ตอนนี้เพราะการสังหารหมู่ของถานไถเหยี่ยน ราษฎรทั้งแผ่นดินเกลียดชังแคว้นต้าโจวอย่างมากแคว้นหนานฉีมุ่งมั่นจะรวมแผ่นดินให้เป็นหน
เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกหร่วนฝูอวี้ไล่ออกมาหร่วนฝูอวี้ตาบอดแล้ว อารมณ์ก็ยิ่งฉุนเฉียวส่วนเรื่องจะนำกู่ราชาออกมาอย่างไร นางก็ไม่บอกเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดทิ้งท้ายไว้ “หากมีความต้องการ มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”ประโยคนี้สำหรับหร่วนฝูอวี้ ไม่ต่างอะไรจากคำว่า “ข้าสามารถมาเอาชีวิตเจ้าได้ทุกเมื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนผู้นี้ ใจดำเหลือเกิน คิดแต่จะเอากู่ราชาไป ไม่สนใจสิ่งอื่นเลยด้านนอกกระโจมเก๋อสือชีเอ่ยถามอย่างกังวล“ฮองเฮาฉี ศิษย์พี่ของข้านาง…จะไม่ตายจริง ๆ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเขาอย่างมั่นใจ“ตอนนี้เลือดลมปราณนางแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไรมาก”เก๋อสือชีบ่นพึมพำ“เลือดลมปราณนางแข็งแรงดี? คงไม่ใช่เพราะถูกฮองเฮาฉีทำให้โกรธกระมัง?หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนกำชับเก๋อสือชีสองสามคำ ก็จากไปแล้วเพิ่งพูดจบ เก๋อสือชีก็ถูกหร่วนฝูอวี้เรียกเข้าไปเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินเสียงหร่วนฝูอวี้ตะโกนด่าคนอยู่ข้างใน“ไอ้สุนัข! เจ้ารอคอยให้ข้าตายใช่หรือไม่! อยากสืบทอดราชาพิษหนอนกู่จากข้าใช่หรือไม่!”“ศิษย์พี่ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าเป็นห่วงท่าน…”“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่ต้องคิด! กู่ราชานี้ ต่อให้ข้ากินเข้าไป ก็ไม่มีวันยกให
หร่วนฝูอวี้เงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วเหยียน มุมปากมีรอยยิ้มขมขื่น“หากเทียบกับถูกเจ้าแย่งชิงกู่ราชาไป ข้ากลับอยาก... ตายด้วยน้ำมือเจ้ามากกว่า ทำเช่นนี้ข้าถึงจะหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง”ไม่ต้องวุ่นวายใจกับความขัดแย้งทางโลก ไม่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดจากการทรยศแคว้นหนานเจียง และไม่ต้องมอบความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงให้กับรุ่ยหลินและจี๋เอ๋อร์...ทุกสิ่งทุกอย่าง จะสามารถสิ้นสุดลงพร้อมกับการตายของนางนี่ถึงจะเป็นตอนจบที่นางต้องการมากที่สุดสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูลึกล้ำ ในดวงตามีความเข้าใจอยู่บางส่วน“อาอวี้ ความตายคือหนทางสุดท้าย เจ้าแน่ใจหรือว่า ได้ลองมาทุกทางแล้ว จะไม่เสียใจ ไม่เสียดาย ไม่ติดค้างในใจ?”หร่วนฝูอวี้ริมฝีปากสั่น กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเฟิ่งจิ่วเหยียนจับแขนของนาง ผ่านอาภรณ์ที่กั้นอยู่ แล้วประคองนางให้ลุกขึ้นหร่วนฝูอวี้ก็อาศัยแรงนั้นยืนขึ้น ขาสองข้างอ่อนแรง ราวกับยืนอยู่ขอบเหวลึกนับหมื่นจั้ง หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ร่างกายก็อาจแตกสลายเป็นผุยผงเพื่อไม่ให้ล้มลงไป นางจึงคว้าแขนเสื้อของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ “อยู่คุยกับข้าต่ออีกหน่อยเถอะ มีเจ้าอยู่ด้วย ข้ารู้สึกเหมือ
หลังถานไถเหยี่ยนตายแล้ว กองทัพฉีก็ควบคุมสถานการณ์การสู้รบได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้การบุกโจมตีหลายครั้ง ทหารหนานเจียงในดินแดนแคว้นตงซานก็แตกกระเจิงราวกับฝูงนกส่วนหร่วนฝูอวี้เนื่องจากร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงยังพักฟื้นอยู่ในเมืองอู๋โจววันนี้ นางได้รับจดหมายจากรุ่ยอ๋องในจดหมายล้วนเป็นถ้อยคำแสดงความห่วงใยตามปกติ ถามว่าร่างกายของนางเป็นอย่างไร และยังบอกเล่าถึงสภาพปัจจุบันของจี๋เอ๋อร์ว่า เด็กคนนั้นโตขึ้นมาก“ศิษย์พี่ ถานไถเหยี่ยนตายแล้ว” เก๋อสือชีเข้ามาในกระโจม นำข่าวนี้มาบอกกับหร่วนฝูอวี้หร่วนฝูอวี้แค่จ้องมองจดหมายในมือ ราวกับตัดขาดจากเรื่องทั้งหมดเก๋อสือชีจึงพูดซ้ำอีกครั้ง “ศิษย์พี่?”หร่วนฝูอวี้จึงเงยหน้าขึ้น ในดวงตาฉายประกายเย็นเยียบ “มีเรื่องอะไร!”เก๋อสือชี: ? ?“ศิษย์พี่ ข้าพูดไปสามรอบแล้ว! ถานไถเหยี่ยนตายแล้ว! ตายแล้ว!”รู้ว่าศิษย์พี่ไม่ชอบเขามาตลอด แต่ก็ไม่น่าถึงกับต้องเมินเฉยเขาถึงเพียงนี้!หร่วนฝูอวี้ตอบสนองอย่างเฉยเมย“อ้อ รู้แล้ว”เก๋อสือชีรู้สึกงงงัน “รุ่ยอ๋องเขียนอะไรถึงท่านอีก ท่านถึงได้ใจลอยเพียงนี้?”ถานไถเหยี่ยนตายแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก!ศิษย์พี
เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองคนทั้งสอง และค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ในดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชนของท่านผู้เฒ่าหยวน ยังชื้นแฉะอยู่บ้าง “ฮ่องเต้ฉี ขอตัวก่อน”หลังจากเขาไปแล้ว เซียวอวี้ก็ยังคงเคร่งเครียดแม้เซียวอวี้จะฝืนยิ้ม และจับมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ “พอถานไถเหยี่ยนสิ้นใจ ทหารหนานเจียงเหล่านั้นก็ทิ้งเมืองแล้วหลบหนีไปหมด พวกเราจะต้องยึดครองแคว้นตงซานได้ในไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้พวกเราสามารถวางใจและกลับไปเมืองหลวงก่อน แล้วค่อยไปรับพวกอาลี่กลับมาจากแคว้นซีหนี่ว์...”เขาพูดมามากมาย แต่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับถามขึ้นทันที“เมื่อครู่พวกท่านคุยอะไรกัน?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าจริงจัง มองตรงไปยังเซียวอวี้เซียวอวี้ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็แค่นเสียงเย้ยหยัน“ทั้งหมดเป็นเพราะเสียวอู่“กลัวเราจะฆ่าเสียวอู่ ขอให้เราไว้ชีวิต”สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง แต่ในใจอดสงสัยไม่ได้หากเพียงขอให้เซียวอวี้ไว้ชีวิตเสียวอู่ ท่านผู้เฒ่าหยวนจะเสียอาการจนถึงกับมีน้ำตาเชียวหรือ?ในตอนนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ถามมากความ“จะออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีเมื่อใดเพคะ?”เซียวอวี้ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบบนหลังมือของนาง “อีก