Share

บทที่ 242

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เหลียนซวงมิรู้ว่า นางควรจักรายงานเรื่องที่ฮองเฮาฟื้นขึ้นมาแล้วดีหรือไม่

นับว่าโชคดีที่ คนภายในฉากกั้นด้านในเอ่ยขึ้นมาพอดี “ฝ่าบาทเพคะ... หม่อมฉันเพิ่งฟื้นเพคะ”

หลังจากที่เซียวอวี้ได้ยินเสียงนั้น เขาก็ยกมือขึ้นแหวกม่านฉากกั้นขึ้นมา

เรียวนิ้วที่จับม่านนั้น ทำให้เกิดรอยยับอย่างชัดเจน

ดวงตาทั้งคู่พลันสบตากัน เมื่อเห็นสตรีที่อ่อนแออยู่ตรงหน้านั้น นิ้วมือจึงเผลอลงแรงเข้าไปอีก

“พักผ่อนเสีย”

นอกจากน้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงนั้น เขาหาได้มีคำพูดอื่นไม่

เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงทำลายสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ พร้อมทั้งพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง

เซียวอวี้ขมวดคิ้วเป็นปมเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า ทั้งยังยื่นมือเข้ามาช่วยประคองที่เอวของนางอีก

เซียวอวี้จึงมิรู้ว่าตนเองเผลอไปสัมผัสโดนแผลเก่าของนางเข้าแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ พร้อมหยุดอยู่ที่เดิม

เซียวอวี้ที่สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของนางนั้น จึงเอ่ยถามออกมา “เป็นอะไรไป?”

ท่าทีของเซียวอวี้ที่มีต่อนาง มิค่อยมีความอดทนเท่าใดเช่นตอนนี้นัก

“ไม่มีอันใดเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหัวไปมาเบา ๆ ภายในใจได้แต่ลอบกลอกตามอง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
หนิงเฟยโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วยังอวดฉลาด
goodnovel comment avatar
พัดชา เกรียงศรี
สนุกมากเลย
goodnovel comment avatar
Jum
กี่ตอนจบ ยังอัพเดทอยู่ไม่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 243

    ไทเฮาที่มักจะเอ็นดูและมีเมตตานั้น หากนางมิถูกหนิงเฟยบีบบังคับเช่นนี้ นางย่อมมิมาทางลงมืออย่างแน่นอนนางจ้องมองไปที่หนิงเฟย ฝ่ามือพลันเกิดอาการด้านชา ภายในใจนึกรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก“เจ้า...ซิ่วหว่าน! ข้าสั่งให้เจ้าระมัดระวังวาจากิริยามารยาทบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าในยามนี้ช่าง...ช่างทำให้ข้านึกผิดหวังยิ่งนัก!”“คำพูดไม่กี่คำของจิ้งกุ้ยเหรินนั้น กลับทำให้เจ้าสิ้นสติไปเช่นนี้ เจ้าคิดว่านางหวังดีกับเจ้ามากงั้นหรือ?”“นางมองออกว่าเจ้าหาได้เหมือนหรงเฟยไม่ มิมีทางได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ทั้งยังสามารถบีบบังคับได้ง่าย ถึงได้พยายามประคองเจ้าขึ้นสู่บัลลังก์นั้น”“หากนางให้กำเนิดพระโอรสออกมาเมื่อใด แม้เจ้าจักได้ตำแหน่งนั้น เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จักต้องถูกเตะลงมาอยู่ดี! เจ้าเข้าใจหรือไม่!”เมื่อถูกไทเฮากระชากสติกลับมาเช่นนี้ หนิงเฟยจึงค่อย ๆ ได้สติกลับมานางเอามือกุมใบหน้าอีกข้างเอาไว้ ทั้งพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง“ท่านป้าพูดถูก เป็นความผิดของข้าเอง”หลังจากออกจากตำหนักฉือหนิงแล้ว ภายในใจของหนิงเฟยก็ยังรู้สึกว้าวุ่นไม่หายยามที่ฝ่าบาทยังเป็นเพียงองค์ชายนั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนก็มีความคิดจะมอบนาง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 244

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมาถึงตำหนักหย่งเหอด้วยขบวนอลังการสง่างามเป็นอย่างยิ่งผู้ดูแลซุนหมัวมัวเป็นผู้รับผิดชอบพาพระนางเดินเข้ามายังตำหนักในเมื่อเข้ามานั้น พลันเห็นฮ่องเต้นั่งอยู่ข้างโต๊ะ สายตาเอาแต่จับจ้องไปที่เตียงนอน ยามที่นางกำนัลสาวใช้กำลังป้อนยาให้กับฮองเฮาพระองค์เอาแต่มุ่งความสนใจไปที่ฮองเฮามากจนเกินไป แม้แต่พระนางที่มีศักดิ์เป็นถึงเสด็จย่ามาเยือนเช่นนี้ เขาหาได้รู้สึกถึงการมาของนางไม่จนกระทั่งหลิวซื่อเหลียงเอ่ยทำความเคารพขึ้นมา“บ่าวเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวอวี้ถึงได้รู้สึกตัว พร้อมทั้งลุกขึ้นให้การต้อนรับ“เสด็จย่า”น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง เสมือนกับว่าเป็นไข้เจ็บคอไทฮองไทเฮารู้สึกเป็นห่วงหลายชายของตนเองยิ่งนัก“ฝ่าบาท เมื่อคืนเจ้าจัดการเรื่องนักฆ่าแล้ว คงมิได้พักผ่อนเลยกระมัง”“ฮองเฮามีคนคอยดูแลมากมายเช่นนี้ เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเสียหน่อยเถิด”สีหน้าเซียวอวี้เฉยเมย ราวกับว่าเขามิได้สนใจสิ่งใด“เราเพียงแค่แวะมาดูเท่านั้น กำลังจะออกไปพอดี”ไทฮองไทเฮาพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองดูผู้ที่นอนอยู่บนเตียง“หมอหลวงกล่าวเช่นไร?”“เพียงตกใจ”“แค่ตกใจจริงหรือ?” น้ำเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 245

    “ช่วย”กลับกันหากมีบุคคลที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ตกอยู่ในอันตรายละก็ นางจักต้องยื่นมือออกไปช่วยแน่นอนจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ช่วยในขอบเขตที่หม่อมฉันพอจะช่วยเหลือได้เพคะ”อาจารย์หญิงมักจะกล่าวกับนางเสมอว่า ชีวิตของนางย่อมเป็นของตัวเองก่อนเซียวอวี้เพียงสนใจคำของนางว่า “ช่วย” เขามิอาจบอกได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไรในยามนี้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เองก็เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาเช่นกัน ทั้งยังยินยอมมอบทั้งหัวใจและวิญญาณให้กับเขา และยังยอมลดอายุขัยเพื่อเขาอีกหากเปรียบเทียบกันแล้ว สิ่งที่ฮองเฮาทำมีเพียงแค่ช่วยแก้พิษวารีสวรรค์และเอาตัวมาบังลูกธนูเท่านั้น หาได้มากเท่ากับสิ่งที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ทำให้เขาตลอดสี่ปีที่ผ่านมาไม่ทว่า หัวใจของเขา กลับสั่นไหวเพราะฮองเฮาอาจเป็นเพราะหลิงเยี่ยนเอ๋อร์มอบทุกอย่างให้กับเขา แต่ก็ได้รับหลาย ๆ อย่างจากเขาเช่นกันแต่ ฮองเฮาไม่เคย...ทว่าความอ่อนโยนในนัยน์ตาของเซียวอวี้กลับถูกความเย็นชาเข้ามาบดบังอีกครั้งผู้ใดจักไปรู้กัน ว่าฮองเฮามิมีสิ่งที่ตัวเองต้องการ มิใช่การถอยเพื่อรับหลายวันที่ผ่านมานั้นเขาเอาแต่คิดมากทุกครั้งที่เขานึกถึงงานเลี้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 246

    เซียวอวี้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ามืดมน ใบหน้าราวกับถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ยามเหมันตฤดูที่หนาวเหน็บ ทั้งยังคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดของฮองเฮาทันใดนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนที่มีกำลังภายในอันเข้มข้นจึงได้รับรู้การมีอยู่ของเซียวอวี้ได้ในทันทีทั้งคู่พลันสบตากัน เฟิ่งจิ่วเหยียนคล้ายกับเห็นความรังเกียจฉายอยู่ในดวงตาของเขา...เหลียนซวงเองก็มองตามสายตาของฮองเฮาไป เมื่อเห็นว่าเป็นฮ่องเต้นั้น นางจึงรีบร้อนหยิบเสื้อตัวนอกที่วางเอาไว้บนเตียงขึ้นมาคลุมร่างของฮองเฮาในทันทีเหลียนซวงราวกับลืมไปว่า การที่ฝ่าบาทมองสตรีของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่สมควรกระทำนับว่าโชคดีที่ในยามนี้แผลมีผ้าพันเอาไว้อยู่“เข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ”เหลียนซวงรีบออกมาทำความเคารพในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงได้แต่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยตนเอง นั่นจึงทำให้นางหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่หลังไปอย่างเสียไม่ได้ แต่นางก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้เซียวอวี้เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“วันนี้ฮองเฮายังคงมีไข้สูงอยู่หรือไม่”เหลียนซวงก้มหน้าตอบกลับ “เพ เพคะ”เหลียนซวงมีท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อยมิรู้เลยว่าฝ่าบาทมาถึงเมื่อใดนับ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 247

    “ทั้งสำนักหมอหลวงไปตรวจโรค?” ไทเฮาทรงตกตะลึงไปครู่หนึ่งโดยปกติแล้ว หากในวังหลวงมีคนป่วยนั้น มักจะใช้หมองหลวงประมาณสองคนผลัดกันเข้าเวรมาตรวจดูอาการเท่านั้น หากว่าให้หมอหลวงทั้งสำนักมาทำการตรวจนั้น ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่งอาการป่วยของฮองเฮาสาหัสเพียงนั้นเลยหรือ?กุ้ยหมัวมัวพลันโค้งกายคำนับ “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันเดาว่าฝ่าบาทคงคาดเดาได้ว่าฮองเฮาแสร้งประชวรเพคะ”ไทเฮาพลันเลิกคิ้วขึ้น“หากเป็นเช่นนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้”ทว่า ค่ายกลล้อมจับนี้นับว่าใหญ่นักหากฮองเฮาแสร้งป่วยจริง ๆ แล้วไซร้ เรื่องราวทุกอย่างย่อมกระจ่างแจ้งขึ้น เช่นนั้นนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน?ตำหนักฟางเฟยน้ำเสียงของชิวหงเผยให้เห็นท่าทีสะใจขึ้นมา“กุ้ยเหรินเพคะ หากหมอหลวงในสำนักหมอหลวงมาวินิจฉัยเช่นนี้ ฮองเฮาแสร้งป่วยหรือไม่นั้น อีกไม่นานคงได้รู้กันแล้ว”มู่หรงฉานที่กำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับข่าวคราวของพี่ชายตนเองนั้น ใบหน้าพลันเจือไปด้วยความวิตกกังวล ทว่า หลังจากที่ได้ยินชิวหงเอ่ยขึ้นมานั้น ใบหน้าของนางจึงเจือไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า หากฮองเฮาหลอกลวงฝ่าบาทขึ้นมาจริง ๆ ละก็ เช่นนั้นนางต้องโทษอย่างรุนแรง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 248

    ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันฉายแววความห่างเหินออกมาแม้ว่าหมอหลวงจักมิได้กล่าวความจริงออกมา ทว่า เซียวอวี้ก็คงมองออกว่านางแสร้งป่วยเช่นนี้นางคงมิอาจแสร้งป่วยต่อไปได้อีก ทั้งยังมิอาจใช้โอกาสนี้หาข้ออ้างหลบออกจากวังหลวงไปได้อีกแล้วในยามนี้ นางคงต้องคิดหาทางอื่นอย่างแรกต้องติดต่ออู้ไป๋ให้ได้เสียก่อน ต้องนำยาแสร้งตายมาให้ได้ทว่า การคุ้มกันภายในวังหลวงแน่นหนายิ่งนัก นี่ถือว่าเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงอีกด้านหนึ่งเซียวอวี้มองออกว่าอาการไข้สูงของฮองเฮานั้นเป็นนางที่เสแสร้งออกมา ทว่า ก็มิมีหมอหลวงคนใดสักคนออกมากล่าวความจริงในเรื่องนี้หากแต่ยามนี้ภารกิจของแว่นแคว้นมีมากมายนัก เขามิอาจหาเวลามาคิดเรื่องเล็กเรื่องน้อยเช่นนี้กับนางได้การแสร้งป่วยเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะคิดเช่นไรนางก็แค่หาวิธีเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้นเห็นแก่ที่นางเอาตัวรับลูกธนูให้เขานั้น เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ทว่า ก็มิคิดให้อภัยนางในเรื่องนี้เช่นเดียวกันหลังจากวันนั้น เซียวอวี้ก็มิได้มาเยือนที่ตำหนักหย่งเหออีกนางสนมเจียและนางสนมเจียงทั้งสองคนที่มักจะมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆนางสนมเจียพลันกล่าวว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 249

    ภายในห้องทรงพระอักษรนั้น กลิ่นอายขององค์จักรพรรดิที่แผ่กระจายออกมา ย่อมทำให้ข้าราชบริพารใต้ล่างต้องยอมจำนนมู่หรงฉานยังคงท่วงท่าสง่างามของตนเองเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงหลุบสายตาลงไปมองบนพื้นภายในห้องโถงที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ คล้ายกับว่าจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่เต้นรัวออกมาบุรุษที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“พี่ชายของเจ้ายักยอกเงินจากค่ายทหาร ทั้งยังกระทำการแย่งชิงเกียรติยศของพลทหารคนอื่น ใช้การรุมประชาทัณฑ์เพื่อกำจัดคนที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งยังส่งคนไปไล่ล่าจนมาถึงเมืองหลวง เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่?”มู่หรงฉานขบกัดริมฝีปากล่างของตนเองเบา ๆ“แต่แรกจนโตหม่อมฉันเติบโตขึ้นภายในอารามเพคะ ในความทรงจำของหม่อมฉัน พี่ชายเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจิตใจดี หม่อมฉันรู้ว่าเขา...”“งานเลี้ยงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ของขวัญ”เซียวอวี้กลับเอ่ยตัดบทสนทนา ทำเอามู่หรงฉานตื่นตระหนกไปในทันทีเขาค่อย ๆ เปิดฎีกาขึ้นมาช้า ๆ พลางมองเนื้อหาในฎีกาไปด้วย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาด้วยท่าทีไม่รีบไม่ร้อน“มิเกี่ยวอันใดกับเจ้าเลยหรือ?”มู่หรงฉานไม่คาดคิดเลยว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 250

    ภายในตำหนักหย่งเหอยามที่เซียวอวี้มาถึงนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังดื่มยาอยู่นางสวมใส่อาภรณ์ที่เรียบง่าย นั่นจึงทำให้ทั่วร่างของนางเจือไปด้วยกลิ่นอายความเย็นชาราวกับแสงจันทร์ยานั้นแค่ได้กลิ่นก็นึกขมยิ่งนัก มิต้องคิดไปถึงยามที่กินเข้าไปเลยเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืนโค้งกายทำความเคารพด้วยท่าทีเฉยเมย“เข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ”“ข้าบอกแล้วว่า อาการบาดเจ็บเจ้ายังไม่หายดี มิจำเป็นต้องทำความเคารพ”“เพคะ”หลังจากที่เซียวอวี้นั่งลงแล้วนั้น ยามที่เขาคิดจะเอ่ยถามถึงเรื่องหนังสือร้องเรียน ก็พลันเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดไร้สีของนางเข้าเสียก่อนเพียงมิได้พบหน้านางไม่กี่วัน นางกลับดูซูบเซียวไปได้มากถึงเพียงนี้เลยหรือข้ารับใช้ในตำหนักหย่งเหอไปทำอะไรกันหมด แม้แต่เจ้านายของตนเองก็ยังมิอาจปรนนิบัติรับใช้ให้ดีได้!“เชิญหมอหลวงมาแล้วหรือยัง?” เซียวอวี้เอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ใบหน้าดูเศร้าโศกยิ่งนัก“มาแล้วเพคะ สุขภาพร่างกายของหม่อมฉันหาได้เป็นอันใดมากไม่”เหลียนซวงพลันเข้ามาได้ทันเวลาพอดี“ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮามีความคิดอยากกลับไปเยี่ยมตระกูลของตนเอง ทำให้พระนางในยาม

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status