เซียวอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจ“ได้ เอาตามที่เจ้าพูด! แต่ว่า เจ้าต้องรับปากเรา ไม่ว่าอย่างไร ต้องปกป้องตัวเองให้ดี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนดูแผนการวางกลยุทธ์“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”เซียวอวี้ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของนาง นัยน์ตาทอแววอาลัยอาวรณ์“พวกเราเพิ่งได้อยู่ด้วยกันไม่นาน ก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว”อยู่ในตำแหน่งสูง ทุกเรื่องย่อมไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ จึงเกิดความรู้สึกหดหู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่เขาอย่างอบอุ่นอ่อนโยน กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“ยิ่งห่างไกลยิ่งทำให้รักกันมากกว่าตอนแต่งงานหมาด ๆ ซึ่งพวกเรารักกันเหมือนเพิ่ง ‘แต่งงานใหม่หมาด ๆ ’ ยิ่งกว่าคู่สามีภรรยาทั่วไปอีกหลังจากนั้น นางก็เข้าไปใกล้หูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน “รอหม่อมฉันกลับมา จะชดเชยคืนแห่งการเข้าเรือนหอใหม่แก่ท่าน”ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี้จึงคัดราชโองการ ภายใต้คำพูดกึ่งเอาใจกึ่งหลอกล่อของนาง มีคำสั่งให้ฮองเฮาใช้อำนาจแม่ทัพใหญ่ เคลื่อนกองทัพไปต้านศัตรูที่ชายแดนตะวันออกนี่เป็นราชโองการลับจนกระทั่งเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินทางออกจากเมืองหลวงในวันถัดมา มีเพียงไม่กี่คนที
กวนไหลอิ้งตายแล้ว ผู้มีบทบาทหลักในชายแดนตะวันออกปัจจุบันจึงเป็นรองแม่ทัพสวีเฟิง เขาเข้าไปห้ามเหล่าทหารที่เตรียมออกไปรับศึก ดุด่าพวกเขาว่า“ท่านแม่ทัพกวนตายอย่างไร พวกเจ้าไม่เห็นหรือไร! แม้แต่เขายังสู้คนผู้นั้นไม่ได้ แล้วพวกเจ้าไปมีโอกาสชนะได้อย่างไร! จะไม่เป็นการเอาศีรษะพวกเจ้าไปส่งให้พวกเขาอีกหรือ!”สวีเฟิงโมโหอย่างมาก และโกรธที่พวกเขาไม่ได้ดั่งใจคนเหล่านั้นเป็นพวกหัวแข็งในกองทัพ ยามปกติก็ไม่ยอมเชื่อฟังอยู่แล้ว คุณธรรมมีมากล้น แต่สติปัญญามีไม่มากพวกเขาโต้แย้งสวีเฟิง“แล้วจะปล่อยให้พวกเขาดูถูกอยู่อย่างนี้หรือ!”“พลทหารแห่งแคว้นหนานฉีไม่ได้ขี้ขลาด! ต่อให้ตาย ก็ต้องชิงศพของแม่ทัพกวนกลับมา!”“ใช่แล้ว! แม้จะชิงกลับมาไม่ได้ การไปในครั้งนี้ก็คุ้มค่า! ดีกว่าเป็นพวกขี้ขลาดที่เอาแต่หลบในด่านเฉาอวี้ ถูกคนหัวเราะเยาะเช่นนี้! พวกเจ้าทนได้ ข้าทนไม่ได้!”ชั่วขณะนั้น กลุ่มคนก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมาสวีเฟิงเริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทำได้เพียงจับเหล่าคนที่ก่อเรื่องไว้ก่อน“คำสั่งของแม่ทัพเด็ดขาดดั่งหินผา! ข้าขอสั่งให้พวกเจ้า เฝ้าด่านเฉาอวี้ไว้ ห้ามออกห่างจากประตูเมืองเด็ดขาด!”ฝูงชนร่วมใจส่
ฮูหยินกวนเจ็บจนต้องนิ่วหน้า เมื่อหันไปมองคนที่จับกุมข้อมือของนางไว้ ก็เห็นคนผู้นั้นสวมใส่ชุดลำลองของสตรี ผมมัดรวบสูงเหมือนบุรุษ รังสีดุดัน น่าเกรงขามอย่างยิ่งนางถามอย่างโมโห“ท่านเป็นใคร! เหตุใดถึงกล้าทำตัวบ้าระห่ำเช่นนี้!”ลูกชายทั้งสองของฮูหยินกวนก็กระโดดชี้หน้าตำหนิ“รีบปล่อยท่านแม่ของข้าซะ! ท่านรู้ไหมว่าท่านแม่ของข้าคือใคร!!”สวีเฟิงและเหล่าทหารต่างไปจากสามแม่ลูกตระกูลกวน หลังจากที่เห็นผู้มาเยือน ล้วนตกใจปนประหลาดใจ จากนั้นก็ก้มหน้าทำความเคารพอย่างนอบน้อม“ถวายบังคมฮองเฮา!”ฮูหยินกวนชะงักกึก“อะไรนะ! ฮองเฮา ฮองเฮางั้นหรือ?”คนผู้นี้ คือฮองเฮาองค์ปัจจุบันงั้นหรือ?ในเมื่อเป็นฮองเฮา แล้วมาที่ชายแดนตะวันออกทำไมกัน? ควรอยู่ในพระราชวัง และมีเหล่าองครักษ์คุ้มกันไม่ใช่หรือ?ลูกชายทั้งสองคนของนางหวาดกลัวขึ้นมาทันทีฮองเฮา ก็คือแม่ทัพน้อยเมิ่งแห่งค่ายเป่ยต้าผู้นั้น!พวกเขารีบทำความเคารพตามเฟิ่งจิ่วเหยียนปล่อยมือของฮูหยินกวนออก มองเหล่าทหารด้วยสายตาแน่นิ่ง โดยเฉพาะคนที่โวยวายจะออกไปเหล่านั้น“เมื่อครู่พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”เหล่าทหารเดือดดาล อธิบายด้วยคิดว่าตัวเองมีเหตุผลเพีย
หัวใจของฮูหยินกวนที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อครู่ฮองเฮาว่าอะไรนะ?นางจะไปเก็บศพ?!บุตรชายตระกูลกวนทั้งสองคนเองก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกันสวีเฟิงรับผิดชอบไม่ไหว จึงรีบเอ่ยห้าม“ฮองเฮา ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! กองทัพชายแดนตะวันออกมีทหารเป็นพันเป็นหมื่นคน แล้วจะให้ท่านไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร! อีกอย่างในครรภ์ของท่านก็มีโอรสรัชทายาทอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าทหารเองก็ตั้งสติได้ รีบห้ามตามสวีเฟิง“พระนางทรงคิดดี ๆ ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”มีผู้ใดจะไม่รู้บ้าง ว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับฮองเฮามากที่สุดและยามนี้ฮองเฮายังมีครรภ์พระโอรสองค์แรกของฝ่าบาทอีก หากพระนางเป็นอะไรไปในชายแดนตะวันออกของพวกเขา คงจะเป็นจุดจบได้แน่สายตาของฮูหยินกวนจดจ้องมายังท้องของเฟิ่งจิ่วเหยียนนางแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์อยู่ แต่ยังสามารถเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย จากเมืองหลวงมาที่ชายแดนตะวันออกเช่นนี้เรื่องใดที่เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงนางออกคำสั่งหยิ่นเอ้อร์เสียงหนักแน่น“ให้จางฉวนเข้ามาก่อน”หยิ่นเอ้อร์ประสานมือรับคำสั่ง “รับทร
แคว้นหนานฉีออกหนังสือท้ารบ ต้องการสร้างเนินความตายกองทัพพันธมิตรสี่แคว้นแห่งต้าเซี่ยต่างรู้สึกบ้าคลั่ง“แม่ทัพซ่าน แคว้นหนานฉีช่างไม่รู้จักความเป็นความตาย!”“แม้นจะพูดเช่นนี้ เราก็ยังต้องเตรียมตัวดี ๆ จะให้พวกเขาทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!”“ใช่แล้วแม่ทัพซ่าน! พวกเราเพิ่งสังหารกวนไหลอิ้งมา ทำให้กำลังใจของกองทัพชายแดนตะวันออกแคว้นหนานฉีมอดดับ จะให้พวกเขามีชีวิตอยู่ไม่ได้!สีหน้าของซ่านชุนมืดครึ้ม นั่งอยู่บนที่นั่งไม่พูดไม่จาขณะนี้ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยโคลงตลกขบขันที่คนแคว้นหนานฉีกล่าวเหยียดหยามเขาแคว้นหนานฉีต้องการสร้างเนินความตาย เขาก็จะส่งทหารเก่งกาจที่ฝีมือดีที่สุดไป คนแคว้นหนานฉีคนไหนเข้ามา ก็จะฆ่าคนนั้นทิ้ง!ในขณะเดียวกัน ภายในกระโจมกองทัพแคว้นหนานฉี ผู้คนต่างหวาดหวั่นสวีเฟิงและเหล่าแม่ทัพต่างขมวดคิ้วมุ่น“แม่ทัพสวี พรุ่งนี้จะให้ฮองเฮาไปสู้ศึกจริงหรือ?”สวีเฟิงถอนหายใจออกมายาวเหยียด“ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรได้? ใครสามารถห้ามฮองเฮาได้บ้าง?”หนึ่งในนั้นมีสีหน้าซีดขาว“พระนางตั้งครรภ์โอรสรัชทายาทอยู่นะ เหตุใดถึงได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้! ต่อให้สร้างเนินความตายได้ แต่ถ้
ภายในกระโจมหลัก จางฉวนเหมือนเด็กที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ เอ่ยฟ้องด้วยความรู้สึกคับแค้นต่อความไม่เป็นธรรม“ฮองเฮา พวกเขาพูดเช่นนั้นจริง ๆ ! คนจำพวกเห็นแก่ตัว ช่างไร้จิตสำนึก! ท่านจะไปช่วยจัดการเรื่องศพให้พวกเขา แต่พวกเขากลับมิสนใจบุตรของท่านแม้แต่น้อย ท่านไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเขาแต่แรก!”เนื่องจากในตอนกลางวันพูดมาก น้ำเสียงของเขาจึงฟังดูแหบแห้งเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังจบ ก็มิได้สนใจสามคนแม่ลูกตระกูลกวนแม้แต่น้อย การสู้รบในวันพรุ่ง มิใช่เพื่อสามคนนี้ และมิใช่เพื่อกวนไหลอิ้งเท่านั้น สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือเพื่อชัยชนะของหนานฉีในที่สุดนางคงมิโง่เขลา ทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย เพียงเพราะเรื่องจัดการศพการแสดงความแข็งแกร่งเพียงชั่วขณะ ไม่สามารถเป็นผู้กล้าหาญที่แท้จริงได้กองกำลังพันธมิตรของสี่แคว้นทำลายขวัญกำลังใจของทหารชายแดนตะวันออก นางก็จะลอกเลียนบ้าง จะทำลายความน่ายำเกรงของพวกเขา! จางฉวนยังคิดจะเกลี้ยกล่อมนาง“ฮองเฮา ท่านตั้งครรภ์โอรสฮ่องเต้ จะบุ่มบ่ามมิได้!”ฮ่องเต้ทรงมีบุญคุณต่อเขา เขาจึงต้องปกป้องโอรสรัชทายาทของฮ่องเต้เป็นอย่างดี!เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบตามองไปที่เขา“อะ
ซ่านชุนเอนตัวครึ่งบนมาด้านหน้า ยืดคอมองไปทางทหารหนานฉีที่รับคำท้ารบผู้นั้นรูปร่างของคนผู้นี้หาใช่สูงใหญ่กำยำ ลักษณะเป็นคนวัยหนุ่ม ดูเหมือนมิใช่สวีเฟิงรองแม่ทัพของหนานฉีเด็กหนุ่มที่เส้นขนขึ้นยังไม่ครบ ยังกล้าจะสู้รบต่อเพื่อสร้างเนินความตาย?ฮ่า!น่าขำ!ซ่านชุนหรี่ตาและนั่งกลับลงไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น ซ้ำยังมีความหยิ่งทะนงที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจเขาเคยส่งสายลับไปสืบดูแต่แรกแล้ว ชายแดนตะวันออกหนานฉี นอกจากกวนไหลอิ้ง ก็จะมีสวีเฟิงที่ฝีมือโดดเด่นในเมื่อคนที่ออกรบมิใช่สวีเฟิง เช่นนั้น หนานฉีก็มิอาจสร้างเนินความตายให้สำเร็จได้ซ่านชุนมองลงไปที่คนด้านล่าง---นักรบหนึ่งร้อยนายที่เขาคัดเลือกมาเป็นอย่างดีเมื่อวานนี้“ผู้ที่สังหารชาวหนานฉีได้ จะได้เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง”เหล่านักรบถือทวนยาว สายตามองไปข้างหน้า แววตาเป็นประกาย พร้อมกับพลังอันฮึกเหิม“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!ดวงตาทั้งคู่ภายใต้หน้ากากของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งอย่างที่สุดนางอยู่เพียงคนเดียว ทว่าบนหอประตูเมืองด้านหลัง มีทหารรักษาเมืองนับหมื่นนับพันยืนสังเกตดูการสู้รบอยู่พวกเขากำหมัดและโห่ร้องให้กำลังใจ มีบางคนก็ตีกลองร
ขวานเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง ทว่าความโค้งของใบขวานมักจะลดทอนพลังของหัวขวาน ส่วนความแหลมคมของทวนกลับสามารถทะลวงการป้องกันของขวานได้ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า “ทวนเอาชนะขวานได้”ผู้ที่เชี่ยวชาญอาวุธ ต่างก็รู้สิ่งนี้ซ่านชุนมีสีหน้าโกรธเคืองแม่ทัพน้อยที่หนานฉีส่งมาผู้นี้ มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่!เฟิ่งจิ่วเหยียนถือทวนในมืออย่างมั่นคง รอให้คู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ จะได้โจมตีอย่างทันควันชายจมูกยาวผู้นี้รับรู้ถึงกระแสลมทรงพลัง จึงรีบใช้ขวานในทันที มือซ้ายถือขวานไว้ป้องกัน มือขวาถือขวานไว้โจมตีทั้งแกว่งทั้งผ่า ทั้งสับทั้งแทง พร้อมกับฟาดเกี่ยวฟันปัด ท่าที่ใช้ของขวานคู่ดุดันโหดเหี้ยม ทุกย่างก้าวมีเจตนาสังหารทว่า วิชาทวนของเฟิ่งจิ่วเหยียนยิ่งคาดเดายากทั้งคู่โจมตีตอบโต้กันหลายสิบรอบ ผู้คนรอบข้างก็จ้องมองด้วยความตื่นตาตื่นใจด้านกองทัพต้าเซี่ย สีหน้าของซ่านชุนไม่สู้ดีนักขวานคู่ของเจ้าจมูกยาวน้อยนักจะมีคู่ต่อสู้ ทว่าตอนนี้กลับถูกคู่ต่อสู้ข่มไว้ ยากจะมีโอกาสโจมตีกลับสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนไม่ค่อยสู้ดีนัก...บนหอประตูเมืองด่านเฉาอวี๋เสียงกลองรบราวกับห่าฝน ทั้งเหมือนเสียงกีบม้า
องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม
ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข
อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ
ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ
เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“
ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่
บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ
ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล
วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต