ร่างชุ่มเหงื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะว่ามีเสียงอะไรมากระซิบที่ข้างหู
“คุณนายคะ คุณนาย !” เสียงเล็ก ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความกังวลดังแว่ว ๆ อยู่ข้างหูของนภา ทำให้เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา “คุณนาย คุณนายฟื้นแล้ว รีบไปตามหมอมาเร็ว” เสียงนั้นเปล่งออกมาอย่างดีใจ และได้บอกให้คนไปตามหมอมา เพื่อให้มาดูอาการของคนที่นอนอยู่บนเตียง นภากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับรูม่านตาให้เข้ากับแสง และความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้ก็คืออาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล่นขึ้นมาจู่โจมเธอ “โอ๊ย !?” เธอร้องโอ๊ยออกมาพลางเอามือกุมขมับและหลับตาลงทันที จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอทานยาแก้ปวดไปแล้วหลายเม็ดนี่นา ทำไมยังไม่หายปวดหัวอีก “คุณนายคะ หมอมาแล้วค่ะ” หลังจากนั้นคุณหมอเสิ่นก็เข้ามาตรวจอาการของเธอ นภาปล่อยให้หมอตรวจแต่โดยดี เพราะว่าเธอปวดหัวมากจนลืมตาไม่ขึ้น “คุณนายจาง รู้สึกเป็นยังไงบ้าง ?” เสียงทุ้มนุ่มของคุณหมอผู้ใจดีเอ่ยถามออกมา เธอจึงฝืนลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกแปลกใจ หมอเรียกใครว่าคุณนายจาง พอลืมตาขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ เธอก็พบกับใครหลายคนที่เธอไม่คุ้นหน้า พลันเกิดความรู้สึกสับสน และเกิดคำถามมากมายขึ้นในหัว “คุณนายคะ !?” เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู้ที่นอนอยู่บนเตียง เกาถานแม่บ้านของตระกูลจางก็เปล่งเสียงเรียกเธอออกมาอีกรอบ ทันใดนั้นความทรงจำของใครบางคนก็แล่นเข้ามาในหัวของนภา ‘หลินเสี่ยวเหยา’ นภาจึงลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียง “แม่บ้านเกาฉันขอกระจกหน่อยค่ะ” เกาถานจึงรีบไปหยิบกระจกบานเล็กมาส่งให้เธอ นภารับมาและส่องดูใบหน้าของตัวเอง พลางมองไปรอบ ๆ ห้อง ในตอนนี้ความทรงจำของหลินเสี่ยวเหยาแล่นเข้ามาในหัวของเธอครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว นภายกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเอง พลางมองเงาสะท้อนในกระจกบานเล็กใบนั้น ใบหน้างดงามแต่ทว่าซีดเซียวปรากฎแก่สายตาของเธอ นภาส่องกระจกอยู่สักครู่จึงได้ส่งกระจกคืนให้แม่บ้านเกาไป แล้วเธอก็มองสำรวจไปทั่วห้อง "คุณนายจาง รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ?" เสิ่นเฟิงเจี้ยคุณหมอประจำตระกูลจางเห็นท่าทางไม่ดีของหลินเสี่ยวเหยา จึงได้เอ่ยถามออกมา "มึนหัวนิดหน่อยค่ะ นอนพักสักครู่ก็คงดีขึ้น" นภาในร่างของหลินเสี่ยวเหยากล่าวออกมา ทุกคนในห้องจึงได้ออกจากห้องไป เมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้ว เธอจึงได้ล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วก็ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เจ้าของร่างนี้ชื่อหลินเสี่ยวเหยา เป็นภรรยาของ 'จางเหวินชิง' ผู้นำตระกูลจางผู้ที่ร่ำรวยและยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเฉิงตู ภายนอกผู้คนต่างอิจฉาหลินเสี่ยวเหยา แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังนั้น เธอต้องทนทุกข์มากขนาดไหน จนต้องใช้ยาระงับประสาท และเมื่อวานนี้เธอก็กินมันจนเกินขนาด ส่งผลให้หัวใจของเธอหยุดเต้นจนเสียชีวิต วิญญานหลุดลอยออกจากร่างไปยังยมโลก ส่วนนภานั้นก็หัวใจล้มเหลวจากการกินยาแก้ปวดเกินขนาด ในโลกของเธอตอนนี้เธอก็ได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน แต่พญายมบาลคงจะเห็นใจที่เธอสูญเสียลูกชายและสามีสุดที่รักไป จึงได้ให้เธอมาเกิดใหม่ในร่างของหลินเสี่ยวเหยาคนนี้ ในโลกคู่ขนานแห่งนี้ เธอเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเอง เคยอ่านเจอแต่ในนิยาย แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็คงได้แต่ดำเนินชีวิตต่อไปเท่านั้น นภาบอกกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เธอหยิบรูปของหลินเสี่ยวเหยาที่ถ่ายคู่กับเด็กคนหนึ่ง นภาจ้องใบหน้าของเด็กชายในรูป น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาทันที เพราะเด็กชายในรูปนั้นอายุเท่ากับลูกชายของเธอ อาการโศกเศร้าแล่นขึ้นมาจุกอกของเธอทันที "จางเจ้าเหวิน" เธอพึมพำออกมาพลางคิดในใจ เด็กน้อยน่ารักขนาดนี้ หลินเสี่ยวเหยายังทำผิดต่อลูกชายได้ แค่ผู้ชายคนเดียวทำให้ชีวิตของเธอต้้องพังขนาดนี้เลยหรือ ?" หลินเสี่ยวเหยาเองก็คงจะรู้สึกได้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต จึงคิดอยากจะแก้ไขเรื่องราวทุกอย่าง ด้วยจิตใจอันแน่วแน่ เทพเจ้าแห่งความตายถึงได้ให้โอกาสเธอ โดยการส่งวิญญานของนภามาเกิดในร่างของหลินเสี่ยวเหยา นภาเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ที่เธอได้มาอยู่ในร่างนี้ ก็เพราะว่าพญายมบาลต้องการให้เธอมาอยู่กับซาลาเปาน้อยคนนี้นั่นเอง และคอยปกป้องดูแลเขาในฐานะแม่ ที่เจ้าของร่างเดิมไม่เคยทำเลย เธอสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก และบอกกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เธอคือหลินเสี่ยวเหยา เธอจะทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด และสำคัญความสุขของจางเจ้าเหวินลูกชายของเธอต้องมาก่อน หลินเสี่ยวเหยาคนใหม่จึงลุกขึ้น เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องครัว "คุณนาย ?" เกาถานเอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าหลินเสี่ยวเหยาเดินเข้ามาในครัวด้วยตัวเอง "เอ่อ..แม่บ้านเกา พอจะมีอะไรให้ฉันรองท้องไหมคะ ?" "มีค่ะ..ข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ เชิญคุณนายนั่งก่อนเดี๋ยวฉันไปตักมาให้" "ขอบคุณค่ะ" นภาในร่างหลินเสี่ยวเหยาจึงนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว รอสักครู่หนึ่งแม่บ้านเกาก็ยกข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ มาวางลงตรงหน้า กลิ่นหอมของข้าวต้มส่งผลให้ท้องของเธอร้องจ๊อก ใช้เวลาไม่นานข้าวต้มชามนั้นก็หมด หลินเสี่ยวเหยารู้สึกสบายท้องเป็นอย่างมาก ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอทานข้าววันหนึ่งแทบนับเม็ดได้ เพราะห่วงว่ารูปร่างของเธอจะไม่ถูกใจจางเหวินชิงผู้เป็นสามี "เหวินชิง รูปร่างของฉันเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ฉันไดเอ็ทอยู่ ?" "ไม่เกี่ยวกับฉัน" เป็นคำตอบจากจางเหวินชิง แม้ว่าหลินเสี่ยวเหยาจะหน้าชา แต่ทว่าเธอก็ยังคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าสักวันเขาจะเห็นความตั้งใจและความรักของเธอที่มีให้เขา เมื่อคิดมาถึงตรงนี้นภาผู้อยู่ในร่างของหลินเสี่ยวเหยา ก็ได้แต่คิดหัวเราะเยาะให้กับความโง่เขลาของเจ้าของร่างในอดีต แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อเธอมาอยู่ที่นี่แล้ว เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เหมาะสมและควรจะอยู่ในเส้นทางของมัน "แม่บ้านเกาคะ ช่วยบอกคนขับรถให้หน่อยค่ะ ฉันจะไปรับจ้าวเหวินที่โรงเรียน" ราวบ่ายสามโมงหลินเสี่ยวเหยาก็ได้บอกกับแม่บ้าน ซึ่งพอแม่บ้านได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการแปลกใจ "อะไรนะคะ คุณนายจะไปรับคุณหนูที่โรงเรียน ?"หนึ่งเดือนต่อมา จางเหวินชิงกับหลินเสี่ยวเหยาได้มาเที่ยวที่ต่างประเทศด้วยกันลำพังสองคน ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองให้โอกาสกันและกันดู แล้วก็ลองศึกษาดูนิสัยใจคอกันใหม่ด้วย ซึ่งคุณย่าทวดและจางจ้าวเหวินต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับทั้งคู่โดยก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะเดินทางมาต่างประเทศ คุณย่าทวดก็ได้กำชับหนักแน่นว่าให้หลินเสี่ยวเหยารีบมีน้องของจางจ้าวเหวินเร็ว ๆ และพอบอกเรื่องนี้กับเจ้าตุ้ยนุ้ย เด็กน้อยก็เฝ้ารอคอยน้องชายกับน้องสาวอยู่ตลอดเวลา"เหวินชิง คุณดูนั่นสิ"หลินเสี่ยวเหยาชี้ชวนให้จางเหวินชิงดูกุหลาบแดงช่อใหญ่ ที่วางขายอยู่ตรงริมฟุตบาท เขามองดูเธอด้วยสายตารักใคร่ เพราะเธอทั้งสดใสน่ารักและก็ไม่ใช่คนเอาแต่ใจอย่างที่ผ่านมาเลย "อยากได้เหรอ ?"เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับจูงมือเธอพาเดินไปที่กุหลาบสีแดงช่อนั้น "อืม..ก็มันทั้งสวยแล้วก็หอมด้วย"เธอตอบเขาพลางก้มลงมองกุหลาบช่อนั้นใกล้ ๆ จางเหวินชิงจึงถามราคาจากคนขายแล้วก็จ่ายเงิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งกุหลาบแดงช่อนั้นให้เธอ หลินเสี่ยวเหยารับมันมาถือเอาไว้แนบอก ก้มลงดอมดมกลิ่นหอมของมัน"ขอบคุณมากค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณเขาออกมาด้วย
ในตอนเช้าหลินเสี่ยวเหยางัวเงียตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของจางเหวินชิง จึงรีบขยับตัวเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของเขา "จะรีบลุกไปไหน ยังเช้าอยู่เลย ?"แต่ว่าจางเหวินชิงกลับไม่ยอมปล่อย เขากลับกอดกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดตัวเธอให้แน่นขึ้น "คุณ..ปล่อยนะ"เธอบอกเขาเสียงห้วน สายตามองหาร่างอ้วนกลมของลูกชาย ก็พบว่าจางจ้าวเหวินนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง"เมื่อก่อนคุณรังเกียจฉันอย่างกับอะไรไม่ใช่หรือไง ?"จบประโยคของเธอ จางเหวินชิงจึงได้คลายอ้อมแขนออก สายตามีแวววูบไหวอยู่ในนั้น แต่หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้สนใจท่าทางของเขา ปีนลงจากเตียงและไปปลุกลูกชายให้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนจางเหวินชิงจึงได้ลุกขึ้น เขากลับไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องนอนของตัวเอง และไปนั่งรอสองแม่ลูกที่โต๊ะทานข้าว"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?"คุณย่าเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าวันนี้เขาใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีเทาแขนยาวแล้วก็กางเกงสแล็คสีกรมท่า ไม่ใช่ชุดสูทสำหรับไปทำงาน"ผมจะไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของจ้าวเหวินครับ""คุณย่าไปด้วยไหมครับ ?"จางจ้าวเหวินเดินเข้ามาพร้อมแม่ ทันได้ยินที่คุณย่าคุยกับพ่อ เขาจึงชวนท่านไปด้วย "ไม่ล่ะ หนูไปกับคุณพ่อค
"ฉันคุยกับคุณย่าแล้ว ท่านไม่มีปัญหาค่ะ รอแค่เราสองคนพร้อมเท่านั้น ท่านเคารพการตัดสินใจของเรา"คำพูดของหลินเสี่ยวเหยาสะท้อนกลับไปกลับมาในโสตประสาทของจางเหวินชิง จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากหย่ากับเธอขึ้นมา ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยจะว่าไปแล้วที่หลินเสี่ยวเหยามีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ทั้งตามหึงหวง เหวี่ยงวีนผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ความผิดส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเขาเอง เขาไม่เคยให้เกียรติเธอในฐานะภรรยา เย็นชาและไม่เคยพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง แถมยังท้ทเธอหย่าเกือบทุกวัน จนเธอต้องสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่พอมาวันนี้เธอหยุดทำแบบนั้นและเป็นคนเอ่ยปากเรื่องหย่าขึ้นมาเองเขากลับรู้สึกเจ็บจางเหวินชิงยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก อยากจะข่มตาให้นอนหลับ แต่มันก็หลับไม่ลง เขาเลื่อนมือลงไปลูบตรงสะบักเอวของตัวเองเบา ๆ'ไตของเธอข้างหนึ่งอยู่กับเขา'หลินเสี่ยวเหยาคงรักเขามากจริง ๆ แม้แต่อวัยวะในร่างกายยังยอมเสียสละให้เขาได้ นี่เขาตามืดบอดมองไม่เห็นความรักของเธอได้ยังไงกัน แต่กับกู่เยี่ยนถิงเขากลับหลงเชื่อและงมงาย คิดว่าเธอรักเขาจริง ๆ แต่แท้จริงแล้วเธอวางแผนทุกอย่างเพื่อใช้เขาเป็นสะพานไปสู่ความต้
หลังจากเรื่องของกู่เยี่ยนถิงผ่านไป ถึงแม้ว่าความจริงทุกอย่างจะเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินเสี่ยวเหยาและจางเหวินชิงก็ไม่ได้ดีขึ้นจากแต่ก่อนเลยหลินเสี่ยวเหยาโกรธที่จางเหวินชิงไม่ยอมจัดการตอนที่รู้ว่ากู่เยี่ยนถิงปองร้ายจางจ้าวเหวิน ส่วนตัวจางเหวินชิงนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ เกิดขึ้นมา รวมทั้งเรื่องที่ความจริงแล้ว คนที่มอบไตให้เขาก็คือหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่กู่เยี่ยนถิงด้วยจางเหวินชิงกินนอนที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่ เขาแทบไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์เลย แม้แต่คุณย่าเองที่เมื่อก่อนจะเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้าน มักจะคอยโทรตามขอร้องกึ่งบังคับให้เขากลับ แต่ตอนนี้ท่านกลับไม่ทำแบบนั้นเลย"พ่อคร้าบบ"วันนี้เป็นวันเสาร์ จางจ้าวเหวินไม่ได้ไปโรงเรียน เขาจึงมาหาจางเหวินชิงที่บริษัท เนื่องจากว่าพ่อไม่กลับบ้านนานนับเดือนแล้ว เจ้าตุ้ยนุ้ยคิดถึงพ่อมาก จึงขอให้แม่พาเขามา "จ้าวเหวิน มาได้ยังไง ?"ร่างอ้วนกลมของจางจ้าวเหวินวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องทำงาน จางเหวินชิงก้าวยาว ๆ ไปหาลูกชาย แล้วก็ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตุ้ยนุ้ยขึ้นมา เขากอดคอพ่อเอาไว้แล้ว
ราว ๆ ห้าโมงเย็นจางเหวินชิงก็กลับมาถึงคฤหาสน์ เขารีบเดินเข้าไปในห้องรับแขก เพราะเกาถานแจ้งว่า กู่เยี่ยนถิงอยู่ที่นั่น"เยี่ยนถิง คุณมาทำไม ?"เขาถามเธอออกไปด้วยความโมโห แล้วก็กระชากแขนเธอให้ลุกขึ้น"ก็คุณไม่ยอมไปหาฉัน พอฉันไปหาคุณที่บริษัทคุณก็ไล่ฉันกลับ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณโกรธฉันเรื่องอะไร ?"กู่เยี่ยนถิงถามเขาเสียงเครือ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาคลอหน่วย "เยี่ยนถิง เพราะอะไรคุณรู้ดีที่สุด"จางเหวินชิงบอกกับเธอเสียงเย็นชา กู่เยี่ยนถิงชะงักไป อย่าบอกนะว่าเขารู้อะไรมา แต่ว่าเธอก็ยังคงบีบน้ำตาและถามเขาออกมาเสียงสั่น ดูช่างน่าสงสาร"รู้อะไรคะ ?""เลิกเสแสร้งเถอะ ผมรู้เรื่องหมดแล้วทั้งเรื่องที่คุณวางยาจ้าวเหวินเพื่อจะโยนความผิดให้เสี่ยวเหยา แล้วก็ที่คุณวางยาเดวิด เพราะว่าคุณเป็นคนสั่งให้เขามาจับตัวเสี่ยวเหยา คุณย่าและจ้าวเหวิน"เขาพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ย้ำชัด ๆ ให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ยิน แต่ว่ากู่เยี่ยนถิงกลับปฏิเสธ"ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แม้แต่มดสักตัวฉันยังไม่เคยฆ่า แล้วฉันจะวางยาเดวิดกับลูกชายคุณได้ยังไง !?""คุณหยุดพูด และกลับไปเสียเถอะแล้วก็อย่ามายุ่งกับผมอีก ผมไม่
"เหวินชิงคะ"กู่เยี่ยนถิงมาดักรอพบเขาที่บริษัท แต่ว่ารปภ. ไม่ยอมให้เธอเข้าไปเพราะจางเหวินชิงสั่งเอาไว้ เธอไม่มีข้ออ้างแล้วด้วยเพราะงานถ่ายแบบที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับจางกรุ๊ปนั้นถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงหวานทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถ กู่เยี่ยนถิงมารอเขาที่ลานจอดรถตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะว่าจางเหวินชิงไม่ยอมไปหาเธอเลยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวคนในครอบครัวเขา พอเธอโทรหาและถาม เขาก็บอกว่างานยุ่ง"เยี่ยนถิง มาทำไม ?"น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยออกมานั้น กู่เยี่ยนถิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน แม้จะโกรธแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ เอ่ยบอกเขาเสียงอ่อนหวาน"ฉันคิดถึงคุณ"พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้เพื่อจะเกาะแขนเขา แต่จางเหวินชิงสะบัดแขนออก"กลับไปเถอะเยี่ยนถิง แล้วก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก""อะไรกันคะเหวินชิง ทำไมพูดแบบนี้ คุณโกรธเรื่องอะไร ?"เธอรีบถามเขาเสียงแผ่ว น้ำตารื้นขึ้นมาทันที สบตากับเขาใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเจ็บปวดนักหนา ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน จางเหวินชิงจะรีบกอดและเอ่ยปลอบใจเธอทันที แต่ว่าวันนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น"คุณกลับไปเถอะ"เขาพูดเพ