Share

บทที่2 ดาวพิฆาตไท่จื่อ

last update Last Updated: 2025-09-16 17:14:59

ทั่วทั้งเมืองหลวงเมื่อลองนับดูแล้ว คงมีเพียงสองคนเท่านั้น ที่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเสิ่นอวี้เจาได้ คนแรกคือองค์ชายห้าฉู่หยุนชิง ส่วนอีกคนคือ องค์รัชทายาทฉู่มู่ฉือ

สำหรับคนแรกนั้นเป็นความลับของเสิ่นอวี้เจา จึงยังไม่ต้องพูดถึงในตอนนี้ ส่วนคนหลังกลับกลายเป็นคนที่นางนับว่าเป็นศัตรูโดยแท้ ว่ากันว่าโชคชะตาของฉู่มู่ฉือนั้นแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในวังหลวง เพราะมีข่าวลือว่าตั้งแต่แรกเกิด องค์รัชทายาทก็ทำให้ ฮองเฮาต้วนฮุ่ย ต้องสิ้นพระชนม์จากการคลอดยาก หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็ลื่นล้มขาหักโดยไม่ทราบสาเหตุ บ่าวไพร่ที่รับใช้ใกล้ชิด ก็ล้วนมีอันเป็นไปในหลากหลายรูปแบบ กล่าวได้ว่าเพียงแค่ได้ยินชื่อก็เศร้าใจ พอได้เห็นก็ยิ่งอยากร้องไห้

ถึงกับมีการเชิญนักพรตชื่อดังที่สุดในเมืองหลวงมาเข้าวัง นักพรตได้ประกาศว่า โชคชะตาขององค์รัชทายาทคือดาวพิฆาต ที่ปรากฏครั้งหนึ่งในรอบร้อยปี ใครที่อยู่ใกล้จะโชคร้าย แต่งงานยาก ทำลายครอบครัว สร้างความบาดหมางกับพี่น้อง หากไม่ใช่เพราะ พลังแห่งมังกร คุ้มครองไว้ แม้แต่ฮ่องเต้เองก็อาจถูกดึงเข้าไปในหายนะด้วย

สำหรับเสิ่นอวี้เจา นางได้ลิ้มรสความโชคร้าย ที่ฉู่มู่ฉือนำมามากพอสมควร ตั้งแต่วัยเด็กที่นางฝึกวรยุทธ์กับเหล่าองค์ชาย ทุกคนล้วนอยู่ร่วมกันได้ดี ยกเว้นแต่ไท่จื่อ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว เหตุร้ายก็ต้องตามมาไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ที่หักตอนปีนเก็บไข่นก ม้าท้องเสียกลางคันตอนซ้อมยิงธนู หรือแม้กระทั่งจดหมายรัก ที่นางเขียนถึงองค์ชายห้า กลับไปตกอยู่ในมือของฉู่มู่ฉือ เขาอ่านออกเสียงต่อหน้าทุกคน ด้วยน้ำเสียงเนิบช้าเหมือนจะยั่วโมโห

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่วัยเยาวน์ เสิ่นอวี้เจาจึงเกลียดฉู่มู่ฉือจนถึงกระดูกดำ เมื่อโตขึ้น ความเกลียดชังนี้ก็ไม่ลดลงเลย แถมกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ตำหนักเสิ่งจุ่ย

"อวี้เจา ไม่ว่าอย่างไร มู่ฉือก็ยังเป็นลูกแท้ๆ ของข้า ถึงเจ้าไม่อยากยุ่งด้วย อย่างน้อยก็ควรเห็นแก่หน้าข้าบ้าง"

ขณะนั้น เสิ่นอวี้เจานั่งอยู่ในท้องพระโรง กำลังปอกแอปเปิ้ลด้วยท่าทางสบายๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นชิ้นแอปเปิ้ลป้อนให้ฮ่องเต้อย่างไม่คิดมาก

"ก็เพราะเห็นแก่หน้าฝ่าบาท หม่อมฉันถึงได้อดกลั้น ไม่ถือมีดไปเชือดเขาเสียก่อน เดือนที่แล้วไท่จื่อยังส่งหีบใส่หนูตายมาเย้ยถึงตำหนัก ฮ่องเต้ทรงบอกได้หรือไม่ เรื่องนี้ควรแก้ไขอย่างไรดี"

ฮ่องเต้รีบถามด้วยสีหน้ากังวล "เจ้าไม่ได้ตกใจกลัวใช่หรือไม่?"

"หม่อมฉันมิได้ตกใจ" นางส่ายหน้าอย่างใจเย็น "แต่สั่งให้ห้องเครื่องทำอาหารจากหนูพวกนั้น แล้วส่งกลับไปให้ตำหนักองค์รัชทายาท ได้ยินว่าเขาชอบมากทีเดียว"

ทันทีที่ได้ยิน ฮ่องเต้ก็ทำหน้าเหมือนจะอาเจียน ก่อนจะรีบยกชาขึ้นจิบแก้อาการสะอึก "มู่ฉือขาดความอบอุ่นจากมารดา จึงมีพฤติกรรมแปลกๆ เจ้าก็เห็นใจเขาหน่อยเถิด"

"ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง พฤติกรรมไท่จื่อไม่ได้แปลกแต่อย่างไร หม่อมฉันเรียกพฤติกรรมนั้นว่า ไร้ยางอาย ถ้ามีการจัดอันดับความไม่เหมาะสมแล้ว หม่อมฉันคิดว่าไท่จื่อต้องได้อันดับหนึ่งแน่นอน"

"เจ้าพูดเช่นนี้ กำลังกล่าวหาว่าข้าไร้ความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรธิดาหรือ อวี้เจาเจ้านี่มิรู้จักเกรงกลัวบ้างเลย"

เสิ่นอวี้เจาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ฝ่าบาททรงคิดถูกแล้ว ล้มเหลวก็ควรยอมรับว่าล้มเหลว หม่อมฉันกล่าวผิดหรืออย่างไร"

"..." ฮ่องเต้น้ำตาไหลพราก ใต้หล้านี้คงมีแค่เสิ่นอวี้เจาผู้เดียว ที่กล้าต่อปากต่อคำกับองค์จักรพรรดิ์ผู้เกียงไกร!

"เช่นนั้นฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันมา เพื่อปรึกษาเรื่องการอบรมองค์ไท่จื่อใช่หรือไม่?"

"จริงๆ แล้ว ข้าแค่ต้องการบอกเจ้าว่า ข้าจะอนุมัติการลาที่เจ้าร้องขอก็เท่านั้น"

เสิ่นอวี้เจารู้จักนิสัยของฮ่องเต้เป็นอย่างดี นางจึงไม่กล่าวขอบคุณ แต่กลับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่ง "ฝ่าบาทมีอะไรอยากพูดก็พูดเถิด คิดว่าหม่อมฉันมองมิออกหรือ"

คำพูดตรงไปตรงมานั้นทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งเล็กน้อย สีหน้าของพระองค์ยิ่งดูกระอักกระอ่วนขึ้นไปอีก ทรงทำทีเป็นครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะอ้ำอึ้งกล่าวว่า "ถ้าจะลาพัก ก็ควรทำบางอย่างก่อนมิใช่หรือ?"

"ตราบใดที่ไม่เกี่ยวกับองค์รัชทายาท หม่อมฉันก็อาจพิจารณา"

ทันใดนั้น ใบหน้าหล่อเหลาและได้รับการดูแลอย่างดีของฮ่องเต้ ก็เหมือนโดนบีบให้ยับยุ่ง ทรงแสร้งทำเป็นโศกเศร้า เอามือจับหน้าผากไว้ "เจ้าตัดทางถอยของข้าเสียสิ้นเช่นนี้เชียวหรือ อวี้เจา ใยเจ้าใจร้ายกับข้าเช่นนี้เล่า ข้าเป็นถึงฮ่องเต้ของแผ่นดิน เจ้าไม่มีท่าทางนอบน้อมก็แล้วไป แต่ทำเช่นนี้มิเกินไปหน่อยหรือ"

ดูเหมือนเรื่องที่ต้องพูดคุยนั้นจะวนกลับมาที่ฉู่มู่ฉืออีกแล้ว

ใบหน้าเย็นชาของเสิ่นอวี้เจาไม่มีแววอารมณ์ใดๆ นางยังคงปอกผลไม้อย่างช้าๆ ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้พูด

"อวี้เจา อา...อวี้เจาตัวน้อยของข้า"

"ฝ่าบาท อายุอานามปูนนี้แล้ว อย่าทรงทำเช่นนี้เลย" นางพยายามพูดเตือนสติ ให้ฮ่องเต้เลิกคิดฝันลมๆ แล้งๆ "ถ้าหากคิดจะจับคู่ให้องค์รัชทายาท ก็ขอให้ทรงล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย เพราะไท่จื่ออาจต้องจบชีวิตอย่างเดียวดาย หม่อมฉันมีสามัญสำนักมากพอ ไม่ปล่อยให้เขาไปเหยียบย่ำชีวิตหญิงบริสุทธิ์"

ฮ่องเต้ทรงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "ตอนนี้เขาเอาแต่แอบหยอกล้อกับนางกำนัลในวัง แถมยังไปเที่ยวคณะแสดงร้องรำในเมือง เจ้าควรช่วยเฟ้นหาพระชายาให้เขาเสียแต่เนิ่นๆ สอนให้เขารู้จักเหยียบย่ำแค่คนคนเดียวก็พอ จะได้ถือว่าเป็นการช่วยกำจัดภัยให้ปวงประชา!"

"ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ ว่ากำลังตรัสเรื่องเหลวไหลอยู่”

ความเสี่ยงในตัวฉู่มู่ฉือแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก ไหนจะโชคชะตาแบบดาวหางที่ใครเข้าใกล้ต้องพบภัย การช่วยจับคู่ให้เขาก็เหมือนฆ่าคนให้ตาย ถ้าไม่ระวังตัวดีๆ อาจถูกฟ้าผ่าได้

"เจ้าอยากช่วยข้าหรือไม่?" ฮ่องเต้ที่เอ็นดูนางมาก ในที่สุดพูดเสียงอ้อน อำนาจราชวงศ์ที่เคยยิ่งใหญ่กลับดูไร้ค่าเมื่อเทียบกับความสุขของไท่จื่อ "ลองสักครั้ง ลองดูสักครั้งเถิด ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือต้องลอง! ตราบใดที่เจ้าตกลง ข้าจะให้ทุกอย่างตามที่เจ้าขอ!"

เสิ่นอวี้เจายกมือขึ้นจับคางพิจารณาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเนิบนาบ "หม่อมฉันมีความรู้สึกว่า ตำหนักชิวสุ่ยคับแคบเกินไป อยู่แล้วไม่ค่อยสบายตัว..."

"ได้ๆ ข้าจะซ่อมแซมให้ จนกว่าจะทำให้เจ้าพอใจ!"

"และระหว่างรอซ่อมแซม สถานที่พักของหม่อมฉันก็ต้องไม่ธรรมดา อย่างน้อยต้องเทียบเท่ามาตรฐานของวังหลวง" ไม่ว่านางจะแกล้งขู่หรือรีดไถอย่างไร ก็ยังรักษาท่าที "เพื่อความสุขของฝ่าบาท หม่อมฉันยอมทำทุกอย่างให้ลุล่วง" ใบหน้าเย็นชาทำให้ดูน่าเชื่อถือ แม้นางจะพูดเหลวไหลหรือเรียกราคาสูงลิ่ว ก็ไม่เคยหน้าแดงหรือหลุดหัวเราะ

ฮ่องเต้ผู้เคารพนางอย่างจริงใจ ไม่ใส่ใจว่าจะเรียกร้องเกินไปแค่ไหน ทรงตอบตกลงทันที "ข้ารับรองว่าจะหาตำหนักที่ดีที่สุดให้เจ้าอยู่ชั่วคราว!"

"ถ้าฝ่าบาทมีความจริงใจเช่นนี้ หม่อมฉันก็ไม่มีทางปฏิเสธ รอย้ายออกจากชิวสุ่ยก่อน แล้วจะจัดการเรื่องคู่ครองให้รัชทายาทเอง ฝ่าบาทโปรดวางใจ"

"เจ้านี่แหละบุตรสาวที่ดีที่สุดของข้า!"

นี่คงเรียกได้ว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" ด้วยบิดาที่ไร้ยางอายอย่างฮ่องเต้ คงแปลกหากจะมีลูกหลานที่คนทั่วไปไว้ใจได้ ฉู่มู่ฉือคือหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เสิ่นอวี้เจาเคยเดาเล่นๆ ว่าบางทีฮ่องเต้อาจแต่งตั้งฉู่มู่ฉือเป็นรัชทายาท เพื่อระลึกถึงฮองเฮาต้วนฮุ่ย หรือเพราะคุณสมบัติพิเศษอย่าง "ใครเข้าใกล้ต้องตาย" หากมีศึกสงครามเกิดขึ้นในอนาคต ฉู่มู่ฉืออาจสามารถแก้ไขปัญหาด้วยการเดินออกไปแนวหน้า กอดศัตรูเล็กน้อย หรือถ้าจำเป็นก็มอบจุมพิตให้ แน่นอนว่าศัตรูทุกคนจะยอมจำนนทันที

แม้แต่ในสงครามระหว่างสองแคว้น ถ้าให้เขาไปเพียงตัวเปล่า ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน ประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการเลี้ยงกองทัพแสนคน แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดเล่นๆ ระหว่างวันที่เบื่อหน่าย ตอนนี้นางเพียงรอให้ฮ่องเต้เตรียมที่พักใหม่

เงื่อนไขถูกระบุชัดเจน หากโชคดีพอ นางอาจได้ไปอยู่ในตำหนักขององค์ชายห้า การได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับคนที่นางพึงใจ มองใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาทั้งเช้าและเย็น เพียงแค่คิดก็ทำให้หัวใจเต้นรัว

แต่ดูเหมือนว่าเจียงเฉินจะดับความฝันของนางเสียก่อน

"ท่านหญิง ตำหนักชิวสุ่ยจะเริ่มซ่อมแซมในวันพรุ่งนี้ คนที่มาช่วยย้ายสัมภาระ รออยู่ที่ประตูหลังแล้วขอรับ"

"ข้าได้ไปอยู่ตำหนักไหนหรือ?"

นางเพียงถามเล่นๆ แต่เจียงเฉินดูเหมือนมีอะไรติดคอ ลังเลอยู่นานก่อนจะตอบตะกุกตะกักด้วยเสียงแผ่วเบา "...ตำหนักองค์รัชทายาทขอรับ"

"...พูดอีกครั้งสิ ใครนะ?"

"คือ...คนจากจวนไท่จื่อขอรับ"

คำตอบครั้งนี้ไม่ใช่คำที่ฟังแล้วรื่นหู ชาร้อนที่เพิ่งชงสดถูกเขวี้ยงออกจากมือทันที ถ้าเจียงเฉินไม่ไวพอที่จะหลบเอียงตัวในเวลาที่เหมาะสม คงถูกชาในถ้วยราดรดบนใบหน้าของเขา โชคดีที่หลบได้ทัน แต่ความร้อนก็ทำให้เขากระโดดถอยหลังไปไกลถึงสามศอกในทันที

เสิ่นอวี้เจาลุกขึ้นยืนอย่างไร้อารมณ์บนใบหน้า หยิบกรรไกรจากกล่องเย็บผ้าข้างตัวอย่างไม่รีบร้อน แม้ว่าท่าทีของนางจะดูสงบนิ่งดั่งสายน้ำ แต่ใครๆ ก็เดาได้ว่านางกำลังหาเรื่องสร้างปัญหา

"ท่านหญิง! โปรดใจเย็น! ท่านไม่สามารถละเมิดกฎหมายของแคว้นฉีได้!"

เพียงชั่วพริบตาเสียงร้องขอชีวิตที่น่าเวทนา เหมือนเสียงหมูถูกเชือดก็ดังมาจากด้านนอก เจียงเฉินลูบใบหน้าหล่อเหลา ที่เกือบถูกเฉือนออกด้วยความรู้สึกหมดหวัง

ไม่มีคำพูดใดอธิบายความโกรธของเสิ่นอวี้เจาได้ ณ เวลานั้น นางไม่เคยคิดมาก่อน ว่าถูกวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นโดยฮ่องเต้ผู้นั้น

ซ่อมแซมตำหนักชิวสุ่ย? ใช่แล้ว

หาที่พักชั่วคราวที่มีมาตรฐานเท่ากับวังหลวง? ก็ใช่อีก

แต่สุดท้ายฮ่องเต้กลับยัดนาง เข้าไปอยู่ในจวนขององค์รัชทายาท!

-------------------------------------

แม่สื่อผู้เย็นชาราวน้ำแข็ง มีหรือจะสู้ฮ่องเต้เจ้าแผนการได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่48 ช่วยคนตกน้ำ

    "เหตุใดเจ้าจึงมายืนเพียงลำพัง?""ออกมารับลม" นางตอบอย่างเป็นธรรมชาติ "ที่นี่เย็นสบายและเงียบสงบ อีกทั้งเมื่อครู่องค์หญิงดื่มไปหลายจอก เอะอะโวยวายอยู่ข้างหูตลอดเวลา หม่อมฉันกลัวว่านางจะหาเรื่องทำอะไรแปลกๆ อีก"ฉู่มู่ฉือหัวเราะเบาๆ "ข้าก็ทนเสียงอึกทึกไม่ไหวเช่นกัน เลยตั้งใจจะมาบอกเจ้าสักคำ ใครจะคิดว่าเพียงหันไปมองอีกที เจ้ากลับหายตัวไปเสียแล้ว"เสิ่นอวี้เจาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "หม่อมฉันต้องอาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันสังเกต ถึงจะแอบออกมาได้ ไม่เช่นนั้นพวกนั้นคงร่วมมือกันกดหม่อมฉันลงพื้นแน่ๆ"ไท่จื่อหัวเราะลึกกว่าเดิม ขณะที่กำลังจะเอ่ยแซวนางต่อ กลับอยู่ๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับก้มตัวลงใช้มือกดที่ท้องของตนเอง"อย่าบอกนะว่าฝ่าบาททรงปวดกระเพาะอีกแล้ว?" นางรีบเข้ามาพยุงเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล "พวกนั้นนี่จริงๆ เลย ให้ฝ่าบาทดื่มเรื่อยๆ แบบนั้น ใครจะทนไหว?""เจ้าดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ ช่างพูดจายืดยาวขึ้น นับเป็นเรื่องแปลกจริงๆ" เขาพิงตัวกับราวเรือ มืออีกข้างกอดนางเอาไว้พร้อมพูดเสียงต่ำ "ไม่ต้องห่วงมาก แค่เจ้าช่วยนวดให้สักหน่อยก็หายแล้ว"ริมฝีปากของฉู่มู่ฉือเผยรอยยิ้มแบบออดอ้อน จนทำให้นางอ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่47 เดินทางไปเจียงหนาน

    "ฝ่าบาทคิดซื้อของพรรค์นี้มาได้อย่างไร...""เพราะต่างหูของเจ้าเริ่มเก่าแล้ว" เขาพูดเสียงดังฟังชัด "ต่างหูหยกหุ้มทองที่เจ้าใส่มันเก่ามาก อย่าใส่มันอีกเลย ถอดออกเถอะ"เสิ่นอวี้เจาเริ่มเข้าใจ ของตอบแทนอะไรกัน! คนผู้นี้ก็แค่หึงที่นางใส่ต่างหูที่ฉู่หยุนชิงเคยให้มาต่างหาก!"หม่อมฉันแทบไม่เคยซื้อเครื่องประดับ ฝ่าบาทก็ทราบอยู่แก่ใจ" นางปรายตามองเขา ท่าทีงดงามจนใจคนสั่นไหว แฝงด้วยอารมณ์น้อยใจเล็กๆ"ที่หม่อมฉันใส่ก็แค่เพราะไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นของที่องค์ชายห้าให้มา"ฉู่มู่ฉือพยักหน้าอย่างจริงจัง "ข้าเข้าใจดี""จริงหรือ?""ก็ได้ ข้ายอมรับ" เขายิ้มพลางยกต่างหูขึ้นมาระดับสายตานาง "แค่เห็นเจ้าสวมของที่น้องห้าให้ ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ" แววตาของเขาอ่อนโยนยิ่งขึ้น "แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ข้าอยากให้เจ้าสวมสิ่งที่ข้ามอบให้ อยากให้บนตัวเจ้ามีแต่ของๆ ข้าเท่านั้น"

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่46 รบเร้า

    ทว่าความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดตื้นเกินไป นิสัยติดตามของฮ่องเต้ จะปล่อยให้คนหนีรอดไปง่ายๆ ได้อย่างไร?หลังปฏิเสธไปเมื่อวาน เช้าวันนี้กองทัพใหญ่ก็มาถึงประตูจวนแล้วฉู่ซั่วกู่ยังมาไม่ถึง แต่เสียงเขาลอยมาก่อน "พี่สาม! ท่านหญิงเสิ่น! ได้ยินมาว่าพวกท่านไม่มีแผนจะไปเจียงหนานหรือ? ที่นั้นงดงามมาก แสงอาทิตย์ยามเช้า ส่องสะท้อนดอกท้อแดงระยับบนผืนน้ำ ท้องฟ้าช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิร่วงโปรยเหมือนสายฝน กลายเป็นพรมชมพูปกคลุมผืนดิน ช่างเหมาะแก่การพูดคุยเรื่องรักใคร่ยิ่งนัก! ทุกคนตกลงไปกันหมดแล้ว เหลือแต่พวกท่าน ไม่รู้สึกอึดอัดในใจบ้างหรือ?"คำพูดยังไม่ทันจบถ้วยน้ำชาก็ลอยมาตรงหน้าผากฉู่ซั่วกู่ ฉู่มู่ฉือเดินออกมาด้วยใบหน้าขุ่นเคืองจ้องเขาเขม็ง"เช้าตรู่เช่นนี้ใยมาส่งเสียดังเอะอะ! นิสัยพูดมากของเจ้าถ้าไม่เลิก วันหน้าข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่พบ!""เพราะนิสัยพูดมากของข้าอย่างไรเล่า เสด็จพ่อจึงให้ข้ามาโน้มน้าวพี่สามกับท่านหญ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่45 ศึกษาดูใจ

    ฮ่องสร้างภาพลักษณ์ "จักรพรรดิผู้ทรงธรรม" ให้กับตนเองได้สำเร็จ จนกล่าวได้ว่าการกระทำของพระองค์นั้น "ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว" แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทราบดีว่า พระองค์ช่างไร้ยางอายถึงเพียงใด จนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพระองค์ถึงให้กำเนิดโอรสอย่างฉู่มู่ฉือและฉู่ซั่วกู่ได้ผลสรุปของการคัดเลือกบรรดานางสนมในครั้งนี้ คือตกม้าตายกันทั้งขบวน แม้เรื่องราววุ่นวายนั้นจะเป็นที่กล่าวขาน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับข่าวการหมั้นหมายกันระหว่างฉู่มู่ฉือและเสิ่นอวี้เจา ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ที่ยิ่งทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงยิ่งกว่าแม้แต่องค์หญิงฉู่เหม่ยหลินเองก็ยังงุนงง เมื่อเห็นเสิ่นอวี้เจาที่อยู่ๆ กลับไปปรากฏตัวในตำหนักของรัชทายาท นางคิดในแง่ร้ายว่าไท่จื่ออาจใช้วิธีบังคับลักพาตัว แต่เมื่อรีบไปช่วยเหลือกลับพบว่า ทั้งสองนั่งจิบชาอย่างสบายใจในศาลา ชวนคุยราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"พี่หญิง! พี่ได้ยินข่าวในวังแล้วหรือไม่?""ได้ยินแล้ว" เสิ่นอวี้เจา พยักหน้ารับอย่างสงบน

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่44 คำขอโทษของไท่จื่อ

    "ค่ำคืนอากาศหนาวเย็น ฝ่าบาทรีบกลับตำหนักไปเถิด ถ้าโดนลมหนาวจนป่วย หม่อมฉันคงมิอาจรับผิดชอบได้"แม้ในใจนางจะรู้สึกว่าควรจะดีใจที่ได้เจอฉู่มู่ฉือ แต่กลับห้ามตนเองไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อเขาเอ่ยถึงฉู่หยุนชิไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตามนางอยากจะฟาดหน้าเขาสักทีทำไมถึงไม่เคยพูดจากกันดีๆ ถ้าชอบใครสักคน ต้องตามเกี้ยวแบบนี้หรือ? นางไม่ค่อยฉลาดกับความรู้สึกของตนเองเท่าไร และเขาเองก็รักอย่างโง่เง่าไม่ต่างกันแต่โชคดีที่ครั้งนี้ฉู่มู่ฉือไม่ได้ทำตัวงี่เง่าเกินไป เพราะทันทีที่นางหมุนตัว เขาก็คว้ามือของนางไว้ ใช้แรงเพียงข้างเดียวดึงเสิ่นอวี้เจาเข้ามาในอ้อมกอด"ข้าไม่หนาว แต่ถ้าท่านหญิงเสิ่นหนาว ข้ายินดีมอบอ้อมกอดอบอุ่นให้""...ขอร้องล่ะฝ่าบาท อย่าพูดอะไรน่าชวนขนลุกเช่นนี้อีกหม่อมฉันฟังแล้วไม่ชิน"คิ้วดกหนาของเขาขมวดเล็กน้อย "หรือว่าท่านหญิงเสิ่นอยากจะทะเลาะกั

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่43 แผนการสำเร็จ

    แผนนี้ได้ผลดียิ่งนักเสิ่นอวี้เจาแอบชื่นชมในความชาญฉลาดของตนเอง ก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจัง "สมแล้วที่คนไม่เหมือนชื่อ อ่อนโยนเรียบร้อย ที่แท้เป็นเพียงเปลือกนอก ต่อหน้าข้ายังเสียกิริยาเยี่ยงนี้ หากได้พบฝ่าบาทจะเป็นเช่นไร สำหรับคนที่เสียมารยาทเมื่อครู่ทั้งหมด นำตัวไปยังห้องราชกิจ รับรางวัลแล้วกลับบ้านไปเถิด"เมื่อเป็นเช่นนี้ รายชื่อหญิงงามที่เหลืออยู่จึงลดลงไปเกือบครึ่ง เสิ่นอวี้เจาพอใจกับผลงานตนเองเป็นอย่างยิ่งเมื่อสถานที่กลับมาสงบลงอีกครั้ง รอบตัวเหลือเพียงสองคน นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉู่หยุนชิง"องค์ชายห้า ข้าทำเกินไปหรือไม่?" แม้นางไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำผิดอะไร แต่ในฐานะหญิงผู้คัดเลือก เมื่อมองย้อนกลับไปยังหน้าที่ที่ตนเองทำสำเร็จ เสิ่นอวี้เจาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดช่างเหลวไหล"ตอนนี้มองดูอาจเหมือนใจร้าย แต่ภายหลังพวกนางจะรู้สึกขอบคุณเจ้า" ฉู่หยุนชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status