Share

บทที่3 เอาตนเองเข้ากับดัก

last update Last Updated: 2025-09-16 17:15:19

เพื่อระบายความคับแค้นใจ นางถือกรรไกรในมือ ตัดผมมวยของเหล่าคนรับใช้ ที่มาจากตำหนักองค์รัชทายาทซึ่งยืนเรียงรายกันอยู่หน้าประตูโดยไม่มีความลังเล เสียงร้องโอดครวญดังก้องไปทั่วบริเวณ

"ลำพังแค่รับใช้ไท่จื่อก็ลำบากกันจะแย่แล้ว คราวนี้ยังต้องมาเผชิญภัยพิบัติที่ไม่คาดคิดอีก ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน"

เสิ่นอวี้เจาเอ่ยถ้อยคำด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ประหนึ่งเหตุโกลาหลเมื่อครู่นั้นเป็นฝีมือของใครสักคนที่ผ่านมา มิใช่นางเองแม้แต่น้อย

ทว่าแม้ทุกคนจะรู้ดีว่า ใคร คือต้นเหตุของหายนะ พวกเขากลับทำได้เพียงกลืนคำไว้ในลำคอ หอบเอาความโกรธเคล้าความสิ้นหวังเก็บลงไปใต้แววตาขมขื่น

มือข้างหนึ่งลูบศีรษะเบาๆ ตรงบริเวณที่ผมบางจนนับเส้นได้ พร้อมคำถามในใจที่ไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ย

สรุปแล้วพวกข้ายังมีผมเหลืออยู่กี่เส้นกันแน่…

ชีวิตช่างยากลำบากนัก!

จนกระทั่งเสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นจากข้างหลัง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่น่าหมั่นไส้

"ฝีมือดีมาก มีเอกลักษณ์ ข้าชอบยิ่งนัก"

แน่นอนว่าเจ้าของเสียงคือ องค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ นั่นเอง!

เสิ่นอวี้เจานั้นคือสตรีผู้ใช้ชีวิตตามใจ มิใช่เพราะไร้เหตุผล หากแต่เพราะนางเชื่อมั่นในตรรกะของตนเอง และเลือกจะฟังเสียงหัวใจอย่างมีสติ ไม่ว่าจะเรื่องใด นางล้วนพินิจพิเคราะห์อย่างเป็นกลาง เช่นกรณีของฉู่มู่ฉือ…

แม้ในสายตาของนาง ชายผู้นี้จะมีคุณสมบัติบางประการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของความดีงาม แต่กระนั้น นางก็ยังต้องยอมรับอย่างหมดจดว่า รูปลักษณ์ของเขาช่างงดงามเกินต้าน มิผิดไปจากปีศาจที่แปลงกายมาในคราบมนุษย์!

หากจะมีสิ่งใดในตัวเขาที่ควรจดจำไว้ ก็คงเป็นใบหน้าหล่อเหลาและ…เท่านั้นจริงๆ

แน่นอนเป็นแค่มุมหนึ่ง นอกเหนือจากนั้นจัดว่าแย่ทุกสิ่ง

"ฝ่าบาทช่างกระตือรือร้นเสียจริง อยู่ๆ ก็อยากมาเยี่ยมชิวสุ่ยของหม่อมฉัน เช่นนั้นเข้ามาดื่มชาสักถ้วยดีหรือไม่?"

"ท่านหญิงเสิ่นเชื้อเชิญเช่นนี้ มีหรือข้าจะปฏิเสธ? เพียงแต่ว่า..." ฉู่มู่ฉือหรี่ดวงตาหงส์ยาวเรียวของตนลง ยิ้มบางอย่างมีนัยยะ "จะกรุณาวางของมีคมที่อยู่ข้างคอข้าก่อนได้หรือไม่?"

เสิ่นอวี้เจาถอนมือกลับอย่างสงบนิ่ง เป่ากรรไกรในมือพลางใช้แขนเสื้อเช็ด ราวกับว่ามันเปื้อนอะไรบางอย่างที่ไม่สะอาด "ขออภัยที่หม่อมฉันเสียมารยาท แต่ดวงของฝ่าบาทแข็งเกินไป พอเห็นพระพักต์แล้วรู้สึกเหมือนพลังหยินพุ่งเข้าใส่หน้า หม่อมฉันจำเป็นต้องหาสิ่งของไว้ป้องกันตัว"

"ท่านหญิงเสิ่นยังคงตลกขบขันเช่นเดิม ข้าชอบใจยิ่งนัก"

"นั่นเป็นความโชคร้ายของหม่อมฉันเอง ขอฝ่าบาทอภัยด้วย หม่อมฉันยังอยากมีชีวิตอยู่อีกสักสองสามปี" 

แทนที่จะโกรธ ฉู่มู่ฉือกลับยิ้มกว้างมากขึ้น เขาก้าวเข้ามาใกล้อย่างไม่เร่งรีบ จนเกือบจะจับมือนางไว้  "ท่านหญิงเสิ่นมิใช่ว่าเชิญข้าดื่มชาหรือ? ไหนชาเล่า"

"ขออภัยฝ่าบาท หม่อมฉันเพิ่งนึกได้ว่าชาเพิ่งหมดไป เพราะองครักษ์ใช้ล้างหน้า" เสิ่นอวี้เจายังคงใบหน้าขรึมเสียงหนักแน่น "นับว่าบกพร่องในการต้อนรับฝ่าบาท เช่นนั้นเชิญท่านกลับก่อนเถิด"

"ไม่ต้องมีชาหรอก แค่มีท่านหญิงก็เพียงพอแล้ว" ฉู่มู่ฉือไม่ใช่คนที่จะถูกไล่ต้อนง่ายๆ เขาหันหลังกลับไปพิงขอบประตูอย่างเกียจคร้าน ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มที่อดไม่ได้ "ข้าได้ยินมาจากเสด็จพ่อ ว่าท่านหญิงถึงกับหยุดงานทั้งหมด เพื่อช่วยงานใหญ่ให้กับข้า ในการเลือกพระชายา อีกทั้งยังเสนอให้เสด็จพ่อ ย้ายตัวเจ้ามาพักในตำหนักข้า เพื่อจะได้ใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน"

เสิ่นอวี้เจาแทบจะคว้ากรรไกรแถวนั้นมาเสียบปลายจมูกเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด แล้วถามให้กระจ่างกันไปเลยว่า ‘ใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน’ หมายถึงอะไรกันแน่?

แต่ในที่สุดนางก็ขบฟันกรอด พยายามกลืนความคิดบาปนั้นกลับลงไปอย่างยากเย็น ดวงหน้างามยังคงเฉยชา หากมองให้ลึกสักนิดจะเห็นว่าเส้นเลือดตรงขมับนั้นเริ่มเต้นตุบตับ

"ฝ่าบาทคิดมากไปแล้ว หม่อมฉันเพียงแค่อยากลาพักงาน และถือโอกาสช่วยหาพระชายาให้ท่านไปด้วยเท่านั้น"

"ไม่เลว แค่คิดถึงเรื่องเลือกคู่ก็ทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นแล้ว"

นางแทบจะตาบอดเพราะรอยยิ้มที่น่าตีของเขา ฉู่มู่ฉือซึ่งตอนนี้กำลังยืนหมุนตัวไปมาด้วยท่าทางรื่นเริง จนสุดท้ายนางก็อดไม่ได้ ที่จะพูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างใจจริง "ฝ่าบาทช่างไม่มีสำนึกเสียบ้างเลย รู้ว่าต้องทำกรรมใหญ่ถึงเพียงนี้ หม่อมฉันถึงได้ระวังตัวกลัวฟ้าผ่าหนักกว่าเดิม"

ฉู่มู่ฉือยิ้มรับคำเตือน และพยักหน้าอย่างพอใจ "เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าตัดสินใจจะมอบของกำนัลให้เจ้า ตั้งแต่วันนี้ เจ้าสามารถทำตัวอวดดีในตำหนักรัชทายาทได้ตามใจชอบ แม้แต่แอบเข้ามาในห้องหลักยามดึก เพื่อแอบดูข้าก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดแต่อย่างใด?"

"หม่อมฉันยืนยันว่าไม่มีรสนิยมวิปริตเช่นนั้น!"

"ไม่คิดพิจารณาหน่อยหรือ? ข้ามีนิสัยนอนเปลือยกายทุกคืน"

"ถ้าฝ่าบาทรู้สึกเหงา เช่นนั้นสามารถย้ายตนเองไปนอนที่โถงใหญ่ ทุกคนจะมีโอกาสได้ชมความงามเปล่าเปลือยของท่าน แถมยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวอีกด้วย"

เจียงเฉินที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกล มือถือดาบไว้ได้แต่กลืนน้ำลายกับคำสนทนาที่ได้ยิน มันเหมือนการเจรจาเป็นทางการ แต่ทุกคำกลับเหมือนปืนใหญ่ที่ถล่มลงบนจิตใจของเขา

ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ต้องตะโกนออกมา "ท่านหญิง! ตำหนักเริ่มรื้อถอนแล้วขอรับ"

จริงแท้! การดำเนินงานของกองทหารที่ถูกส่งมานั้นรวดเร็วมาก

"รื้อถอนน่ะดีแล้ว" ฉู่มู่ฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ให้พวกเขาซ่อมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ช่วงนี้ข้าจะดูแลท่านหญิงเสิ่นเอง...มีใครอยู่บ้าง! นำสัมภาระของท่านหญิงมา!"

เหล่าคนรับใช้ในตำหนักรัชทายาท ที่เพิ่งโดนโกนหัวโดยเสิ่นอวี้เจา ได้ยินเสียงเรียกก็รีบวิ่งมา แต่ภาพศีรษะโล้นเป็นหย่อมๆ ที่ผมปลิวว่อนในสายลมนั้นช่างน่าเวทนาเสียจริง

ฉู่มู่ฉือยืนรออยู่อึดใจหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายยังยืนกอดอกนิ่ง ไม่ไหวติง รอยยิ้มตรงมุมปากก็บ่งบอกชัดว่า ไม่เป็นมิตร อย่างยิ่ง

เขาเอียงคอเล็กน้อย ยกคิ้วขึ้นอย่างถือดี “ท่านหญิงอย่าดื้อไปหน่อยเลย”

“ตำหนักของข้ากว้างขวางสะดวกสบาย มิได้ขาดตกบกพร่องสิ่งใด รับรองว่าเจ้าจะไม่อดอยากแน่นอน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงรื่นหู แต่ถ้อยคำนั้นฟังยังไงก็ไม่ต่างจากดักทาง

แต่เรื่องย้ายไปตำหนักอื่น...ไม่มีทาง! ข้าบอกพี่น้องไว้แล้ว ว่าใครที่กล้ารับเจ้าเข้าพัก ข้าจะไปอาศัยอยู่กับเขาด้วย หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น"

ในโลกนี้คงมีเพียงฉู่มู่ฉือเท่านั้น ที่สามารถแปลงเรื่องแย่ๆ ของดวงชะตาตน ให้กลายเป็นคุณสมบัติพิเศษที่น่าภาคภูมิใจ และยังเอาไปข่มขู่คนอื่นหน้าตาเฉย

ตอนนี้เสิ่นอวี้เจาเข้าใจแล้ว คำว่า "เอาตนเองเข้ากับดัก" มีความหมายอย่างไร ถ้าสวรรค์ให้โอกาสนางอีกครั้ง  สาบานว่าจะปฏิเสธคำขอขององค์จักรพรรดิทันที และจะไม่หันหลังกลับมาให้คู่พ่อลูกคู่นี้กลั่นแกล้งอีก!

แต่มันสายไปแล้ว ตอนนี้นางต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล

โชคดีที่ใบหน้าเย็นชาแต่หัวใจยังไม่แตกสลาย เมื่อถึงเวลาต้องเด็ดขาดนางก็จะเด็ดขาด หลังจากที่ต่อสู้กับฉู่มู่ฉือมาหลายปี มีทั้งชนะและแพ้ นางมั่นใจว่าในอนาคต จะมีการแก้มืออีกหลายครั้ง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็พร้อมจะสู้กลับ

"ฝ่าบาท หม่อมฉันจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อตอบแทนความกรุณาของท่าน"

พูดจบ นางคว้ากรรไกรไปเสียบกับผนังอย่างแรง ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินจากไปอย่างสง่างาม

เจียงเฉินก้มหน้าเดินตามไป เมื่อเดินผ่านฉู่มู่ฉือเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากอีกฝ่าย 

"นายของเจ้าดูน่ารักดีตอนโกรธ"

เขาแทบสำลักน้ำลายตนเอง ดวงตาของรัชทายาทเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เห็นคำว่า "น่ารัก" บนใบหน้าของนางได้อย่างไร? ตลอดเวลาที่เขามองเจ้านายตนเอง เห็นแค่ใบหน้าเย็นชา! อย่าคาดเดาความคิดของผู้มีอำนาจ เพราะไม่ว่าจะเดายังไงก็ไม่มีทางเข้าใจ

ตำหนักรัชทายาท

ผ่านลานด้านหน้า ทางเดินที่คดเคี้ยวซับซ้อน มองเห็นห้องหนึ่งที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้ นั่นคือที่พักใหม่ของเสิ่นอวี้เจา ห้องถูกทำความสะอาดเรียบร้อยไร้ฝุ่น เตาเผาทองแดงยังคงปล่อยควันจางๆ ผ้าห่มและที่นอนลายดอกโบตั๋นบนเตียงก็ดูใหม่เอี่ยม เห็นได้ชัดว่ามีการจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน

เจียงเฉินรีบจัดสัมภาระให้นาง ขณะนั้นก็ถอนหายใจ "องค์ไท่จื่อดูเหมือนแข็งกร้าวแต่จิตใจอ่อนโยน จริงๆ แล้วให้ความสำคัญกับท่านหญิงมาก ดูสิว่า…โอ้?"

ยังพูดไม่ทันจบ เสิ่นอวี้เจาก็หยิบไม้กวาด ที่โกยผง กล่องเย็บผ้า พู่กัน และแท่นฝนหมึกออกมาจากใต้ผ้าห่ม...นางวางของเหล่านั้นลงบนโต๊ะทีละชิ้น ใบหน้ายังคงนิ่งสนิท "ข้ารู้ว่าไท่จื่อต้องคิดอะไรตื้นๆ แบบนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่รู้สึกว่าเขาจริงใจต้องการต้อนรับข้า"

เจียงเฉิน: "..." ใช่แล้ว เขาคือคนโง่ในความหมายของท่านนั่นแหละ

แต่เล่นถึงขั้นนี้ รัชทายาทนี่เก่งจริงๆ เอาแรงมาจากไหน ถึงขยันหาเรื่องกลั่นแกล้งนางทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

"เฉินเฉิน"

"มีอะไรหรือขอรับ"

"พอเจ้ากลับไปแล้ว หาเวลานำสิ่งนี้ไปวางบนเตียงรัชทายาทด้วยนะ" นางยื่นถุงตะปูเหล็กแหลมมาให้ พร้อมกับออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ทำอย่างลับๆ ห้ามให้ใครจับได้"

ใครกันที่บอกเมื่อกี้ว่าไท่จื่อไร้เดียงสา? ชัดเจนว่านางเองไร้เดียงสากว่าอีก!

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงพูดคำว่า "หาเวลา" ได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้? ให้ไปเล่นสนุกบนเตียงองค์รัชทายาทแถมยังขอให้ไม่ถูกจับได้ ถ้าเขายังมีชีวิตกลับมาได้ ถือว่าเป็นพรจากสวรรค์แล้ว ท่านรู้ตัวไหม?!

"ท่านหญิง โปรดเมตตาให้ข้ามีทางรอดด้วยเถิด การลอบทำร้ายรัชทายาท ถือว่ามีความผิดร้ายแรงที่ถึงขั้นประหารชีวิตเลยนะขอรับ"

เสิ่นอวี้เจาพูดอย่างจริงจัง "เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ตายหรอก อย่างมากก็มีรูทะลุสองสามรูเท่านั้น"

"ได้โปรดอย่าพูดเรื่องน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ด้วยน้ำเสียงจริงใจ! ข้าไม่สามารถปฏิบัติตามได้จริงๆ"

นางถอนหายใจแทนที่จะเถียง พลางหยิบธนบัตรเงินสองใบออกมาจากอก แล้วยัดใส่เอวองครักษ์อย่างสนิทสนม "เฉินเฉิน เจ้าติดตามข้ามาก็เหนื่อยยาก กินก็ไม่ดี นอนก็ไม่พอ มันลำบากจริงๆ ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้าได้ นอกจากเงิน..."

"ข้ายินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่าน!" เจียงเฉินโบกมือทันทีเพื่อหยุดนาง "อย่ากังวล ข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จแน่นอนขอรับ!"

"เชื่อฟังดีมาก"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่48 ช่วยคนตกน้ำ

    "เหตุใดเจ้าจึงมายืนเพียงลำพัง?""ออกมารับลม" นางตอบอย่างเป็นธรรมชาติ "ที่นี่เย็นสบายและเงียบสงบ อีกทั้งเมื่อครู่องค์หญิงดื่มไปหลายจอก เอะอะโวยวายอยู่ข้างหูตลอดเวลา หม่อมฉันกลัวว่านางจะหาเรื่องทำอะไรแปลกๆ อีก"ฉู่มู่ฉือหัวเราะเบาๆ "ข้าก็ทนเสียงอึกทึกไม่ไหวเช่นกัน เลยตั้งใจจะมาบอกเจ้าสักคำ ใครจะคิดว่าเพียงหันไปมองอีกที เจ้ากลับหายตัวไปเสียแล้ว"เสิ่นอวี้เจาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "หม่อมฉันต้องอาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันสังเกต ถึงจะแอบออกมาได้ ไม่เช่นนั้นพวกนั้นคงร่วมมือกันกดหม่อมฉันลงพื้นแน่ๆ"ไท่จื่อหัวเราะลึกกว่าเดิม ขณะที่กำลังจะเอ่ยแซวนางต่อ กลับอยู่ๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับก้มตัวลงใช้มือกดที่ท้องของตนเอง"อย่าบอกนะว่าฝ่าบาททรงปวดกระเพาะอีกแล้ว?" นางรีบเข้ามาพยุงเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล "พวกนั้นนี่จริงๆ เลย ให้ฝ่าบาทดื่มเรื่อยๆ แบบนั้น ใครจะทนไหว?""เจ้าดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ ช่างพูดจายืดยาวขึ้น นับเป็นเรื่องแปลกจริงๆ" เขาพิงตัวกับราวเรือ มืออีกข้างกอดนางเอาไว้พร้อมพูดเสียงต่ำ "ไม่ต้องห่วงมาก แค่เจ้าช่วยนวดให้สักหน่อยก็หายแล้ว"ริมฝีปากของฉู่มู่ฉือเผยรอยยิ้มแบบออดอ้อน จนทำให้นางอ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่47 เดินทางไปเจียงหนาน

    "ฝ่าบาทคิดซื้อของพรรค์นี้มาได้อย่างไร...""เพราะต่างหูของเจ้าเริ่มเก่าแล้ว" เขาพูดเสียงดังฟังชัด "ต่างหูหยกหุ้มทองที่เจ้าใส่มันเก่ามาก อย่าใส่มันอีกเลย ถอดออกเถอะ"เสิ่นอวี้เจาเริ่มเข้าใจ ของตอบแทนอะไรกัน! คนผู้นี้ก็แค่หึงที่นางใส่ต่างหูที่ฉู่หยุนชิงเคยให้มาต่างหาก!"หม่อมฉันแทบไม่เคยซื้อเครื่องประดับ ฝ่าบาทก็ทราบอยู่แก่ใจ" นางปรายตามองเขา ท่าทีงดงามจนใจคนสั่นไหว แฝงด้วยอารมณ์น้อยใจเล็กๆ"ที่หม่อมฉันใส่ก็แค่เพราะไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นของที่องค์ชายห้าให้มา"ฉู่มู่ฉือพยักหน้าอย่างจริงจัง "ข้าเข้าใจดี""จริงหรือ?""ก็ได้ ข้ายอมรับ" เขายิ้มพลางยกต่างหูขึ้นมาระดับสายตานาง "แค่เห็นเจ้าสวมของที่น้องห้าให้ ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ" แววตาของเขาอ่อนโยนยิ่งขึ้น "แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ข้าอยากให้เจ้าสวมสิ่งที่ข้ามอบให้ อยากให้บนตัวเจ้ามีแต่ของๆ ข้าเท่านั้น"

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่46 รบเร้า

    ทว่าความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดตื้นเกินไป นิสัยติดตามของฮ่องเต้ จะปล่อยให้คนหนีรอดไปง่ายๆ ได้อย่างไร?หลังปฏิเสธไปเมื่อวาน เช้าวันนี้กองทัพใหญ่ก็มาถึงประตูจวนแล้วฉู่ซั่วกู่ยังมาไม่ถึง แต่เสียงเขาลอยมาก่อน "พี่สาม! ท่านหญิงเสิ่น! ได้ยินมาว่าพวกท่านไม่มีแผนจะไปเจียงหนานหรือ? ที่นั้นงดงามมาก แสงอาทิตย์ยามเช้า ส่องสะท้อนดอกท้อแดงระยับบนผืนน้ำ ท้องฟ้าช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิร่วงโปรยเหมือนสายฝน กลายเป็นพรมชมพูปกคลุมผืนดิน ช่างเหมาะแก่การพูดคุยเรื่องรักใคร่ยิ่งนัก! ทุกคนตกลงไปกันหมดแล้ว เหลือแต่พวกท่าน ไม่รู้สึกอึดอัดในใจบ้างหรือ?"คำพูดยังไม่ทันจบถ้วยน้ำชาก็ลอยมาตรงหน้าผากฉู่ซั่วกู่ ฉู่มู่ฉือเดินออกมาด้วยใบหน้าขุ่นเคืองจ้องเขาเขม็ง"เช้าตรู่เช่นนี้ใยมาส่งเสียดังเอะอะ! นิสัยพูดมากของเจ้าถ้าไม่เลิก วันหน้าข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่พบ!""เพราะนิสัยพูดมากของข้าอย่างไรเล่า เสด็จพ่อจึงให้ข้ามาโน้มน้าวพี่สามกับท่านหญ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่45 ศึกษาดูใจ

    ฮ่องสร้างภาพลักษณ์ "จักรพรรดิผู้ทรงธรรม" ให้กับตนเองได้สำเร็จ จนกล่าวได้ว่าการกระทำของพระองค์นั้น "ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว" แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทราบดีว่า พระองค์ช่างไร้ยางอายถึงเพียงใด จนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพระองค์ถึงให้กำเนิดโอรสอย่างฉู่มู่ฉือและฉู่ซั่วกู่ได้ผลสรุปของการคัดเลือกบรรดานางสนมในครั้งนี้ คือตกม้าตายกันทั้งขบวน แม้เรื่องราววุ่นวายนั้นจะเป็นที่กล่าวขาน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับข่าวการหมั้นหมายกันระหว่างฉู่มู่ฉือและเสิ่นอวี้เจา ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ที่ยิ่งทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงยิ่งกว่าแม้แต่องค์หญิงฉู่เหม่ยหลินเองก็ยังงุนงง เมื่อเห็นเสิ่นอวี้เจาที่อยู่ๆ กลับไปปรากฏตัวในตำหนักของรัชทายาท นางคิดในแง่ร้ายว่าไท่จื่ออาจใช้วิธีบังคับลักพาตัว แต่เมื่อรีบไปช่วยเหลือกลับพบว่า ทั้งสองนั่งจิบชาอย่างสบายใจในศาลา ชวนคุยราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"พี่หญิง! พี่ได้ยินข่าวในวังแล้วหรือไม่?""ได้ยินแล้ว" เสิ่นอวี้เจา พยักหน้ารับอย่างสงบน

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่44 คำขอโทษของไท่จื่อ

    "ค่ำคืนอากาศหนาวเย็น ฝ่าบาทรีบกลับตำหนักไปเถิด ถ้าโดนลมหนาวจนป่วย หม่อมฉันคงมิอาจรับผิดชอบได้"แม้ในใจนางจะรู้สึกว่าควรจะดีใจที่ได้เจอฉู่มู่ฉือ แต่กลับห้ามตนเองไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อเขาเอ่ยถึงฉู่หยุนชิไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตามนางอยากจะฟาดหน้าเขาสักทีทำไมถึงไม่เคยพูดจากกันดีๆ ถ้าชอบใครสักคน ต้องตามเกี้ยวแบบนี้หรือ? นางไม่ค่อยฉลาดกับความรู้สึกของตนเองเท่าไร และเขาเองก็รักอย่างโง่เง่าไม่ต่างกันแต่โชคดีที่ครั้งนี้ฉู่มู่ฉือไม่ได้ทำตัวงี่เง่าเกินไป เพราะทันทีที่นางหมุนตัว เขาก็คว้ามือของนางไว้ ใช้แรงเพียงข้างเดียวดึงเสิ่นอวี้เจาเข้ามาในอ้อมกอด"ข้าไม่หนาว แต่ถ้าท่านหญิงเสิ่นหนาว ข้ายินดีมอบอ้อมกอดอบอุ่นให้""...ขอร้องล่ะฝ่าบาท อย่าพูดอะไรน่าชวนขนลุกเช่นนี้อีกหม่อมฉันฟังแล้วไม่ชิน"คิ้วดกหนาของเขาขมวดเล็กน้อย "หรือว่าท่านหญิงเสิ่นอยากจะทะเลาะกั

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่43 แผนการสำเร็จ

    แผนนี้ได้ผลดียิ่งนักเสิ่นอวี้เจาแอบชื่นชมในความชาญฉลาดของตนเอง ก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจัง "สมแล้วที่คนไม่เหมือนชื่อ อ่อนโยนเรียบร้อย ที่แท้เป็นเพียงเปลือกนอก ต่อหน้าข้ายังเสียกิริยาเยี่ยงนี้ หากได้พบฝ่าบาทจะเป็นเช่นไร สำหรับคนที่เสียมารยาทเมื่อครู่ทั้งหมด นำตัวไปยังห้องราชกิจ รับรางวัลแล้วกลับบ้านไปเถิด"เมื่อเป็นเช่นนี้ รายชื่อหญิงงามที่เหลืออยู่จึงลดลงไปเกือบครึ่ง เสิ่นอวี้เจาพอใจกับผลงานตนเองเป็นอย่างยิ่งเมื่อสถานที่กลับมาสงบลงอีกครั้ง รอบตัวเหลือเพียงสองคน นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉู่หยุนชิง"องค์ชายห้า ข้าทำเกินไปหรือไม่?" แม้นางไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำผิดอะไร แต่ในฐานะหญิงผู้คัดเลือก เมื่อมองย้อนกลับไปยังหน้าที่ที่ตนเองทำสำเร็จ เสิ่นอวี้เจาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดช่างเหลวไหล"ตอนนี้มองดูอาจเหมือนใจร้าย แต่ภายหลังพวกนางจะรู้สึกขอบคุณเจ้า" ฉู่หยุนชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status