บทที่4
สามเดือนต่อมา ซูซ่าน “ เหตุใดกับข้าววันนี้ถึงมีกลิ่นเหม็น ๆ ข้าจะอ้วก “ แม่ซูซ่านเห็นท่าทางลูกสาวมีอาการแปลกไปหรือว่าปลาตัวนั้นมันเหม็นจริง ๆ แม่ซูซ่านจึงเดินไปหาแล้วหยิบปลาย่างมาขึ้นมาชิมดู....ก็ปกติดีไม่มีกลิ่นเหม็นคาวอะไร แม่ “ปลาตัวนี้แม่หาได้ตัวเป็น ๆ เหตุใดเจ้าถึงกินมันไม่ลง มันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมาก..” จู่ ๆ แม่นางก็นึกถึงตัวเองในสมัยที่ยังสาวอาการเช่นนี้คืออาการของคนท้อง แม่ซูซ่านเลยเดินทางไปบ้านเฟยเถาเพื่อถามและปรึกษาเรื่องนี้ แม่ “เฟยเถาข้ามีเรื่องจะหาความกับเจ้า “ แม่ซูซ่านร้อนใจอยู่ตลอดเวลาขมวดคิ้วจนหน้าหย่น เฟยเถา “ มีเรื่องอะไรรึ ท่านบอกข้ามาได้เลย “ แม่ “ อยู่ ๆ ซูซ่านก็เกิดอาการเหม็นคาวปลา นางบอกว่านางกินไม่ลงมันเหม็นมาก ข้าสงสัยว่านางอาจจะท้อง “ เฟยเถาพูดอะไรไม่ออกได้แต่หลบหน้าแม่ซูซ่านไม่กล้าจะสบตานาน ๆ เพราะกลัวว่าความจริงจะหลุดออกจากปากนางเอง แม่ซูซ่านก็ผ่านเหตุการณ์มามากมายจึงดูออกว่าเฟยเถานั้นมีเรื่องที่กำลังปิดบังอยู่ แม่ “เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่ บอกข้ามา “ แม่ซูซ่านชักสีหน้าข่มขู่ให้เฟยเถานั้นพูดความจริงออกมา เฟยเถาที่เห็นว่าความลับจะปิดไม่อยู่แล้วจึงประคองแม่ซูซ่านเข้าไปคุยข้างในเรือนหากคุยข้างนอกเกรงว่าจะมีผู้อื่นมาได้ยิน แม่ “ เหตุใดต้องเข้ามาคุยในเรือนเจ้า “ เฟยเถา “ ท่านตั้งใจฟังข้าให้ดี...........................? หลังจากนั้นแม่ซูซ่านได้รู้ความจริงแล้วนางถึงกับพูดไม่ออกแต่ก็ไม่ได้โทษเฟยเถาที่ดูแลไม่ดี ทั้งสองจึงหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกของซูซ่านนั้นเกิดมาโดยไม่เป็นขี้ปากของชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน เฟยเถา “ ไหน ๆ ข้าก็รับซูซ่านเป็นลูกบุญธรรมแล้ว ท่านกับซูซ่านย้ายมาอยู่กับข้าเถิด ข้ามีกำลังมากพอที่จะเลี้ยงซูซ่านและท่านไปจนแก่ แม่ “ข้าก็แก่แล้วคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน อย่างน้อยขอให้ข้าได้เห็นหน้าหลานที่กำลังจะเกิด ข้าก็ดีใจมากแล้ว เฟยเถา “ ‘งั้นข้าจะไปช่วยท่านเก็บข้าวของย้ายมาที่นี่ “ แม่ซูซ่านกลับบ้านไปบอกให้ลูกสาวย้ายข้าวของเข้าไปอยู่บ้านเฟยเถา ซูซ่านแปลกใจมากเหตุใดถึงได้ย้ายไปที่นั้น พอนางชักถามแม่นางก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ซูซ่าน “แม่เป็นอะไรไป คงไม่มีอะไรหรอกข้าคิดมากไปเอง “ ในระหว่างที่เฟยเถาช่วยแม่ซูซ่านขนของอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านที่เดินผ่านทางได้เกิดความสงสัยจึงวางข้าวของพวกเห็ดและของป่าที่หามาได้นั่งพักบริเวณตรงข้ามบ้านแม่ซูซ่านเพื่อสังเกตการณ์ ด้วยความสงสัยเลยแสร้งนั่งพักเหนื่อย เฟยเถาก็รู้ว่าชาวบ้านเหล่านี้ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นแต่นางนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ชาวบ้าน “พวกเจ้าเหตุใดท่านเฟยเถาเศรษฐีผู้มีฐานะร่ำรวยถึงได้รับสองคนนี้เข้าไปอยู่ด้วย “หรือว่าเฟยเถาจะเอ็นดูนางเลยรับนางเป็นลูกบุญธรรม “ ชาวบ้าน “ข้าก็มีลูกสาวเช่นกันเหตุใดลูกสาวข้าถึงไม่ได้เป็นลูกบุญธรรมเหมือนกับนางซูซ่าน นางไม่มีอะไรสู้ลูกสาวข้าเลยก็แค่มีหน้าตาสวยมากกว่าลูกข้าเล็กน้อย “ข้าว่าไม่เล็กน้อยแต่มากกว่าตั้งหลายเท่า “ ชาวบ้าน “เจ้าเข้าข้างมันรึ “ “ข้าก็แค่พูดความจริง ข้ากลับเรือนข้าดีกว่า .” หลังจากที่เฟยเถาช่วยขนของออกมาหมดแล้วแม่ซูซ่านกับเฟยเถาได้พาซูซ่านมานั่งพักเหนื่อยที่หน้าบ้าน ไม่นานนักก็ชาวบ้านหลายคนมุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมนำลูกสาวมาด้วยเพื่อจะขอให้เฟยเถารับเป็นบุตรอีกคน เฟยเถา “อะไร ?กัน “ เฟยเถาวางของว่างที่อยู่ในมือมองไปหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยหลานชายหลานสาวแต่ละครอบครัวมายืนรอร้องเรียกเพื่อให้นางรับลูกสาวเป็นบุตรบุญธรรม เฟยเถา “หยุดเสียงดังได้แล้ว พวกท่านมีเรื่องอะไรถึงได้มาหาข้ามากมายเช่นนี้ ชาวบ้าน “ ท่านเฟยเถารับลูกสาวข้าเป็นบุตรบุญธรรมด้วยคนเถิด นางมีชื่อว่าเลี่ยงจิน อายุเท่ากันกับซูซ่านทั้งสองรู้จักกันมานานแล้วสมัยเด็กซูซ่านกับเลี่ยงจินชอบมาเล่นด้วยกันเป็นประจำ เฟยเถาขมวดคิ้วมองเลี่ยงจิงก็รู้ได้ทันทีว่านางเป็นเด็กขี้อิจฉาอยากจะเอาชนะซูซ่านมาโดยตลอดเฟยเถาจึงรีบปฎิเสษไป เฟยเถา “ข้ารับแค่ซูซ่านเท่านั้นนางเป็นเด็กกำพร้า ส่วนลูกของพวกเจ้าก็มีพวกเจ้าอยู่ เลี่ยงจิงนางก็ไม่ได้กำพร้าอะไร แล้วเหตุใดท่านถึงกล้าพาลูกสาวมาขออย่างหน้าด้าน ๆ หรือว่าลูกสาวท่านอิจฉาซูซ่านอย่างนั้นรึ แม่เลี่ยงจิง “ท่านพูดเกินไปแล้ว ข้าคนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกสาวสุขสบายแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับซูซ่าน เฟยเถา “ เกี่ยวสิ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเมื่อก่อนเลี่ยงจิงแกล้งอะไรนางบ้าง “ เลี่ยงจิงได้ฟังเฟยเถาพูดออกมาก็สะดุ้งตื่นตัวรีบดึงแขนพาแม่ของนางกลับบ้านอย่างรวดเร็วสายตาเลี่ยงจิงเอาแต่มองซูซ่านที่แต่งตัวสวยขึ้นเสื้อผมเผ้าไม่รุงรั้งผิวสะอาดสะอาดยิ่งทำให้เลี่ยงจิงอิจฉาจวนแทบจะบ้าอยู่แล้ว เลี่ยงจิง “ทำไมนะ นางถึงได้ดีกว่าข้า “ เลี่ยงจิงกระทืบเท้าเดินไปเดินมาอย่างกังวล แม่เลี่ยงจิง “ ลูกเจ้าเป็นอะไรอีก “ เลี่ยงจิง “ท่านแม่นางไม่คู่ควรที่จะเป็นบุญธรรมด้วยซ้ำ มันต้องเป็นข้าสิถึงจะถูก “ แม่เลี่ยงจิง “ ใจเย็น ๆ รีบกลับเข้าเรือนมาแอบยืนคุยเช่นนี้ชาวบ้านจะมาได้ยิน เลี่ยงจิงอายุรุ่นเดียวกันกับซูซ่าน นิสัยขี้อิจฉาเห็นแก่ตัวคิดว่าตัวเองนั้นมีดีกว่าทักอย่างในช่วงวัยเด็กนางชอบแกล้งซูซ่านสารพัด นี่ขนาดโตแล้วยังไม่เลิกนิสัยเก่า ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปซูซ่านคงอยู่อย่างลำบากไม่สบายใจเป็นแน่ 8เดือนต่อมา เฟยเถา “อีกนิดเดียว เบ่งออกมาเร็ว “ ซูซ่านได้เกิดการคลอดบุตรอย่างกะทันหันโดยไม่มีหมอมาช่วยแต่ผู้ที่มีความรู้ในหมู่บ้านนั้นมาทำคลอดให้ ตอนนี้คลอดออกมาได้สองคนแล้วไม่รู้ว่าข้างในท้องนั้นมีอีกกี่คน เฟยเถา “แม่หมอ ดูท่าซูซ่านจะมีแฝดมากกว่าสามคนขึ้นไป “ เฟยเถาจับมือซูซ่านให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ อาการซูซ่านตอนนี้เริ่มหน้าซีดเจ็บปวด ทรมารไปหมดจนพูดไม่ออก เฟยเถา “ พร้อมหรือไม่ เจ้าต้องสู้นะ “ ซูซ่านพยักหน้าแล้วทำการเบ่งลูกคนที่สามออกมา เสียงร้องของนางทำให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกกังวลใจกลัวว่านางจะตายก่อนไม่ได้เห็นหน้าลูก ชาวบ้าน “ข้าได้ยินเสียงร้องแล้ว ข้านึกถึงสมัยที่ยังเป็นสาว ช่วงเวลานั้นมันทรมารเหลือเกิน ข้าอยากเข้าไปดูใจจะขาดแล้ว “ หึ ทีตอนนี่ทำมาเป็นหวงซูซ่าน เจ้าจำไม่ได้รึ ว่าช่วงสามเดือนก่อนเจ้ายังประณามว่านางท้องไม่มีพ่ออยู่เลยแล้วเหตุใดตอนนี่ถึงได้เป็นห่วงนางละ “ ชาวบ้าน “เจ้าเองก็ไม่ต่างไปจากข้านักหรอก ทุกคนมีส่วนร่วมต่อว่านางทั้งนั้นแหละโดยเฉพาะแม่เลี่ยงจิง ชอบเดินผ่านหน้าเรือนท่านเฟยเถากับลูกสาวของนางเพื่อมาสืบความในแต่ละวัน แล้วก็เอาเรื่องไปนินทาอยู่บ่อย ๆ “อุแว้.... อุแว้ “เสียงเด็กคนที่สามได้คลอกออกมาแล้ว ซูซ่านบอกกับเฟยเถาในขณะที่ร่างกายนั้นอ่อนแอมาก ซูซ่าน “ ข้าจะไม่ไหวแล้ว “ เสียงพึมพำร้องเอ่ยเว้าวอนเฟยเถาอย่างช้า ๆ เฟยเถา “ ซูซ่านมองหน้าแม่สิ เจ้าต้องอดทนเพื่อลูกของเจ้า “ ซูซ่านพยักหน้าเบา ๆ แล้วพร้อมทำการเบ่งลูกอีกครั้ง นางใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อให้ลูกออกมาให้ได้ จนในที่สุดนางก็ทำได้และในเวลานั้นซูซ่านก็ได้สลบลงทันที เฟยเถา “แม่หมอ ซูซ่านจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่ “ “นางปลอดภัยดี ตอนนี้นางแค่สลบไปเท่านั้น ข้าจะให้ยาบำรุงร่างกายแก่นาง ไม่เกินหนึ่งเดือนอาการก็ดีขึ้น ดูสินางได้ลูกแฝดห้าคนเชียวหนา ชายสามหญิงสองคน น่ารักน่าชังเสียจริง “ เฟยเถาโอบอุ้มลูกชายคนแรกอย่างถนุถนอม ทันใดนั้นเฟยเถาสังเกตเห็นว่าข้อมือเด็กแฝดทั้งนั้นมีปานรูปหัวใจที่ข้อมือกันหมดทุกคน เฟยเถา “ นี่อาจจะเป็นพ่อของเด็ก แล้วชายใดเล่ามีปานพิเศษเช่นนี้อยู่ที่ข้อมือ { คิดในใจ } 15.00 แฝดทั้งห้าเริ่มร้องหาแม่แล้ว เฟยเถาอุ้มขึ้นมาโอ้ทีละคนวนไปอยู่อย่างนั้นจนกว่าซูซ่านจะตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นนิ้วมือซูซ่านก็เริ่มขยับค่อย ๆ ลืมตาที่เหนื่อยล้าขึ้นมาหันเอียงคอมองดูลูก ๆ ทั้งห้าที่คลอดออกมาครบสามสิบสองประการ ทันใดนั้นน้ำตาของคนเป็นแม่ก็หลั่งออกมาด้วยความดีใจจนล้นอก มือผู้เป็นแม่ค่อย ๆ ยื่นออกจากเตียงนอน เฟยเถา “ ลูกแม่เจ้าฟื้นแล้ว “ เฟยเถาวางลูกคนที่หหนึ่งลงแล้วเดินมาประคองซูซ่านให้เอนหลังลุกนั่งพิงหมอน จากนั้นเฟยเถาก็นำลูกชายที่คลอดคนแรกมาให้ซูซ่านได้สัมผัสกลิ่นตัวของผู้เป็นแม่ ซูซ่าน “ จะตั้งชื่อให้พวกเจ้าว่าอย่างไรดี “ ซูว่านยิ้มตลอดเวลาที่เห็นลูก ๆ ที่น่าตาน่าชังนางอุ้มไม่ยอมปล่อยพร้อมเย้าหยอกเบาๆ หัวเราะกับลูกอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข เฟยเถา “เจ้าคลอกลูกแฝดทั้งห้าคน ดูแล้วหากเด็กๆ ทั้งห้าโตขึ้นมาแล้วทุกคนจะนำความมงคลมาสู่เจ้า เพราะเด็กเหล่านี้มีบุญมาก “ซูซ่าน “ท่านแม่รู้ได้อย่างไรว่าลูกของข้านั้นมีบุญมาก “ เฟยเถา “ เรื่องนี้พูดไปเจ้าคงไม่เชื่อไว้เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกเจ้าเอง “ ซูซ่าน “ ไม่เป็นไร แค่ตอนนี้ลูกเห็นหน้าลูกตัวเองก็มีความสุขมากแล้ว....คนแรก ข้าจะตั้งชื่อให้ ว่า ตงหยาง คนที่สอง ป๋อหลิน คนที่สาม ป๋อเหวิน คนที่สี่ ซูฮวา คนสุดท้าย ซูเซียว เฟยเถา “ ชื่อไพเราะเชียวหนา “ ทันใดนั้นชาวบ้ายบางกลุ่มอยากเข้ามาดูทารกทั้งห้าเลยขอร้องเฟยเถาอยู่หน้าประตู เฟยเถามองหน้าซูซ่าน ซูซ่านก็พยักหน้าตอบ นางจึงเดินไปเปิดประตูให้ชาวบ้านเข้ามา แต่ห้ามเข้าใกล้มากเพราะเด็กทั้งห้าไม่คุ้นชิน ชาวบ้าน “ อาซูซ่าน เจ้าคลอดลูกตั้งแฝดห้านี่ถือว่าเป็นลางดี “ ทุกคนต่างมาร่วมยินดีแต่มีหนึ่งในเสียงนั้นพูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ลูกไม่มีพ่อ ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร “ เลี่ยงจิง “ นั้นสิท่านแม่ ไม่รู้ว่านางไปให้ชายใดขมขืนกันนะ “ เฟยเถาโกรธมากที่แม่ลูกสองคู่นี้เข้ามาเพื่อหวังจะให้ร้ายจึงตบหน้าทั้งสองไปหลายที เลี่ยงจิง ‘” ท่านเฟยเถามันจะมากเกินไปแล้ว “ เฟยเถา “เด็กไม่รู้ความพูดจาให้ร้ายซูซ่านคงจะอิจฉานางมากจนขยับปากไม่หยุดเช่นนี้ “ เลี่ยงจิง “เหตุใดข้าต้องอิจฉานาง ข้าต่างหากที่นางควรอิจฉาข้าทั้งสาวและสวย พร้อมหาผู้ชายดี ๆ หนำซ้ำข้ายังได้มีโอกาศเข้าไปร่ำเรียนในวังหลวงด้วย “ เฟยเถา “ ‘งั้นรึ ลูกสาวข้าซูซ่านก็ได้ไปเช่นกัน “ เลี่ยงจิงขึงตาขวางใส่เฟยเถา “เป็นไปไม่ได้คนอย่างนางนี่รึ จะรู้หนังสือพื้นฐานยังแต่เยาว์วัยก็ยังไม่มี “ เฟยเถา “ ผู้ใดบอกว่านางไม่มีพื้นฐาน บางทีซูซ่านอาจจะเก่งกว่าเจ้าด้วยซ้ำไป “ เลี่ยงจิง “ นี่ท่าน...... “ ชาวบ้านไม่พอใจอย่างมากที่เลี่ยงจิงนับวันยิงเผยธาตุแท้ออกมา ร้ายกาจใส่แม้กระทั่งผู้ใหญ่ ทุกคนจึงมุ่งหมายมองตาไปที่นางกดดันให้นางรีบออกไปจากเรือนเฟยเถาบทที่20ปรับความเข้าใจโหย่วเฉา “ฟางเหรินเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีที่ผ่านมาข้าตามหาเจ้ามาตลอด ตอนนั้นเมื่อข้ารู้ข่าวว่าเจ้าถูกโจรฆ่าตายข้านั้นก็แทบใจสลาย ได้แต่มองเจี้ยวจ้านเป็นตัวแทนของเจ้า เพราะลูกเจ้าช่างนิสัยเหมือนเจ้าหากไม่มีเจี้ยวจ้านปานนี่ข้าคงตรอมใจตาย “เฟยเถา “เป็นท่านไม่ใช่รึ ที่เบื่อข้าและให้ชายารองมายื่นใบหย่าให้ข้าลงนาม “โหย่วเฉา “เจ้าว่าอะไรนะ ข้ารึขอหย่าเจ้าข้าไม่เคยขอหย่าเจ้าและไม่เคยเบื่อเจ้าเลย “เฟยเถา “แล้วเหตุใดชายารองของท่านถึงบอกข้าเช่นนั้น “โหย่วเฉา “ ‘งั้นเจ้าก็ไม่ได้ถูกโจรฆ่าตาย “เฟยเถา ใช่ข้าถูกผลักตกหน้าผา แล้วนางยังบอกอีกว่าท่านไม่ต้องการข้าแล้ว “ทั้งสองปรับความเข้าใจกันอยู่นานพอสมควร จนในที่สุดก็เข้าใจกันเสียที เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นมาจากชายารองที่ริษยาอยากขึ้นเป็นชายาเอกเลยทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเฟยเถาออกไปจากชีวิตโหย่วเฉา ทั้งสองต้องการบอกเรื่องนี่ให้ซูซ่านกับเจี้ยวจ้านนั้นรู้ความจริง เฟยเถาจึงเรียกซูซ่านกับเจี้ยวจ้านเข้ามาด้านในตำหนัก จนเวลาผ่านไปสามชั่วโมง ซูซ่านกับเจี้ยวจ้านจึงเข้าใจทุกอย่างและได้รู้ว่าพ่อของลูกในคืนนั้นคือเจี้ยวจ้าน และเจี้ยวจ้า
บทที่19ตงหยางกับน้องทั้งสี่ได้ยินว่าท่านโหย่วเฉามาถึงแล้ว จึงรีบออกจากตำหนักเพื่อมาถามไถ่อาการ จนโหย่วเฉาที่ยืนอยู่ ต้องค่อย ๆ เดินไปนั่ง เพราะตอนนี่เด็กแฝดทั้งห้ากำลังล้ายล้อมตัวเองไว้อยู่โหย่วเฉา “ใจเย็น ๆ ลูก ๆ ของเจ้าช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน “ซูซ่าน “เด็กก็ชนเช่นนี้อย่าได้ถือสาเลย “โหย่วเฉา “ ข้าจะถือสาลูกเจ้าลงได้เช่นไร “ป๋อหลิน “ท่านโหย่วเฉาอาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง “โหย่วเฉา “อาการข้าแข็งแรงขึ้นมาก เป็นเพราะเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้ “หลังจากนั้นป๋อหลินได้ทำการรักษาท่านโหย่วเฉาเป็นครั้งที่สองจนตอนนี้หมอหลวงในวังเริ่มสงสัยโหย่วเฉาแล้ว จึงได้นำเรื่องนี่ไปเข้าเฝ้าพระมเหสีก่อนที่โหย่วเฉาจะมาตำหนักซูซ่าน ตอนนี่ไหน ๆ ท่านโหย่วเฉาก็ได้มารักษาตัวและจะต้องอยู่อีก สามชั่วโมงซูซ่านจึงคิดอยากทำของว่างมาให้โหย่วเฉาและเจี้ยวจ้านได้เคี้ยวเล่นในยามกลางวันเจี้ยยวจ้าน “เจ้าจะไปไหนรึ “.ซูซ่าน “ข้าจะไปทำของว่างมาให้ท่านกับท่านโหย่วเฉา “เจี้ยวจ้าน “ให้ข้าไปช่วยได้หรือไม่ “ ซูซ่านแววตาเปล่งประกายทันทีเมื่อได้ยินเจี้ยวจ้านบอกว่าอยากเข้าไปทำของว่างด้วยซูซ่าน “ก็ได้ ท่านเดินตามข้ามา “ เจี้ยวจ้านส่ง
บทที่18 ลานแข่งณ. ลานแข่งด้านการแพทย์ในขณะนี้ลานแข่งด้าน หมอได้เริ่มการแข่งขันขึ้นแล้ว โดยการนำพิษทุกชนิดให้ทุกคนเขียนชื่อลงไปว่าพิษชนิดนี่ชื่ออะไรแล้วอะไรสามารถถอนพิษได้ และที่มาของพืชพิษแหล่งกำเนิดอยู่ที่ใดป๋อหลินส่งงานช้ากว่าเพื่อ ๆ เลยถูกคู่แข่งเยอะเย้ย“ทำเป็นฉลาดไม่รู้เรื่องก็บอกมาเถอะ “ป๋อหลินไม่สนใจได้แต่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจเขียนรายละเอียดต่อไป เมื่อคู่แข่งเห็นว่าป๋อหลินเงียบใส่จึงกระชากกระดาษข้อตอบบนโต๊ะจนขาดเป็นชิ้น ๆ ป๋อหลินจึงลุกขึ้นต่อยหน้าคู่แข่งไปหลายทีในระหว่างนั้นอาจารย์หมอก็ได้เข้ามาพบเห็นจึงรีบผลักป๋อหลินออกแล้วต่อว่าป๋อหลินโดยไม่มีเหตุผล“เจ้าเหตุใดถึงได้ทำร้ายร่างกายคู่แข่งเช่นนี้ “ป๋อหลิน “ท่านอย่าเพิ่งตัดสิ้นในสิ่งที่ท่านเพิ่งเห็นมัน ท่านลองถามคู่แข่งสิ ว่าได้ทำอะไรข้าก่อน “อาจารย์จึงถามคู่แข่งว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คู่แข็งนั้นปากแข็งมากไม่ยอมรับอะไรสักอย่างโทษแต่ป๋อหลินฝ่ายเดียวป๋อหลิน “ท่านอาจารย์ จู่ๆ ชายหน้าด้านก็วิ่งเข่ามาฉีกกระดาษคำตอบของข้า “ท่านอาจารย์จึงหยิบเศษกระดาษที่ขาดออกมาเรียงติดต่อกันแล้วอ่านคำตอบทั้งหมด ซึ่งไม่มีข้อไหนผิดแม้แต่ข้อเดี
บทที่17เช้า 06.00 เช้านี่ลูก ๆของซูซ่านทั้งสี่ต้องเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในสิ่งที่ตัวเองนั้นถนัด ทุกตำหนักที่อยู่ติดกันต่างพาลูก ๆ ไปยังลานแข่ง จู่ ๆ เจี้ยวจ้านก็เข้ามาที่นี่พอดีตนจึงอาสา นำตัวเด็ก ๆที่เหลือสามคนไปส่งด้วยตัวเอง ส่วนซูเซียวน้องคนเล็กนั้นเจี้ยวจ้านจะดูแลไม่ให้ห่างกาย เจี้ยวจ้าน " เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลลูกสาวเจ้าเป็นอย่างดี " ซูซ่าน " งั้นข้าฝากท่านด้วย " เจี้ยวจ้านได้พาลูก ๆ ซู่ซ่านไปทั้งหมดสี่คน แต่ลงแข่งแค่สามคน ส่วนตงหยางซูซ่านจะไปส่งเอง ณ. ลานแข่งขันด้านวรุยุทธ ซููซ่าน " ตงหยาง ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร ต้องรู้จักการพ่ายแพ้ ไม่ดูถูกคู่ต่อสู้นะลูก " ตงหยางเข้าใจในสิ่งที่ซู่ซ่านพูดแม่ลูกมองหน้ากันอย่างเข้าใจพร้อมเดินเข้าไปข้างในอย่างมั่นใจ แต่ดูสีหน้าคู่แข่งแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดความกดดันจากผู้ใหญ่ไม่มีผู้ใดยิ้มร่าเริงให้เห็นเลยตวหยาง " ท่านแม่บรรยากาศดูตึงเครียดลูกรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย "ซูซ่าน " ครั้งแรกก็เช่นนี่ต่อไปเดี๋ยวก็ชินเองลูก " ในระกว่างที่ตงหยางยืนอยู่ข้าง ๆ ซูซ่านไม่ห่างหายได้มีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักทายอย่างไม่เป็
ดังนั้นเฟยเถากับซูซ่านก็เข้าไปนำอาหารใส่ชามออกมาเพื่อนั่งกินอยู่ด้านนอก จำต้องปล่อยเด็ก ๆไว้ ข้างนอกเพราะนางคิดว่าที่นี่ในวังคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรมากมาย ซูซ่าน " ตงหยางลูก พาน้อง ๆไปรอแม่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ห้ามเดินไปที่อื่นเด็ดขาด " ตงหยาง " ขอรับท่านแม่ ข้าจะดูแลน้องๆ เป็นอย่างดี ซูซ่าน " ดีมาก งั้นแม่เข้าไปด้านในก่อน " เมื่อซูซ่านออกไปพ้นสายตาเด็ก ๆ แล้ว ตงหยางก็ได้ทำหน้าที่อย่างที่แม่ขอไว้แต่ในขณะนั้นเลี่ยงจิง จู่ ๆ ก็มาโผล่หัวมาอยู่ที่นี่หมายตั้งใจเดินเข้ามาหาลูก ๆ ของซูซ่าน ด้วยท่าทางผยิ่งสโยไม่เกรงกลัวผู้ใดเลี่ยงจิง " เจ้าเด็กเหลือขอผู้ใดให้เจ้ามาอยู่ใต้ต้นไม้ เหตุใดไม่เข้าไปในครัว " ลูกของซูซ่าน ไม่พอใจที่แม่นางผู้นี่กล่าวหาว่าทุกคนเป็นเด็กเหลือขอทั้ง ๆ ที่แม่ตัวจริงก็มีอยู่แล้ว " ตงหยาง " นางผู้หญิงปากเน่าช่างไม่ลืมหูลืมตา เด็กเหลือขอที่ไหนจะมาอยู่ในวังหลวง โง่แล้วยังอวดเบ่งใส่พวกข้าอีก " เลี่ยงจิงตกใจในคำพูดของเด็กเจ็ดขวบทำให้นางโกรธจนหน้าสั่นยื่นแขนข้างขวาบีบคอตงหยางแล้วใช้แรงผลักจนล้มหัวเข่ากระแทกพื้น น้องทั้งสี่บุกเข้าไปด่าว่าพร้อมใช้กำปั่นน้อย ๆ ฟาดเข้าไปที่
บทที่ 15เจี้ยวจ้าน " ท่านพ่ออาการเป็นอย่างไรบ้าง " เจี้ยวจ้านรีบถามอาการของพ่อตนทันทีในขณะที่ป๋อหลินลูกชายคนที่สองมีสีหน้าที่เริ่มกังวลใจ เจี้ยวจ้านรู้สึกว่าต้องมีอะไรไม่ดีแน่ ๆ เจี้ยว " ป๋อหลินอาการท่านลุงเป็นอย่างไรบ้าง "ป๋อหลิน " อาการท่านลุงตอนนี้แย่มากร่างกายมีพิษมากเกินไป ภายในหนึ่งเดือนหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะไม่มีชีวิตรอด " เจี้ยวจ้าน " ว่าอย่างไร มีพิษงั้นรึ " ป๋อหลิน " ใช่ขอรับ ในทุก ๆ เช้าท่านลุงได้ดื่มอะไรยามเช้าเป็นประจำหรือไม่ " โหย่วเฉาจึงนั่งนึกอยู่ในใจ แต่ก็นึกไม่ออกเพราะช่วงเช้ามีแต่ยาของหมอหลวงนำมาให้ จึงได้ให้คำตอบป๋อหลินว่าตนนั้นไม่ได้ดื่มน้ำอะไร นอกจากยาของหมอหลวง ป๋อหลินจึงขอให้ท่านเจี้ยวจ้านนำยาของโหย่วเฉาออกมาดู เจี้ยวจ้านก็ไม่ได้มีคำถามอะไรก็ให้ดูตามที่ป๋อหลินนั้นขอ ตอนนี้ยาเม็ดกลม ๆ ได้อยู่ที่ฝ่ามือป๋อหลินแล้วทันใดนั้นเม็ดยาก็ถูกขยี้ให้แตกออกโดยใช้นิ้วมือบี้ไปมาจนเจอสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ข้างใน ป๋อหลิน " นี่มันสมุนไพรมีพิษ " ซูซ่าน " ป๋อหลินลูก เรื่องจริงรึลูกแน่ใจรึ " ป๋อหลิน " ข้ามั่นใจข้าไม่ได้โกหก หากไม่เชื่อท่านลองเอาเศษยาพิษเหล่านี้ไ