บทที่4
สามเดือนต่อมา ซูซ่าน “ เหตุใดกับข้าววันนี้ถึงมีกลิ่นเหม็น ๆ ข้าจะอ้วก “ แม่ซูซ่านเห็นท่าทางลูกสาวมีอาการแปลกไปหรือว่าปลาตัวนั้นมันเหม็นจริง ๆ แม่ซูซ่านจึงเดินไปหาแล้วหยิบปลาย่างมาขึ้นมาชิมดู....ก็ปกติดีไม่มีกลิ่นเหม็นคาวอะไร แม่ “ปลาตัวนี้แม่หาได้ตัวเป็น ๆ เหตุใดเจ้าถึงกินมันไม่ลง มันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมาก..” จู่ ๆ แม่นางก็นึกถึงตัวเองในสมัยที่ยังสาวอาการเช่นนี้คืออาการของคนท้อง แม่ซูซ่านเลยเดินทางไปบ้านเฟยเถาเพื่อถามและปรึกษาเรื่องนี้ แม่ “เฟยเถาข้ามีเรื่องจะหาความกับเจ้า “ แม่ซูซ่านร้อนใจอยู่ตลอดเวลาขมวดคิ้วจนหน้าหย่น เฟยเถา “ มีเรื่องอะไรรึ ท่านบอกข้ามาได้เลย “ แม่ “ อยู่ ๆ ซูซ่านก็เกิดอาการเหม็นคาวปลา นางบอกว่านางกินไม่ลงมันเหม็นมาก ข้าสงสัยว่านางอาจจะท้อง “ เฟยเถาพูดอะไรไม่ออกได้แต่หลบหน้าแม่ซูซ่านไม่กล้าจะสบตานาน ๆ เพราะกลัวว่าความจริงจะหลุดออกจากปากนางเอง แม่ซูซ่านก็ผ่านเหตุการณ์มามากมายจึงดูออกว่าเฟยเถานั้นมีเรื่องที่กำลังปิดบังอยู่ แม่ “เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่ บอกข้ามา “ แม่ซูซ่านชักสีหน้าข่มขู่ให้เฟยเถานั้นพูดความจริงออกมา เฟยเถาที่เห็นว่าความลับจะปิดไม่อยู่แล้วจึงประคองแม่ซูซ่านเข้าไปคุยข้างในเรือนหากคุยข้างนอกเกรงว่าจะมีผู้อื่นมาได้ยิน แม่ “ เหตุใดต้องเข้ามาคุยในเรือนเจ้า “ เฟยเถา “ ท่านตั้งใจฟังข้าให้ดี...........................? หลังจากนั้นแม่ซูซ่านได้รู้ความจริงแล้วนางถึงกับพูดไม่ออกแต่ก็ไม่ได้โทษเฟยเถาที่ดูแลไม่ดี ทั้งสองจึงหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกของซูซ่านนั้นเกิดมาโดยไม่เป็นขี้ปากของชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน เฟยเถา “ ไหน ๆ ข้าก็รับซูซ่านเป็นลูกบุญธรรมแล้ว ท่านกับซูซ่านย้ายมาอยู่กับข้าเถิด ข้ามีกำลังมากพอที่จะเลี้ยงซูซ่านและท่านไปจนแก่ แม่ “ข้าก็แก่แล้วคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน อย่างน้อยขอให้ข้าได้เห็นหน้าหลานที่กำลังจะเกิด ข้าก็ดีใจมากแล้ว เฟยเถา “ ‘งั้นข้าจะไปช่วยท่านเก็บข้าวของย้ายมาที่นี่ “ แม่ซูซ่านกลับบ้านไปบอกให้ลูกสาวย้ายข้าวของเข้าไปอยู่บ้านเฟยเถา ซูซ่านแปลกใจมากเหตุใดถึงได้ย้ายไปที่นั้น พอนางชักถามแม่นางก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ซูซ่าน “แม่เป็นอะไรไป คงไม่มีอะไรหรอกข้าคิดมากไปเอง “ ในระหว่างที่เฟยเถาช่วยแม่ซูซ่านขนของอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านที่เดินผ่านทางได้เกิดความสงสัยจึงวางข้าวของพวกเห็ดและของป่าที่หามาได้นั่งพักบริเวณตรงข้ามบ้านแม่ซูซ่านเพื่อสังเกตการณ์ ด้วยความสงสัยเลยแสร้งนั่งพักเหนื่อย เฟยเถาก็รู้ว่าชาวบ้านเหล่านี้ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นแต่นางนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ชาวบ้าน “พวกเจ้าเหตุใดท่านเฟยเถาเศรษฐีผู้มีฐานะร่ำรวยถึงได้รับสองคนนี้เข้าไปอยู่ด้วย “หรือว่าเฟยเถาจะเอ็นดูนางเลยรับนางเป็นลูกบุญธรรม “ ชาวบ้าน “ข้าก็มีลูกสาวเช่นกันเหตุใดลูกสาวข้าถึงไม่ได้เป็นลูกบุญธรรมเหมือนกับนางซูซ่าน นางไม่มีอะไรสู้ลูกสาวข้าเลยก็แค่มีหน้าตาสวยมากกว่าลูกข้าเล็กน้อย “ข้าว่าไม่เล็กน้อยแต่มากกว่าตั้งหลายเท่า “ ชาวบ้าน “เจ้าเข้าข้างมันรึ “ “ข้าก็แค่พูดความจริง ข้ากลับเรือนข้าดีกว่า .” หลังจากที่เฟยเถาช่วยขนของออกมาหมดแล้วแม่ซูซ่านกับเฟยเถาได้พาซูซ่านมานั่งพักเหนื่อยที่หน้าบ้าน ไม่นานนักก็ชาวบ้านหลายคนมุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมนำลูกสาวมาด้วยเพื่อจะขอให้เฟยเถารับเป็นบุตรอีกคน เฟยเถา “อะไร ?กัน “ เฟยเถาวางของว่างที่อยู่ในมือมองไปหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยหลานชายหลานสาวแต่ละครอบครัวมายืนรอร้องเรียกเพื่อให้นางรับลูกสาวเป็นบุตรบุญธรรม เฟยเถา “หยุดเสียงดังได้แล้ว พวกท่านมีเรื่องอะไรถึงได้มาหาข้ามากมายเช่นนี้ ชาวบ้าน “ ท่านเฟยเถารับลูกสาวข้าเป็นบุตรบุญธรรมด้วยคนเถิด นางมีชื่อว่าเลี่ยงจิน อายุเท่ากันกับซูซ่านทั้งสองรู้จักกันมานานแล้วสมัยเด็กซูซ่านกับเลี่ยงจินชอบมาเล่นด้วยกันเป็นประจำ เฟยเถาขมวดคิ้วมองเลี่ยงจิงก็รู้ได้ทันทีว่านางเป็นเด็กขี้อิจฉาอยากจะเอาชนะซูซ่านมาโดยตลอดเฟยเถาจึงรีบปฎิเสษไป เฟยเถา “ข้ารับแค่ซูซ่านเท่านั้นนางเป็นเด็กกำพร้า ส่วนลูกของพวกเจ้าก็มีพวกเจ้าอยู่ เลี่ยงจิงนางก็ไม่ได้กำพร้าอะไร แล้วเหตุใดท่านถึงกล้าพาลูกสาวมาขออย่างหน้าด้าน ๆ หรือว่าลูกสาวท่านอิจฉาซูซ่านอย่างนั้นรึ แม่เลี่ยงจิง “ท่านพูดเกินไปแล้ว ข้าคนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกสาวสุขสบายแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับซูซ่าน เฟยเถา “ เกี่ยวสิ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเมื่อก่อนเลี่ยงจิงแกล้งอะไรนางบ้าง “ เลี่ยงจิงได้ฟังเฟยเถาพูดออกมาก็สะดุ้งตื่นตัวรีบดึงแขนพาแม่ของนางกลับบ้านอย่างรวดเร็วสายตาเลี่ยงจิงเอาแต่มองซูซ่านที่แต่งตัวสวยขึ้นเสื้อผมเผ้าไม่รุงรั้งผิวสะอาดสะอาดยิ่งทำให้เลี่ยงจิงอิจฉาจวนแทบจะบ้าอยู่แล้ว เลี่ยงจิง “ทำไมนะ นางถึงได้ดีกว่าข้า “ เลี่ยงจิงกระทืบเท้าเดินไปเดินมาอย่างกังวล แม่เลี่ยงจิง “ ลูกเจ้าเป็นอะไรอีก “ เลี่ยงจิง “ท่านแม่นางไม่คู่ควรที่จะเป็นบุญธรรมด้วยซ้ำ มันต้องเป็นข้าสิถึงจะถูก “ แม่เลี่ยงจิง “ ใจเย็น ๆ รีบกลับเข้าเรือนมาแอบยืนคุยเช่นนี้ชาวบ้านจะมาได้ยิน เลี่ยงจิงอายุรุ่นเดียวกันกับซูซ่าน นิสัยขี้อิจฉาเห็นแก่ตัวคิดว่าตัวเองนั้นมีดีกว่าทักอย่างในช่วงวัยเด็กนางชอบแกล้งซูซ่านสารพัด นี่ขนาดโตแล้วยังไม่เลิกนิสัยเก่า ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปซูซ่านคงอยู่อย่างลำบากไม่สบายใจเป็นแน่ 8เดือนต่อมา เฟยเถา “อีกนิดเดียว เบ่งออกมาเร็ว “ ซูซ่านได้เกิดการคลอดบุตรอย่างกะทันหันโดยไม่มีหมอมาช่วยแต่ผู้ที่มีความรู้ในหมู่บ้านนั้นมาทำคลอดให้ ตอนนี้คลอดออกมาได้สองคนแล้วไม่รู้ว่าข้างในท้องนั้นมีอีกกี่คน เฟยเถา “แม่หมอ ดูท่าซูซ่านจะมีแฝดมากกว่าสามคนขึ้นไป “ เฟยเถาจับมือซูซ่านให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ อาการซูซ่านตอนนี้เริ่มหน้าซีดเจ็บปวด ทรมารไปหมดจนพูดไม่ออก เฟยเถา “ พร้อมหรือไม่ เจ้าต้องสู้นะ “ ซูซ่านพยักหน้าแล้วทำการเบ่งลูกคนที่สามออกมา เสียงร้องของนางทำให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกกังวลใจกลัวว่านางจะตายก่อนไม่ได้เห็นหน้าลูก ชาวบ้าน “ข้าได้ยินเสียงร้องแล้ว ข้านึกถึงสมัยที่ยังเป็นสาว ช่วงเวลานั้นมันทรมารเหลือเกิน ข้าอยากเข้าไปดูใจจะขาดแล้ว “ หึ ทีตอนนี่ทำมาเป็นหวงซูซ่าน เจ้าจำไม่ได้รึ ว่าช่วงสามเดือนก่อนเจ้ายังประณามว่านางท้องไม่มีพ่ออยู่เลยแล้วเหตุใดตอนนี่ถึงได้เป็นห่วงนางละ “ ชาวบ้าน “เจ้าเองก็ไม่ต่างไปจากข้านักหรอก ทุกคนมีส่วนร่วมต่อว่านางทั้งนั้นแหละโดยเฉพาะแม่เลี่ยงจิง ชอบเดินผ่านหน้าเรือนท่านเฟยเถากับลูกสาวของนางเพื่อมาสืบความในแต่ละวัน แล้วก็เอาเรื่องไปนินทาอยู่บ่อย ๆ “อุแว้.... อุแว้ “เสียงเด็กคนที่สามได้คลอกออกมาแล้ว ซูซ่านบอกกับเฟยเถาในขณะที่ร่างกายนั้นอ่อนแอมาก ซูซ่าน “ ข้าจะไม่ไหวแล้ว “ เสียงพึมพำร้องเอ่ยเว้าวอนเฟยเถาอย่างช้า ๆ เฟยเถา “ ซูซ่านมองหน้าแม่สิ เจ้าต้องอดทนเพื่อลูกของเจ้า “ ซูซ่านพยักหน้าเบา ๆ แล้วพร้อมทำการเบ่งลูกอีกครั้ง นางใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อให้ลูกออกมาให้ได้ จนในที่สุดนางก็ทำได้และในเวลานั้นซูซ่านก็ได้สลบลงทันที เฟยเถา “แม่หมอ ซูซ่านจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่ “ “นางปลอดภัยดี ตอนนี้นางแค่สลบไปเท่านั้น ข้าจะให้ยาบำรุงร่างกายแก่นาง ไม่เกินหนึ่งเดือนอาการก็ดีขึ้น ดูสินางได้ลูกแฝดห้าคนเชียวหนา ชายสามหญิงสองคน น่ารักน่าชังเสียจริง “ เฟยเถาโอบอุ้มลูกชายคนแรกอย่างถนุถนอม ทันใดนั้นเฟยเถาสังเกตเห็นว่าข้อมือเด็กแฝดทั้งนั้นมีปานรูปหัวใจที่ข้อมือกันหมดทุกคน เฟยเถา “ นี่อาจจะเป็นพ่อของเด็ก แล้วชายใดเล่ามีปานพิเศษเช่นนี้อยู่ที่ข้อมือ { คิดในใจ } 15.00 แฝดทั้งห้าเริ่มร้องหาแม่แล้ว เฟยเถาอุ้มขึ้นมาโอ้ทีละคนวนไปอยู่อย่างนั้นจนกว่าซูซ่านจะตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นนิ้วมือซูซ่านก็เริ่มขยับค่อย ๆ ลืมตาที่เหนื่อยล้าขึ้นมาหันเอียงคอมองดูลูก ๆ ทั้งห้าที่คลอดออกมาครบสามสิบสองประการ ทันใดนั้นน้ำตาของคนเป็นแม่ก็หลั่งออกมาด้วยความดีใจจนล้นอก มือผู้เป็นแม่ค่อย ๆ ยื่นออกจากเตียงนอน เฟยเถา “ ลูกแม่เจ้าฟื้นแล้ว “ เฟยเถาวางลูกคนที่หหนึ่งลงแล้วเดินมาประคองซูซ่านให้เอนหลังลุกนั่งพิงหมอน จากนั้นเฟยเถาก็นำลูกชายที่คลอดคนแรกมาให้ซูซ่านได้สัมผัสกลิ่นตัวของผู้เป็นแม่ ซูซ่าน “ จะตั้งชื่อให้พวกเจ้าว่าอย่างไรดี “ ซูว่านยิ้มตลอดเวลาที่เห็นลูก ๆ ที่น่าตาน่าชังนางอุ้มไม่ยอมปล่อยพร้อมเย้าหยอกเบาๆ หัวเราะกับลูกอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข เฟยเถา “เจ้าคลอกลูกแฝดทั้งห้าคน ดูแล้วหากเด็กๆ ทั้งห้าโตขึ้นมาแล้วทุกคนจะนำความมงคลมาสู่เจ้า เพราะเด็กเหล่านี้มีบุญมาก “ซูซ่าน “ท่านแม่รู้ได้อย่างไรว่าลูกของข้านั้นมีบุญมาก “ เฟยเถา “ เรื่องนี้พูดไปเจ้าคงไม่เชื่อไว้เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกเจ้าเอง “ ซูซ่าน “ ไม่เป็นไร แค่ตอนนี้ลูกเห็นหน้าลูกตัวเองก็มีความสุขมากแล้ว....คนแรก ข้าจะตั้งชื่อให้ ว่า ตงหยาง คนที่สอง ป๋อหลิน คนที่สาม ป๋อเหวิน คนที่สี่ ซูฮวา คนสุดท้าย ซูเซียว เฟยเถา “ ชื่อไพเราะเชียวหนา “ ทันใดนั้นชาวบ้ายบางกลุ่มอยากเข้ามาดูทารกทั้งห้าเลยขอร้องเฟยเถาอยู่หน้าประตู เฟยเถามองหน้าซูซ่าน ซูซ่านก็พยักหน้าตอบ นางจึงเดินไปเปิดประตูให้ชาวบ้านเข้ามา แต่ห้ามเข้าใกล้มากเพราะเด็กทั้งห้าไม่คุ้นชิน ชาวบ้าน “ อาซูซ่าน เจ้าคลอดลูกตั้งแฝดห้านี่ถือว่าเป็นลางดี “ ทุกคนต่างมาร่วมยินดีแต่มีหนึ่งในเสียงนั้นพูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ลูกไม่มีพ่อ ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร “ เลี่ยงจิง “ นั้นสิท่านแม่ ไม่รู้ว่านางไปให้ชายใดขมขืนกันนะ “ เฟยเถาโกรธมากที่แม่ลูกสองคู่นี้เข้ามาเพื่อหวังจะให้ร้ายจึงตบหน้าทั้งสองไปหลายที เลี่ยงจิง ‘” ท่านเฟยเถามันจะมากเกินไปแล้ว “ เฟยเถา “เด็กไม่รู้ความพูดจาให้ร้ายซูซ่านคงจะอิจฉานางมากจนขยับปากไม่หยุดเช่นนี้ “ เลี่ยงจิง “เหตุใดข้าต้องอิจฉานาง ข้าต่างหากที่นางควรอิจฉาข้าทั้งสาวและสวย พร้อมหาผู้ชายดี ๆ หนำซ้ำข้ายังได้มีโอกาศเข้าไปร่ำเรียนในวังหลวงด้วย “ เฟยเถา “ ‘งั้นรึ ลูกสาวข้าซูซ่านก็ได้ไปเช่นกัน “ เลี่ยงจิงขึงตาขวางใส่เฟยเถา “เป็นไปไม่ได้คนอย่างนางนี่รึ จะรู้หนังสือพื้นฐานยังแต่เยาว์วัยก็ยังไม่มี “ เฟยเถา “ ผู้ใดบอกว่านางไม่มีพื้นฐาน บางทีซูซ่านอาจจะเก่งกว่าเจ้าด้วยซ้ำไป “ เลี่ยงจิง “ นี่ท่าน...... “ ชาวบ้านไม่พอใจอย่างมากที่เลี่ยงจิงนับวันยิงเผยธาตุแท้ออกมา ร้ายกาจใส่แม้กระทั่งผู้ใหญ่ ทุกคนจึงมุ่งหมายมองตาไปที่นางกดดันให้นางรีบออกไปจากเรือนเฟยเถาบทที่8ทุกคนยอมรับในฝีมือป๋อหลินทันใดนั้นป๋อหลินก็นำเข็มจี้ตามจุดร่างกาย ไม่นานนักเด็กทารกก็กลับมาหัวใจเต้นอีกครั้งพร้อมส่งเสียงร้องให้ทุกคนได้ยิน ผู้เป็นแม่ดีใจโอบอุ้มลูกขึ้นสู่อ้อมกอดอีกครัง ทุกคนต่างอวยพรให้เด็กคนนี่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย นำด้ายสีขาวมาผูกข้อมือให้ทารกเพื่อเรียกขวัญกลับมาชาวบ้าน “รอดตายแล้วเจ้าเด็กน้อย ““ ข้าขอบใจเจ้ามากที่ช่วยชีวิตลูกข้าไว้ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเก่งถึงเพียงนี่ “ป๋อหลิน" นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ขอแค่ข้าได้ช่วยคนข้าก็ดีใจแล้ว "หลังจากนั้นซูซ่านกัยเฟยเถาได้พาป๋อหลินออกจากที่นี่เพื่อกลับเรือน ซูซ่านสงสัยว่าเหตุใดวันนี้ลูก ๆ ของนางถึงเงียบผิดปกติ จึงเร่งเปิดประตูเข้าไปดูในห้องไม่พบใครสักคนอยู่ข้างในเลย ซูซ่าน " ลูก ๆ ทั้งสี่คนของข้าหายไปไหน "ป๋อหลิน " ท่านแม่ พวกพี่ชายกับน้องหญิงคงออกไปดูป้ายประกาศรับสมัคผู้เข้าแข่งขัน วัยเจ็ดปี ที่ลานประชุมหมู่บ้านเป็นแน่ "ซูซ่าน " งั้นแม่จะออกไปดู " ป๋อหลิน " ข้าอยากไปด้วยท่านแม่ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่ " ซูซ่าน " ก็ได้ ๆ " ลานประชุมหมู่บ้านเหล่าแม่ ๆ ในหมู่บ้านได้พร้อมใจหันออกมาดูป้ายสมัค
บทที่6 องค์ชชายเจียวจ้าน องค์ชายเจียวจ้านบุตรชายคนเดียวผู้สืบทอดการครองบัลลังก์จากฮ้องเต้ ปกติแล้วองค์ชายนั้นชอบออกจากวังเป็นประจำเช่นนี้ทุกวันเพื่อเข้าไปในแต่ละหมู่อยากรู้เรื่องการเป็นอยู่ในแต่ละเดือนมีปัญหาขาดอะไรตรงไหนองค์ชายจะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น วันนี้ก็เช่นกันท่านทรงเลือกมาดูที่แค้วเซี่ย แค่ได้ยินเสียงขบวนม้าทางเข้าแคว้นเซี่ยชาวบ้านส่วนใหญ่จะออกไปรอต้อนรับชายที่มีดวงตากลมโตสันกรามเห็นชัดเจนลำตัวสูงโปร่งหน้าตาดุ ๆ แต่ความจริงไม่ดุแค่เป็นคนไม่ค่อยพูดเยอะ นิสัยอกจะเย็นชาแต่ก็รับฟังทุกปัญหา ชาวบ้าน “องค์ชายทรงเดินทางอยากจะนั่งพักก่อนหรือไม่เพคะ “ เจียวจ้าน “ไม่ต้อง “ สิ้นสุดบทสนทนาเจียวจ้านนั้นได้ขึ้นหลังม้าเพื่อสำรวจทุก ๆ บ้านเรือนและมีทหารคอยติดตามตลอดเวลา ทหาร “องค์ชายขอรับ ที่นี่มีร้านขายของเก่าพวกของชิ้นโบราณทั้งหลายตรงไปอีก เลยไปสิบหลังคาเรือนก็จะเจอขอรับ” เจียวจ้าน “เจ้าเคยมาชื้อของที่นี่รึ “ ทหาร “ใช่ขอรับ ข้าชื้อมาแล้วนำไปขายต่อให้คนชั้นสูงได้ราคาสูงนัก “ เจียวจ้าน “หยุด “ เจียวจ้านเกือบชนเด็กแฝดทั้งห้า ยังดีนะที่หันกลับไปมองได้ทันการณ์ เจียวจ้าน “พวกเจ้าเป็นแ
บทที่5 7ปีต่อมา ณ . แคว้นเซี่ย ดินแดนทางใต้ของวังหลวงอยู่ห่างจากวังหลวงประมาณสองลี้ ซึ่งไม่ใกล้และไม่ไกลมากนัก เวลา 09.00 ณ.ร้านขายของเก่าวัตุโบราณ ตงหยาง “ท่านแม่ของเก่าแก่เหล่านี่ช่างขายดีนักขอรับ “ ซูซ่านย่อลำตัวลงจับแก้มหนุ่มๆ ของลูกชายวัยเจ็ดขวบด้วยความเอ็นดู ซูซ่าน “ แน่นอนสิลูก ต่อไปหากแม่ไม่อยู่ลูกจะต้องสืบทอดต่อจากแม่ เข้าใจหรือไม่ “ ตงหยาง “เข้าใจขอรับ “ ในขณะนั้นเสียงที่วุ่นวายของลูก ๆ ทั้งสี่ได้เข้ามาพร้อมดอกบัวเต็มไม้เต็มมือ ลำตัวเปื้อนโคลนเต็มเสื้อผ้าทั้งหน้าเห็นแค่แววตาใส ๆ เล็ก ๆกำลังแหงนหน้ามองแม่ของตัวเอง ซูซ่าน “ ป๋อหลิน ป๋อเหวิน ซูฮวา ซูเซียว แม่บอกพวกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปเล่นใกล้แม่น้ำ “ “ท่านแม่พวกข้าเห็นดอกใบบัวใกล้ฝั่งเลยเก็บมันมาด้วย แต่หากท่านแม่จะลงโทษลูกก็ยอมรับผิด “ คำพูดเสียงเล็กเสียงน้อยทำให้ซูซ่านใจอ่อนทุกทีเลย ซูซ่าน “ ลูกรู้หรือไม่หากโคลนดูดลงไปแล้วแม่จะอยู่อย่างไร ไม่สงสารแม่บ้างรึ “ ซูซ่านทำหน้างอนใส่ลูก ๆ หันหลังเดินจากไปที่หลังบ้านเพื่อทำของว่างให้ลูก ๆ นั่งกินเล่น ทันใดนั้นเด็กทั้งสี่ก็รู้ว่าแม่นั้นน้อยใจจึงวิ่งเข้าโผกอดเพื่อขอโทษ ป
บทที่4 สามเดือนต่อมา ซูซ่าน “ เหตุใดกับข้าววันนี้ถึงมีกลิ่นเหม็น ๆ ข้าจะอ้วก “ แม่ซูซ่านเห็นท่าทางลูกสาวมีอาการแปลกไปหรือว่าปลาตัวนั้นมันเหม็นจริง ๆ แม่ซูซ่านจึงเดินไปหาแล้วหยิบปลาย่างมาขึ้นมาชิมดู....ก็ปกติดีไม่มีกลิ่นเหม็นคาวอะไร แม่ “ปลาตัวนี้แม่หาได้ตัวเป็น ๆ เหตุใดเจ้าถึงกินมันไม่ลง มันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมาก..” จู่ ๆ แม่นางก็นึกถึงตัวเองในสมัยที่ยังสาวอาการเช่นนี้คืออาการของคนท้อง แม่ซูซ่านเลยเดินทางไปบ้านเฟยเถาเพื่อถามและปรึกษาเรื่องนี้ แม่ “เฟยเถาข้ามีเรื่องจะหาความกับเจ้า “ แม่ซูซ่านร้อนใจอยู่ตลอดเวลาขมวดคิ้วจนหน้าหย่น เฟยเถา “ มีเรื่องอะไรรึ ท่านบอกข้ามาได้เลย “ แม่ “ อยู่ ๆ ซูซ่านก็เกิดอาการเหม็นคาวปลา นางบอกว่านางกินไม่ลงมันเหม็นมาก ข้าสงสัยว่านางอาจจะท้อง “ เฟยเถาพูดอะไรไม่ออกได้แต่หลบหน้าแม่ซูซ่านไม่กล้าจะสบตานาน ๆ เพราะกลัวว่าความจริงจะหลุดออกจากปากนางเอง แม่ซูซ่านก็ผ่านเหตุการณ์มามากมายจึงดูออกว่าเฟยเถานั้นมีเรื่องที่กำลังปิดบังอยู่ แม่ “เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่ บอกข้ามา “ แม่ซูซ่านชักสีหน้าข่มขู่ให้เฟยเถานั้นพูดความจริงออกมา เฟยเถาที่เห็นว่าความลับจะปิดไม่อยู่
บทที่3 ซูซ่านถูกข่มขืน ผ้าสีขาวถูกคาดไว้ที่ปากไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือมองไปที่ใดก็มีแต่ความมืดมิดแต่หูของซูซ่านนั้นได้ยินแต่เสียงบุรุษทั้งหลายเหมือนกำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างสำราญนางจึงตื่นกลัวมากกว่าเดิมพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อหนีออกจากที่นี่ ซูซ่าน “ปล่อยข้านะ “ เสียงรำไห่สั่นเครือในลำคอร้องขอความช่วยเหลือที่แผ่วเบาอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาด้านในย่องเบาเข้ามาอุ้มซูซ่านไปนอนราบบนเตียง แม่เล้า “ข้าหาสตรีมาทดแทนให้ท่านแล้วหวังว่าท่านจะพอใจ “ ปากสีแดงขยับพูดมาจากด้านหลังเพื่อเอาใจชายผู้มีฐานะ “วันนี่เจ้าทำดีมาก หาสตรีบริสุทธ์ แถมยังสาวหน้าตางดงามมาให้ข้าได้ระเริงเล่นบทรัก ฮ่า ๆ “ แม่เล้า “แค่ท่านพอใจข้าก็ยินดี “ หลังจากพูดจบนางแม่เล้าก็ปิดประตูเดินออกจากห้องไปด้านล่างด้วยความอารมณ์ดี “มาเป็นของข้าเถิด “ ชายผู้นี้กระชากผ้าที่คาดปากออกแล้วให้โอกาสซูซ่านได้เอ่ยออกมาแค่ชั่วคราว ซูซ่าน “ ท่านอย่าทำอะไรข้าเลย ปล่อยข้าไปเสียเถิด “ ซูซ่านอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแต่มันก็ไม่เป็นผล “มาเถิด หากเจ้าเป็นของข้า ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดี “ ทันใดนั้นมันใช้มือกดลำคอซูซ่านแล้
บทที่2 สวยตะลึง “เจ้ารูปโฉมงดงามนัก หากโตขึ้นกว่านี้คงมีแต่ชายแลมองไม่หยุด “ ซูซ่านจ้องมองตัวเองในกระจกพร้อมฟังเจ้าของร้านกล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก ในขณะนั้นเฟยเถาก็เดินเข้ามาพอดี เฟยเถา “เจ้างดงามยิ่งนัก พร้อมออกไปข้างนอกสู้สายตาผู้คนหรือยัง “ ซูซ่าน “ ข้าพร้อมแล้ว “ เด็กสาวซูซ่านก้าวขาบาง ๆ ออกสู่ข้างนอกสู้สายตาผู้คนที่มองมาเห็นสตรีงามพริ้งจนไม่อาจละสายตาแม้กระทั่งกลิ่นอายของความบริสุทธิ์ทำให้บุรุษทุกคนต้องเลียวมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฟยเถา “ คู่บ่าวสาวเดินคู่กันเต็มไปหมด “ เฟยเถามองไปทางข้างหน้าแหงนเมียงมองท้องฟ้าที่กำลังปกคลุมพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินอย่างเศร้าใจจนผู้คนเดินผ่านเดินชนหัวไหล่นางโดยไม่ได้ตั้งใจ “แม่นางยืนระวัง ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะชนท่านต้องขออภัยข้าเองก็ไม่ทันมอง “ เฟยเถารีบขอโทษหญิงชราที่เดินถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือมีทั้งอาหารขนมผลไม้พร้อมจูงมือหลายชายตัวน้อยเดินออกจากเทศกาล เฟยเถา “ ขออภัยข้ามัวแต่เมอ ต่อไปข้าจะระวังให้มากกว่านี้ “ “ไม่เป็นไร งั้นข้าไปก่อนปานนี้ลูก ๆ คงรอข้าอยู่ “ ยายชรายิ้มร่ามองข้าวของที่ชื้อมาพร้อมจูงมือหลานชายออกไปมันช่างอบอุ่นไปทั่วหัวใจ จนนา
ย้อนไปเมื่อ17ปีที่แล้ว หญิงสาวแม่เลี้ยงเดี่ยว ชื่อซูซ่านนางเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนถูกรับเลี้ยงจากยายชราอายุ60ปี จนซูซ่านเติบใหญ่โตเป็นสาวอายุสิบเจ็ดหน้าตาสะสวยผิวขาวนวลผ่องสูงประมาณ 164 ซ.ม นางมีความใฝ่ฝันอยากจะหาเงินได้เยอะ ๆ เพื่อให้มีฐานะดีขึ้นจะได้ไม่ต้องลำบากนางจึงรับจ้างทำงานทุกอย่างเท่าที่สามารถจะทำได้ แม้กระทั้งงานก่อสร้างนางก็ยอมทำ แต่หากจะให้นางไปขายตัวนางไม่ยอม ถึงอย่างนั้นก็ไม่พ้นสายตาแม่เล้าในยานทางเมืองลั่วหยางอยู่ห่างจากราชวังศ์ชิงประมาณหกลี้ ซึ่งเป็นแถบที่ผู้คนเที่ยวเยอะที่สุด อยู่มาวันหนึ่งซูซ่านอยากมาดูเทศการวันตรุษจีนนางจึงขอแม่นางเดินทางไปที่นั้น แม่นางนั้นเห็นว่านางเริ่มเป็นสาวแล้วคงอยากเที่ยวตามประสานารีนึกเหมือนดอกไม้ที่กำลังออกดอก อยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา “ไปเถิด อย่ากลับมามืดค่ำละกันมันอันตราย “ น้ำเสียงพลางบอกกล่าวในลำคอที่เบาดังใบไม้แห้งเหี่ยวกล่าว ตักเตือนบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่ทันจะได้พูดอีกคำซูซ่านก็เดินออกจากเรือนเลยไม่ได้ยินสิ่งที่แม่จะพูดต่อไป จนเจอรถม้าผู้ที่พอมีฐานะมีรถม้าประจำบ้านกำลังออกเดินทางไปยังลั่วหยาง ทันทีที่เห็นซูซ่านวิ่งตา