บทที่20ปรับความเข้าใจโหย่วเฉา “ฟางเหรินเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีที่ผ่านมาข้าตามหาเจ้ามาตลอด ตอนนั้นเมื่อข้ารู้ข่าวว่าเจ้าถูกโจรฆ่าตายข้านั้นก็แทบใจสลาย ได้แต่มองเจี้ยวจ้านเป็นตัวแทนของเจ้า เพราะลูกเจ้าช่างนิสัยเหมือนเจ้าหากไม่มีเจี้ยวจ้านปานนี่ข้าคงตรอมใจตาย “เฟยเถา “เป็นท่านไม่ใช่รึ ที่เบื่อข้าและให้ชายารองมายื่นใบหย่าให้ข้าลงนาม “โหย่วเฉา “เจ้าว่าอะไรนะ ข้ารึขอหย่าเจ้าข้าไม่เคยขอหย่าเจ้าและไม่เคยเบื่อเจ้าเลย “เฟยเถา “แล้วเหตุใดชายารองของท่านถึงบอกข้าเช่นนั้น “โหย่วเฉา “ ‘งั้นเจ้าก็ไม่ได้ถูกโจรฆ่าตาย “เฟยเถา ใช่ข้าถูกผลักตกหน้าผา แล้วนางยังบอกอีกว่าท่านไม่ต้องการข้าแล้ว “ทั้งสองปรับความเข้าใจกันอยู่นานพอสมควร จนในที่สุดก็เข้าใจกันเสียที เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นมาจากชายารองที่ริษยาอยากขึ้นเป็นชายาเอกเลยทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเฟยเถาออกไปจากชีวิตโหย่วเฉา ทั้งสองต้องการบอกเรื่องนี่ให้ซูซ่านกับเจี้ยวจ้านนั้นรู้ความจริง เฟยเถาจึงเรียกซูซ่านกับเจี้ยวจ้านเข้ามาด้านในตำหนัก จนเวลาผ่านไปสามชั่วโมง ซูซ่านกับเจี้ยวจ้านจึงเข้าใจทุกอย่างและได้รู้ว่าพ่อของลูกในคืนนั้นคือเจี้ยวจ้าน และเจี้ยวจ้า
บทที่19ตงหยางกับน้องทั้งสี่ได้ยินว่าท่านโหย่วเฉามาถึงแล้ว จึงรีบออกจากตำหนักเพื่อมาถามไถ่อาการ จนโหย่วเฉาที่ยืนอยู่ ต้องค่อย ๆ เดินไปนั่ง เพราะตอนนี่เด็กแฝดทั้งห้ากำลังล้ายล้อมตัวเองไว้อยู่โหย่วเฉา “ใจเย็น ๆ ลูก ๆ ของเจ้าช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน “ซูซ่าน “เด็กก็ชนเช่นนี้อย่าได้ถือสาเลย “โหย่วเฉา “ ข้าจะถือสาลูกเจ้าลงได้เช่นไร “ป๋อหลิน “ท่านโหย่วเฉาอาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง “โหย่วเฉา “อาการข้าแข็งแรงขึ้นมาก เป็นเพราะเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้ “หลังจากนั้นป๋อหลินได้ทำการรักษาท่านโหย่วเฉาเป็นครั้งที่สองจนตอนนี้หมอหลวงในวังเริ่มสงสัยโหย่วเฉาแล้ว จึงได้นำเรื่องนี่ไปเข้าเฝ้าพระมเหสีก่อนที่โหย่วเฉาจะมาตำหนักซูซ่าน ตอนนี่ไหน ๆ ท่านโหย่วเฉาก็ได้มารักษาตัวและจะต้องอยู่อีก สามชั่วโมงซูซ่านจึงคิดอยากทำของว่างมาให้โหย่วเฉาและเจี้ยวจ้านได้เคี้ยวเล่นในยามกลางวันเจี้ยยวจ้าน “เจ้าจะไปไหนรึ “.ซูซ่าน “ข้าจะไปทำของว่างมาให้ท่านกับท่านโหย่วเฉา “เจี้ยวจ้าน “ให้ข้าไปช่วยได้หรือไม่ “ ซูซ่านแววตาเปล่งประกายทันทีเมื่อได้ยินเจี้ยวจ้านบอกว่าอยากเข้าไปทำของว่างด้วยซูซ่าน “ก็ได้ ท่านเดินตามข้ามา “ เจี้ยวจ้านส่ง
บทที่18 ลานแข่งณ. ลานแข่งด้านการแพทย์ในขณะนี้ลานแข่งด้าน หมอได้เริ่มการแข่งขันขึ้นแล้ว โดยการนำพิษทุกชนิดให้ทุกคนเขียนชื่อลงไปว่าพิษชนิดนี่ชื่ออะไรแล้วอะไรสามารถถอนพิษได้ และที่มาของพืชพิษแหล่งกำเนิดอยู่ที่ใดป๋อหลินส่งงานช้ากว่าเพื่อ ๆ เลยถูกคู่แข่งเยอะเย้ย“ทำเป็นฉลาดไม่รู้เรื่องก็บอกมาเถอะ “ป๋อหลินไม่สนใจได้แต่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจเขียนรายละเอียดต่อไป เมื่อคู่แข่งเห็นว่าป๋อหลินเงียบใส่จึงกระชากกระดาษข้อตอบบนโต๊ะจนขาดเป็นชิ้น ๆ ป๋อหลินจึงลุกขึ้นต่อยหน้าคู่แข่งไปหลายทีในระหว่างนั้นอาจารย์หมอก็ได้เข้ามาพบเห็นจึงรีบผลักป๋อหลินออกแล้วต่อว่าป๋อหลินโดยไม่มีเหตุผล“เจ้าเหตุใดถึงได้ทำร้ายร่างกายคู่แข่งเช่นนี้ “ป๋อหลิน “ท่านอย่าเพิ่งตัดสิ้นในสิ่งที่ท่านเพิ่งเห็นมัน ท่านลองถามคู่แข่งสิ ว่าได้ทำอะไรข้าก่อน “อาจารย์จึงถามคู่แข่งว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คู่แข็งนั้นปากแข็งมากไม่ยอมรับอะไรสักอย่างโทษแต่ป๋อหลินฝ่ายเดียวป๋อหลิน “ท่านอาจารย์ จู่ๆ ชายหน้าด้านก็วิ่งเข่ามาฉีกกระดาษคำตอบของข้า “ท่านอาจารย์จึงหยิบเศษกระดาษที่ขาดออกมาเรียงติดต่อกันแล้วอ่านคำตอบทั้งหมด ซึ่งไม่มีข้อไหนผิดแม้แต่ข้อเดี
บทที่17เช้า 06.00 เช้านี่ลูก ๆของซูซ่านทั้งสี่ต้องเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในสิ่งที่ตัวเองนั้นถนัด ทุกตำหนักที่อยู่ติดกันต่างพาลูก ๆ ไปยังลานแข่ง จู่ ๆ เจี้ยวจ้านก็เข้ามาที่นี่พอดีตนจึงอาสา นำตัวเด็ก ๆที่เหลือสามคนไปส่งด้วยตัวเอง ส่วนซูเซียวน้องคนเล็กนั้นเจี้ยวจ้านจะดูแลไม่ให้ห่างกาย เจี้ยวจ้าน " เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลลูกสาวเจ้าเป็นอย่างดี " ซูซ่าน " งั้นข้าฝากท่านด้วย " เจี้ยวจ้านได้พาลูก ๆ ซู่ซ่านไปทั้งหมดสี่คน แต่ลงแข่งแค่สามคน ส่วนตงหยางซูซ่านจะไปส่งเอง ณ. ลานแข่งขันด้านวรุยุทธ ซููซ่าน " ตงหยาง ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร ต้องรู้จักการพ่ายแพ้ ไม่ดูถูกคู่ต่อสู้นะลูก " ตงหยางเข้าใจในสิ่งที่ซู่ซ่านพูดแม่ลูกมองหน้ากันอย่างเข้าใจพร้อมเดินเข้าไปข้างในอย่างมั่นใจ แต่ดูสีหน้าคู่แข่งแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดความกดดันจากผู้ใหญ่ไม่มีผู้ใดยิ้มร่าเริงให้เห็นเลยตวหยาง " ท่านแม่บรรยากาศดูตึงเครียดลูกรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย "ซูซ่าน " ครั้งแรกก็เช่นนี่ต่อไปเดี๋ยวก็ชินเองลูก " ในระกว่างที่ตงหยางยืนอยู่ข้าง ๆ ซูซ่านไม่ห่างหายได้มีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักทายอย่างไม่เป็
ดังนั้นเฟยเถากับซูซ่านก็เข้าไปนำอาหารใส่ชามออกมาเพื่อนั่งกินอยู่ด้านนอก จำต้องปล่อยเด็ก ๆไว้ ข้างนอกเพราะนางคิดว่าที่นี่ในวังคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรมากมาย ซูซ่าน " ตงหยางลูก พาน้อง ๆไปรอแม่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ห้ามเดินไปที่อื่นเด็ดขาด " ตงหยาง " ขอรับท่านแม่ ข้าจะดูแลน้องๆ เป็นอย่างดี ซูซ่าน " ดีมาก งั้นแม่เข้าไปด้านในก่อน " เมื่อซูซ่านออกไปพ้นสายตาเด็ก ๆ แล้ว ตงหยางก็ได้ทำหน้าที่อย่างที่แม่ขอไว้แต่ในขณะนั้นเลี่ยงจิง จู่ ๆ ก็มาโผล่หัวมาอยู่ที่นี่หมายตั้งใจเดินเข้ามาหาลูก ๆ ของซูซ่าน ด้วยท่าทางผยิ่งสโยไม่เกรงกลัวผู้ใดเลี่ยงจิง " เจ้าเด็กเหลือขอผู้ใดให้เจ้ามาอยู่ใต้ต้นไม้ เหตุใดไม่เข้าไปในครัว " ลูกของซูซ่าน ไม่พอใจที่แม่นางผู้นี่กล่าวหาว่าทุกคนเป็นเด็กเหลือขอทั้ง ๆ ที่แม่ตัวจริงก็มีอยู่แล้ว " ตงหยาง " นางผู้หญิงปากเน่าช่างไม่ลืมหูลืมตา เด็กเหลือขอที่ไหนจะมาอยู่ในวังหลวง โง่แล้วยังอวดเบ่งใส่พวกข้าอีก " เลี่ยงจิงตกใจในคำพูดของเด็กเจ็ดขวบทำให้นางโกรธจนหน้าสั่นยื่นแขนข้างขวาบีบคอตงหยางแล้วใช้แรงผลักจนล้มหัวเข่ากระแทกพื้น น้องทั้งสี่บุกเข้าไปด่าว่าพร้อมใช้กำปั่นน้อย ๆ ฟาดเข้าไปที่
บทที่ 15เจี้ยวจ้าน " ท่านพ่ออาการเป็นอย่างไรบ้าง " เจี้ยวจ้านรีบถามอาการของพ่อตนทันทีในขณะที่ป๋อหลินลูกชายคนที่สองมีสีหน้าที่เริ่มกังวลใจ เจี้ยวจ้านรู้สึกว่าต้องมีอะไรไม่ดีแน่ ๆ เจี้ยว " ป๋อหลินอาการท่านลุงเป็นอย่างไรบ้าง "ป๋อหลิน " อาการท่านลุงตอนนี้แย่มากร่างกายมีพิษมากเกินไป ภายในหนึ่งเดือนหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะไม่มีชีวิตรอด " เจี้ยวจ้าน " ว่าอย่างไร มีพิษงั้นรึ " ป๋อหลิน " ใช่ขอรับ ในทุก ๆ เช้าท่านลุงได้ดื่มอะไรยามเช้าเป็นประจำหรือไม่ " โหย่วเฉาจึงนั่งนึกอยู่ในใจ แต่ก็นึกไม่ออกเพราะช่วงเช้ามีแต่ยาของหมอหลวงนำมาให้ จึงได้ให้คำตอบป๋อหลินว่าตนนั้นไม่ได้ดื่มน้ำอะไร นอกจากยาของหมอหลวง ป๋อหลินจึงขอให้ท่านเจี้ยวจ้านนำยาของโหย่วเฉาออกมาดู เจี้ยวจ้านก็ไม่ได้มีคำถามอะไรก็ให้ดูตามที่ป๋อหลินนั้นขอ ตอนนี้ยาเม็ดกลม ๆ ได้อยู่ที่ฝ่ามือป๋อหลินแล้วทันใดนั้นเม็ดยาก็ถูกขยี้ให้แตกออกโดยใช้นิ้วมือบี้ไปมาจนเจอสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ข้างใน ป๋อหลิน " นี่มันสมุนไพรมีพิษ " ซูซ่าน " ป๋อหลินลูก เรื่องจริงรึลูกแน่ใจรึ " ป๋อหลิน " ข้ามั่นใจข้าไม่ได้โกหก หากไม่เชื่อท่านลองเอาเศษยาพิษเหล่านี้ไ
บทที่14โหย่วเฉา " ลูกเจ้าช่างรู้ความยิ่งนัก " เด็ก ๆห้าคนคำนับฮ่องเต้และองค์ชชายทันทีที่มาถึงหน้าตำหนัก ตงหยางพี่ชายคนโตไม่รู้ว่าชายทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหน้าตนนั้นคือฮ้องเต้ ตงหยางคิดว่าเป็นเพียงผู้ดูแลเรื่องการแข่งขันเลยไม่ได้สงสัยอะไร ตงหยาง " ท่านลุงทั้งสองหิวน้ำหรือไม่เข้ามานั่งข้างในก่อนเถิด ยืนนาน ๆ คงไม่เหมาะนัก "ซูซ่าน " ตงหยางลูก "ซูซ่านไม่กล้าสบตาเจี้ยวจ้านและฮ้องเต้ในขณะนั้นเฟยเถาได้เดินออกมาจากตำหนักพอดี เฟยเถาเกิดอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฮ้องเต้ แต่นางก็พยายามเก็บท่าทีไม่ให้ผู้ใดรับรู้แม้กระทั่งซูซ่าน เฟยเถา " ถวายบังคมฝ่าบาท " ทุกอิริยาบถทุกฮ้องเต้มองจนไม่อาจละสายตาแม้กระทัั่งกลิ่นกายของนางยังคุ้นเคยจนอยากจะกระชากผ้าที่ผิดบังหน้าเฟยเถาออกมาฮ้องเต้ " เจ้าคือแม่ของซูซ่านใช่หรือไม่"เฟยเถาไม่สบตาก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายเหมือนคนมีความลับบางอย่าง นางจึงได้แต่รีบตอบคำถามจากนั้นเฟยเถาก็ทำทีเหมือนมีเรื่องต้องทำอีกมากมายจึงกล่าวขออภัยฮ้องเต้ที่ไม่ได้อยู่สนธนาด้วย แต่ก่อนที่นางกำลังจะหันหลังจากไป เจี้ยวจ้านได้เรียกเฟยเถากะทันหัน เจี้ยวจ้าน " ท่านน้า ท่านทำปิ่นปักผมหล่นลง
บทที่13ถึงหน้าวังหลวง .08.00 ทหาร " ผู้ใดที่มาถึงแล้วอย่าลืมนำหมายเลขที่ลงทะเบียนไว้ออกมาให้ดู หากไม่มีนั้นถือว่าไม่สามารถเข้าร่วมการเเข่งขันได้ "เสียงทหารร้องเป่าประกาศให้ผู้คนได้รับทราบ อยู่ตลอดเวลานั้นทำให้เด็กแฝดทั้งห้ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นอาจารย์ที่สอนแต่ละคนยืนอยู่ไกล ๆ แววตามีความดุดันอย่างหน้าเกรงขาม ตงหยาง " อาจาร์ยสอนวรยุทธ์หน้าดุมาก ยืนมองมาที่ผู้คนอยู่ตลอดเวลา " ซูซ่าน " อย่ามัวแต่สนใจสิ่งอื่น ตอนนี้ต้องไปต่อแถวแล้ว " หลังจากนั้นเด็ก ๆ หลายร้อยคนได้เข้ามาที่วังหลวงกันทุกคนแล้ว ซูซ่านทำได้แค่ส่งลูก ๆ ทั้งสี่เข้าไปด้านในส่วนหน้าที่ดูแลความปลอดภัยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่าทหาร จนกว่าจะผลการทดสอบขั้นพื้นฐานจะประกาศออกมาถึงเวลานั้นจะได้รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป 11.00 ประผลการทดสอบเด็ก ๆ ทั้งสี่ได้ผ่านการคัดเลือกซูซ่านกับเฟยเถาดีใจมาก จึงเข้าโผเข้ากอดลูก ๆ อย่างภาคภูมิใจ เฟยเถากับซูซ่านจึงให้อาสิบนำรถม้าที่มีข้าวของเข้าวังโดยมีทหารจัดแจ้งที่พักให้ ซูฮวา " ท่านแม่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกได้เห็นวังหลวงที่งดงามประการตาเช่นนี่ " ซูซ่าน " แม่กับท่านย่าก็เพิ่งจะเคยเห็นเช่นกัน
บทที่ 12เช้าในวันถัดมา 6.30เสียงขบวนม้าแต่ละครอบครัวเริ่มออกเดินทางไปยังวังหลวงกันแต่เช้า ตงหยางพี่คนโตกำลังรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างงัวเงียนั่งไปสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องเข้าทดสอบขั้นพื้นฐานหากผู้ใดไม่ผ่านก็ไม่มีสิทธิ์ได้ฝึกต่อส่วนคนที่ผ่านขั้นพื้นฐานต้องพาผู้เป็นแม่เข้ามาอยู่ในวัง หากฝึกผ่านหนึ่งเดือนขึ้นไปแสดงว่าผู้แม่ๆ ของเด็กๆ ได้อยู่ต่ออีกประมาณสองปี และหลังจากนั้นเมื่อครบสองปี จะเป็นการฝึกที่โหดขึ้น และไม่มีคำปลอบใจใด ๆ จากคนรอบข้างเพราะแต่ละคนต้องดิ้นรนเอง ตงหยาง " น้อง ๆ ทั้งสี่ตื่นได้แล้ว " ตงหยางเขย่าตัวทุกคนให้ลืมตาอย่างเร่งรีบ จนน้อง ๆ ตื่นขึ้นมาทุกคนรู้หน้าที่จึงรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนเสื้อผ้าได้เก็บไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ในขณะนั้นอาสิบได้เดินทางมาถึงหน้าเรือนซูซ่านพอดี ประจวบจังหวะที่ซูซ่านกำลังตื่นนอนเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้นางหลับไม่สนิทเลยตื่นสาย เมื่อรู้สึกตัวแล้วซูซ่านและเฟยเถารีบเข้ามาปลุกลูก ๆ พร้อมกัน แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วก็เห็นป๋อเหวินลูกคนที่สามกำลังแต่งตัวพร้อมพี่ชายทั้งสอง ส่วนซูฮวานั้นอยู่อีกห้องกับซูเซียว ซูซ่าน " ท่านแม่ท่