“ขี้โม้ ไปอาบน้ำได้แล้ว” พฤกษ์พูดพร้อมทั้งอุ้มเธอขึ้น พริณตาร้องโวยวายด้วยความตกใจเมื่อร่างถูกยกขึ้นสูง ดีที่เธอกำมือถือไว้แน่น กลัวว่าจะตกใจจนโทรศัพท์ราคาแพงจะหล่นแตก
ทั้งสองพากันอาบน้ำในห้องน้ำเกือบสามสิบนาที ไม่มีกิจกรรมเร่าร้อนเกิดขึ้นเพราะเขาคงต้องงดสักพักเดี๋ยวจะไม่มีแรงขึ้นเครื่องบิน
“หมอคะ เพื่อนถามว่าหนูอยู่กับใคร บอกว่าอยู่กับอาได้ไหมคะ” อยู่ ๆ เขาก็กลายเป็นอาด้วยวัยเพียงสามสิบสองแถมยังมีหลานที่อายุสิบแปด อามันจะแก่ไปไหมแต่เขากับเธอก็อายุห่างกันตั้งสิบสี่ปีนะ...จะเป็นพี่ได้ไหมนะ
“อือ ตามใจ” ก็เขาบอกเธอเองว่าไม่ให้แสดงความเป็นเจ้าของแล้วจะให้เธอบอกเพื่อนว่าอย่างไรนอกจากว่าเขาเป็นญาติ เธอไม่กล้าบอกใครหรอกว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงของเขา มันน่าอายเกินไป
พริณตาพิมพ์ข้อความบอกเพื่อนว่าเธอจะไปเรียนที่เชียงใหม่เพราะคุณอาย้ายไปทำงานที่นั่นแล้วเธอจะแจ้งที่อยู่ในการส่งเอกสารอีกครั้ง ฐิสาก็เข้าใจและไม่เซ้าซี้ถามเพื่อนมากกว่านี้
“ชุดพอดีเลยนะคะ” เธอพูดพร้อมทั้งหมุนซ้ายหมุนขวาให้เขาดู พฤกษ์เองก็ดูพอใจกับสิ่งที่เขาเลือกให้เธอ เพิ่งรู้ตัวว่าแค่การมองเธอแต่งตัวก็เพลินตาและมีความสุขแล้ว
“อือ ใส่พอดีเลยฉันเลือกเก่งไหม”
“เลือกเก่งค่ะ คุณอาหมอ” เธอยิ้มให้เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาชมตัวเอง
“อยู่กันสองคนเรียก หมอ เฉย ๆ ก็ได้ไม่ต้องเรียกอาหรอก”
ทั้งสองยิ้มให้กันอีกครั้ง ก่อนที่จะช่วยกันเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา
@เชียงใหม่
พฤกษ์ตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างทางไปอำเภอแม่ริม เขาเลือกที่นี่เพราะเป็นบ้านอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรที่ค่อนข้างได้มาตรฐาน โรงพยาบาลที่เขาทำงานเป็นโรงพยาบาลของรัฐซึ่งเขายังดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ผู้สอนนักศึกษาแพทย์อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่เขาตัดสินใจย้ายมาที่เชียงใหม่
“ชอบบ้านหลังนี้ไหม” พฤกษ์ถามพริณตาซึ่งกำลังยืนตะลึงอยู่หน้าบ้านสองชั้นหลังโต มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เห็นแล้วเธอก็อดยิ้มไม่ได้ บ้านหลังนี้เหมือนบ้านที่เธอเคยจินตนาการไว้นานมาแล้ว ว่าวันหนึ่งเธออยากมีบ้านแบบนี้ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่จริง ๆ
บ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงทาวน์โฮมสองชั้นธรรมดา แต่มันก็เป็นบ้านที่อบอุ่นสำหรับเธอ เสียดายที่ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“หวาน หวาน ชอบไหม”
“ชอบค่ะชอบ เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ทั้งสองคนพากันเข้าไปในบ้าน บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดสามห้องนอนสี่ห้องน้ำ มีห้องนอนใหญ่ที่พฤกษ์สั่งทำเป็นพิเศษที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่าอีกสองห้องรวมกัน
“ห้องนอนหนูห้องไหนคะ” พริณตาเอ่ยถามเมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นบน
“ไม่นอนห้องเดียวกันเหรอ” พฤกษ์ทำหน้างงเมื่อเห็นเธออยากแยกห้องนอน
“เออ เออ ถ้าเกิดฐิสามาหาหนูที่เชียงใหม่แล้วหนู หนู” เธออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ในการตอบ พฤกษ์เลยตัดบทโดยการชี้ไปยังห้องขนาดกลางที่อยู่ตรงข้ามห้องเขา บางทีเธออาจอยากมีพื้นที่ส่วนตัว
“ห้องนั้นแล้วกัน แต่ถ้าฉันอยากเธอต้องมาหาฉันที่ห้อง จำไว้” พฤกษ์พูดพร้อมทั้งเดินไปห้องใหญ่กระแทกประตูปิดอย่างไม่พอใจ เขาอุตส่าห์ให้เธอนอนห้องเดียวกับเขา เตียงเดียวกับเขาแล้วนี่อะไรอยากมีห้องเป็นของตัวเองไม่อยากนอนด้วยกัน เวลานอนกอดกันก็ออกจะดีไม่ใช่เหรอ
“ทำไมกูหงุดหงิดวะ” พฤกษ์พูดกับตัวเองอย่างโมโห
พฤกษ์จัดการเรื่องที่เรียนของพริณตาและจัดการเรื่องตึกสำหรับเปิดคลินิกเรียบร้อยในเวลาหลายเดือนต่อมา พริณตาทำงานที่คลินิกของเขาในฐานะหลานสาวของคุณอาหมอหนุ่มหล่อ
คลินิกของพฤกษ์มีผลประกอบการค่อนข้างดีเพราะลูกค้าเยอะ กว่าเขาและพริณตาจะได้กลับบ้านบางวันก็เกือบสามทุ่ม อย่างวันนี้ก็เช่นกันคนไข้เยอะมากเพราะว่าพรุ่งนี้คลินิกจะปิดสามวันเพราะคุณหมอเจ้าของคลินิกต้องเดินทางไปเที่ยวทะเลตามที่ได้สัญญากับนักศึกษาปีหนึ่งไว้ว่าถ้าเกรดเทอมแรกได้มากกว่าสามจุดห้าเขาจะพาเธอไปเที่ยวทะเล
พริณตาผู้ชอบเรียนอยู่แล้วยิ่งตั้งใจเรียนกว่าเดิม เพราะอยากไปเที่ยวทะเล เธอเคยไปเที่ยวทะเลครั้งสองครั้งแต่ก็นานมาแล้ว เธอพยายามจนได้เกรดเฉลี่ยสามจุดเจ็ดมาครอบครอง
“หวาน”
“คะคุณอา” เมื่ออยู่ที่คลินิกเธอจะเรียกเขาแบบนี้เพราะนอกบ้านเธอคือหลานสาวของคุณอา ที่ไม่มีนามสกุลเดียวกันเลย พริณตาเดินเข้ามาในห้องตรวจหลังจากปิดคลินิกด้านหน้าเรียบร้อย
“เหนื่อยมาก” เขากวักมือให้เธอเดินเข้ามาหาเขาพร้อมทั้งตบมือลงบนหน้าขาของตัวเอง พริณตาเดินไปนั่งบนตักพิงแผ่นหลังบางกับอกแกร่งของเขา
“เดี๋ยวก็ได้หยุดแล้วค่ะ” พริณตาเอ่ยอย่างเอาใจ มือของเขาลูบไล้ต้นขาขาวของเธอ กระโปรงพลีทร่นขึ้นมาตามมือของเขา ลมหายใจของแพทย์หนุ่มเริ่มติดขัดเมื่อเธออ้าขาออกให้เขาได้ลูบไล้ส่วนกลางกาย ก็เป็นเสียอย่างนี้เธอไม่เคยห้ามเขา ทั้งสองเข้ากันได้ดีจนพฤกษ์เองก็กลายเป็นคนเอาแต่ใจมากขึ้น เรียกร้องมากขึ้นทุกที
“คุณอาขา...หมอขา” เสียงครางหวานของพริณตาดังขึ้นเมื่อเขาลูบไล้เนินเนื้อเอิบอิ่มของเธอ
“อยากแล้ว ตรงนี้เลยได้ไหม” เขากระซิบถามข้างหูตอนที่หน้าของเขากำลังซุกลงข้างคอเธอ มือเขาอีกข้างก็ล้วงเข้าข้างในเสื้อนักศึกษาตัวโคร่งของเธอ บีบเคล้นหน้าอกที่เต็มไม้เต็มมือและใหญ่ขึ้นตามการนวดเฟ้นของเขา
เขาพูดหอมแก้มทั้งสองแม่ลูก ก่อนจะบรรจงสวมแหวนนิ้วนางข้างซ้ายให้ผู้หญิงคนแรกที่เขาขอแต่งงาน เขาลูบหลังมือน้อย ๆ ของเธอก่อนจะจูบลงตรงนิ้วที่สวมแหวน“สวยจังเหมาะกับแม่มี่มากเลย” ไม่ต้องบอกว่าลูกใครปากหวานได้พ่อจริง ๆ ชาร์มมี่หัวเราะชอบใจในความเหมือนของทั้งคู่ทั้งสามคนกอดกันอีกครั้ง ความสุขท่วมท้นในหัวใจของคนทั้งสาม ครอบครัวคำนี้เองที่เรียบง่ายแต่กลับยิ่งใหญ่ในหัวใจของพวกเขาทั้งสาม“ขอบคุณนะคะหมอ” เธอขอบคุณเขาอีกครั้ง ในตอนที่ทั้งสองอยู่ในห้องนอนใหญ่ อ้อมกอดเขาทำให้เธออบอุ่นเสมอ“ขอบคุณหนูเหมือนกันที่ดูแลพี่กับลูกอย่างดี มีอะไรที่อยากได้อีกไหมครับ”“อยากได้หมอ”“ก็ได้อยู่นี่ไงครับ”“อยากได้หลายที” เธอจูบเขาที่ข้างแก้มคำว่าอยากได้หลายทีทำคนฟังขนลุกไปทั้งร่าง ใช่อยากได้หลาย ๆ ทีเหมือนกันนะ“รออะไรครับ เป่าเทียนก่อนเลยไหม” คนชวนเป่าเทียนดึงเธอขึ้นมานั่งบนตัวเขา ให้เธอนั่งทับเทียนเล่มใหญ่“หมอ”ชาร์มมี่ทุบอกเขาอย่างเขินอาย มอบจูบหวานล้ำแทนคำขอบคุณ ภายใต้ชุดนอนกระโปรงไม่มีชั้นในให้ขัดใจ เธอรูดชุดนอนบางพ้นจากร่าง อวดหน้าอกเต็มไม้เต็มมือที่เขาชอบคนรีบร้อนขยับสะโพกให้เธอดึงกางเกงผ้ายืดให้พ้นทาง
สามปีผ่านไป เคทกำลังป้อนข้าวลูกน้อยคนที่สามของเธอ เธอเพิ่งวางสายจากลูกสาวคนโต ที่โดนพรากไปจากอก จะว่าพรากไปก็จะดูเกินจริงไปมาก เพราะน้องคลีนไม่ยอมกลับมาอยู่กับเธอและภาษิตตั้งแต่เธอคลอดลูกชายคนที่สองด้วยเหตุผลนี้เคทกับภาษิตเลยต้องผลิตลูกเพิ่ม แต่ทั้งสองไม่ได้โกรธหรือน้อยใจน้องคลีนกับปภังกรเลย เพราะทั้งปภังกรและชาร์มมี่พาน้องคลีนแวะมาเยี่ยมครอบครัวของเคทและภาษิตแทบทุกวัน ความใกล้ชิดของสองครอบครัวยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปน้องคลีนในวัยแปดขวบกำลังวุ่นวายกับการเขียนหน้าเค้กที่เด็กหญิงทำเอง โดยมีพ่อหมอมีนกำลังช่วยทำ ถึงจะลำบากไปบ้างแต่สองพ่อลูกก็ตั้งใจให้เค้กออกมาน่ากินที่สุด วันนี้เป็นวันเกิดของแม่มี่ น้องคลีนกับพ่อมีนจัดงานเซอร์ไพรส์ ให้กับแม่มี่ ตอนนี้ให้น้าพิชชี่หลอกแม่มี่ไปเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อน ๆ “พ่อสวยไหมคะ” “สวยครับสวย” “แม่มี่จะชอบไหม” “ชอบสิครับ พ่อเห็นแม่มี่ชอบทุกอย่างที่หนูทำให้” น้องคลีนได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มแก้มบานเพราะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอให้อะไรแม่มี่ดีใจน้ำตาไหลทุกครั้ง ดูอย่างเมื่อวันแม่ที่ผ่านมาสิ น้องคลีนเ
“ก็คนมันอาย” ชาร์มมี่กอดเขาพร้อมซุกหน้าตรงไหล่กว้าง ใครจะไม่อายบ้างเรื่องแบบนี้ “ทำไมกลับเร็วคะ” “ธุระเสร็จเร็ว ป้าดาชอบเลยตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อไปแล้ว” วันนี้คุณหมอหนุ่มทำหน้าที่ลูกเขยขับรถจากเชียงใหม่พาแม่ยายและป้าเมียไปทำธุระที่ต่างอำเภอ ธุระของแม่ยายกับป้าดาส่วนมากมีแค่เรื่องดูที่ ซื้อที่เพิ่ม นั่นคืองานอดิเรกของทั้งสองคน ทุกวันนี้ลูกเขยที่ชอบขับรถและพูดคุยกับคนทั่วไปจึงต้องทำหน้าที่ขับรถ เป็นที่ปรึกษาวิเคราะห์ความเสี่ยง ความน่าจะเป็น ประเมินราคา ดูศักยภาพของพื้นที่ว่าจะสามารถต่อยอดได้หรือเปล่า เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อของผู้ใหญ่ทั้งสอง ตอนนี้ชายหนุ่มกลายเป็นลูกชายสุดที่รักของบ้านไปแล้ว บางครั้งชาร์มมี่ถึงกลับเบะปากในความหลงลูกเขยของทั้งคู่ “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน พี่คลีนครับเดี๋ยวคุณพ่อไปอาบน้ำก่อนนะครับ เราจะได้ไปเยี่ยมน้องคินกันนะครับ” “ค่ะคุณพ่อ” ชาร์มมี่มองตามหลังสามี มือของเธอจับจูงเด็กหญิงตัวน้อย ครอบครัวของเธอสมบูรณ์แบบ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ มีครอบครัวพ่อแม่ลูก ผู้หญิงข้ามเพศอย่างเธอไม่เคยคิดว่
“พี่นึกว่าหนูไม่อยากจำ เห็นหนูไม่พูดพี่เลยไม่พูด” เขาไม่คิดว่าจะเจอเธออีกครั้ง เจอกันอีกครั้งเธอเปลี่ยนไปมากเป็นผู้หญิงมากกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก “แล้วพี่หมอหายไปไหนมา” ชาร์มมี่กอดเขาอย่างออดอ้อน ร้องไห้ออกมาเพราะดีใจที่ผู้ชายคนนั้นคือเขา “กลับไปเรียนพี่แค่มาเที่ยว คิดถึงเรื่องตอนนั้นแล้วเลยมาทำงานเชียงใหม่ดู ไม่คิดว่าจะเจอหนู” “โห นี่กะฟันแล้วทิ้งจริง ๆ” “ใครทิ้งใครกันแน่ ตื่นมาหนูก็หายไปแล้ว พี่นึกว่าตัวเองโดนรูดทรัพย์แล้ว” เขาหัวเราะชอบใจ มือหนาเช็ดคราบน้ำตาให้คนขี้แย หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่เธอเป็น ภาพลักษณ์ของเธอกับสิ่งที่เธอเป็นห่างไกลกันมาก ทำตัวเหมือนเจนจัด ทำตัวเหมือนนางมารร้าย แต่จิตใจแสนดี เธอเป็นผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นผู้หญิงจริง ๆ “หนูดีใจ ที่ครั้งแรกของหนูทั้งสองครั้งเป็นพี่หมอ” “พี่ก็ดีใจ แต่ถึงพี่ไม่ใช่คนแรกของหนู พี่ก็ไม่ได้ซีเรียสนะ สำหรับพี่ขอแค่เป็นหนู” “น่ารักอะ แฟนใครเนี่ยน่ารักจัง” เธอประคองสองข้างแก้ม จูบแก้มซ้ายแก้มขวาของเขาอย่างรักใคร่ “รักหนูจัง” ทั้งคู่จูบกันเนิ่
“ต้องการอะไรจากกูไหมถึงได้ชมขนาดนี้” ช้างของเพื่อนถึงกับเขิน พูดตลกกลบเกลื่อนเพราะความเขิน “น่ารักจริง ๆ มึง” พิชชี่ช่วยยืนยันอีกเสียง “วันนี้มึงจะบอกอาร์จริง ๆ เหรอ” นีน่าถามอย่างตื่นเต้นเพราะรู้ว่าเพื่อนชอบอาร์มานานแล้วตั้งแต่ได้รู้จักกัน พวกเธอกับอาร์เรียนสาขาเดียวกัน มีหลายต่อหลายครั้งที่อาร์เองก็เหมือนให้ความหวังกับช้าง เพราะเวลาไปเที่ยวที่ไหนมาอาร์จะชอบซื้อขนมมาฝากช้างบ่อย ๆ “บอกจริง ๆ การแอบชอบใครไม่ใช่ทางของกู บอกแล้วเขาไม่ชอบเราก็แค่อกหักนิดหน่อย” ช้างพูดออกมาอย่างไม่อาย อกหักไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเธอ หลายต่อหลายครั้งที่อกหักจากคนที่เธอเคยแอบชอบ แต่ครั้งนี้อาจจะเจ็บหน่อยตรงที่มีความหวังมากกว่าทุกครั้ง งานเลี้ยงวันเกิดดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น อาร์แวะมานั่งคุยกับพวกเธอ และแน่นอนเขานั่งข้างช้าง “เดี๋ยววันนี้กลับพร้อมกันนะ” อาร์พูดขึ้นมือของเขาจับมือของเธอที่วางอยู่บนตักของตัวเอง ช้างขนลุกไปทั้งร่าง ผู้ชายชวนกลับพร้อมกันแถมยังจับมือ นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม เธอคิดถึงขั้นที่เขาพาเธอขึ้นเตียงไปแล้ว คืนนี้ตอนกลับด้วยกันเธอ
“ดีแล้วดีใจที่มึงเจอคนดี” นีน่ากอดเพื่อน พิชชี่เห็นแบบนั้นก็เข้าไปกอดด้วยอีกคน“เว่อร์ไปพวกมึง นี่กูแค่มีผัว ไม่ต้องซึ้งขนาดนั้น”“มึงก็เป็นซะอย่างนี้” พิชชี่ผลักหัวเพื่อน กำลังจะซึ้งกัน พาให้ฮาตลอด“พูดอะไรซึ้ง ๆ เดี๋ยวกูร้องอีก ไม่อยากร้องไห้เดี๋ยวไม่สวย” ชาร์มมี่ยิ้มกับเพื่อน ๆ“อีหวานมันเป็นไงบ้างเนี่ย” นีน่าบ่นถึงหวานที่ตอนนี้ไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น“เห็นว่ามันมีเพื่อนแล้วนะ” ชาร์มมี่บอกจากที่โทรคุยกับเพื่อนเมื่อคืน“ฝากความคิดถึง ถึงมันด้วยนะ” นีน่าบอกกับชาร์มมี่ที่มีกำหนดเดินทางไปอยู่กับหวานสักเดือนสองเดือน อยากไปนอนเล่นโง่ ๆ ที่ญี่ปุ่นบ้างนอนเล่นโง่ ๆ ที่ไทยมานานแล้วชาร์มมี่อยากจะเล่าเรื่องของเธอกับหมอมีนให้เพื่อนรักอย่างหวานฟัง แต่การมาญี่ปุ่นของเธอครั้งนี้กับพบแต่เรื่องวุ่นวายของหวานกับพี่หมอพฤกษ์ เธอไม่อยากให้เพื่อนทุกข์ใจเพราะเรื่องของเธอ เลยตัดสินใจว่าเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนหวานเห็นพี่หมอมีนมารอรับเธอที่หน้าห้อง ชาร์มมี่คิดว่าเพื่อนคงเข้าใจแล้วว่าเธอกับเขามีความสัมพันธ์อย่างไร ทั้งสองตัดสินใจว่าเที่ยวกันให้เต็มที่ ให้สมกับที่ตั้งใจว่าจะมาพักผ่อนคนอื่นจะสามารถติดต่อได้แค่ในช