LOGINนางปีศาจพังพอนถูกราชาปีศาจซีห่าว จับกุมตัวกลับมายังห้องของนาง ณ วิมารใต้ดินของราชาปีศาจพังพอนซีห่าว ปีศาจหนุ่มมีความโกรธเคืองเกรี้ยวกราดเป็นอันมาก แต่ทำได้แค่เพียงจับกุมและกักบริเวณนางเท่านั้น“ซีห่าว เจ้าทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะ ซีห่าว…ได้ยินข้าหรือไม่…ไอ้คนหยาบคาย ซีห่าว…”“ฟ่านเมิ่น ที่ผ่านมาข้าเอาใจเจ้าสารพัด เฝ้าดูแลทะนุถนอมเจ้า มิใช่เผื่อให้เจ้า ออกไปวิ่งเข้าหาความตายเช่นนั้น เจ้ามิเห็นรึว่าเจ้าหนุ่มนั่น หาใช่เด็กน้อยดั่งอดีต ฮึ…ต่อให้มันยังเป็นเพียงเด็กน้อย เจ้าคงลืมไปแล้ว ว่าเจ้าเองก็เคยเกือบดับสูญเพราะเจ้าเด็กจ้าวตงหยางมาแล้วครั้งหนึ่ง”“ข้าไม่เคยลืม ต่อให้มันจะเหลือเพียงร่างเน่าเปลื่อย กลิ่นของมันข้าก็ไม่ลืม แต่เจ้าก็เห็น ว่าเมื่อคืนเจ้านั่นมันอยู่เพียงผู้เดียว ซีห่าวเจ้าก็รู้ ว่าข้าเที่ยวตามหามันมาโดยตลอด โอกาสเช่นนี้หาใช่จะมีได้บ่อย ๆ แต่เจ้าก็ทำมันพัง” นางปีศาจพูดด้วยความโมโหถึงขีดสุดราชาปีศาจพังพอน ร่ายมนต์ปิดผนึกปากทางเข้าห้องของพระชายา ด้วยไม่ต้องการให้นางออกไปก่อกวนจนเสียการใหญ่“ซีห่าว เจ้าจะขังข้าเช่นนี้มิได้นะ”“ฟังข้าให้ดี จ้าวตงหยาง แตกต่างกับอดีต การที่เจ้าบุ่มบ
แววตาของอู๋อิงแน่วแน่มั่นคง ไม่ว่าเรื่องใด นางก็ไม่เคยโกหกปกปิดเขา “เจออะไร กระต่ายภูเขา หรือไก่ป่า เอามาฝากข้าหรือไม่”“พี่ตงหยาง นี่ข้าจริงจังนะ ท่านอย่าเอาแต่เล่นได้หรือไม่ แปลกจริง ปกติท่านก็ไม่เคยพูดเล่นเช่นนี้ มีอะไรหรือไม่” พอนางออกเสียงดุ เขาก็ได้แต่เกาหัวกับหัวเราะกลบเกลื่อน“ไม่มี ๆ ก็ข้าเห็นเจ้าเครียด เป็นแบบนี้ข้าไม่สบายใจนะ น้องอู๋อิงของข้าเป็นคนอารมณ์ดี น้อยนักที่จะเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้”“พี่ตงหยาง บนเขา ข้าพบศพผู้ชาย บนหัวไหล่และลำคอ มีรอยโดนกัดเหมือนหลานชายของท่านป้าชุนไม่มีผิด ห่างกันไปไม่ไกลนัก คนงานที่ไปกับข้า ก็พบกับศพผู้ชายอีกคน เขาทั้งสองต่างก็มีรอยเขี้ยวแบบนั้นเช่นกัน พี่ตงหยาง นี่ไม่ใช่เรื่องดีแล้วนะ”จ้าวตงหยางมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูไปแล้วการปรากฏตัวของปีศาจพังพอนในครั้งนี้ น่าจะไม่ได้มีแค่เพียงนางเหมือนเช่นที่เคยพบกันในอดีต เล่นออกฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ ช่างเป็นปีศาจที่ดุร้ายเสียจริง“อู๋อิง ใบไม้ชนิดนี้ เจ้าต้องใช้อีกมากเท่าไหร่”“อีกแค่ถังเดียวแล้ว สีนี้ขาดอีกไม่มาก ข้าแค่ต้องการนำมาต้มอีกแค่ถังเดียวเท่านั้น”“ดี เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า เสร็จแล้ว
“กันไว้ดีกว่าแก้ ข้าไม่รู้ว่า สิ่งลึกลับนั่นคืออะไร มันหวังอะไร บางทีหลานชายแม่หม้ายชุน อาจไปทำอะไรที่เราไม่รู้ จนปีศาจนั่น ตามมารังควานเอาชีวิตเขา แต่วันนี้พวกเราที่นี่ พากันไปช่วยทำศพให้กับเขา ทั่วบริเวณแถวนั้น ล้วนมีกลิ่นอายและพลังงานที่ไม่ดี ข้าพอมีความรู้เล็กน้อย จึงป้องกันไว้ มันก็สบายใจกว่ามิใช่หรือ”“อืม…ที่ท่านพูดก็ถูก ดึกมากแล้วข้าจะไปนอนแล้วนะ ท่านก็รีบเข้านอนเถอะ เรือนพักของท่านต้องเดินผ่านสวนไปอีกไกล แถวนั้นทั้งมืดทั้งเงียบ พี่ตงหยาง ท่านก็ระวังตัวด้วยล่ะ” อู๋อิงแกล้งพูดลากเสียงยาวให้ฟังดูแล้วรู้สึกน่ากลัว แต่ไม่ใช่กับเขาจ้าวตงหยาง ชายหนุ่มยกยันต์ในมือขึ้นเคาะหน้าผากหญิงสาวเบา ๆ แล้วหัวเราะกับคำพูดของนาง“เจ้านี่นะ เล่นเป็นเด็ก ๆ อยู่ได้ ไปเถอะ รีบเข้านอน พรุ่งนี้เจ้ายังมีอะไรให้ทำอีกมาก อีกสักพักข้าจะกลับไปนอนเช่นกัน”จ้าวตงหยางรอจนอู๋อิงดับไฟในห้อง เขาจึงเดินกลับเรือนพักตนเอง สายลมหยอกล้อยอดไผ่พลิ้วไหว แสงเงาจันทร์สะท้านผิวน้ำในสระบัว หากไม่ใช่เพราะกลิ่นอายปีศาจ ค่ำคืนนี้ก็นับว่าเป็นคืนที่สวยงามคืนหนึ่ง เสียงหวีดประหลาดแว่วมาตามสายลม จ้าวตงหยางกระชับดาบดาราพิฆาตในมือเ
บรรยากาศอาหารมื้อค่ำผ่านไปด้วยความอึดอัด แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่นางมาร่วมในอาหารมื้อนี้ คำถามมากมาย ที่เสนาบดีฟู่ ต้องการถามจากหลิวหยุน จึงถูกเปลี่ยนไปคุยในเรื่องอื่นแทน หลิวหยุนตั้งใจป้อนข้าวให้กับบุตรชาย และตัวเอง คิดในใจอยากให้เวลาเดินเร็วกว่านี้ ไม่ใช่เพราะกลัวฟู่ซิงอี แต่ไม่อยากเผชิญหน้าจนก่อเกิดปัญหา ดั่งเช่นที่ผ่านมา“ท่านพี่เจ้าคะ ก้งเยว่อิ่มแล้ว ข้าขอพาลูกไปอาบน้ำก่อน แม่นางฟู่ซิงอี ข้าขอตัว”หญิงสาวไม่ตอบแม่เลี้ยงสักคำ แถมยังเมินหน้าหนีไปอีกทาง แสดงอาการขุ่นเคืองไม่พอใจบนสีหน้าแสนสวยอยู่ตลอดเวลา“พอได้แล้ว เจ้าก็ดีกับนางบางเถิด อย่างไรนางก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันกับเจ้า มารดาของเจ้าจากข้าไปหลายปี หากไม่ติดพันงานศึก ข้าอาจมีนางเล็ก ๆ เต็มจวนไปหมดแล้ว นี่ข้าแค่ขอมีหลิวหยุนคนเดียว ให้นางมาเป็นเพื่อนดูแลข้ายามแก่เฒ่า เจ้าจะแง่งอนไปไย อีกไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานกับหวังหยง ย้ายไปอยู่จวนอ๋อง แล้วข้าเล่า หากไม่มีหลิวหยุน เจ้าจะให้พ่ออยู่กับใคร อยู่กับสาวใช้พวกนี้เหรอ มันต่างกันนะซิงอี…”“ก็ท่านรักนางมากกว่าข้า ยิ่งพอนางมีก้งเยว่ วัน ๆ ท่านก็เรียกหาแต่เจ้าเด็กนั่น”หลิวหยุนที่เดินออกมาจน
“จะเอารถเกวียนข้า ไปขนศพคนตายเช่นนั้นรึ” อู๋อิงมีสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาทันที ที่รู้เรื่องและจับต้นชนปลายจนเข้าใจคนงานร้าน รีบเข้ามากระซิบนางทันที ด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล “คุณหนูมิได้นะเจ้าคะ ทำเช่นนี้ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย นายท่านรู้เข้าต้องไม่พอใจแน่ ๆ” คนงานร้านต่างยืนกรานไม่ยอมให้อู๋อิงช่วยแม่หม้ายชุนหญิงสาวชำเลืองตามองจ้าวตงหยาง ที่มีแววตาสงสารหญิงหม้ายจับใจ“ข้าให้…”“คุณหนู…ไม่ได้นะเจ้าคะ”“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ข้ารับผิดชอบเอง เห็นคนลำบากทุกข์ยากมิช่วยเหลือ ก็เท่ากับข้าใจดำไม่มีน้ำใจ ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไปตามคนงานชายมาสักสามสี่คน ช่วยเหลือท่านป้าชุน นำศพหลานชายกลับไปฝังตามธรรมเนียมให้เรียบร้อยเถิด”จ้าวตงหยางยิ้มให้กับอู๋อิง น้ำใจของนาง ทำให้แม่หม้ายชุน ถึงขั้นคุกเข่าคำนับขอบคุณเป็นการใหญ่ ด้วยนางมีเพียงหลานชายคนเดียวเท่านั้น หมดเขาไปคน นางก็เท่ากับตัวคนเดียว ไม่เหลือใครอีกแล้วเมื่อเรื่องทั้งหมดรู้ไปถึงเถ้าแก่อู๋ บ่ายวันนั้นโรงย้อมผ้าก็หยุดทำงาน คนงานคนไหนต้องการพักก็พัก แต่ส่วนใหญ่ ต่างพากันไปช่วยแม่หม้ายชุนฝังศพหลานชาย ด้วยเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนดีขยันอดทน และมีความซื่อสัตย์ จึงไม
เถ้าแก่อู๋ให้คนงานเร่งเตรียมของ เพื่อนำส่งเข้าราชสำนักให้ทันตามวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ อู๋อิงและมารดาของนาง ต้องช่วยกันเตรียมอาหารมื้อใหญ่แทบทุกค่ำคืน สำหรับคนงานทั้งหมดของโรงย้อมผ้า เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจให้กับทุกคน ที่ตั้งใจทำงาน“พี่ตงหยาง ข้าง่วงจังเลย” อู๋อิงเดินเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่ม พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากหาวออกมา ใบหน้าสวย ๆ ของนางอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด“สินค้ามีค่า ตอบแทนด้วยเงินตรา ก็คุ้มกันมิใช่หรือ”“ก็ใช่ แต่ข้าอดนอนหลายคืนแล้วนะ พี่ตงหยางท่านดูมือข้าสิ เปื้อนสีย้อมผ้า จนมันดำราวกับศพคนตาย”จ้าวตงหยางหัวเราะออกมา กับการเปรียบเทียบของนาง “เอาน่า เสร็จเรื่องนี้แล้ว พี่จะล้างให้ เจ้าเลิกบ่นเสียที แล้วศพที่เจ้าว่านั้น เคยเห็นแล้วรึ ถึงรู้ว่าเป็นเช่นไร”อู๋อิงหัวเราะออกมา “ไม่เคยเห็นเจ้าค่ะ แต่ข้าเคยได้ยินนักเล่านิทานที่โรงน้ำชา เขาอธิบายถึงสภาพของคนที่ตายไปแล้ว ด้วยลักษณะต่าง ๆ ข้าเลยคิดเอาเองว่า มือของข้าตอนนี้ น่าจะใกล้เคียงกับคนที่ตายไปแล้วระยะหนึ่ง น้ำเลือดน้ำหนองและไขมัน คงทำให้สีผิวเป็นเช่นนี้”“พอเถอะ เจ้าเล่าอะไร น่ากลัวยิ่งนัก พูดเสียจนข้าได้กลิ่นเหม็นเน่า”จ้าวตง







