ภายในรถ
ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมามีแค่เพียงเสียงเพลงที่รุ่นพี่ใจร้ายเปิดไว้ตั้งแต่ขึ้นรถและสุดท้ายก็เป็นฉันเองที่ทนไม่ไหวมันอึดอัดจนต้องถามออกไป
“นี่เราจะไปกินข้าวกันที่ไหนคะ”
“…” และเขาก็เงียบ
“รุ่นพี่!! ได้ยินที่พูดไหมคะเนี่ย” ฉันเริ่มที่จะโมโหรุ่นพี่ใจร้ายและพอเขาไม่ตอบฉันก็เลือกที่จะหันหน้าออกไปมองที่นอกหน้าต่างแทน
“ต่อไปให้เรียกแทนตัวเองว่า หนู” ฉันหันมองหน้ารุ่นพี่ใจร้ายทันที อยู่ดีๆก็มาออกคำสั่งให้แทนตัวเองว่าอย่างนู้นอย่างนี้ นี่เขามีสิทธิ์อะไร วุ่นวายจริงให้ตายเถอะ
“ทำไมต้องเรียก...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยคเขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“ฉันว่าน่ารักดี” เขาพูด
“...”
“เรามีภารกิจเดทกันอยู่ ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉัน เพราะฉะนั้นฉันพูดอะไร เธอต้องฟัง” และรุ่นพี่ใจร้ายก็ใช้สายตาดุมองมาที่ฉัน
“เฮ้อ ก็ได้ค่ะ” ฉันถอนหายใจออกมาเสียงดังพรางคิดในใจว่าอาทิตย์เดียวเท่านั้นก็จะได้อิสระจากกิจกรรมบ้าๆนี้แล้ว
ร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า
“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ” เมื่อเดินเข้ามานั่งภายในร้านอาหาร รุ่นพี่ปี4ก็เริ่มสั่งอาหารทันทีและไม่ลืมที่จะถามฉันว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม
“แค่นี้ก็เต็มโต๊ะแล้วค่ะรุ่นพี่” ฉันมองดูอาหารที่ตั้งอยู่เต็มโต๊ะและเผลอหันไปสบตากับรุ่นพี่เข้าพอดี
“พี่วิน~”
“หืม” อยู่ดีๆรุ่นพี่ใจร้ายก็พูดชื่อตัวเองขึ้นมา
“เรียกฉันว่าพี่วิน แล้วก็เลิกทำหน้าจะตายแบบนั้นด้วย”
“....” เหอะ ที่เซงก็เพราะใครกันล่ะเนอะ
“มานั่งตรงนี้” เขาออกคำสั่งอีกแล้วเรียกให้ฉันไปนั่งตรงข้างๆเขา
“ทำไมคะ”
“ต้องถ่ายรูปคู่”
“หื้ออ”
“ภารกิจแรก เขาพึ่งส่งมา”
“ส่งมาว่าไงบ้างคะไหนขอดูหลักฐานหน่อยค่ะ” ไม่พูดเปล่า ฉันแบบมือขอดูหลักฐานบนมือถือเครื่องหรูของรุ่นพี่ใจร้ายทันที แต่เขาไม่ให้ดูอีกทั้งยังออกคำสั่งเสียงใส่ฉันอีก
“มานั่งตรงนี้!!” รุ่นพี่เริ่มหงุดหงิดแสดงอาการดุดันออกมา ฉันจึงจำใจต้องลุกเดินไปนั่งข้างๆเขา
“ถ้าเธอไม่ยิ้มฉันก็ไม่กดถ่ายหรอกนะ” ฉันนี่กรอกตามองบนเลยแต่จะทำไงได้เขาพูดมาแบบนี้ฉันเลยต้องฝืนยิ้มออกไปและรุ่นพี่ใจร้ายก็เริ่มถ่ายรูปเซลฟี่ของเราสองคน ถ่ายตั้งหลายมุม หลายภาพ
“พี่เขยิบเข้ามาใกล้เกินไปแล้วนะ!!” เพราะเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนใบหน้าของเราสองคนแทบจะติดกันอยู่แล้ว
“รู้จักคำว่าเดท คู่รักไหม” รุ่นพี่ใจร้ายพูดแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะเขยิบเอาหน้าดูดีหล่อเหลาของตัวเองให้ออกห่างจากใบหน้าของฉัน
“เห้ออ” ฉันได้แต่ถอนหายใจระบายความน่ารำคาญออกไป
หลังกินอาหารเสร็จ
ภายในรถ
“จอดตรงป้ายรถเมล์นี้ได้เลยค่ะ” เนื่องจากตอนนี้มันเริ่มมืดแล้ว ฉันเกรงใจรุ่นพี่ใจร้ายด้วยและไม่อยากให้เขารู้จักคอนโดของฉันด้วยเลยเลือกที่จะบอกรุ่นพี่ใจร้ายไปแบบนั้น
“...”เขายังคงเงียบ
“พี่วิน” ฉันเรียกรุ่นพี่ใจร้ายอีกครั้ง
“คอนโดอยู่ที่ไหน” สุดท้ายรุ่นพี่ใจร้ายก็พูดออกมาสักที
“เกรงใจค่ะ ลงตรงนี้ได้จริงๆนะคะ” แต่เขาก็ยังเป็นเขา ไม่สนใจ ไม่ฟังคำพูดของฉันเลยสักนิด กวนประสาท และสุดท้ายเขาเงียบฉันก็เลยต้องบอกชื่อคอนโดของฉันให้รุ่นพี่ใจร้ายรู้ถึงที่อยู่ของฉัน และก็ไม่ลืมที่จะขอมือถือของฉันคืน
“คอนโดXXXค่ะ เอ่อ ขอมือถือคืนด้วยค่ะ” และเขาก็ยื่นมือถือคืนกลับมาให้ฉัน
ผ่านไปสักพัก Zzz
“ถึงแล้ว” ด้วยระยะที่ไกลพอสมควรประกอบกับเมื่อคืนนั่งดูซีรี่ย์จนดึกแถมแอร์ก็ยังเย็นอีกด้วยจึงทำให้ฉันเผลอหลับ พอได้ยินเสียงเหมือนใครเรียกก็สะดุ้งตื่น พอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับหน้าของรุ่นพี่ใจร้ายที่ใบหน้าของเขาแทบจะชนกับหน้าของฉันอยู่แล้ว
“อ๊ะพี่ทำไรเนี่ย” เขานิ่ง รุ่นพี่ใจร้ายแค่จะถอดสายคาดเบลท์ให้กับฉัน
“เช็ดน้ำลายหน่อย” คนบ้านิ เรื่องแบบนี้เขาสมควรบอกฉันไหมเนี้ย น่าอายจริงๆเลย
คอนโดพราว
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง..หนู” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณเขาและเพราะสายตาที่เขามองฉันอยู่ เลยต้องแทนตัวเองว่าหนูตามที่พี่เขาบอก
“เดี๋ยว!” ฉันที่กำลังจะเปิดประตูรถจะก้าวออกไปก็ต้องหยุดแล้วหันไปมองพี่เขา
“ฉันจะขึ้นไปกับเธอด้วย”
“หา จะขึ้นไปทำไมคะ”
“ทำไมชอบให้เตือนตลอดเลย” ไม่พูดเปล่าเขาขยับตัวเข้ามาใกล้จนหลังฉันแทบจะชิดกับเบาะรถอยู่แล้วฉันจึงใช้มือดันหน้าอกเขาออกไป
“คนเป็นแฟนกันขึ้นไปไม่ได้เหรอ” รุ่นพี่พูดมาแต่ละคำนี่มันแบบ...
“พี่ไม่ต้องเล่นจริงจังก็ได้นี่คะ” เพราะเขาดูจริงจังจนเกินไป ฉันเลยลองพูดออกไป
“โทษทีนะ ฉันเป็นคนจริงจัง” เมื่อลงจากรถ ฉันจึงเป็นคนเดินนำหน้ารุ่นพี่ใจร้ายเข้าไปก่อน แต่เพราะพอเข้าไปในลิฟท์ รุ่นพี่ใจร้ายเป็นคนเข้าทีหลังเลยต้องกดลิฟท์
“ชั้นไหน ห้องอะไร” แล้วฉันก็บอกชั้นที่อยู่และเบอร์ห้องไป พอถึงชั้นที่ฉันอยู่แล้ว ฉันก็เดินออกมาก่อนจนมายืนอยู่หน้าห้องพักของตัวเอง
“พี่ช่วยหันหน้าไปทางอื่นหน่อยได้ไหมคะ” เพราะไม่อยากให้รุ่นพี่ใจร้ายรู้รหัสเข้าห้องจึงได้บอกเขาออกไปแต่แทนที่รุ่นพี่ใจร้ายจะฟัง ดันกลับเดินเข้ามาใกล้ฉันและพูดออกมาว่า
“ฉันรู้รหัสแล้วจะทำไม กลัวฉันเหรอ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม
“ตลก” ฉันพูดออกมาเบาๆเพราะกลัวเขาได้ยินและรีบกดรหัสเผื่อที่จะเข้ามาในห้องพักของฉัน
ภายในห้องของฉัน
เมื่อเดินเข้ามาภายในห้อง รุ่นพี่ปี4 ก็เดินสำรวจห้องของฉัน เขาเดินไปทุกมุมภายในห้องไม่เว้นแม้แต่ในห้องนอน
“อยู่คนเดียว?” เขาเดินมาหยุดอิยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกที่ฉันนั่งอยู่ ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆกายฉัน
“ค่ะ”
“เธอสะดวกที่คอนโดของเธอหรือคอนโดของฉัน”
“คืออะไรคะ” ฉันฟังรุ่นพี่ใจร้ายพูดแล้วงงเลยถามออกไป
“ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มันคือภารกิจไง ครั้งหน้าถ้าให้ฉันเตือนอีกครั้ง ฉันจะไม่เตือนปากเปล่าแล้วนะ”
“...” นี่เขาจะขู่อะไรฉันนักหนาเนี้ย
“พี่จะกลับได้ยังคะ หนูง่วง”
“เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วฉันจะกลับ” พูดจบรุ่นพี่ใจร้ายก็เดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของฉันโดยที่ไม่ขออนุญาตสักคำ แล้วรุ่นพี่ใจร้ายก็กลับออกไป หลังจากนั้นฉันจึงนอนตั้งแต่6โมงเย็นยัน4ทุ่ม
เวลา4ทุ่ม
หลังจากที่ฉันได้นอนหลับไปก็สะดุ้งตื่นมาอีกทีก็เพราะมีสายเรียกเข้า และปลายสายก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาก็คือพี่วินนั่นเองแต่ที่ทำฉันตกใจคือ ชื่อที่แสดงหน้าจอนี่แหละ รู้ไหมว่าพี่เขาบันทึกไว้ว่ายังไง ก็ “พี่วิน แฟนของเธอ”
เพราะมัวแต่ตกใจอยู่เลยทำให้ไม่ได้รับสายของพี่เขา อยู่ๆสักพักก็มีข้อความจาก Line เด้งเข้ามา
Line
ธาวิน : ถ้าฉันโทรอีกครั้งแล้วไม่รับ อีก10นาทีเราเจอกัน
ฉันกดตอบกลับข้อความกลับไป
พราว : โอ๊ย หนูหลับอยู่
เมื่อฉันพิมพ์ข้อความส่งไปเสร็จ พี่เขาก็โทรกลับมาทันที
“มีอะไรคะ” ฉันที่พึ่งตื่นนอนก็พูดเสียงงัวเงียพร้อมกับหาวใส่หน้าจอมือถือกลับไป
“พรุ่งนี้วันเสาร์ 10โมงฉันจะไปรับไปกินข้าว กับ ดูหนัง”
“แต่...หนู”
“แต่อะไร ทำไม”
“วันหยุด หนูก็อยากนอนไหมอ่ะ”
“ไว้นอนในรถ!! อย่าสาย“ แล้วพี่เขาก็วางสายไป
“จิ๊ เมื่อไหร่จะจบกิจกรรมบ้าๆนี้สักที”
พราวได้เดินเข้ามานั่งยังโซฟาตัวโปรดและธาวินก็เดินตามเธอมานั่งลงข้างๆเธอหญิงสาวจึงได้ถามธาวินว่าเขานั้นอยากได้เพศไหนมากกว่ากัน"พี่วินอยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิงคะ""อืม คนแรกพี่อยากได้ผู้ชาย จะได้ดูแลน้องได้"ธาวินเขาลูบไปที่หน้าท้องของพราวและพูดว่าเขานั้นอยากได้เด็กผู้ชายเพื่อที่จะได้ปกป้องน้องสาวได้"พี่หมายถึง..พี่อยากมีอีกคนอย่างงั้นเหรอคะ""ได้ไหมล่ะพราว มากกว่า2ก็ได้นะ"ธาวินมองหน้าเธอและพูดขึ้นเจ้าน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ"2คนก็พอแล้วค่ะ กำลังดี"พราวจึงรีบเบรกเขาในทันทีว่าแค่2คนก็พอแล้ว"แล้วเมื่อไหร่จะได้รู้เพศอ่ะ"ชายหนุ่มยังคงตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้พูดถึงเรื่องลูกที่อยู่ในท้องของเธอ"ประมาณ4-5เดือนค่ะ"เขาลูบไปที่ท้องของพราวอีกครั้งพร้อมกับก้มใบหน้ากระซิบพูดคุยกับลูกในท้อง"โอเคลูกพ่อ อย่าแกล้งแม่เขานะ เป็นเด็กดีนะครับ"และพอเขาพูดเสร็จธาวินก็รู้สึกเวียนหัวจะอ้วกขึ้นมาทันทีอุ๊บ!"พี่วินเป็นอะไรไปคะ"เมื่อเห็นว่าธาวินมีอาการคล้ายๆตนจึงได้พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง"พี่รู้สึกจะอ้วก พี่ขอไป..." ธาวินพูดกับพราวและรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีพราวก็รีบโทรไปปรึกษาแม่ของเธอทันทีว่าอาการแบบนี
เขาพูดเสร็จธาวินก็แทรกกลางหว่างขาเธอและกดจ่อท่อนเอ็นเข้ามาภายในตัวเธอทีเดียวจนสุดโคนสวบ!ธาวินเริ่มกดกระแทกเข้าออกร่องของเธอและก้มตัวลงไปประกบริมฝีปากจูบเธอ เขาควานลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากนิ่มของเธอและพราวก็เริ่มจูบตอบเขากลับทันทีเมื่อจูบจนพอใจชายหนุ่มก็ยันกายลุกนั่งจับสะโพกของพราวไว้แน่นและเริ่มกระแทกท่อนเอ็นเข้าออกร่องรักของเธอ"อ่าาส์ เสียว" ธาวินครางเสียงแหบพร่าออกมาด้วยความเสียวไม่ว่าจะกี่ครั้งร่องของเธอก็ยังคงแน่นและตอดรัดเขาเป็นอย่างดีปึก! ปึก! ปึก!10นาทีผ่านไปธาวินจับพราวเปลี่ยนท่าไปมาจนเธอนั้นเริ่มที่จะไม่มีแรงเหลือแล้วไหนจะโดนกระแทกทั้งข้างล่างและข้างบนก็โดนทั้งลิ้นและมือที่บีบเคล้นของธาวินอีก"หนูไม่ไหวแล้ว..อ๊ะ" ชายหนุ่มรู้ว่าเธอนั้นใกล้จะเสร็จแล้วจึงได้จับขาเธอให้กว้างขึ้นและเริ่มตอกอัดกระแทกท่อนเอ็นร้อนใส่เข้าออกแบบเน้นๆจนสุดท้ายหญิงสาวที่โดนกระแทกแบบนั้นก็ได้ถึงจุดสุดยอดเธอครางออกมา"อ่าาส์ อ๊ะ อร้ายย"เธอได้ไปถึงสวรรค์อีกครั้งด้วยฝีมือของแฟนหนุ่มที่ตอนนี้ต้องเรียกว่าสามีแล้วสินะและธาวินก็เสร็จตามเธอไปแบบติดๆเขาได้ปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นไว้ในร่องของเธอ"พี่จะเสร็จ ม
งานแต่งงานธาวินและพราวงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ครอบครัวของเขาได้เชิญเพื่อนนักธุรกิจของพ่อและคนที่รู้จักมาในงาน อีกทั้งยังมีญาติของทั้งสองฝ่ายอีกไหนจะบรรดาเพื่อนๆของทั้งธาวินและพราวด้วยโดยที่ธีมของงานยังคงคอนเซ็ปต์เดิมนั่นคือธีมสีขาว-ม่วงพาสเทลพิธีกรของงานเริ่มพูดขึ้นเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม“ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีด้วยนะครับ”เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ได้พากันขึ้นมาบนเวทีในวันนี้ธาวินสวมชุดสูทสีดำส่วนพราวนั้นใส่ชุดเจ้าสาวเป็นชุดเกาะอกสีขาวละมุน"ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวพูดอะไรหน่อยครับ"ธาวินจึงได้เริ่มเป็นคนพูดก่อน“ขอบคุณแขกทุกท่านที่มางานแต่งของผมกับพราวนะครับ ผมดีใจมากที่มีวันนี้ ผมขอสัญญาว่าผมจะรักและดูแลเธอให้ดีที่สุดครับ”จากนั้นเขาก็ยื่นไมค์ให้กับพราวได้พูดต่อจากเขา“ค่ะ พราวขอขอบคุณทุกท่านที่มาเป็นพยานรักในงานแต่งงานของเราอีกครั้งนะคะ วันนี้พราวมีความสุขมากๆเลยค่ะ พราวมีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่น่ารักและตอนนี้ก็มีสามีที่ดีที่ทั้งรักพราวและรักพ่อกับแม่ของพราวอีกด้วย รับได้กับทุกอย่างที่เป็นพราว พราวขอบคุณพี่วินมากเลยนะคะ ที่พี่เป็นคนดีและขอให้พี่ดีแบบนี้ตลอดไปเลยนะคะ”เมื่
“ฝากไว้กับเธอก่อน ฉันกลัวหายน่ะ ส่วนเข็มกลัดนั่นก็ของเธอไม่ใช่เหรอไง” เขาพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยแต่ฉันก็เห็นแววตาร้ายกาจในตาของเขา เขานี่มัน.. อึก..อลิสถึงกับต้องกลืนน้ำลายแล้วหันไปทางกลุ่มเพื่อนของเธอเองว่ามีสีหน้ายังไงเพราะเธอนั้นได้โกหกเพื่อนสาวเอาไว้เรื่องเข็มกลัด“ไอ้สัสมึงนี่นะเก็บเงียบเลยนะ ที่แท้ก็น้องอลิสนี่เอง” เวหาเพื่อนของเขาก็พูดแซวสายฟ้าขึ้นทันทีแต่สายฟ้าทำแค่เพียงยิ้มกริ่มไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรกลับไปจนอลิสต้องรีบแก้ตัวออกไปเพราะกลัวพวกรุ่นพี่นั้นจะเข้าใจผิด“ไม่ใช่นะคะพี่ พวกพี่อย่าเข้าใจหนูผิดเด็ดขาด”เวหาที่เห็นว่าอลิสเริ่มใบหน้าแดงก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายจึงได้พูดขึ้นอีกครั้ง“พวกพี่ไม่แซวแล้วก็ได้ครับ ฮ่าฮ่า ไอ้สายฟ้าแฟนมึงเขินหน้าแดงยันหูแล้ว”“ไม่ใช่แฟนนะคะพวกพี่ จิ๊ เพราะพี่คนเดียวเลย คนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว พี่ไม่คิดจะแก้ตัวให้อลิสบ้างเลยเหรอคะ”“ฉันไม่ชอบโกหกใครนะ ถ้าฉันพูดเกรงว่าเธอจะไม่พอใจเอาได้นะ” สายฟ้าก็พูดตอบไปยังอลิสด้วยใบหน้านิ่งเรียบ“ถ้างั้นก็ไม่ต้องพูดและเอาดอกไม้ของพี่คืนไปเลย ขอตัวก่อนนะคะ” เธอโกรธเขาและยัดช่อดอกไม้คืนไปให้แก่เขาและรีบเดินออก
ธาวินพูดขึ้นแล้วหันไปมองคู่หมั้นสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างกันวันนี้เขามีความสุขมากไม่คิดเลยว่าผู้ชายอย่างเขาจะมีวันนี้เกิดขึ้นได้ วันนี้เขามีผู้หญิงที่เขารักและเธอก็ยืนอยู่เคียงข้างเขา“พี่มีความสุขมากเลยขอบคุณที่เรายอมกลับมาหาพี่อีกครั้งนะ”“หนูก็มีความสุขมากๆเลยค่ะ หนูรักพี่นะคะ ต่อไปนี้พี่วินเป็นของหนูคนเดียวแล้วนะคะ” พราวจึงยิ้มและพูดตอบกลับไปยังคู่หมั้นหนุ่มของตนเช่นกันว่าเธอนั้นรักเขาและต่อไปนี้เขานั้นเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียวธาวินเมื่อได้ฟังคำบอกรักของพราวก็บอกความในใจของตนว่าเขานั้นตกเป็นของเธอมาตั้งนานแล้วและพูดบอกเธอเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าเขานั้นอยากมีลูกแล้ว “พี่เป็นของเราคนเดียวมานานแล้วครับ ไว้รอเราเรียนจบ พวกเราแต่งงานกันเลยนะ พี่อยากมีลูกแล้ว”“ค่ะ พี่รอไปก่อนนะคะ” พราวหน้าแดงขึ้นเพราะความเขินและตอบกลับธาวินว่าให้รอเธอเรียนจบก่อนและจู่ๆพราวก็เห็นเพื่อนสนิทอย่างอลิสกำลังรีบเดินหนีไปอีกทางจึงได้ชี้ให้ธาวินได้เห็นและพูดขึ้นอย่างคนที่สงสัย“เอ๊ะนั่นอลิสนี่ เดินหนีใครมากันนะ”และเหมือนทั้งคู่จะได้คำตอบแล้วเพราะสายฟ้านั้นก็ได้เดินตามอลิสไปติดๆเช่นกันจนธาวินพูดขึ้นมาว่า“นั่น
พ่อของธาวินยกยิ้มขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบของลูกชายพร้อมทั้งพูดและหยิบโทรศัพท์ยื่นไปทางปฐวีเพื่อให้เขานั้นได้กดเบอร์มือถือส่วนตัวให้แก่เขา“ดี ถ้างั้นทางฉันจะจัดเตรียมงานหมั้นเอาไว้และจะบอกเอ็งกับเมียอีกทีนะว่าจะได้ฤกษ์วันไหน เอาเบอร์ของเอ็งมาด้วยไอ้วี หวังว่าต่อไปพวกเราคงไม่ขาดการติดต่อกันอีกแล้วนะโว้ย”พ่อของพราวหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์และยื่นคืนให้เพื่อนสนิทและพูดขอบคุณที่ยอมรับในตัวลูกสาวของเขา“หึ ขอบใจนะที่เอ็งยอมรับในตัวพราว”“ก็ต้องขอโทษลูกของเอ็งกับเจ้าวินด้วยเหมือนกัน เมื่อก่อนฉันคิดแต่จะให้เจ้าวินจับคู่กับพวกผู้หญิงที่อยู่ในเครือข่ายธุรกิจด้วยกันเพื่อหวังขยายอำนาจและธุรกิจจนลืมนึกถึงใจลูกๆไปเลย เห้ออ”ธาวินจึงได้เอ่ยพูดกับพ่อของเขาอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือไปบีบฝ่ามือของพ่อเบาๆ“ทุกอย่างมันได้ผ่านไปแล้วครับพ่อ พวกเรายังเริ่มใหม่ได้เสมอนะครับ”“อืม เอาสิ พ่อขอเริ่มใหม่กับลูกทั้งสองด้วยนะ แล้วนี่เอ็งจะกลับต่างจังหวัดเลยงั้นหรือ” พ่อของธาวินใช้อีกมือทาบทับไปบนมือของลูกชายและยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ลูกยอมยกโทษให้กับตนและถามไปยังเพื่อนสนิทอีกครั้ง“อือ ช่วงนี้ธุรกิจกำลังไปได้ดีมีลูกค้าเพ