แม้แต่พระหนุ่มผู้นำกลุ่ม ในดวงตาก็ยังแวบผ่านแววเคลิบเคลิ้มไปชั่วครู่หนึ่ง“นางปีศาจ กล้าดีอย่างไรถึงคิดล่อลวงอาตมา อยากตายนักใช่ไหม!”เขารู้สึกตัวในที่สุด ก่อนจะตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดดุจฟ้าคำรามเลือดสด ๆ ซึมออกจากมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ลงมือด้วยความเดือดดาล“ฝ่ามือวัชระปราบมาร!”ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามพุ่งลงมาทางเฉินอิ๋งอิ๋งอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงพุทธมนต์ที่แว่วก้อง กลางฝ่ามือมีอักขระ 卍 หมุนวนไม่หยุด พุทธพลังกลิ้งไหลราวมหาสมุทรใบหน้าเย็นชาเฉินอิ๋งอิ๋งราวน้ำแข็ง ก่อนที่เธอจะเผยพลังระดับรวมกายาขั้นกลางออกมาทันที และพุ่งขึ้นไปปะทะโดยตรงเสียงระเบิดจากทั้งสองฝ่ายสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วฟ้าหลินปิงตะโกนเสียงใส “พวกเราทุกคนลุยพร้อมกันกับฉันเลย ให้พวกพระหัวโล้นพวกนี้ได้เห็นถึงความเก่งกาจของพวกเรา!”ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดในทันทีด้านล่าง เย่ซิวเดินออกจากห้องพอดี เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอนว่าเขาไม่มีทางช่วยสำนักศตะบุปผาแน่ เพียงแค่มองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสนใจเท่านั้นเขายังไม่สามารถล่วงเกินทั้งสองฝ่ายได้สำนักวัชระ ก็เป็นสำนักระดั
ตูม!จู่ ๆ ด้านนอกสำนักศตะบุปผาก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากนั้น แสงทองเจิดจ้าก็สาดส่องปกคลุมทั่วทั้งสำนักศตะบุปผาต้นกำเนิดของแสงเหล่านั้นมาจากชายหนุ่มศีรษะโล้นสวมจีวรจำนวนหนึ่ง แต่ละคนยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ประนมมือ พร้อมกับสวดมนต์เป็นภาษาสันสกฤตโบราณเสียงสวดเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยพลังสั่นสะเทือนที่น่าสะพรึง เพียงพริบตาเดียว สำนักศตะบุปผาก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเหล่าศิษย์หญิงส่งเสียงตะโกนพร้อมกับทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ เมื่อเห็นกลุ่มคนตรงหน้า สีหน้าของพวกเธอพลันเปลี่ยนไปทันที“คนของสำนักวัชระ”“พวกแกคิดจะทำอะไร?!”……“อะมิตาพุธ”พระหนุ่มรูปงามผิวขาวสะอาดตาที่เป็นผู้นำกลุ่มเปล่งเสียงสวดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “พวกโยมฝึกวิชามาร ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เป็นที่รังเกียจของผู้เดินทางธรรม วันนี้พวกเรามาเพื่อปราบมารชำระมวลมนุษย์”“พูดได้น่าฟังดีนี่” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน “พวกแกก็ใช่ว่าจะดีอะไร ออกตระเวนหลอกล่อให้คนเข้าไปเข้าร่วมกับพวกแก ยังจะมีหน้ามาด่าเราอีก”พระรูปนั้นสีหน้านิ่งสงบดุจบ่อน้ำลึก “พวกอาตมาเพียงแต่ชี้นำทางสว่างให้กับผู้มีปัญญาเท่านั้น
ยังไม่ทันที่หลินปิงจะเข้าใจอะไร ในห้องก็พลันปรากฏแรงดึงดูดอันรุนแรง ดูดร่างของเธอเข้าไปทันทีปัง!ประตูปิดลงโดยอัตโนมัติไม่นาน เสียงของหลินปิงก็ดังออกมาจากในห้อง เป็นเสียงผสมระหว่างความโกรธกับการร้องขอความเมตตา ดังอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน…เย่ซิวจัดการผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้อย่างสาสม แล้วถึงได้ยอมปล่อยเธอไปหลินปิงหนีออกไปทันทีก่อนจะไป เธอหันกลับมามองเย่ซิวด้วยแววตาอาฆาตแค้นไม่รู้จบแต่เย่ซิวไม่ใส่ใจเลยสักนิดหากพลังไม่พอ ต่อให้จะอาฆาตมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่าแล้วจะทำอะไรได้?เย่ซิวนำภาพร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก่อนจะลูบเบา ๆ บนผิวมัน จากนั้นก็ส่งพลังจิตเข้าสู่ภายในด้านในเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลกลางพื้นที่นั้นมีร่างหญิงสาวรูปร่างงดงามนั่งขัดสมาธิอยู่ ทั่วร่างของพวกเธอกำลังปล่อยไอสีดำออกมาเหล่าดวงวิญญาณของหญิงสาวหนึ่งร้อยคนต่างหันหน้าไปทางร่างของตน แล้วอ้าปากดูดกลืนไอสีดำเข้าสู่ร่าง ก่อนจะเริ่มกระบวนการกลั่นพลังกระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า“คารวะคุณชาย”“ทำไมคุณชายถึงมาที่นี่ได้ ที่นี่มีมลทินรุนแรงมาก เกรงว่าจะส่งผลไม่ดีต่อท่าน”เย่ซิวส่ายหน้า “ไม่ต้องห่
เขาเห็นหลินปิงถือกับแกล้มอยู่ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือขวดเหล้าหลายขวดด้านหลังของเธอมีหญิงงามหกคนยืนเรียงกัน แต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตน ไม่ว่าจะเป็นแนวใสซื่อหรือเย้ายวนเย่ซิวเข้าใจทันทีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่แต่เธอไม่มีทางทำสำเร็จหรอกขนาดเฉินอิ๋งอิ๋งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย แล้วพวกเธอจะทำอะไรเขาได้?หลินปิงวางของไว้ตรงหน้าเย่ซิว จากนั้นพูดขึ้นว่า “พี่สาวหกคนนี้ได้ยินว่าคุณรอดกลับมาจากท่านอาจารย์ เลยเลื่อมใสคุณชายเย่ซิวมาก เลยอยากมาขอเรียนรู้สักหน่อย คุณชายเย่ซิวคงไม่หวั่นหรอกใช่ไหม”ผู้หญิงทั้งหกมีพลังในระดับถอดจิตแต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ประจำตัวที่เย้ายวนโดยธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นคนไหน หากออกไปปรากฏตัวภายนอก ก็คงทำให้ผู้ชายมากมายคลั่งไคล้ได้สิ่งที่หลินปิงทำในครั้งนี้ เธอได้ขออนุญาตจากเฉินอิ๋งอิ๋งเรียบร้อยแล้วถึงได้กล้าพามาเย่ซิวมองเธอพลางยิ้ม “ฉันไม่หวั่นหรอก งั้นเธอก็มาร่วมด้วยสิ”หลินปิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที ในดวงตาฉายแววระแวดระวัง “ขอโทษด้วยค่ะ พวกคุณเล่นกันไปเลย ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนค่ะ”พูดจบก็รีบหนีออกไปทันทียังไม่วายปิดประตูห้องให้ด้วยแต่เ
เย่ซิวมองผู้หญิงที่ไม่เคยลงรอยกับเขาคนนี้ “ฉันบอกอาจารย์ของเธอไปแล้วนะ จากนี้ไปเธอมีหน้าที่คอยดูแลปรนนิบัติฉันโดยเฉพาะ”“เพ้อเจ้อ ท่านอาจารย์ไม่มีทางยอมในเรื่องแบบนี้แน่นอน” หลินปิงถึงกับสบถด้วยความโกรธ “หลีกไป ฉันจะไปหาท่านอาจารย์เอง”เย่ซิวหยิบตราที่เฉินอิ๋งอิ๋งให้เขาออกมา แล้วโบกให้เธอดูตรงหน้า “นี่เป็นของที่อาจารย์เธอให้ฉันมา เธอน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร”เมื่อเห็นตรา ร่างของหลินปิงถึงกับสั่นสะท้านจากนั้นก็ร้องกรี๊ดออกมาเสียงแหลม “ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด ท่านอาจารย์จะยกฉันให้คนเลวแบบนายได้ยังไง”เธอไม่อาจยอมรับความจริงได้เลย“ถอยไป ฉันจะไปถามท่านอาจารย์ให้รู้เรื่อง”อารมณ์ของหลินปิงปะทุขึ้นจนถึงขีดสุด แถมร่างกายยังแผ่จิตสังหารออกมาอย่างชัดเจนแต่ก่อนที่เธอจะได้ลงมือ เสียงของเฉินอิ๋งอิ๋งก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ“เขาพูดถูกแล้ว จากนี้ไปเธอต้องคอยปรนนิบัติเขา”สีหน้าของหลินปิงซีดเผือดในทันที ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา “ท่านอาจารย์ ทำไมกัน? ทำไมกันล่ะคะ?! ฉันไม่ใช่ลูกศิษย์ที่อาจารย์รักที่สุดเหรอ ทำไมถึงผลักฉันลงไปในนรกแบบนี้”เรื่องนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้กับเธออย่างรุ
เฉินอิ๋งอิ๋งเช็ดริมฝีปากเบา ๆ “ถือว่านี่คือคำขอบคุณของฉันก็แล้วกัน ถ้าไม่มีนาย พลังของฉันก็คงไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้ในเวลาอันสั้นหรอก”ตอนนี้ต่อให้เธอจะกลับไปยังสำนักสหัสราคะโดยไม่ต้องพึ่งแม่ของตัวเอง ก็ยังสามารถเป็นผู้อาวุโสได้ด้วยตัวเองแถมยังไม่ใช่ผู้อาวุโสลำดับล่างอีกด้วยเย่ซิวเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเฉินอิ๋งอิ๋งจะทำเรื่องแบบนั้นผ่านไปสักพัก เขาจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ระหว่างเราก็ถือว่าเคลียร์กันแล้วใช่ไหม งั้นฉันไปได้หรือยัง”เฉินอิ๋งอิ๋งยกยิ้มมุมปาก “ขอโทษด้วยนะ นายยังไปไม่ได้ จากนี้ไปนายต้องอยู่ข้างกายฉันตลอดเวลาเพื่อช่วยฉันฝึกฝน”เย่ซิวขมวดคิ้ว “เธอนี่มันคนอกตัญญูชัด ๆ”“ไม่หรอก เมื่อกี้ฉันก็ตอบแทนนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”เย่ซิว “...”โถ่ นี่สินะ จุดที่รออยู่จริง ๆเย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกเขาลูบตรงจุดที่เธอตบไปก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลยพลังของผู้หญิงคนนี้ยังเหนือกว่าเขาอยู่ขั้นหนึ่ง ในตอนนี้จะต่อต้านก็ทำไม่ได้แต่ถ้าเย่ซิวทะลวงเข้าสู่ระดับปฐมญาณได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถสลัดการควบคุมของเธอได้เช่นกันในเมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ในระยะนี้ เย่ซิวก็เล