“ดีมาก ดีอะไรอย่างนี้ เป็นแค่มดคิดจะล้มช้าง วันนี้ฉันจะจำไว้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”หลังจากทิ้งคำพูดที่รุนแรงไว้เบื้องหลัง หลี่หรูเฟิงก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปผู้หญิงทั้งสี่คนพยายามลุกขึ้นและตามเขาออกไปเช่นกันเหล่าตระกูลใหญ่และตระกูลรองในเจียงเฉิงต่างมองหน้ากันทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เดินไปหาเย่ซิวพร้อมรอยยิ้มอันเสแสร้งบนใบหน้า“น้องชายยังหนุ่มยังแน่น อนาคตไกลนัก”"เจ๋งมาก เจ๋งสุด ๆ"“หากมีโอกาสในอนาคตคงได้ร่วมมือกันนะครับ”……เพื่อตอบสนองต่อการทาบทามของพวกเขา เย่ซิวไม่ได้แสดงท่าทีที่เป็นการต่อต้านพวกเขาเลยแต่เขากลับยิ้มและพูดคุยด้วยราวกับเข้ากันได้ดีแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้นสำหรับพวกกลับกลอกพวกนี้ เย่ซิวไม่ได้คิดที่จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ อยู่แล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องทำให้พวกเขาคลายความระมัดระวังก่อนเท่านั้นเย่ซิวจะหาโอกาสจัดการกับพวกเขาทีหลังแต่พวกเขาไม่รู้ว่า สิ่งที่เย่ซิวต้องการในตอนนี้คือการฮุบทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาพวกเขาคิดว่า เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วและสามารถปล่อยวางได้ ดังนั้นพวกเขาจึงวางใจและผ่อนคลายลงทีละคนสิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดคือเย่ซิ
“ฉันหวังว่าโครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับคุณเย่ด้วยนะ”การแสดงออกของหลิ่วอวี้ฝูไม่เปลี่ยนแปลง เธอเดาไว้อยู่แล้วอีกอย่างเธอยังต้องการตอบแทนเย่ซิวที่ช่วยปู่ของเธอเอาไว้ด้วยเธอพยักหน้าและพูดกับเย่ซิว “พี่ใหญ่ เราไปคุยกันส่วนตัวดีไหม?"“ได้สิ”ทั้งกลุ่มไปที่ห้องรับแขกข้าง ๆยอดฝีมือที่นำโดยหลิ่วอวี้ฝูได้ตรวจสอบห้องทั้งภายในและภายนอกอย่างระมัดระวังหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีอุปกรณ์ดักฟังแล้วพวกเขาก็ออกจากห้องไปหูเม่ยเอ๋อร์และหรูฮว่าก็อยู่เช่นกันหลิ่วอวี้ฝูยังรู้รายละเอียดของทั้งสองคนหูเม่ยเอ๋อร์เป็นจอมยุทธระดับห้า แต่เธอไม่มีทักษะในการต่อสู้ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอใกล้เคียงกับเซี่ยเจี๋ยส่วนหรูฮว่าเป็นจอมยุทธสูงสุดระดับสามทว่าเธอได้ฝึกฝนทักษะลึกลับบางอย่างที่ทำให้เธอก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและสามารถระเบิดความแข็งแกร่งได้หลายครั้งในทันที และเธอยังสามารถได้รับการปฏิบัติในฐานะจอมยุทธระดับสี่อีกด้วยหลิ่วอวี้ฝูก็ต้องการที่จะได้รับความร่วมมือจากทั้งสองคนเช่นกันมีหลายคนนั่งลงรอบโต๊ะ จากนั้นหลิ่วอวี้ฝูก็พูดช้า ๆ“พวกคุณทุกคนคงสงสัยว่า โครงการอะไรที่ตระกูลหลี่และฉันกำลังต่อสู้เ
“ตอนนี้ไม่มี แต่อีกไม่กี่วันมีแน่”หลิ่วอวี้ฝูเม้มริมฝีปาก “พี่ใหญ่ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปเลยค่ะ เงินห้าพันหมื่นล้านบาทไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ นะคะ”แม้แต่ตระกูลหลิ่ว หากต้องการเงินห้าหมื่นล้านบาทก็ยังต้องใช้เวลาเตรียมการสักระยะเลยเย่ซิวยิ้ม “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล แค่บอกมาว่าคุณเต็มใจหรือไม่ก็พอ”การใช้เงินห้าหมื่นล้านลงทุนเพื่อแลกกับกำไรสิบเปอร์เซ็นต์ถือว่าอยู่ในสถานะที่สมเหตุสมผลมากเย่ซิวไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการช่วยปู่ของหลิ่วอวี้ฝูเพื่อทำข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลหลิ่วอวี้ฝูเห็นด้วยทันที “ถ้าพี่ใหญ่ช่วยได้ห้าหมื่นล้านจริง ๆ ฉันจะให้กำไรพี่สิบสองเปอร์เซ็นต์"“ไม่จำเป็น” เย่ซิวปฏิเสธ “ผมช่วยคุณปู่ของคุณก็เพราะหน้าที่ในฐานะแพทย์ ผมไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อื่น สิบเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้ว”หลิ่วอวี้ฝูรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเย่ซิวปฏิเสธส่วนแบ่งกำไรสองเปอร์เซ็นต์นั้นจริง ๆแม้ว่าจะคำนวณจากผลกำไรประจำปีจำนวนสองแสนล้านบาท นั่นคือสองหมื่นล้านบาทต่อปี และสองแสนล้านบาทในระยะเวลาสิบปีนี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งอาจมีกำไรสุทธิเพียงร้อยล้านต่อปีเท่าน
ลู่เจิ้นเฟิงกล่าวชมลูกเขยในอนาคตด้วยความภาคภูมิใจสำหรับเย่ซิว ลู่เจิ้นเฟิงปฏิบัติต่อเขาเหมือนดินบนพื้น เหยียบย่ำเขาโดยไม่ให้เกียรติสักนิดเย่ซิวยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาเย็นชา“เพื่อเห็นแก่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ ผมจะไม่เถียงกับคุณ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินผ่านลู่เจิ้นเฟิงเพื่อจะออกไปจากตรงนั้นลู่เจิ้นเฟิงโกรธมากและตะโกนใส่เย่ซิว "ไอ้หนุ่ม อย่ามองข้ามความหวังดีกันนักเลยภูมิหลังคู่หมั้นของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เขาคือกิเลนตัวจริง เทียบกับเขาแล้วนายมันไม่มีอะไรสักอย่าง อย่าหลอกตัวเองเลย”เย่ซิวส่ายหัว บางคนเย่อหยิ่งและคิดว่าตนเองชอบธรรมจริง ๆพยัคฆ์ขาวกับกิเลนอะไรกัน ตรงหน้าเขาคือมังกรที่แท้จริง ทั้งหมดนั้นก็แค่พวกปลาซิวปลาสร้อยเขาขี้เกียจเกินไปที่จะโต้เถียงกับลู่เจิ้นเฟิงในที่สาธารณะ เขาจึงเดินออกมาอย่างรวดเร็วลู่เจิ้นเฟิงมองดูแผ่นหลังของเย่ซิว สีหน้าของเขาดูมืดมนอย่างยิ่ง จนในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา!“แกว่งเท้าหาเสี้ยนนัก งั้นก็รอวันที่แกจะแหลกเป็นชิ้น ๆ เถอะ!”หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เดินออกไปเมื่อเย่ซิวกลับถึงบ้าน ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลัง
ในเวลานั้น งานอักษรวิจิตรทั้งสองชิ้นถูกประมูลในราคาสูงถึงสองพันหกร้อยล้าน และสองพันแปดร้อยล้านตามลำดับและภาพฝูงม้านับหมื่นนั้นสูงถึง หกพันแปดร้อยล้านบาทเขาใช้เงินทั้งหมดจากการประมูลเหล่านี้เพื่อสร้างโรงเรียนไพรเมรี่โฮป และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศหลงเถิงในเวลานั้น การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาส่งผลกระทบอย่างมาก และด้วยผลงานสามชิ้นนี้ เขาก็ได้รับชื่อเสียงอย่างสั่นสะเทือนผู้ชื่นชอบอักษรวิจิตรและนักสะสมอักษรวิจิตรนับไม่ถ้วนพยายามสอบถามเกี่ยวกับเขาไปทุกหนแห่งด้วยความกระตือรือร้นที่จะซื้อผลงานของแท้จากเขาทว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ได้สร้างผลงานอีกเลยเหตุผลนั้นง่ายมากเพราะการสร้างงานชิ้นเดียวมีผลกระทบต่อเขาอย่างมากผลงานแต่ละชิ้น เขาต้องใช้ความเข้าใจศิลปะการต่อสู้อันลึกซึ้งของเขาในฐานะปรมาจารย์อาวุโสเพื่อยกระดับผลงานนั้นด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะได้รับความชื่นชมจากผู้ที่ชื่นชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรนับไม่ถ้วนเพราะผลงานที่สร้างขึ้นด้วยความเข้าใจจากด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ได้เป็นเพียงงานศิลปะเท่านั้นแต่เป็นรูปแบบมีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์หากผู
สาวสวยพลันรีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมืออันนุ่มเรียบเนียนของเธอไปทางเย่ซิว “สวัสดีค่ะ อาจารย์ต้าวจือ ดิฉันเป็นเจ้าของบริษัทประมูลแห่งนี้เองค่ะ หลิวเมิ่งถิง”เย่ซิวยื่นมือออกไปจับมือหญิงสาวมือของหญิงสาวนุ่มเด้งเรียบลื่นมากไม่อาจต้านทานได้จนใคร ๆ ก็ไม่อยากปล่อยมือ ทว่าเย่ซิวเพียงสัมผัสเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะถอยกลับโดยไม่รอช้า“สวัสดีครับคุณหลิว อย่ามัวพูดพร่ำทำเพลงกันเลยดีกว่าครับ รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”หลิวเมิ่งถิงเหลือบมองเย่ซิวด้วยความเคารพผู้ชายที่ดูธรรมดาคนนี้ยังคงเป็นสุภาพบุรุษซื่อตรงเหมือนเคยคนธรรมดาที่เห็นเธอย่อมมีความคิดอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อใครได้จับมือของเธอ พวกเขาแทบจะอยากจับมือไว้โดยไม่ปล่อยมือสักสิบนาที“ได้สิคะ เชิญทางนี้ค่ะ”หลิวเมิ่งถิงนำเย่ซิวเข้าไปในบริษัทประมูลและไปที่ห้องวีไอพีหลังจากได้ยินข่าว ผู้ประเมินแปดเก้าคนที่สวมแว่นอ่านหนังสือก็รีบเข้ามาทันทีด้วยความกระตือรือร้น“ท่านนี้คือ อาจารย์ต้าวจือใช่ไหมครับ?”“ดูอ่อนวัยมากเลยครับ”“อาจารย์ต้าวจือ ท่านได้นำผลงานมาด้วยไหมครับ?”สายตาของคนเหล่านี้จ้องมองไปที่ม้วนกระดาษสองม้วนในมือของเย่ซิวตั้งแต่
แม่น้ำที่คำรามและโหมกระหน่ำรอบตัวเธอราวกับมังกรดุร้ายนั้นเหมือนพร้อมจะกลืนกินเธอทั้งตัวหลังจากนั้นไม่นานเธอก็กลับมามีสติอีกครั้งหลิวเมิ่งถิงสามารถเป็นเจ้าของบริษัทประมูลได้ ความสามารถของเธอเองในการชื่นชมของโบราณและการประดิษฐ์ตัวอักษรก็ย่อมไม่ธรรมดาเช่นกันเพียงแวบเดียวเธอก็ตกหลุมรักผลงานทั้งสองชิ้นนี้แล้วเธออยากจะเก็บภาพวาดทั้งสองไว้เป็นของตัวเองน่าเสียดาย เธอรู้ว่าด้วยทรัพยากรทางการเงินของเธอนั้นไม่สามารถที่จะซื้อผลงานนี้ได้เธอแอบเสียใจในใจ ทำไมเธอต้องมาเห็นผลงานพวกนี้ด้วย ถ้าไม่เห็นก็คงไม่รู้สึกอยากได้แต่ไม่ได้อย่างนี้หรอกกลุ่มชายผู้สูงอายุอีกแปดหรือเก้าคนมีความคิดตรงกัน ผลงานที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้นย่อมเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนาเช่นกันหลิวเมิ่งถิงสงบสติอารมณ์ และพูดกับเย่ซิวด้วยความเคารพ “อาจารย์ต้าวจือคะ รายได้ทั้งหมดจากการประมูลผลงานทั้งสองชิ้นนี้ยกเว้นเงินภาษีจะถูกส่งให้กับคุณดิฉันจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการในส่วนของดิฉัน ดิฉันแค่หวังว่า หากคุณมีผลงานที่จะขายในอนาคตคุณจะพิจารณาเลือกบริษัทประมูลของเราก่อน จะเป็นไปได้ไหมคะ? ผู้หญิงคนนี้มีแผนหลังจากที่ได้เห็นผลงา
หญิงสาวรู้สึกเบื่อมากจนเริ่มหาวหลังจากรอนานกว่าสิบนาที หลิวเมิ่งถิงก็ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด ข้างหลังเธอมีบอดี้การ์ดมากกว่าห้าสิบคน แต่ละคนติดอาวุธครบมือเธอยังเชิญเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจหลายคนมาด้วย เพราะจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องครั้งนี้มีมหาศาล และเธอกังวลว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดหลิวเมิ่งถิงเป็นหญิงแกร่งเด็ดเดี่ยวหลังจากขึ้นเวทีแล้วเธอก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพไม่กี่คำ และเข้าประเด็นทันที“ในครั้งนี้อาจารย์ต้าวจือได้ให้ความไว้วางใจแก่เราในการดูแลผลงานชิ้นเอกสองชิ้น แต่ละชิ้นเป็นผลงานอันศักดิ์สิทธิ์ ผลงานแรก งานเขียนอักษรวิจิตรที่มีชื่อว่า บทกวีไผ่งาม”เธอเปิดม้วนกระดาษด้วยตัวเอง จากนั้นโปรเจคเตอร์ในสถานที่ก็แสดงภาพบนหน้าจอโดยขยายให้ทุกคนได้เห็นกันอย่างชัดเจนผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานนี้ได้จะต้องมีความซาบซึ้งในการเขียนพู่กันขั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเห็นงานอักษรวิจิตรชิ้นนี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนทันที รวมถึงปู่ของสาวน้อยซึ่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน“โอ้พระเจ้า! การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้น่าทึ่งจริง ๆ!”“คู่ควรกับงานของอาจารย์ต้าวจืออย่างแท้จริง แนวคิดทางด้านศิลปะลึก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน