เมื่อสูญเสียระดับพลังไปจนหมดสิ้น ร่างของเฟยอวี่ก็ค่อย ๆ หดตัวลงขนาดร่างกายเล็กลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายกลายเป็นลูกสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือเย่ซิวนั่งยอง ๆ ลงแล้วหิ้วมันขึ้นมาดวงตาของลูกจิ้งจอกตัวน้อยใสบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง มองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน"นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าถอยหลังกลับไปสู่ร่างดั้งเดิม?"เย่ซิวส่งพลังจิตเข้าไปตรวจสอบภายในร่างของเธออย่างละเอียดพบว่าตอนนี้เธอไม่มีพลังปีศาจแม้แต่น้อย และจิตวิญญาณก็กลายเป็นเหมือนจิ้งจอกธรรมดาทั่วไปเย่ซิวค้นหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ในความทรงจำของตนเอง และไม่นานก็เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งปีศาจบางตัวที่มีพรสวรรค์สูง หรือมีสายเลือดที่สูงส่งหากได้รับความกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บร้ายแรง อาจเข้าสู่สภาวะปกป้องตัวเองโดยสัญชาตญาณพวกมันจะถอยกลับไปสู่ร่างดั้งเดิมของตนเองเมื่ออยู่ในร่างนี้ บาดแผลทั้งหมดที่ได้รับมาก่อนหน้าจะถูกลบล้างจนหมดสิ้นกระบวนการนี้คล้ายกับการเวียนว่ายตายเกิดในตำนานแม้ว่าจิตวิญญาณยังคงเป็นดวงเดิม แต่ทุกอย่างใน 'ชีวิตก่อน' จะถูกลืมเลือนไปทั้งหมดหลังจากพิจารณาอย่างละเอียด เย่ซิวก็มั่นใจว่าเ
ตอนนี้เป็นเวลายามดึก ท้องฟ้ามีดวงจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่สูงลิบเย่ซิวจารึกวิชาอักขระป้องกันรอบห้อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากนั้นร่างของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งสู่ดวงจันทร์!อีกครั้งที่เขามาถึงดวงจันทร์ทันทีที่มาถึง เย่ซิวก็เห็นชายคนเดิมที่สวมเกราะและถือหอกยาวในมือเมื่อศัตรูพบหน้ากัน ความโกรธก็พวยพุ่ง ไม่พูดคำใดให้เปลืองเวลา ทั้งสองเข้าห้ำหั่นกันทันทีตู้ม!เย่ซิวเหวี่ยงหมัดออกไปปลายหอกของอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอย่างดุดันหมัดปะทะกับปลายหอก เย่ซิวมั่นคงราวภูผา ไม่ไหวติงแม้แต่น้อยในขณะที่หอกของชายคนนั้นโค้งงอเป็นเส้นโค้งที่เกินจริงจากนั้นหอกก็ดีดกลับตรงอย่างรุนแรง แรงสะท้อนทำให้ร่างของชายคนนั้นถูกซัดกระเด็นไปไกลกว่าพันเมตรมือที่จับหอกสั่นระริก ดวงตาที่มองเย่ซิวเผยให้เห็นความหวาดหวั่นเย่ซิวแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาครั้งก่อนหมอนี่ฉวยโอกาสตอนที่เขายังอยู่แค่ระดับวิญญาณก่อกำเนิด แถมยังอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหัวใจของเขาเต้นแรงดั่งฟ้าคำราม โลหิตพลุ่งพล่าน ก้าวเดินราวมังกรคำรามพยัคฆ์คำรน ดึงพลังร่างกายสู่ขีดสุด
"ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดวงดาวที่เจ้ามองเห็น ล้วนเป็นของปลอมทั้งหมด"มือที่ถือถ้วยชาของเย่ซิวกระตุกเล็กน้อยไฉ่เวยกล่าวต่อ "นี่เป็นส่วนหนึ่งของผนึก คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ของจริงดังนั้น ต่อให้พวกเขาเข้าสู่เส้นทางเซียน การรับรู้ของพวกเขาก็ยังผิดเพี้ยนอยู่ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลอะไร แต่เมื่อเจ้าต้องการบรรลุสู่ระดับที่สูงขึ้น มันจะกลายเป็นอุปสรรคที่ถึงแก่ชีวิตได้"เย่ซิววางถ้วยชา ค้อมกายประสานมือให้ไฉ่เวย "ขอบคุณแม่นางที่บอกกล่าว เช่นนั้นมีวิธีแก้ไขหรือไม่"ไฉ่เวยปลดถุงหอมเล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่ตรงเอวลงมาเมื่อเปิดออก เธอก็เทก้อนหินสองก้อนออกมาก้อนหนึ่งเป็นสีแดงเพลิงอีกก้อนเป็นสีขาวนวล"นี่คือศิลาสุริยันและศิลาจันทราตอนนี้เหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น นำไปหลอมกลั่นแล้วเจ้าจะสามารถขจัดภัยแฝงนี้ได้""ขอบคุณแม่นางมาก"เย่ซิวหยิบก้อนหินทั้งสองไว้ในมือ และหลอมกลั่นพวกมันในทันทีผลลัพธ์เป็นไปตามคาด ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างแม้ว่าระดับพลังจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าขอบเขตของตนมั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิมเธอมีพระคุณกับตนมาก เย
"ตึกตึกตึก..."เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนและเป็นจังหวะดังก้องอยู่ในหูของทุกคนร่างอันงดงามไร้ที่เปรียบ ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากส่วนลึกที่สุดของปราสาทโบราณ ทีละก้าว ทีละก้าวใต้ฝ่าเท้าของเธอ คือแม่น้ำโลหิตที่ไหลเชี่ยวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในแม่น้ำโลหิตนั้น มีเงาร่างของแวมไพร์หลากหลายต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือซ้ายวางบนอก แสดงความเคารพอย่างเคร่งขรึมอาภรณ์แดงของเธอถูกปกคลุมด้วยพลังเลือดอันเข้มข้น ความโอหังและความแข็งแกร่งของราชินีโลหิตถูกเผยออกมาอย่างชัดเจนเธอก้าวออกจากปราสาทโบราณแต่ละก้าวพาร่างไปไกลหลายสิบลี้เมื่อก้าวถึงเก้าก้าว เธอก็ได้มายืนอยู่กลางอากาศสูงนับพันเมตร เปล่งแสงโลหิตนับหมื่นสายออกมาแสงโลหิตอันไร้เทียมทาน บัดนี้คือสิ่งเดียวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งประเทศจ้านอิงตี้เธอกลายเป็นสิ่งที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้าดวงตาคมกริบฉายแววเย็นเยียบ เต็มไปด้วยความเฉยเมยราวกับมองสรรพสิ่งในโลกเป็นเพียงมดปลวกแม่น้ำโลหิตใต้ฝ่าเท้าปั่นป่วน แล้วค่อย ๆ รวมตัวกันกลายเป็นบัลลังก์โลหิตเธอทรุดกายนั่งลงบนบัลลังก์นั้นทั่วทั้งประเทศจ้านอิงตี้ เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วโสตประสาทของทุกคนผู้ที่มีจิตใ
"ทำไม? บทเรียนครั้งที่แล้วยังไม่พอหรือไง? ตอนนี้คิดจะมารังแกคนของฉันอีกแล้วสินะ"บุคคลที่ยืนอยู่ระหว่างทั้งสองย่อมเป็นเย่ซิว และเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาในเสี้ยววินาทีที่เห็นหงอีปรากฏตัว เย่ซิวก็รู้ทันทีว่าเธอต้องเล่นงานเถียนเถียนแน่แค่พึ่งพาร่างแยกธาตุไฟที่อยู่ที่นี่ คงไม่ใช่คู่มือของหงอีแน่ดังนั้นเขาจึงรีบมาถึงทันทีตู้ม!หงอีเห็นเย่ซิว ก็ลงมือทันทีเธอสะบัดมือขวากลับ แล้วกดลงด้านล่างทันใดนั้น ภูเขาขนาดมหึมาที่ควบแน่นจากเลือดสด ๆ ก็พุ่งลงมากดทับเย่ซิวอย่างรุนแรงเย่ซิวชกออกไปหมัดหนึ่ง ทำให้ภูเขาที่กำลังบดขยี้ลงมาถูกทำลายราบคาบเขาก้มลงมองกำปั้นของตัวเอง คิ้วขมวดเล็กน้อยมีแสงสีเลือดบางเบากำลังกัดกร่อนผิวของเขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยถึงจะสามารถกลั่นสลายมันได้ยายเด็กคนนี้ไปได้โชควาสนาอะไรมากันแน่? ถึงทำให้พลังของเธอเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจขนาดนี้อีกทั้งพอปรากฏตัวก็อยู่ในระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ สูงกว่าเย่ซิวถึงสองขั้นย่อยเย่ซิวคิดเพียงชั่วครู่ แล้วก็เก็บร่างแยกธาตุไฟที่อยู่ด้านล่างกลับมาตอนนี้หงอีแข็งแกร่งพอที่เขาต้องใช้พลังทั้งหมดแล้วเพราะจากสัมผัสของเขา เธอ
ต่อมาคือหยางชิงเสวี่ย เธอเลือกเส้นทางที่สองโซเฟียมองเย่ซิวแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือกเส้นทางที่สามทำให้เย่ซิวเหลือเพียงเส้นทางที่สี่ให้เลือกเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้รูปสลักในระยะร้อยเมตร จู่ ๆ มันก็มีชีวิตขึ้นมาพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมา ก่อนพุ่งเข้าจู่โจมเย่ซิวโดยตรงรูปสลักนี้กลับมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นเย่ซิวปะทะกับมันตรง ๆ หมัดของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยความแข็งแกร่งของรูปสลักนี้แทบไม่ต่างจากร่างกายของเขาเองในเสี้ยววินาที เย่ซิวเปลี่ยนมือทั้งสองข้างให้กลายเป็นกรงเล็บมังกร พลังของเขาพุ่งขึ้นอีกระดับเขารัวหมัดใส่สิบกว่าครั้ง จนรูปสลักนั้นพังทลายลง ก่อนก้าวเดินเข้าไปในเส้นทางในขณะที่เหยียบย่างเข้าไปในเส้นทาง เย่ซิวรู้สึกถึงแรงกดทับมหาศาลบนไหล่แรงโน้มถ่วงในเส้นทางนี้ กลับเป็นสิบเท่าของภายนอก!โชคดีที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นคงแทบก้าวขาไม่ออก“ฟู่วฟู่วฟู่ว…”ทันใดนั้น ลมดำก็พัดกระโชกขึ้น ตามมาด้วยฝูงหมาป่าสงครามจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นเพียงแค่เห็นก็รู้ว่ามันคือหุ่นเชิดดวงตาของพวกมันเปล่งแสงสีเลือด พออ้าปากก็พ่นคลื่นลมที่คมกร
แท่นบูชาพลันแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นชุดเกราะหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกันนั้น เสียงไร้อารมณ์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู“ด่านที่สอง สวมใส่ชุดเกราะหนักหนึ่งล้านชั่ง แล้วว่ายข้ามแม่น้ำมรณะ รางวัลสำหรับการผ่านด่านคือวิชา ‘ศึกโลหิตแปดทิศ’”เย่ซิวดวงตาทอประกาย แหงนมองไปทางซ้ายและขวาพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่แตกต่างจากเย่ซิวเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หยิบชุดเกราะขึ้นมาสวมใส่น้ำหนักหนึ่งล้านชั่ง แม้แต่เย่ซิวเองก็ยังรู้สึกถึงภาระที่หนักอึ้งโชคดีที่ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถแบกรับไหวยิ่งไปกว่านั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเหมือนพวกผู้หญิงสามคนนั้น ที่ต้องใช้ระดับพลังเพื่อลดทอนน้ำหนักลงเขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง ฝืนเดินไปได้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาสมุทรสีดำอันกว้างใหญ่ใต้ผืนน้ำมีเงาดำแหวกว่ายไปมาไม่หยุดกล่าวได้ว่าด่านนี้ไม่ใช่แค่ต้องว่ายข้ามไปเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำอีกด้วยเย่ซิวเหลือบตามองไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำสิ่งที่เรียกว่ามหาสมุทรแห่งความตายนั้น ความหนาแน่
ตอนนี้หากเพิ่มเจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้เข้าไปอีก ก็น่าจะเพียงพอแล้วคิดได้ดังนั้น เย่ซิวจึงฝืนต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของอีกฝ่าย พลางเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เต่ายักษ์ตัวนั้นสองมือคว้าจับขาหน้าของมันไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นวิชาแปรมังกรก็ถูกใช้ออกไปอย่างเฉียบขาด“โฮกกก!”เต่ายักษ์ส่งเสียงคำรามโหยหวน ร่างของมันสั่นสะท้านดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอาคมและวิชาต่าง ๆ ถูกซัดใส่เย่ซิวไม่ยั้งร่างกายของเย่ซิวสั่นสะท้านรุนแรง อวัยวะภายในทั้งห้าถึงกับฉีกขาดแต่เขาก็ยังคงจับขาของเต่ายักษ์ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยพลังที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกถ่ายเทเข้าสู่วิชาแปรมังกรยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังดูดซับพลังอันมหาศาลจากร่างของเจ้าเต่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้วิชาแปรมังกรก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วร่างกายของเย่ซิวแปรเปลี่ยนเป็นมังกรโดยสมบูรณ์ อีกทั้งร่างของเขาก็ค่อย ๆ ยืดยาวขึ้น บัดนี้มีความยาวได้ห้าหกเมตรแล้วลักษณะภายนอกของเขายิ่งคล้ายคลึงกับมังกรแท้ในตำนานมากขึ้นเรื่อย ๆเต่ายักษ์สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย มันคำรามไม่หยุดมันกัดฟันตัดขาที่ถูกเย่ซิวจับไว้ของตัวเอง เพื่อหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการแต่เย่ซิว
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ