ภาพความวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้า เย่ซิวกับรั่วอวิ๋นเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนคนพวกนั้นตาแดงก่ำ หน้าตาเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งใครไม่รู้เรื่องมาก่อนคงนึกว่าพวกเขากำลังจะไปแก้แค้นให้พ่ออย่างไรอย่างนั้นรั่วอวิ๋นต้องก้าวออกมาข้างหน้า ปล่อยพลังอำนาจอันน่าเกรงขามออกมา “ทุกคนต่อแถวตามระเบียบ ใครกล้าแซงคิว จะถูกตัดสิทธิ์ซื้อโอสถร้านนี้ตลอดไป”อำนาจบารมีของรั่วอวิ๋นยังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนพอได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็หยุดทันที แล้วหันมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบรรดาผู้อาวุโสรีบจ้ำพรวดเข้ามาอยู่หน้าสุด ใบหน้าทุกคนยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน“ศิษย์น้องรั่วอวิ๋น ยินดีด้วยนะที่เปิดกิจการแล้ว เรามาช่วยอุดหนุนเต็มที่เลย เดี๋ยวจะเหมาให้หมดร้านเลย”“ใช่แล้ว วันนี้เราจะกวาดซื้อทุกอย่างในร้านให้หมด”……ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเย่ซิวแล้วแม้จะพูดกับรั่วอวิ๋น แต่ทั้งหมดก็จงใจพูดให้เย่ซิวได้ยินทั้งนั้นเย่ซิวมองดูสีหน้ากระหายโอสถของพวกเขาแล้วรู้สึกไม่ดีขึ้นมาตอนแรกเขาคิดว่าโอสถกว่าล้านเม็ดที่เตรียมไว้น่าจะขายได้อีกนานแต่ดูจากสภาพตอนนี้ มีหวังหมดเกลี้ยงภายในวันเดียวแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น ความลับบางอย่าง
“ฉันมาซื้อโอสถตามคำสั่งของเขา การที่ยอมซื้อโอสถของพวกเธอก็ถือว่าให้เกียรติแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า”จางเสี่ยวอวี๋เผลอหันไปมองเย่ซิวอย่างอดไม่ได้เพราะคนตรงหน้านั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา เธอจึงไม่กล้ารับมือเองเย่ซิวหรี่ตาเล็กน้อย “จะเป็นใครก็ช่าง ต่อให้เป็นเจ้าสำนักเองก็ต้องทำตามกฎ”“กล้าดียังไง คิดว่ากลั่นโอสถได้ไม่กี่เตาก็จะเหิมเกริมเกินขอบเขตได้หรือไง!”รั่วอวิ๋นที่ได้ยินเสียงวุ่นวายก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “กล้าดียังไงมาหาเรื่องถึงหน้าร้านฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะตบนายให้หายไปจากโลกในทีเดียวเลยหรือไง”ชายคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามฝืนความกลัวไว้ “ผู้อาวุโสรั่วอวิ๋น นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเขา ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรเข้ามายุ่งจะดีกว่า”เย่ซิวเข้าใจทันที ก่อนจะมองชายคนนั้นอย่างพินิจ “นายจงใจมายั่วโมโหฉันใช่ไหม หวังให้ฉันลงมือก่อนสินะ”ชายคนนั้นตอบกลับด้วยท่าทางเย็นชา “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด ฉันแค่มาซื้อโอสถเท่านั้นเอง”“ตามกฎของสำนักอวิ้นหลิง ผู้ใดลงมือทำร้ายผู้อื่นโดยพลการ จะต้องถูกลบล้างพลังบำเพ็ญทั้งหมดเพราะงั้นหนานกงอู๋ซวงจึงส่งนายมา หวังใช้ชี
ประเทศหลงเถิง ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโบราณทางตอนเหนือ“อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็นเนื้อกระต่ายแหละ”ณ ส่วนลึกของป่าโบราณมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ในมือหิ้วกระต่ายตัวอวบอ้วนมาด้วยหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนโขดหินตะปุ่มตะป่ำขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดีดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงหน้าบ้านไม้เขาชื่อเย่ซิว อาศัยอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของเขามาตั้งแต่ยังเด็กแล้วติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ เก็บสมุนไพร เรียนการแพทย์ และเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนเอี๊ยดเย่ซิวผลักประตูแล้วเดินเข้าไป วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระต่ายในมือถูกทิ้งลงกับพื้นเห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ศีรษะตกลงมา ไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว“อาจารย์ อาจารย์ครับ เป็นยังไงบ้าง?!”เย่ซิวตกใจมากรีบรุดขึ้นไปแล้วตรวจชีพจรของเขาก่อน จึงได้พบว่าไม่มีการเต้นของชีพจรแล้วจากนั้นเขาก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มลงไปไม่มีประโยชน์!เขาถ่ายทอดพลังปราณอันทรงพลังของตัวเองไปให้ แต่ก็ยังคงไร้ผลใด ๆความโศกเศร้าครั้งใหญ่เข้
“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโหเย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมาเซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"เพียะ เพียะ!เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองทีร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถเขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็วแต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัดแต่หลังจา
เพียะ!หนึ่งฝ่ามือหนัก ๆ ฟาดไปที่หน้าของเซี่ยชิงชิงใบหน้าที่ขาวผ่องและเนียนละเอียดของเธอบวมขึ้นในทันทีนั้นเสียงตบที่คมชัด ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ทำให้เซี่ยเจี๋ยเบิกตากว้าง บอดี้การ์ดทั้งสองคนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเซี่ยชิงชิงยกมือขึ้นกุมหน้า ความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าว รวมถึงความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุดทำเอาเธอแทบบ้าคลั่งเสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นทันที "กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ?!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเธอ มองไปที่เซี่ยเจี๋ยแล้วพูด “หลานสาวของคุณกำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ผมก็เลยช่วยสั่งสอนเธอแทนให้ มีปัญหาอะไรไหมครับ?"เซี่ยเจี๋ยยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันไม่กล้ามีปัญหาหรอก หลานสาวฉันคนนี้ หยิ่งผยองมากเกินไปแล้วจริง ๆ"“คุณปู่ ฆ่าเขา รีบฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!” เซี่ยชิงชิงตีโพยตีพาย คนทั้งคนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกตบหน้า“หุบปาก!”เซี่ยเจี๋ยตะคอก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธออกมานิดหน่อย “ดูเหมือนว่าปกติปู่จะตามใจหลานจนเสียคนแล้วจริง ๆ รีบขอโทษผู้มีพระคุณเย่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งหลานเรียนจบ อย่าคิดว่าจะได้
จ้าวเฉียนเดินเข้ามาพร้อมกับเลขาฯ เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ตะโกนทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยั้งมือ“พ่อ?” จ้าวเฟิงตกตะลึง “พ่อมาทำอะไรที่นี่?”จ้าวเฉียนถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"จ้าวเฟิงอธิบายเหตุการณ์ให้จ้าวเฉียนฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำดวงตาของจ้าวเฉียนเป็นประกาย ความคิดของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าว ๆ แล้ว น่าจะเป็นเย่ซิวคนนี้ที่บังเอิญช่วยเซี่ยเจี๋ย แต่ขณะเดียวกันก็ดันไปทำให้เซี่ยชิงชิงขุ่นเคืองใจ จึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต้องบอกว่าจ้าวเฉียนสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆเขาโบกมือ "อย่างนั้นก็ลงมือเถอะ"แต่ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เย่ซิวก็โพล่งขึ้น "คุณคือจ้าวเฉียนงั้นเหรอ?"ที่นี่คืออาคารของบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป และในพินัยกรรมที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้นั้น ยังได้ทิ้งข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับจ้าวเฉียนเอาไว้ด้วยจ้าวเฟิงโกรธมาก "ชื่อของพ่อฉัน แกอยากจะเรียกก็เรียกได้หรือไง? ไอ้คนเถื่อน!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเขา "เป็นคุณจริง ๆ เยี่ยมเลย ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะ"“โอ้?” จ้าวเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "คนเถื่อนที่เพิ่งลงมาจากเขาอย่างนาย มีธุระอะไรกับฉ
ที่หน้าร้าน หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่เย่ซิวแล้วตะโกนเสียงดังลั่น "ไสหัวไปให้ไกล ๆ เลย อย่ามาขัดขวางธุรกิจของฉัน!"ในความเห็นของเธอ เย่ซิวซึ่งสวมชุดผ้าขี้ริ้วและสะพายถุงผ้าเก่า ๆ ไม่ต่างอะไรจากขอทานเย่ซิวพูดว่า "ผมไม่ใช่ขอทาน ผมมาซื้อเสื้อผ้า ผมมีเงิน"หญิงวัยกลางคนกอดอกและเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอทานอย่างแกจะมีเงินสักเท่าไหร่เชียว สิบหยวนหรือว่ายี่สิบหยวนล่ะ? แกไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ได้หรอกนะ ห้ามเข้ามาในร้านของฉัน อย่าทำให้ร้านของฉันสกปรก"เย่ซิวระงับความโกรธ "ผมบอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมมีเงิน ถ้าคุณเปิดร้านทำธุรกิจ ทำไมถึงไม่ให้ผมเข้าไปล่ะ?"หญิงวัยกลางคนโกรธมาก "แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ถ้าไม่ไป ฉันจะไม่ยั้งมือแล้วนะ"หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบไม้กวาดข้างประตูขึ้นมาและจ้องเย่ซิวด้วยสีหน้าดุร้าย“พี่ชายคนนี้ อยากจะซื้อเสื้อผ้าเหรอคะ? มาที่ร้านฉันก็ได้นะ”ทันใดนั้นเอง เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งก็ดังมาจากร้านข้าง ๆ เย่ซิวหันกลับไปมอง เห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบแปดหรือสิบเก้าปีกำลังพูดกับเขาอย่างเขินอายเธอดูไร้เดียงสามาก สวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาวผมถูกถักเป็นเปียสอง
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมดจากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทางทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!""ได้!"คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้าเย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็วแต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทนเย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้นทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ""ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมา
“ฉันมาซื้อโอสถตามคำสั่งของเขา การที่ยอมซื้อโอสถของพวกเธอก็ถือว่าให้เกียรติแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า”จางเสี่ยวอวี๋เผลอหันไปมองเย่ซิวอย่างอดไม่ได้เพราะคนตรงหน้านั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา เธอจึงไม่กล้ารับมือเองเย่ซิวหรี่ตาเล็กน้อย “จะเป็นใครก็ช่าง ต่อให้เป็นเจ้าสำนักเองก็ต้องทำตามกฎ”“กล้าดียังไง คิดว่ากลั่นโอสถได้ไม่กี่เตาก็จะเหิมเกริมเกินขอบเขตได้หรือไง!”รั่วอวิ๋นที่ได้ยินเสียงวุ่นวายก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “กล้าดียังไงมาหาเรื่องถึงหน้าร้านฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะตบนายให้หายไปจากโลกในทีเดียวเลยหรือไง”ชายคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามฝืนความกลัวไว้ “ผู้อาวุโสรั่วอวิ๋น นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเขา ท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรเข้ามายุ่งจะดีกว่า”เย่ซิวเข้าใจทันที ก่อนจะมองชายคนนั้นอย่างพินิจ “นายจงใจมายั่วโมโหฉันใช่ไหม หวังให้ฉันลงมือก่อนสินะ”ชายคนนั้นตอบกลับด้วยท่าทางเย็นชา “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด ฉันแค่มาซื้อโอสถเท่านั้นเอง”“ตามกฎของสำนักอวิ้นหลิง ผู้ใดลงมือทำร้ายผู้อื่นโดยพลการ จะต้องถูกลบล้างพลังบำเพ็ญทั้งหมดเพราะงั้นหนานกงอู๋ซวงจึงส่งนายมา หวังใช้ชี
ภาพความวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้า เย่ซิวกับรั่วอวิ๋นเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนคนพวกนั้นตาแดงก่ำ หน้าตาเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งใครไม่รู้เรื่องมาก่อนคงนึกว่าพวกเขากำลังจะไปแก้แค้นให้พ่ออย่างไรอย่างนั้นรั่วอวิ๋นต้องก้าวออกมาข้างหน้า ปล่อยพลังอำนาจอันน่าเกรงขามออกมา “ทุกคนต่อแถวตามระเบียบ ใครกล้าแซงคิว จะถูกตัดสิทธิ์ซื้อโอสถร้านนี้ตลอดไป”อำนาจบารมีของรั่วอวิ๋นยังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนพอได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็หยุดทันที แล้วหันมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบรรดาผู้อาวุโสรีบจ้ำพรวดเข้ามาอยู่หน้าสุด ใบหน้าทุกคนยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน“ศิษย์น้องรั่วอวิ๋น ยินดีด้วยนะที่เปิดกิจการแล้ว เรามาช่วยอุดหนุนเต็มที่เลย เดี๋ยวจะเหมาให้หมดร้านเลย”“ใช่แล้ว วันนี้เราจะกวาดซื้อทุกอย่างในร้านให้หมด”……ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเย่ซิวแล้วแม้จะพูดกับรั่วอวิ๋น แต่ทั้งหมดก็จงใจพูดให้เย่ซิวได้ยินทั้งนั้นเย่ซิวมองดูสีหน้ากระหายโอสถของพวกเขาแล้วรู้สึกไม่ดีขึ้นมาตอนแรกเขาคิดว่าโอสถกว่าล้านเม็ดที่เตรียมไว้น่าจะขายได้อีกนานแต่ดูจากสภาพตอนนี้ มีหวังหมดเกลี้ยงภายในวันเดียวแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น ความลับบางอย่าง
เสี่ยวโหรวเดินเข้าครัวอย่างว่าง่าย เตรียมเคี่ยวสมุนไพรให้เย่ซิวใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มบาง ๆตลอดหลายวันที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกสงบสุขที่สุดนับตั้งแต่เดินทางมายังเผ่ามนุษย์เย่ซิวมัวแต่ยุ่งกับการกลั่นโอสถ ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเธอ และก็ไม่เคยบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าการให้เกียรติอย่างแท้จริงเธอแอบคิดในใจว่าทุกอย่างที่ท่านแม่พูดมันก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ที่ว่ามนุษย์ล้วนแล้วแต่เป็นพวกเจ้าเล่ห์ แฝงไปด้วยเล่ห์กลและความต่ำช้า ในหมู่พวกเขาก็ยังมีคนดีอยู่เหมือนกันไม่นานเธอก็เคี่ยวสมุนไพรเสร็จ แล้วถือมาเสิร์ฟให้เย่ซิวเย่ซิวดื่มรวดเดียวหมดความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายเหมือนจะผ่อนคลายลงไปไม่น้อยเขามองไปที่เสี่ยวโหรวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานใส รูปร่างบอบบางเหมือนดอกไม้แรกแย้มที่กำลังรอใครสักคนมาสัมผัส“ไม่ต้องคอยดูแลฉันหรอก กลับห้องไปอ่านหนังสือได้แล้ว”เย่ซิวให้หนังสือกับเธอไว้หลายเล่ม หวังให้เธอได้อ่านเพื่อขจัดความเป็นปีศาจที่หลงเหลืออยู่ในตัว“เจ้าค่ะนายท่าน ถ้ามีสิ่งใดที่ต้องการก็สั่งได้เลยนะเจ้าคะ”เสี่ยวโ
“อีกแปดวันข้างหน้า เขตลับของสำนักจะเปิดแล้วนะ ฉันสมัครให้นายเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมไปเข้าร่วมล่ะ”เย่ซิวถามด้วยความสงสัย “ข้างในอันตรายไหมครับ แล้วสู้กันได้หรือเปล่า?”“บางจุดก็อันตราย แต่มีไม่มาก ส่วนจะสู้กันได้ไหม ถ้ามีใครคิดร้ายกับนาย มันก็เกิดขึ้นได้ แต่ต้องมีหลักฐานนะ หรือไม่งั้นก็ต้องเก็บกวาดกันหน่อย”เย่ซิวเข้าใจดี จึงถามอีกครั้ง “หนานกงอู๋ซวงจะเข้าไปด้วยไหมครับ?”หมอนั่นดูมีท่าทีเป็นศัตรูกับเขาอย่างมาก ถ้าอีกฝ่ายเข้าไปจริง ๆ คงไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่รั่วอวิ๋นเหลือบตามองเขา “ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาเคยเข้าไปแค่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้ก็อาจจะเข้าไปอีก ถ้าเจอเขาก็รีบหนีไปให้ไกลที่สุด เขาแข็งแกร่งมาก นายสู้ไม่ได้หรอก”เธอมองว่าเย่ซิวกับหนานกงอู๋ซวงอยู่กันคนละระดับกัน ต่างกันราวฟ้ากับเหวเย่ซิวไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินจากไปรั่วอวิ๋นมองตามแผ่นหลังของเย่ซิว แล้วก้มมองมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับก่อนหน้านี้ จากนั้นใบหน้าก็เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเธอสบถในใจว่า ‘ไอ้บ้านี่’ แล้วก็หมุนตัวกลับไปยังถ้ำของตัวเองเย่ซิวไม่ได้กลับที่พักทันที แต่เดินไปหาจางเสี่ยวอวี๋เพื่อดูว่า
บางทีอาจเปลี่ยนสถานะของเผ่าพันธุ์เราทั้งหมดในหมู่ปีศาจได้เลยก็ได้”เสี่ยวโหรวพยักหน้า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะทำภารกิจให้สำเร็จแน่นอน”หลังจากจบการติดต่อ เสี่ยวโหรวก็ก้มมองโอสถวิญญาณหยกในมือ สายตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายห้าวันต่อมา เย่ซิวก็ได้รับศิลาวิญญาณเพิ่มอีกกว่าแปดแสนก้อน ซึ่งก็มาจากคำสั่งซื้อของเหล่าศิษย์ในสำนักแต่หากหารายได้ด้วยวิธีนี้อย่างเดียวคงต้องใช้เวลาอีกนานมาก กว่าจะสะสมได้มากพอ ดังนั้นเย่ซิวจึงไปหารั่วอวิ๋นเมื่อไปถึงหน้าถ้ำและเปิดประตูออก แต่รั่วอวิ๋นกลับไม่ต้อนรับเขาอย่างเป็นมิตรเท่าไหร่ “โอ้โห ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์เย่นี่เอง วันนี้มีอะไรจะมาสั่งสอนหรือ”ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆก่อนหน้านี้ฐานะของเธอในสำนักแทบจะเป็นอันดับหนึ่งแต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว!คนมากมายแห่กันไปหาเย่ซิวเพื่อให้กลั่นโอสถให้ รายได้ของเธอจึงลดฮวบกระแสความนิยมก็ลดลงไปด้วยสรุปสั้น ๆ คือเธอรู้สึกว่าตัวเองหมดเสน่ห์แล้วเย่ซิวได้แต่ยิ้มแห้ง อายุก็หลายร้อยปีเข้าไปแล้ว ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กอยู่ได้ “ท่านอาจารย์อย่าแกล้งผมเลย ผมจะเป็นปรมาจารย์ได้ยังไง อาจารย์ต่างหากที่ค
เสี่ยวโหรวรีบกลืนเข็มทิศลงท้อง แล้วลุกขึ้นกลับมาเป็นหญิงสาวแสนอ่อนโยนในพริบตา จากนั้นจึงเปิดประตูออกเธอกะพริบตาคู่สีฟ้าใสดุจไพลิน “นายท่านมีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ หรือว่าอยากให้เสี่ยวโหรวรับใช้?”“ไม่ใช่แบบนั้น” เย่ซิวยิ้ม “เอานี่ไปกินให้หมด ถ้าหมดแล้วก็บอก ฉันจะให้เพิ่ม”เสี่ยวโหรวรับขวดโอสถในมือเย่ซิว แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไรเหรอเจ้าคะนายท่าน?”“เปิดดูสิ”เสี่ยวโหรวเปิดฝาออก กลิ่นยาสมุนไพรก็กระจายออกมาทันทีทำให้รูขุมขนทั่วตัวเธอเปิดออก เลือดสูบฉีดเร็วขึ้น พลังภายในตัวพลุ่งพล่านดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ “โอสถวิญญาณหยก? มากขนาดนี้เชียวเหรอ สองร้อยกว่าเม็ด แถมยัง…”เธอเทออกมาหนึ่งเม็ดและพบว่ามันมีคุณภาพดีกว่าโอสถทุกเม็ดที่เธอเคยกินเสียอีก เพราะทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงสุด“ใช่แล้ว โอสถวิญญาณหยก ตอนนี้เธอกินไปก่อนเพื่อวางพื้นฐานให้มั่นคง อีกไม่นานฉันจะสอนวิธีบำเพ็ญตนให้”เสี่ยวโหรวไม่ได้ถือว่ามีพรสวรรค์สูง แต่ก็ไม่ได้แย่เย่ซิวจึงวางแผนจะสังเกตดูเธอสักระยะถ้าความภักดีของเธอมากพอก็อาจจะฝึกให้เธอกลายเป็นผู้ดูแล และให้ช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ส่วนผนึกที่อยู
เฉินเยียนจือยังไม่ยอมแพ้ เธอออดอ้อนไม่หยุด “ไม่เอาน่าแม่ หนูแค่อยากสั่งสอนเขานิดหน่อยเอง ขอระบายอารมณ์บ้าง รับรองว่าจะไม่ทำให้เขาเจ็บตัวแน่นอนขอร้องนะคะ ถ้าไม่ได้ทำแบบนี้ สุดท้ายความแค้นมันจะกลายเป็นเงาในใจถ้าวันหนึ่งตอนบำเพ็ญตนแล้วพลังวูบวาบจนผิดพลาด แม่ก็อาจจะต้องสูญเสียลูกสาวที่ทั้งน่ารัก ฉลาด สดใสและว่านอนสอนง่ายไปเลยนะ”“พอ ๆ ๆ เลิกเขย่าแม่ได้แล้ว แม่จะเวียนหัวอยู่แล้วเนี่ย” ภรรยาเจ้าสำนักถอนหายใจแล้วพูดอย่างหงุดหงิด“งั้นก็ได้ แม่จะสอนให้แค่บางส่วนพอไว้ใช้สั่งสอนเขานิดหน่อยก็แล้วกัน”เฉินเยียนจือดีใจจนตาเป็นประกาย “ขอบคุณค่ะแม่”……สถานที่ปิดด่านของเจ้าสำนักกินพื้นที่นับหลายร้อยไร่ ภายในเต็มไปด้วยของล้ำค่าที่ช่วยในการบำเพ็ญตนทั้งสิ้นหลังจากพาห้าร่างแยกของเย่ซิวมาถึงที่นี่ เจ้าสำนักก็ส่งข่าวให้ภรรยาทราบต่อจากนี้ เขากับผู้อาวุโสอีกหลายคนจะเป็นผู้ฝึกสอนห้าคนนี้ด้วยตัวเองส่วนเรื่องภายนอกก็ให้ภรรยาของเขาจัดการไปก่อนในแววตาของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยประกายทะเยอทะยานอย่างไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย“ถ้ามีเด็กทั้งห้าคนนี้ บางทีในงานประชุมใหญ่ในอีกสองปีข้างหน้า เราอาจจะคว้าอัน
เย่ซิวจ้องเสี่ยวโหรวแน่นิ่ง “เธอพูดจริงหรือเปล่า?”เสี่ยวโหรวก้มหน้าลงเล็กน้อยจนมองไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจน “นายท่านไม่เหมือนคนอื่น นายท่านจะไม่ทำร้ายข้า เพราะแบบนั้น ข้าถึงยิมยอมจากใจจริง”เย่ซิวไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเธออยู่อย่างนั้นประมาณหนึ่งถึงสองนาที จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ช่างเถอะ วันนี้ฉันยังมีธุระ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันไปล้างตัวแล้วเลือกห้องว่างเอาไว้พักสักห้องเถอะ จำไว้นะ ห้องกลั่นโอสถกับห้องหมายเลขห้า ห้ามเข้าเด็ดขาด นอกนั้นเลือกได้ตามสบาย”ในห้องหมายเลขห้ามีเตียงน้ำแข็งตั้งอยู่“รับทราบเจ้าค่ะนายท่าน”เสี่ยวโหรวลุกขึ้นและก้าวเดินด้วยขาเรียวยาวไปล้างตัวอย่างว่าง่ายช่วงที่เธอไปอาบน้ำ เย่ซิวก็จัดการวางค่ายกลในห้องหมายเลขห้าเพิ่มเติมอีกหลายชั้นจากนั้นก็หยิบหุ่นเชิดระดับถอดจิตออกมาบริเวณด้านหน้ามีรอยเว้าสำหรับเปิดช่องเก็บพลังงานเมื่อวางศิลาวิญญาณลงไป ไม่กี่วินาทีพลังวิญญาณก็ถูกดูดไปจนหมดเขาใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดกว่าสองแสนก้อนกว่าจะเติมพลังให้หุ่นเชิดจนเต็มถ้าใช้พลังเต็มกำลัง หุ่นเชิดตนนี้ก็จะสามารถต่อสู้ได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้เป็นยามเฝ้าที่เย
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา