“พอฆ่าแกแล้ว สำนักกระบี่วิญญาณก็จะเหลือระดับรวมกายาแค่คนเดียวถึงตอนนั้นพวกมันยังกล้าจะมาเล่นงานฉันกับหงอีอีกเหรอ อย่าลืมว่าฝีมือของหงอีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับรวมกายาทั่วไปเลยนะ”คำพูดนี้ทำให้ร่างกายของหลิวชิงซานเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีแต่เขายังไม่ยอมเชื่อ “เพ้อเจ้อ ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีทางเด็ดขาด”ตูม!ในจังหวะนั้นเอง ค่ายกลด้านหลังเขาก็ถูกฉีกออก และร่างของหงอีก็ก้าวออกมาจากด้านในสายโลหิตมหาศาลแผ่ซ่านออกจากร่างเธอ ปกคลุมท้องฟ้าจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานทั้งผืนฟ้ารัศมีแห่งราชินีโลหิตถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์เบื้องหลังเธอมีปีกค้างคาวสีทองคู่หนึ่งกางออกเต็มที่ บนปีกนั้นสลักด้วยอักขระประหลาดนับไม่ถ้วนทุกอักขระแผ่พลังงานรุนแรงออกมาจนบรรยากาศสั่นสะเทือนหนังศีรษะของหลิวชิงซานชาวาบ เขากัดฟันตวาดเสียงแข็งกลบความหวาดกลัว “พวกแกคิดจะสู้กันให้ตายไปข้างกันจริง ๆ ใช่ไหม”เย่ซิวเดินหน้ากดดันต่อ “ถ้าฉันฆ่าแกได้ สำนักกระบี่วิญญาณจะไม่กล้าลงมือกับพวกเราอีกและยังต้องเตรียมของกำนัลมาขอให้เรายกโทษให้ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็มีความเสี่ยงถึงขั้นถูกล้างบางได้แกอยู่ในวงการนี้มานาน คงรู้ดีว่า
“ฉัวะ!!”แต่ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสโดนตัวหงอี ก็ถูกปราณกระบี่ฟันขาดกระเด็นออกไปเสียก่อน“อ๊ากกก!”หลิวชิงซานร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว เว้นระยะห่างจากหงอี พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก“เป็นไปไม่ได้ เธอโดนพิษร้ายเข้าไปแล้ว ทำไมถึงยัง…”หงอีพลิกมือซ้ายขึ้น หมอกดำมหาศาลรวมตัวเข้าสู่ฝ่ามือ แล้วบีบไล่พิษร้ายออกจากร่างจนหมดสิ้นเธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาที่มองเขาเย็นชาเหมือนกำลังมองซากศพหนึ่งกองหลิวชิงซานถูกสายตาแบบนั้นจ้องจนหนังศีรษะเย็นเฉียบ สีหน้าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด “ใจคอเธอมันโหดเหี้ยม ถึงกับยอมปล่อยให้รองเจ้าสำนักตายต่อหน้าต่อตาเพื่อจะจัดการฉันเลยเหรอ ”หงอีไม่ตอบกลับ เธอเพียงรวบรวมพลังโลหิตมหาศาลเข้าสู่มือขวา ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นกระบี่โลหิตเล่มยาวหลิวชิงซานรีบปิดผนึกบาดแผล จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีโดยไม่ลังเล พร้อมเร่งพลังค่ายกลให้ทำงานเต็มที่“ฟึ่บ!”ทว่าเพิ่งจะพุ่งพ้นออกจากค่ายกลไปได้ไม่ทันไร พลันมีปราณกระบี่สายหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังรุนแรง ฟันลงมาจากด้านบนอย่างหนักหน่วงสีหน้าของหลิวชิงซานเปลี่ยนไปทันทีเขารีบร้อนจนทำได้เพียงกระ
หลิวชิงซานแสร้งทำหน้าตาไม่พอใจ “ก็แค่กำไลธรรมดา ๆ ถ้าไม่รับไว้ ผมคงต้องพูดเรื่องแต่งงานของเราขึ้นมาอีกครั้งแล้วนะ”หงอีมีสีหน้าปวดหัวเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกล่องออก ด้านในคือกำไลหยกที่แกะสลักอย่างประณีตเธอสวมมันลงบนข้อมือซ้าย หลิวชิงซานจึงเผยรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ดูดีมาก งั้นผมขอตัวก่อน ขอให้สนุกนะ”เขาลุกขึ้นหมุนตัวเดินจากไป เหมือนตั้งใจแค่มาส่งกำไลจริง ๆมุมปากหงอีแสยะยิ้มเล็กน้อยคล้ายจะเย้ยหยัน แต่ในแววตากลับซ่อนประกายสังหารเอาไว้งานเลี้ยงยืดเยื้อไปจนดึกดื่น ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับรุ่งเช้า ต่างฝ่ายต่างเดินทางกลับสำนักของตัวเองเย่ซิวและหลัวเวยเวยก็พาลูกศิษย์สิบคนกลับยังสำนักอวิ้นหลิงทันทีที่ขึ้นเรือ เย่ซิวก็ปลีกตัวไปปิดด่านฝึกตน ก่อนจะแอบเตรียมออกเดินทางหลัวเวยเวยกำชับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ระวังตัวด้วยนะ ตอนนี้สำนักอวิ้นหลิงขาดนายไม่ได้ และฉันเองก็ขาดนายไม่ได้เหมือนกัน”เย่ซิวพยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูลับ เก็บออร่า แล้วมุ่งหน้าไปพบหงอีตามที่นัดกันไว้อีกด้านหนึ่ง หงอีและรองเจ้าสำนักก็กำลังพาศิษย์กลับสำนักปีศาจโลหิตเช่นกันตูม!เดินทางมาได้ครึ่งทาง เรือวิญญา
หลังจากหลัวเวยเวยเดินเข้าไปในห้องน้ำ เย่ซิวก็หันไปมองตรงประตู “ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรอก”แสงสีเลือดค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นร่างของหงอี เธอจ้องเย่ซิวโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะเดินเข้ามาหาทีละก้าวทุกย่างก้าวที่เธอก้าวลงมา ทำให้จังหวะหัวใจของเย่ซิวกับการไหลเวียนของเลือดเร็วขึ้นเรื่อย ๆเธอใช้วิชาลับที่ควบคุมจังหวะหัวใจกับการไหลเวียนเลือดของคนได้เย่ซิวยิ้มบางก่อนจะสั่นสะท้านพลังเลือดในร่าง และปลดการควบคุมทันที “ทำไมล่ะ เมื่อกี้ประลองกับหลิวชิงซานยังไม่สะใจ เลยอยากจะสู้กับฉันอีกสักรอบเหรอ”หงอีมองเขาอย่างเย็นชา อุณหภูมิในห้องพลันลดลงอย่างรวดเร็วเย่ซิวส่ายหน้าเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ยังเหมือนเดิมเลย เย็นชาราวน้ำแข็งที่ไม่ละลายมาเป็นหมื่นปี“แอบมาหาฉันถึงนี่ คงไม่ใช่เพราะอยากรื้อฟื้นความหลังแน่ ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไร”ริมฝีปากแดงค่อย ๆ ขยับ “ร่วมมือกันฆ่าหลิวชิงซาน”เย่ซิวเลิกคิ้ว “ทำไมต้องร่วมมือด้วย? ฉันกับเขาไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน จะเสี่ยงไปทำไม”“ฉันสัมผัสได้ว่านายมีความเป็นศัตรูกับเขาแรงมาก”เย่ซิวหันไปมองเธออีกครั้งแค่ช่วงเวลาที่ห่างกันไปไม่นาน ความสามารถในการ
เย่ซิวคุ้นเคยสายตาแบบนี้ดี เขายิ้มแล้วพูดว่า “อยากจะฝึกกับผมอีกเหรอ”“ไม่ใช่แบบนั้น” หลัวเวยเวยส่ายหน้า แววตาส่องประกายประหลาด “หลับตาสิ”เย่ซิวไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็หลับตาลงตามคำพูดของเธอจากนั้นหลัวเวยเวยก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเขา……คนของสำนักปีศาจโลหิตที่มาครั้งนี้คือหงอีและรองเจ้าสำนักทั้งสองพักอยู่ห้องเดียวกันหลังจากเข้าห้อง รองเจ้าสำนักก็มองหงอีด้วยความกังวล “คราวนี้ดูท่าไม่ดีแล้วนะ เธอทำให้หลิวชิงซานขายหน้าแบบนั้น เขาอาจคิดหาทางแก้แค้นเราก็ได้”หงอีหันไปมองเธอแวบหนึ่ง แต่ไม่พูดอะไรเธอไม่ได้รู้สึกผูกพันกับสำนักปีศาจโลหิตมากนัก พร้อมจะเดินจากไปทุกเมื่อหากจำเป็นแต่การตัดสินใจแบบนั้นจะเป็นทางเลือกสุดท้ายอย่างน้อยตอนนี้ยังมีทรัพยากรในสำนักมากมายที่ช่วยให้เธอเร่งเพิ่มพลังได้เร็วขึ้นเมื่อเห็นหงอีไม่ตอบ รองเจ้าสำนักก็รีบพูดต่อ “โอ๊ย แม่ทูนหัวของฉัน รู้หรอกน่าว่าพลังเธอแข็งแกร่ง แต่ไม่จำเป็นต้องโชว์ไพ่ตายทั้งหมดในทันทีก็ได้ถ้าเขาโกรธแล้วพาลมาลงที่พวกเรา เรื่องจะจบไม่สวยนะฉันก็บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เราซ่อนเขี้ยวเล็บอีกหน่อย อีกไม่นานเราก็จะสามารถแทนที่พวกเขาได
นอกจากเย่ซิวกับหลัวเวยเวยแล้ว เหล่าผู้อาวุโสของสำนักอื่น รวมถึงผู้อาวุโสจากสำนักปีศาจโลหิตที่หงอีอยู่ต่างก็รีบลุกขึ้นยืน กล่าวแสดงความยินดีกับหลิวชิงซาน“ยินดีกับรองเจ้าสำนักหลิวที่ได้ครองใจหญิงงามนะครับ”“ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เราจะได้ดื่มเหล้าในงานมงคลของทั้งสองท่าน”“ต้องจัดงานแต่งงานให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติเลยนะ”……หงอีนั่งลงบนที่ของตัวเองตามเดิมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สีหน้าหลิวชิงซานกลับไม่ค่อยดีนัก สีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “เชิญทุกท่านนั่งและกินข้าวด้วยกันเถอะ อาหารจะเย็นหมดก่อน”เขาไม่ได้ตอบรับคำพูดเหล่านั้นตรง ๆคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เป็นพวกมีเล่ห์เหลี่ยมในใจทั้งนั้นพวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองหงอีที่นั่งอยู่ตรงนั้นในหัวกลับผุดความคิดที่ไม่น่าเชื่อจนตัวเองยังตกใจไม่จริงน่า?หรือว่าผลการประลองเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าหงอีแพ้ แต่เธอชนะต่างหากแม้มีข้อสันนิษฐานเช่นนี้ พวกเขาก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดีแต่จากท่าทีของหลิวชิงซาน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงเพราะถ้าเขาชนะจริง ๆ ไม่มีทางที่เขาจะไม่พูดถึงเลยแม้แต่น้อยคนที่มานั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นพ