“เธออย่าพักในหอพักเลย ฉันกำลังหาบ้านเช่าข้างนอก ถึงตอนนั้นย้ายออกมาอยู่กับฉันเถอะ”เหตุผลหลักเป็นเพราะเย่ซิวคิดได้ว่าเขาต้องฝึกฝนและจัดการบางสิ่ง หากพักอยู่ในหอพักมันจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่สำหรับหลิ่วเมิ่งอิ๋น สาวน้อยคนนี้มีบุคลิกอ่อนแอ แต่กลับมีหน้าตาสะสวย มองดูก็รู้ว่าเธอดึงดูดคนได้ง่ายเพียงใดเย่ซิววางแผนที่จะฝึกฝนและสอนทักษะบางอย่างให้เธอ ไม่เช่นนั้นในอนาคตเธอจะถูกรังแกได้ง่าย แต่สิ่งที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นได้ยิน ความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาในทันทีใจเธอเต้นแรง ความรู้สึกแปลก ๆ แพร่กระจายไปทั่วท้องนี่คือคำสารภาพรักหรือเปล่า?เซี่ยซิ่วซิ่วที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของเธอกวาดไปมาระหว่างทั้งสองในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“พวกเธอสองคนคบกันเหรอ?”เย่ซิวส่ายหัว “เปล่า เธอดูเป็นคนอ่อนแอ เลยกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งหากพักอยู่ในหอพัก ผมเลยกะจะให้เธอมาพักด้วยสักระยะหนึ่ง ไม่ต้องกังวล ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับเธอ”เซี่ยซิ่วซิ่วคลายหมัดที่กำแน่นออกหลิ่วเมิ่งอิ๋นแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในใจก็แอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ความอบอุ่นท
เย่ซิวมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ “คุณทำความสะอาดเป็นด้วยเหรอ?”ในความเห็นของเขา ลูกสาวจากตระกูลร่ำรวยอย่างลู่เสวี่ยเอ๋อร์ น่าจะไม่เคยทำงานบ้านมาก่อนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ย่นจมูกที่น่ารักของเธอ ส่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ “เพื่อนนักศึกษาเย่ อย่าดูถูกฉันสิ ฉันทำงานบ้านบ่อยมากนะ”นี่เป็นเรื่องจริงแม้ว่าครอบครัวของลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะฐานะดี แต่พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้ตามใจเธอมากจนเกินไป บางสิ่งที่เธอควรทำก็ให้เธอทำ หลิ่วเมิ่งอิ๋นก้มหน้าลงจนแทบจะชิดอกเธอพบว่าผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเย่ซิวนั้นต่างก็ยอดเยี่ยมกว่าเธอทั้งนั้น และเธอไม่อาจแข่งขันด้วยได้เลย“สาวน้อยเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เข้าไปถามอย่างเป็นห่วงขณะเดียวกันก็เหลือบมองความใหญ่โตของเธอ ที่พอก้มศีรษะลงมันก็บดบังจนมองไม่เห็นเท้าของตัวเองเมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว เธอก็ถูกเล่นงานจนหมดท่าทำไมของเธอถึงใหญ่โตได้ขนาดนี้?น้ำเสียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์อ่อนโยนมาก หลิ่วเมิ่งอิ๋นเงยหน้าขึ้นยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวนักเรียนชายที่ผ่านมาเห็นฉากนี้แทบคลั่งด้วยความอิจฉาสาวงามทั้งสาม ที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ล้วนแส
เย่ซิวหัวเราะเมื่อถูกหญิงสาวทั้งสามมองอย่างสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากรอจนอาหารเสร็จแล้ว พวกเธอก็จะรู้เองหลังจากหยิบพวงกุญแจ เย่ซิวก็ออกไปที่ตลาดสดชั้นล่างเพื่อซื้อวัตถุดิบเขาไม่ได้เลือกซื้อของที่แพงเกินไป เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบธรรมดา ๆ ที่มีราคารวมประมาณสองร้อยสามสิบหยวนเท่านั้นเมื่อครู่เขาสำรวจในอะพาร์ตเมนต์แล้ว และพบว่ามีอุปกรณ์ครัวครบครันเครื่องปรุงรสก็มีครบ ขาดเพียงข้าวกับเส้นบะหมี่เขาซื้อข้าวสองถุงและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งกล่อง จากนั้นก็ขนกลับไปอย่างสบาย ๆหญิงสาวทั้งสามกำลังทำความสะอาดห้องแม้ว่าเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่พวกเธอก็ทำงานได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย การที่ได้พบกับหญิงสาวเช่นนี้สักคนก็นับว่าโชคดีมากแล้ว และเย่ซิวกลับพบพร้อมกันถึงสองคนเย่ซิวไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ เขาเอาของเข้าไปเก็บในห้องครัว แล้วเริ่มลงมือทำอาหาร เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ในไม่ช้าห้องครัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวนที่ชวนให้น้ำลายสอโชคดีที่ประตูห้องครัวปิดอยู่ ไม่อย่างนั้นกลิ่นนี้คงลอยออกไปข้างนอกจนทำให้สามสาวไม่เป็นอันทำความสะอาดห
“พี่เย่สุดยอดมากเลย หลังจากได้กินอาหารที่พี่ทำแล้ว ฉันก็กินอาหารของคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว”เย่ซิวหัวเราะ นี่ยังไม่ใช่จานเด็ดของเขา อาหารที่ทำวันนี้เป็นเพียงอาหารธรรมดาทั่วไปเท่านั้นหากเขาทำสุดความสามารถและใช้วัตถุดิบชั้นดีในการปรุงอาหารแล้วล่ะก็ จะต้องทำให้พวกเธอกินอาหารคนอื่นไม่ได้อีกเป็นเวลานานอย่างแน่นอน เย่ซิวรับผิดชอบทำความสะอาดอาหารบนโต๊ะ หลังจากทานเสร็จ หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็อาสาลุกขึ้นไปล้างจานส่วนเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ไปทำงานที่เหลือต่อให้เสร็จหากพ่อแม่ของพวกเธอได้มาเห็นภาพนี้ พวกท่านคงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ ลูกสาวสุดที่รักของพวกเขาทำความสะอาดบ้านอย่างขะมักเขม้นเพื่อผู้ชายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันจนกระทั่งเวลาสองทุ่ม ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเซี่ยซิ่วซิ่วถึงลุกขึ้นและกล่าวคำอำลาเมื่อเดินออกมาถึงนอกหมู่บ้าน บอดี้การ์ดหญิงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยืนรอเธออยู่ที่ประตู เมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดหญิง จู่ ๆ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เกิดความคิดกล้าหาญขึ้นมาเธอวิ่งเหยาะ ๆ ไปหา ก่อนจะจับมือบอดี้การ์ดหญิง แล้วพูดอย่างออดอ้อน “พี่หมิ่นหมิ่น ฉันอยากย้ายบ้าน”ทั้งสองสนิทกันมาก และหมิ่นหมิ่นก็
เมื่อเปิดประตูก็เห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างน่ารัก ข้างหลังเธอมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่หลายใบวางอยู่“เพื่อนนักศึกษาลู่ นี่คุณ?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีสีหน้าเขินอายเล็กน้อย “เอ่อ... อาหารที่เพื่อนนักศึกษาเย่ทำนั้นอร่อยมาก ฉันกลับไปแล้วพอคิดว่าจะไม่ได้กินอีกก็รู้สึกเศร้ามาก”“ฉันเลยอยากย้ายมาอยู่กับพวกเธอ จะได้เป็นเพื่อนกับน้องหลิ่วด้วย พวกนายชายหญิงอยู่ด้วยกันสองคนจะถูกนินทาได้ง่าย”“สำหรับผู้หญิงแล้วชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้น...เพื่อนนักศึกษาเย่ให้ฉันย้ายมาอยู่ด้วยได้ไหม ฉันจะจ่ายค่าเช่าส่วนหนึ่ง และทำความสะอาดบ้านให้ด้วย”พูดจบ เธอก็กะพริบตากลมโต มองเย่ซิวอย่างประหม่าและคาดหวังเล็กน้อยเหตุผลของลู่เสวี่ยเอ๋อร์นั้นฟังดูสมเหตุสมผล เย่ซิวไม่สามารถหาข้อตำหนิใด ๆ ได้และนี่ก็สอดคล้องกับแผนการต่อไปของเย่ซิวด้วยในเมื่อลู่เสวี่ยเอ๋อร์เสนอตัวจะมาอยู่ร่วมกัน ดังนั้นเขาก็จะสามารถสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับหญิงสาวทั้งสองคนพร้อมกันได้“ได้สิ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมช่วยคุณขนของเข้ามาก็แล้วกัน”คำตอบของเย่ซิวทำให้ดวงตาของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สดใสขึ้นทันที“ขอบคุณนะเพื่อนนักศึกษาเย่ จากน
กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้งลอยแตะจมูก เย่ซิวเงยหน้าขึ้นเนื่องจากมุมมองที่พอดี บวกกับที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นโน้มตัวลงมาข้างหน้า คอเสื้อของเธอจึงเปิดกว้าง พอหันไปมอง เย่ซิวก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดทันทีหลิ่วเมิ่งอิ๋นเธอไม่ได้สวม…มันสร้างผลกระทบทางสายตาต่อเย่ซิวอย่างหนักเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเอาแต่มองตัวเองเหม่อลอย เธอจึงก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็อุทานเสียงหลงทันที ก่อนจะรีบนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นปิดคอเสื้อตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเห่อร้อนแทบระเหยเป็นไอเย่ซิวเองก็กระอักกระอ่วน และพูดขึ้นอย่างเขินอาย “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่เห็นอะไรเลย”เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดอะไรขัดต่อความรู้สึกของตัวเองหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอายมากเช่นกัน เธอก้มหน้างุด ไม่กล้ามองเขาโชคดีที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปิดประตูเดินออกมาพอดี นั่นช่วยคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนลงได้บ้างหลิ่วเมิ่งอิ๋นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เงยหน้าขึ้น และตกตะลึงทันที “พี่เสวี่ยเอ๋อร์ ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่ได้?”เย่ซิวก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์สวมสายเดี๋ยวที่ดูเย็นสบายในท่อนบน ส
เย่ซิวรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี และนึกในใจว่า ‘คงไม่ใช่ ใช่ไหม?’สายตาของสองสาวก็จับจ้องไปที่ประตูเช่นกัน“ฉันไปเปิดเองค่ะ” หลิ่วเมิ่งอิ๋นลุกขึ้นจากโซฟา และเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่องผ่านตาแมวออกไปจากนั้นเธอก็นิ่งอึ้ง “เป็นพี่ซิ่วซิ่ว”สีหน้าของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าเธอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?เย่ซิวเองก็มีสีหน้าแปลก ๆ หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปิดประตู เซี่ยซิ่วซิ่วที่ยืนอยู่นอกประตูใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “น้องหลิ่ว เจอกันอีกแล้วนะ”ข้าง ๆ เซี่ยซิ่วซิ่วมีกระเป๋าเดินทางสองใบหลิ่วเมิ่งอิ๋นถามขึ้น “พี่ซิ่วซิ่ว นี่พี่…”เย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เดินมาที่ประตูรอยยิ้มของเซี่ยซิ่วซิ่วยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เธอทักทายทั้งสองคนแล้วพูดว่า “เป็นเพราะอาหารที่เพื่อนนักศึกษาเย่ทำเมื่อครู่ กลับไปแล้วยังติดใจอยู่เลย บางทีฉันอาจไม่สามารถกินอาหารที่คนอื่นทำได้แล้วน่ะสิ”“อีกอย่าง น้องหลิ่วอาศัยอยู่ตามลำพังกับเพื่อนนักศึกษาเย่ เธอเป็นเด็กสาว ดังนั้นจะถูกคนอื่นนินทาได้ง่าย”“ตามคำกล่าวที่ว่าหนึ่งเดียวสู่ทั้งปวง ทั้งปวงสู่หนึ่งเดียว ฉันจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับพวกนายด้วย”“ไม่
กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเธอเกร็งขึ้น ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เข้ามาครอบงำเธอ“ผ่อนคลาย”เสียงของเย่ซิวดูเหมือนจะมีมนตร์สะกดลู่เสวี่ยเอ๋อร์มองเข้าไปในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเขานั้นแจ่มชัดมาก ซึ่งจู่ ๆ ก็ทำให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป จิตใจของเธอไม่บริสุทธิ์เหมือนกับเพื่อนนักศึกษาเย่เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายแม้ว่าขณะยืดกระดูกและเส้นลมปราณจะเจ็บมาก แต่เธอก็ยังทนได้ ไม่นานร่างกายท่อนบนก็ยืดเสร็จ สายตาของเย่ซิวจ้องลงไปที่ขาเรียวงามของเธอที่ภายใต้ถุงน่องสีดำหัวใจมีระลอกคลื่นเล็ก ๆ แต่ก็กลับมานิ่งเฉยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางมือทั้งสองลงบนนั้นสองนาทีต่อมา เส้นลมปราณและกระดูกของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ถูกยืดอีกครั้งเย่ซิวเช็ดเหงื่อ งานนี้ต้องใช้พละกำลังมหาศาลส่วนลู่เสวี่ยเอ๋อร์อ่อนปวกเปียกอยู่ตรงนั้น ไม่มีแม้แต่แรงที่จะกะพริบตาตอนนี้หากเย่ซิวคิดจะทำอะไรกับเธอ เธอก็คงไม่มีแรงจะต่อต้านเลยแม้แต่น้อยหลังจากหายใจเข้าลึก เย่ซิวก็ช่วยพยุงลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่ง เอนตัวพิงหัวเตียง ก่อนจะจับมือทั้งสองของเธอ ประกบเข้าหากัน ค่อย ๆ ส่งพลังงานภายในของตัวเ
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ