จากนั้นพวกเขาก็เห็นพู่กันของเย่ซิวเคลื่อนไหวราวกับมังกรบิน จังหวะการลงพู่กันราวกับมีเทพเซียนนำทาง ลื่นไหลไปอย่างอิสระโดยไม่ต้องหยุดแม้แต่น้อยในขณะเดียวกัน ปลายพู่กันก็ไม่เคยออกห่างจากกระดาษเลย!"นี่มัน… หนึ่งจรดเซียน!" “โอ้พระเจ้า ทักษะนี้มันหายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง!”“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”ชายชราหลายคนวิ่งไปยืนตรงหน้าเย่ซิวอย่างกระตือรือร้น และจ้องเขม็งไปที่โต๊ะมีคนงุนงงเอ่ยถามว่า "หนึ่งจรดเซียนคืออะไรเหรอ?"ผู้รู้ท่านหนึ่งอธิบายว่า “หมายความว่าตั้งแต่เริ่มจนจบทุกอย่างในการจรดพู่กันเพียงครั้งเดียว”“ในช่วงเวลาที่เขียน ปลายพู่กันจะไม่ยกขึ้นจากกระดาษ และจะไม่มีการเติมหมึกเพิ่ม”“ต้องใช้ทักษะการเขียนและการควบคุมที่สูงมากทีเดียวถึงจะบรรลุผลได้”มีอีกคนหนึ่งถามว่า “แล้วท่านอาจารย์ทั้งหลายทำไม่ได้หรือ?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ยินสิ่งนี้ก็ส่ายหัว "เราทำไม่ได้ เว้นแต่เราจะฝึกอักษรวิจิตรและวาดภาพอย่างหนักต่อไปอีกสามสิบปี!"ชายชราอีกคนก็เห็นด้วยว่า "การเขียนตัวเขียนสองสามตัวก็ยังพอเป็นไปได้ แต่การวาดภาพนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย"เฮ้อ!ทันใดนั้นก็มีคนพ่นลมหายใจด้
"ทุกท่านคะ คืนนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝันจริง ๆ เลยนะคะ!"พิธีกรหนุ่มหล่อขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าวคำสั้น ๆ ไม่กี่คำ จากนั้นก็เข้าประเด็น"ตามความตั้งใจของอาจารย์ต้าวจือ ราคาเริ่มต้นของ 'ภาพมังกรทะยานฟ้า' นี้อยู่ที่หนึ่งหมื่นล้านบาท และการเสนอเพิ่มแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านค่ะ!" ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่ขวงก็พูดขึ้นว่า "ห้าหมื่นล้าน!"เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องนำภาพนี้มาครองให้ได้เพราะภาพมังกรทะยานฟ้านี้ เย่ซิวเป็นคนวาดเอง เขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นตัวแทนของตัวเองเขาต่างหากที่เป็นมังกรทะยานฟ้า!ไป๋อวี้เจี๋ยต้องไม่ยอมแพ้ "หกหมื่นล้าน!" พิธีกรอ้าปากกว้างจนแมลงวันจะบินเข้าไปได้อยู่แล้วเธอเคยจัดงานประมูลมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนบ้าเท่างานคืนนี้เลยการเสนอราคาเพิ่มแต่ละครั้งคือหนึ่งหมื่นล้านบาท! ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่สามารถดับความกระตือรือร้นของผู้มั่งคั่งเหล่านี้ได้ราคาพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง!และมาถึงแปดหมื่นล้านอย่างรวดเร็ว! เมื่อมาถึงจุดนี้ บางคนก็เริ่มมีเหตุมีผลมากขึ้นแต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ยังประมูลต่อไปคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ไม่ขาดเงินมีเงินมา
"นายน้อย!"คนขับรถเห็นดังนั้นก็สีหน้าเปลี่ยน เขารีบวิ่งเข้าไปแต่แล้วทุกอย่างก็มืดลงต่อหน้าต่อตาเขา และหมดสติตามไปเช่นกันเย่ซิวนำม้วนภาพมาหลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ถอดเสื้อผ้าของเย่ขวงและคนขับออก จัดท่าสองสามท่าแล้วถ่ายรูปแล้วเขาก็จากไปในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ไป๋อวี้เจี๋ยกลับบ้าน เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหาเสวี่ยเหมยเธอพูดคุยทางโทรศัพท์ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้อย่างตื่นเต้นแน่นอนว่าเธอไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเย่ซิวหลังจากได้ยินอย่างนั้นแล้วเสวี่ยเหมยก็หยอกล้อว่า "ดูท่าเธอจะตกหลุมรักเขาแล้วล่ะมั้ง"ไป๋อวี้เจี๋ยไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยอีกต่อไป เมื่อพูดถึงเรื่องแบบนี้เธอก็ไม่ได้เขินอายเลย แต่กลับยอมรับอย่างเปิดเผยและมั่นใจแทน“ใช่ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ… แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีรสนิยมสูงมาก ฉันไม่แน่ใจเลยว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า”อีกด้านหนึ่งของสาย เสวี่ยเหมยแปลกใจเล็กน้อย "ผู้ชายแบบไหนกันที่ทำให้ไฮโซสาวของเราไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้?"ไป๋อวี้เจี๋ยนึกในใจว่า ‘ก็คนที่ทำให้พี่หงุดหงิดมากคนนั้นไงล่ะ’แน่นอนว่าเธอพูดแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง "พี่ส
เย่ซิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "คุณยินดีอะไรนะ?"ไป๋อวี้เจี๋ยต่อยหน้าอกของเย่ซิวด้วยสีหน้าเขินอาย "โอ๊ย คุณนี่น่ารำคาญจริง ๆ รู้แล้วยังจะถามอีก รอเดี๋ยวนะคะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันหลังกลับแล้วรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง และปล่อยให้เย่ซิวยืนงงอยู่ตรงนั้นเย่ซืวส่ายหัว จากนั้นก็เดินมาที่หน้าห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์และตั้งใจฟังที่ประตูแม่และลูกสาวนอนด้วยกันภายในห้องและหายใจสม่ำเสมอ มีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาหลับแล้วเย่ซิวไม่ได้รบกวนพวกเขาและกลับไปอาบน้ำที่ห้องในอีกด้านหนึ่ง ไป๋อวี้เจี๋ยเข้าไปในห้องน้ำพลางถอดเสื้อผ้าออก และหยิบครีมอาบน้ำอันแสนล้ำค่าที่เธอใช้เงินไปหลายล้านเพื่อซื้อมา เธอใช้เจลอาบน้ำนี้เพียงครั้งเดียวตอนที่เธอกำลังจะแต่งงานจำกัดเพียงสิบขวดทั่วโลก ถึงคุณมีเงิน คุณก็ไม่สามารถซื้อได้มันส่งกลิ่นหอมมากเมื่อทาลงบนร่างกาย และสามารถกระตุ้นความปรารถนาอันลึกล้ำของผู้คนได้โดยไม่รู้ตัวเมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วเธอรู้สึกแปลก ๆ ทันทีไป๋อวี้เจี๋ยล้างอย่างพิถีพิถันร่างกายของเธอ ตั้งบนจรดร่าง ทั้งภายนอกและภายใน ได้รับการทำความสะอาดหมดจนแล้วหน้ากระจก ด
ไป๋อวี้เจี๋ยรู้สึกมั่นใจและคาดหวังอย่างมากเกี่ยวกับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นไป๋อวี้เจี๋ยนั่งข้างคอมพิวเตอร์ วางมือบนเมาส์เธอปัดสองสามครั้งแล้วจงใจพูดกับเย่ซิว "หืม เมาส์นี่ดูเหมือนจะผิดปกตินะ ช่วยดูให้หน่อยสิ""ใช่เหรอครับ?"เย่ซิวยังไม่รู้ถึง 'เจตนาร้าย' ของไป๋อวี้เจี๋ยดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปแล้วขยับเมาส์เล็กน้อย“ก็ไม่เป็นอะไรนี่ครับ มันตอบสนองปกติไม่ใช่เหรอครับ?”ไป๋อวี้เจี๋ยรีบวางมือลงบนหลังมือของเย่ซิว เงยหน้าขึ้นและแสร้งทำทีเป็นไม่รู้เรื่องพูดอย่างไร้เดียงสา "อ้าว ไม่เป็นไรแล้วเหรอ? นายนี่สุดยอดมากเลยนะ"เย่ซิวพูดไม่ออก “….."เขาดึงมือกลับ และไป๋อวี้เจี๋ยก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจกลับลิงโลดหากก้าวแรกสำเร็จ ก้าวที่สองก็จะต้องสำเร็จเช่นกันสิ“เลขบัญชีอะไรนะคะ?”เย่ซิวบอกหมายเลขบัญชีของเขาแม้ว่าเขาจะทำเงินได้มากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ในความเป็นจริง ในสถานที่เช่นเมืองหลวง หากคุณต้องการลงทุนที่มากขึ้นด้วยเงินเพียงเล็กน้อย เงินจำนวนนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรเลยเย่ซิวมีโครงการที่รับประกันว่าจะทำเงินได้มากมายแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากขาดเงินทุน
ไป๋อวี้เจี๋ยขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง ดวงตากลมโตฉ่ำวาวของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และความคับข้องใจขณะที่เธอมองไปที่เย่ซิว“ฉันชอบคุณมากนะ รับฉันไว้เถอะ เว้นแต่อดีตสามีของฉันที่เสียชีวิตไปแล้ว ฉันไม่เคยแตะต้องใครเลย”“ฉันสะอาดกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนด้วยซ้ำ และไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่บอกแฟนของคุณเกี่ยวกับเรื่องของเรา ฉันยอมเป็นรักลับ ๆ ของคุณ” เย่ซิวแอบถอนหายใจคำพูดของไป๋อวี้เจี๋ยมีผลทำลายล้างมากจริง ๆ นักธุรกิจสาวที่มีอำนาจในโลกธุรกิจและมีมูลค่าสุทธิกว่าล้านล้านบาท สามารถละทิ้งความภาคภูมิใจของเธอ และทำกิริยาท่าทางราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังนุ่มนวลอ่อนน้อมเย่ซิวเองก็ไม่ใช่ประเภทใจแข็งเสียด้วยเมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังคงเฉยเมยไป๋อวี้เจี๋ยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไม้ตายเธอพูดกับเย่ซิวด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต "ได้ไหมคะ? นายท่านของฉัน"ประโยคนี้มีพลังทำลายล้างมหาศาลมากกำลังภายในและเลือดของเย่ซิวที่สงบลงไปแล้วอย่างยากเย็น ตอนนี้กลับพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยเห็นสีหน้าของเย่ซิวก็รู้ว่าวิธีนี้ได้ผล เธอจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้นทันที ตีเหล็กต้องตีต
ปัง ปัง ปัง!“ให้ตาย ให้ตายสิวะ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”ภายในห้อง เย่ขวงขว้างสิ่งของอย่างบ้าคลั่งด้วยเสียงกระแทก โบราณวัตถุอันล้ำค่า ภาพอักษรวิจิตรและภาพวาดทุกประเภทพังเละเทะไปหมดลูกน้องแต่ละคนของเขาก้มหน้าลง ร่างกายของพวกเขาสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเย่ขวงระบายความโกรธได้ชั่วขณะ ทำให้อารมณ์โกรธสงบลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย จ้องไปที่พ่อบ้านแล้วถามว่า “รู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร? แล้วมันใช้วิธีอะไรมาเล่นงานฉัน?!”เมื่อคืนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหมดสติไปได้อย่างไรตื่นมาก็พบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าติดตัวเลย อีกทั้งยังอยู่กับคนขับรถ...เขาโกรธมากและฆ่าคนขับคนนั้นทันทีแต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากยิ่งกว่านั้นก็คือ งานอักษรวิจิตรและภาพวาดที่เขาทุ่มเงินซื้อไปมากมายนั้นหายไปอย่างไรร่องรอยแม้แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์ในการติดตามเลยนอกจากความโกรธแล้ว เขายังรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกด้วยอีกฝ่ายสามารถทำให้เขาสลบไปได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวหากอีกฝ่ายต้องการฆ่าเขา อย่างนั้นมันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยหรือ?ความโกรธที่เขาแสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความก
เย่ซิวถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"หลังจากเมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งสองก็ได้กลายเป็น “สหาย” ที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งดูจากสีหน้าเธอแล้วเธอคงจะลำบากมากแน่ ๆหากเย่ซิวสามารถช่วยได้ เขาก็จะไม่ปฏิเสธเลยไป๋อวี้เจี๋ยฝืนยิ้มเล็กน้อย "ตอนนี้ยังไม่จำเป็น คุณพักผ่อนที่บ้านไปเถอะ"เธอไม่อยากให้เย่ซิวมองว่าตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงสวยแต่ไร้ความสามารถไป๋อวี้เจี๋ยพร้อมด้วยบอดี้การ์ดหญิงสองสามคนมาถึงโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่เธอเป็นเจ้าของอย่างเร่งรีบเมื่อเธอมาถึงโรงแรมก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งล้อมแนวรักษาความปลอดภัยไว้มีสื่อหลายสำนักถ่ายรูปและถ่ายทอดสดอย่างเมามัน“คุณผู้ชมคะ ตามรายงานข่าวจากช่องของเรา วันนี้เกิดเหตุฆาตกรรมที่โรงแรมซันไชน์ ซึ่งเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง เป็นที่ต้องสงสัยว่า พนักงานหญิงของโรงแรมแอบค้าประเวณีและพาผู้ซื้อบริการมาที่โรงแรม และเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากไม่สามารถตกลงราคากันได้”“ผู้จัดการหญิงของโรงแรมซันไชน์ถูกต้องสงสัยว่า ฆ่าลูกค้าเพราะไม่สามารถตกลงเรื่องราคากันได้”“เป็นเรื่องน่าตกใจที่โรงแรมขนาดใหญ่ในเมืองหลวงต้องประสบกับเหตุการณ์เลวร้า
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน