พวกเขาอยากจะออกจากความมืดไปสู่แสงสว่างมานานแล้ว แต่คำว่าไม่มีโอกาสขัดขวางพวกเขาไว้ ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็สมหวังตามความปรารถนาแล้วรากฐานของตระกูลสวีนั้นลึกซึ้งกว่าของตระกูลเย่ที่ตกต่ำเป็นอย่างมาก!ราชาทั้งสองพูดพร้อมกัน "พวกเราจะทุ่มสุดตัวเพื่อตระกูลสวีครับ!"สวีอิงยิ้ม "ต่อไปงานหลักจองพวกคุณคือจับตาดูเย่ซิวและรายงานทุกการเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าวส่วนเงินทุนสำหรับแผนนี้ ผมจะโอนให้พวกคุณก่อนสองพันล้าน”ราชาทั้งสองยอมรับข้อเสนอสวีอิงจิบชาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม "เย่ซิว แกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน? อยู่รอดให้ถึงเดือนก่อนเถอะ"……“เฮ้อ ในที่สุดก็ช่วยชีวิตเธอไว้ได้”ภายในวิลล่า เย่ซิวปาดเหงื่อ และมองไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีด แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกในห้องเปิดแอร์ไว้ที่ยี่สิบเจ็ดองศา ไม่เช่นนั้นเวินหว่านเอ๋อร์ที่เหลือเสื้อผ้าเพียงน้อยนิดและร่างกายอ่อนแอเช่นนี้คงทนไม่ไหวแน่หลังจากพยายามช่วยเหลือนานกว่าสองชั่วโมง เธอก็ถูกดึงขึ้นมาจากเหวแห่งความตายจากนั้นเขาก็ใช้ครีมผิวหยกที่เพิ่งผสมไว้ก่อนหน้านี้ทาลงแผลไฟไหม้ทั่วร่างกายของ
เวินหว่านเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่เพดาน รู้สึกสับสนอยู่พักหนึ่งความเจ็บปวดสาหัสที่พุ่งออกมาจากร่างกายของเธอทันทีทำให้ความทรงจำของเธอหลั่งไหลกลับมาราวกับกระแสน้ำ“ฉัน… ยังไม่ตาย”“คุณโชคดีแล้วที่ได้เจอกัน”เย่ซิวนั่งอยู่บนขอบเตียง เขาจับมือที่เย็นเฉียบของเธอพลางส่งกำลังภายในเข้าไปหล่อเลี้ยง 'สภาพ' ไร้ชีวิตของเธอ และถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"เวินหว่านเอ๋อร์หันไปมองเย่ซิวและฝืนเหยียดยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ "ฉันถูกหักหลัง..."เธอบอกเย่ซิวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเดิมที่เธอคิดว่าเย่ซิวจะตำหนิเธอ แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวแล้วเขาก็ยังคงสงบ "ไม่จำเป็นต้องกังวล แค่ดูแลตัวเองให้หายดีก็พอ"เวินหว่านเอ๋อร์ตกตะลึง "คุณไม่โทษฉันเหรอ? ถ้าฉันระมัดระวังมากกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"เย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ตราบใดที่คุณหายดี ถ้าคุณหายดีเมื่อไหร่ผมจะพาคุณไปทวงของของคุณคืน"บางทีอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บและความอ่อนแอของเธอ เวินหว่านเอ๋อร์รู้สึกอ่อนไหวและซาบซึ้งได้ง่าย ๆ ในตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ซิว เธอก็รู้สึกสะเทือนใจ ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา และส่งเสียงส
“พี่สาว?”ไป๋อวี้เจี๋ยรู้สึกประหลาดใจและดีใจ เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วเย่ซิวไม่ได้พูดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วตอนที่เธอหมดสติที่โรงแรมสำหรับไป๋อวี้เตี๋ย ในช่วงนี้เธอประพฤติตัวค่อนข้างดี ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่วันนี้จู่ ๆ ก็ติดต่อเธอมาไป๋อวี้เจี๋ยมีเรื่องมากมายที่จะพูดกับพี่สาวคนนี้ ซึ่งเธอไม่ได้เจอมาหลายปีแล้วดังนั้นเมื่อไป๋อวี้เตี๋ยชวนเธอไปพบ เธอจึงไม่ลังเลและไปทันทีเธอเปลี่ยนชุดแล้วออกไปในความมืด มียอดฝีมือหญิงหลายคนแอบติดตามเธออยู่เฉิงเฟิงนำยอดฝีมือมามากมาย เขาจัดให้มีผู้คุ้มกันสำหรับผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเย่ซิวได้คนละสามคนไป๋อวี้เจี๋ยมาที่ร้านกาแฟสุดหรูและได้พบกับพี่สาวของเธอ ซึ่งค่อนข้างจะคล้ายกับเธอ แต่มีรูปร่างที่ดีกว่าและดูอ่อนกว่าวัย“พี่สาว ฉันคิดถึงพี่มากเลย”ไป๋อวี้เจี๋ยรีบวิ่งเข้าไปกอดเธอไป๋อวี้เตี๋ยตบหลังเธอเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่งสิ"สองสาวนั่งลง และไป๋อวี้เจี๋ยก็พูดคุยกันโดยถามว่าไป๋อวี้เตี๋ยอยู่ที่ไหนและทำอะไรตลอดหลายปีที่ผ่านมาอันที่จริงเธอไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพี่สาวของเธอเลยไป๋อวี้เตี๋ยจิบกาแฟพลางตอบคำถามน้องสาวของเธอกลับมา
เซี่ยซิ่วซิ่วได้คำนวณทรัพย์สินที่ได้รับจากตระกูลเย่แล้วทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์มีเกินกว่าหนึ่งล้านสองแสนล้านบาท ในขณะที่บัญชีรวมของบริษัทเงินสดมีมากกว่าห้าล้านหกแสนล้านบาทก่อนอื่น ให้เซี่ยซิ่วซิ่วจัดสรรเงินสามแสนล้านบาทเพื่อชำระคืนเงินที่เหลือสำหรับการซื้อที่ดินบัญชีบริษัทสตาร์รี่สกายและเงินสดในมือของเขารวมกันมีมูลค่ารวมกว่าล้านล้านบาทนอกจากนี้ยังมีอีกมากกว่าล้านล้านบาทที่เฉิงเฟิงนำมาด้วยการลงทุนในระยะเริ่มแรกของการสร้างสวนเครื่องยาสมุนไพรน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการซื้ออุปกรณ์และการจ้างผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้ทีหลังขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเย่ซิวหรี่ตาลงมองไปที่หมายเลขผู้โทรเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดโดยปกติแล้วหากมีบอดี้การ์ดโทรหาเขา แสดงว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นเขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเสียงบอดี้การ์ดที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้น “เจ้านาย แย่แล้วค่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับคุณไป๋ พาเธอออกไปแล้ว”เสียงของเย่ซิวแผ่วเบา "เข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วย"หลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ออกไปตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่
เบื้องหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถเมื่อเห็นเขา ไป๋อวี้เตี๋ยก็นึกถึงความอัปยศอดสูในตอนนั้นทันที และเส้นเลือดแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอเธอไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะจัดการกับผู้ชายที่ทำลายวิทยายุทธในอนาคตของเธอ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาหาเธอถึงที่เธอลดกระจกรถลงแล้วพูดกับบอดี้การ์ดที่ออกมาจากรถหลายคันที่อยู่ข้างหลังเธอว่า "หักแขนหักขาแล้วโยนเขาลงน้ำไปซะ"บอดี้การ์ดที่ทรงพลังหลายสิบคนออกมาจากรถ กลิ่นอายสังหารของพวกเขากระจายไปทุกทิศทางไป๋อวี้เจี๋ยลืมตาขึ้น เมื่อได้เห็นเย่ซิว ดวงตาของเธอก็เป็นประกายสว่างไป๋อวี้เตี๋ยถอนหายใจอย่างเหยียดหยาม"อย่าฝากความหวังไว้กับเขาเลย เขาจะไม่มีวันรอดไปได้แน่ เพราะพี่สาวของเธอคนนี้... เป็นปรมาจารย์ได้แล้ว!"ทันทีที่สิ้นสุดเสียง กลิ่นอายของความเป็นปรมาจารย์ก็ปะทุขึ้นหัวใจของไป๋อวี้เจี๋ยสั่นไหว แต่เธอยังคงมองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เร่าร้อนเธอเชื่อว่าผู้ชายที่เธอชอบสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอนเย่ซิวลงจากรถพร้อมกับมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงยอดฝีมือหลายสิบคนเดินมาเผชิญหน้ากับเขา ขมับของพวกเขานูนสูง และเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งอย่างไรก็ตาม ต่อหน้าเย่ซิว พ
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ใครกล้าทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้มันคนนั้นนึกเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้!”เย่ซิวเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณเนื่องจากทั้งสองคนได้ทำสิ่งที่ใกล้ชิดกันอย่างที่สุดไปแล้ว เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงของเขาโดยธรรมชาติเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยได้ยินคำพูดเผด็จการของเย่ซิวหัวใจของเธอก็สั่นไหว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใด และเข้าสวมกอดเย่ซิวจากด้านหลังไป๋อวี้เตี๋ยเหยียดยิ้มขมขื่น ไม่แน่ใจว่าทำไมภาพนี้ถึงทำให้เธออิจฉาเธอหลับตาแล้วพูดว่า "ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจรก็แค่นั้น ถ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่าเสียเลยสิ"เย่ซิวยกฝ่ามือขึ้นเตรียมจะจัดการเธอ"อย่านะ..."ไป๋อวี้เจี๋ยปล่อยเขา จับแขนเย่ซิวแล้วพูดทั้งน้ำตา "ยังไงแล้วเธอเป็นพี่สาวของฉัน คุณช่วยปล่อยเธอไปได้ไหม?"เย่ซิวชะงักเล็กน้อย เขามองดูไป๋อวี้เจี๋ยผู้น่าสงสาร และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย"ไป๋อวี้เจี๋ยเปลี่ยนจากน้ำตาเป็นเสียงหัวเราะ "ขอบคุณค่ะ นายท่านของฉัน"คำนี้ "นายท่าน" นี้ทรงพลังมากจนเกือบทำให้เย่ซิวเสียสติและอาจตายได้ทันทีเขาโอบไหล่เธอแล้วพูดว่า "กลับบ้านกันเถอะ"ไป๋อวี้เจี๋ยเหลือบมองพี่ส
ในเวลานี้ ผู้หญิงที่ดูเป็นผู้นำแสนเผด็จการมีท่าทีไม่พอใจหลังจากที่เห็นเย่ซิว“เรียกคนให้มาจากที่ไกล ๆ แถมไม่มารับฉันด้วย ที่แท้ก็เดตอยู่กับสาวสวยนี่เอง”เย่ซิวประหลาดใจและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "บังเอิญจังเลยนะครับ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่"ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินซวงนั่นเองเย่ซิวชี้ไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า "ไป๋อวี้เจี๋ย นี่หลินซวง"ไป๋อวี้เจี๋ยปล่อยแขนเย่ซิว ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดด้วยท่าทางสง่ามั่นใจ "สวัสดีค่ะ คุณหลิน ฉันชื่นชมชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว ราชินีแห่งอสังหาริมทรัพย์คนใหม่"หลินซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ไป๋อวี้เจี๋ยรู้จักเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยื่นมือออกมาไปและพูดว่า "สวัสดีค่ะ คุณไป๋"“ไหน ๆ เราก็ได้เจอกันแล้ว เดินไปคุยไปกันดีกว่าค่ะ”หลินซวงหยิบเอกสารกองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขาและมอบให้เย่ซิว "เอกสารนี้ คนหลายร้อยคนในบริษัทฉันทำขึ้นมาในชั่วข้ามคืนก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ คุณลองดูก่อนสิ"เย่ซิวรับมาและอ่านดูอย่างตั้งใจนี่เป็นแผนที่ละเอียดมากและยังมีการออกแบบสวนเครื่องยาสมุนไพรสามแบบให้เย่ซิวได้เลือกใช้อย่างไรแล้วก็เป็นต้นทุนกา
เมื่อหลินซวงมาถึงบ้านของเย่ซิว เธอก็ตกใจอีกครั้งนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ยังมีสาวงามที่มีเสน่ห์อีกสี่คนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยหลิ่วเมิ่งอิ๋นมีบุคลิกภาพที่เรียบง่าย แต่คุณสมบัติของเธอนั้นน่าทึ่งมากหลิวอวิ้นมีเสน่ห์เหลือล้น ชนิดที่ทำให้คนอยากอยู่ด้วยจนไม่อยากจากไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีความงามที่น่าทึ่ง มีบุคลิกสง่างาม เหมือนกับเจ้าหญิงเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์แสนสง่างาม ทั้งสวยและมีความสามารถนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ห้าสาวงามนี้ยังสามารถเหล่าคุณชายจากตระกูลมั่งคั่งแห่กันเข้าหาพวกเธอราวกับฝูงเป็ดแต่ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านของเย่ซิวถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้อิจฉาจนคลั่งเลยน่ะสิหลินซวงเข้าใจความแข็งแกร่งของเย่ซิวดีสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้อง การมาถึงของหลินซวงทำให้พวกเธอต้องแอบระวังเย่ซิวเป็นเพียงคนเดียว และถ้าเธอยากจะอยู่นานกว่านี้ เธอจะต้องเอาชนะผู้หญิงที่เหลือดังนั้นหลินซวงที่เพิ่งมาถึงจึงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังของเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าวันรุ่งขึ้นหลินซวงเริ่มงานก่อสร้างเธอยังมีอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงด้วย โครงก
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ