เซี่ยซิ่วซิ่วได้คำนวณทรัพย์สินที่ได้รับจากตระกูลเย่แล้วทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์มีเกินกว่าหนึ่งล้านสองแสนล้านบาท ในขณะที่บัญชีรวมของบริษัทเงินสดมีมากกว่าห้าล้านหกแสนล้านบาทก่อนอื่น ให้เซี่ยซิ่วซิ่วจัดสรรเงินสามแสนล้านบาทเพื่อชำระคืนเงินที่เหลือสำหรับการซื้อที่ดินบัญชีบริษัทสตาร์รี่สกายและเงินสดในมือของเขารวมกันมีมูลค่ารวมกว่าล้านล้านบาทนอกจากนี้ยังมีอีกมากกว่าล้านล้านบาทที่เฉิงเฟิงนำมาด้วยการลงทุนในระยะเริ่มแรกของการสร้างสวนเครื่องยาสมุนไพรน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการซื้ออุปกรณ์และการจ้างผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้ทีหลังขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเย่ซิวหรี่ตาลงมองไปที่หมายเลขผู้โทรเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดโดยปกติแล้วหากมีบอดี้การ์ดโทรหาเขา แสดงว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นเขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเสียงบอดี้การ์ดที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้น “เจ้านาย แย่แล้วค่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับคุณไป๋ พาเธอออกไปแล้ว”เสียงของเย่ซิวแผ่วเบา "เข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วย"หลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวก็ออกไปตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่
เบื้องหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถเมื่อเห็นเขา ไป๋อวี้เตี๋ยก็นึกถึงความอัปยศอดสูในตอนนั้นทันที และเส้นเลือดแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอเธอไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะจัดการกับผู้ชายที่ทำลายวิทยายุทธในอนาคตของเธอ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาหาเธอถึงที่เธอลดกระจกรถลงแล้วพูดกับบอดี้การ์ดที่ออกมาจากรถหลายคันที่อยู่ข้างหลังเธอว่า "หักแขนหักขาแล้วโยนเขาลงน้ำไปซะ"บอดี้การ์ดที่ทรงพลังหลายสิบคนออกมาจากรถ กลิ่นอายสังหารของพวกเขากระจายไปทุกทิศทางไป๋อวี้เจี๋ยลืมตาขึ้น เมื่อได้เห็นเย่ซิว ดวงตาของเธอก็เป็นประกายสว่างไป๋อวี้เตี๋ยถอนหายใจอย่างเหยียดหยาม"อย่าฝากความหวังไว้กับเขาเลย เขาจะไม่มีวันรอดไปได้แน่ เพราะพี่สาวของเธอคนนี้... เป็นปรมาจารย์ได้แล้ว!"ทันทีที่สิ้นสุดเสียง กลิ่นอายของความเป็นปรมาจารย์ก็ปะทุขึ้นหัวใจของไป๋อวี้เจี๋ยสั่นไหว แต่เธอยังคงมองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เร่าร้อนเธอเชื่อว่าผู้ชายที่เธอชอบสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอนเย่ซิวลงจากรถพร้อมกับมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงยอดฝีมือหลายสิบคนเดินมาเผชิญหน้ากับเขา ขมับของพวกเขานูนสูง และเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งอย่างไรก็ตาม ต่อหน้าเย่ซิว พ
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ใครกล้าทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้มันคนนั้นนึกเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้!”เย่ซิวเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณเนื่องจากทั้งสองคนได้ทำสิ่งที่ใกล้ชิดกันอย่างที่สุดไปแล้ว เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงของเขาโดยธรรมชาติเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยได้ยินคำพูดเผด็จการของเย่ซิวหัวใจของเธอก็สั่นไหว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใด และเข้าสวมกอดเย่ซิวจากด้านหลังไป๋อวี้เตี๋ยเหยียดยิ้มขมขื่น ไม่แน่ใจว่าทำไมภาพนี้ถึงทำให้เธออิจฉาเธอหลับตาแล้วพูดว่า "ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจรก็แค่นั้น ถ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่าเสียเลยสิ"เย่ซิวยกฝ่ามือขึ้นเตรียมจะจัดการเธอ"อย่านะ..."ไป๋อวี้เจี๋ยปล่อยเขา จับแขนเย่ซิวแล้วพูดทั้งน้ำตา "ยังไงแล้วเธอเป็นพี่สาวของฉัน คุณช่วยปล่อยเธอไปได้ไหม?"เย่ซิวชะงักเล็กน้อย เขามองดูไป๋อวี้เจี๋ยผู้น่าสงสาร และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย"ไป๋อวี้เจี๋ยเปลี่ยนจากน้ำตาเป็นเสียงหัวเราะ "ขอบคุณค่ะ นายท่านของฉัน"คำนี้ "นายท่าน" นี้ทรงพลังมากจนเกือบทำให้เย่ซิวเสียสติและอาจตายได้ทันทีเขาโอบไหล่เธอแล้วพูดว่า "กลับบ้านกันเถอะ"ไป๋อวี้เจี๋ยเหลือบมองพี่ส
ในเวลานี้ ผู้หญิงที่ดูเป็นผู้นำแสนเผด็จการมีท่าทีไม่พอใจหลังจากที่เห็นเย่ซิว“เรียกคนให้มาจากที่ไกล ๆ แถมไม่มารับฉันด้วย ที่แท้ก็เดตอยู่กับสาวสวยนี่เอง”เย่ซิวประหลาดใจและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "บังเอิญจังเลยนะครับ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่"ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินซวงนั่นเองเย่ซิวชี้ไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า "ไป๋อวี้เจี๋ย นี่หลินซวง"ไป๋อวี้เจี๋ยปล่อยแขนเย่ซิว ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดด้วยท่าทางสง่ามั่นใจ "สวัสดีค่ะ คุณหลิน ฉันชื่นชมชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว ราชินีแห่งอสังหาริมทรัพย์คนใหม่"หลินซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ไป๋อวี้เจี๋ยรู้จักเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยื่นมือออกมาไปและพูดว่า "สวัสดีค่ะ คุณไป๋"“ไหน ๆ เราก็ได้เจอกันแล้ว เดินไปคุยไปกันดีกว่าค่ะ”หลินซวงหยิบเอกสารกองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขาและมอบให้เย่ซิว "เอกสารนี้ คนหลายร้อยคนในบริษัทฉันทำขึ้นมาในชั่วข้ามคืนก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ คุณลองดูก่อนสิ"เย่ซิวรับมาและอ่านดูอย่างตั้งใจนี่เป็นแผนที่ละเอียดมากและยังมีการออกแบบสวนเครื่องยาสมุนไพรสามแบบให้เย่ซิวได้เลือกใช้อย่างไรแล้วก็เป็นต้นทุนกา
เมื่อหลินซวงมาถึงบ้านของเย่ซิว เธอก็ตกใจอีกครั้งนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ยังมีสาวงามที่มีเสน่ห์อีกสี่คนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยหลิ่วเมิ่งอิ๋นมีบุคลิกภาพที่เรียบง่าย แต่คุณสมบัติของเธอนั้นน่าทึ่งมากหลิวอวิ้นมีเสน่ห์เหลือล้น ชนิดที่ทำให้คนอยากอยู่ด้วยจนไม่อยากจากไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีความงามที่น่าทึ่ง มีบุคลิกสง่างาม เหมือนกับเจ้าหญิงเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์แสนสง่างาม ทั้งสวยและมีความสามารถนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ห้าสาวงามนี้ยังสามารถเหล่าคุณชายจากตระกูลมั่งคั่งแห่กันเข้าหาพวกเธอราวกับฝูงเป็ดแต่ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านของเย่ซิวถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้อิจฉาจนคลั่งเลยน่ะสิหลินซวงเข้าใจความแข็งแกร่งของเย่ซิวดีสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้อง การมาถึงของหลินซวงทำให้พวกเธอต้องแอบระวังเย่ซิวเป็นเพียงคนเดียว และถ้าเธอยากจะอยู่นานกว่านี้ เธอจะต้องเอาชนะผู้หญิงที่เหลือดังนั้นหลินซวงที่เพิ่งมาถึงจึงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังของเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าวันรุ่งขึ้นหลินซวงเริ่มงานก่อสร้างเธอยังมีอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงด้วย โครงก
ลูกน้องของเธอพูดด้วยเสียงมั่นใจ "ผมยืนยันหลายครั้งแล้วว่าวันนี้ทุกอย่างที่ไซต์ก่อสร้างเป็นปกติ และไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเลยครับ'"เสวี่ยเหมยพ่นลมหายใจและพึมพำกับตัวเอง ความคิดที่ไม่ดีเริ่มผุดขึ้นมาในใจของเธอ "หรือว่าเขาจะหาวิธีแก้ได้แล้ว?"เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจหยุดคิดได้เสวี่ยเหมยนึกถึงท่าทีของเย่ซิวตอนที่ซื้อที่ดินแม้ว่าเธอจะบอกเขาอย่างชัดเจนหลายครั้งว่ามีปัญหากับที่ดินผืนนั้น แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะซื้อที่ดินผืนนั้นก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าเย่ซิวถูกความรวยกะทันหันครอบงำจนเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด“ไม่มีทาง!” เธอนั่งไม่ติดที่อีกแล้วละพูดกับพ่อบ้านทันที “เตรียมรถ!”…… ในอีกด้านหนึ่ง สวีอิงเองก็ตกใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้ไปที่ไซต์ก่อสร้างแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเย่ซิวที่ไซต์ก่อสร้าง สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่สำคัญอะไรหากเงินส่วนใหญ่นำไปใช้ในการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน แม้ว่าผลตอบแทนจะมากมายก็ตามแต่ก็อย่าได้คิดว่าจะทำกำไรในปีแรกได้เลยเขามุ่งความสนใจไปที่งานของตัวเองมากกว่า เขามองผู้ช่วยที่มีความสามาร
มืดค่ำแล้ว แต่ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินงานอย่างคึกคักวุ่นวายมีการใช้ระบบสามกะและมีดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการโครงการให้เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เสวี่ยเหมยมาถึงไซต์ก่อสร้างที่รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดเมื่อเห็นว่า ไฟในบริเวณไซต์ก่อสร้างสว่างไสว และการก่อสร้างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าตัวเองมองการณ์สั้นเกินไปสองมือประสานกันไว้แน่น และคลื่นแห่งความเสียใจก็แผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธออย่างรวดเร็วเดิมทีเธอคิดว่าเย่ซิวเป็นเศรษฐีใหม่ไร้สมอง การซื้อที่ดินผืนนี้จะนำไปสู่การสูญเสียอย่างรุนแรงอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นกำไรมหาศาลจริง ๆ!หากที่ดินผืนนี้ไม่เคยประสบเหตุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า มูลค่าก็คงจะเพิ่มสองเท่าเป็นอย่างน้อยซึ่งหมายความว่า ไม่นานหลังจากที่เย่ซิวซื้อที่ดินผืนนี้ เขาจะทำเงินได้มากกว่าเจ็ดล้านล้านบาทสิ่งที่ยากยิ่งกว่าสำหรับเสวี่ยเหมยที่จะยอมรับก็คือ เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแนะนำเย่ซิวผู้มีความสามารถคนนี้ให้รู้จักกับคู่แข่งของเธอเมื่อเธอคิดได้อย่างนั้น เธอก็แทบจะกระอักออกมาเป็
มังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งดันถูกเธอมองว่าเป็นแมลงแล้วพลาดไป แล้วเธอจะปล่อยมันไปแบบนั้นได้อย่างไร?เธอจึงพูดต่อไปว่า "ไปเถอะ ฉันมีเหล้ายาที่ถูกบ่มขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่าหลายสิบกว่าชนิดอายุหลายปีขวดหนึ่ง ดื่มเพียงแก้วเดียว ก็สามารถช่วยให้คุณเพิ่มพลังได้เป็นอย่างมาก"เย่ซิวยังคงส่ายหัว "ไม่ไป"บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเจ้านายของเธอที่เป็นฝ่ายถูกเชิญ ไหนเลยจะมีตอนที่เธอเชิญคนอื่นแล้วถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้?บอดี้การ์ดหญิงคนนี้พลันก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วชี้นิ้วไปที่เย่ซิว "อย่าทำเป็นไม่รู้จักชั่วดีให้มันมากนัก เจ้านายฉันเชิญคุณก็นับว่าเป็นวาสนาหลายชาติของคุณแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ!"แต่เสวี่ยเหมยโกรธมาก เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเย่ซิว แต่ไม่คิดว่าจะถูกคนข้างกายทำลายลงเสียเองแบบนี้เธอตวาดออกไป “หุบปาก!”บอดี้การ์ดหญิงคนนั้นแสดงสีหน้าดื้อดึง "เจ้านายคะ ผู้ชายคนนี้มากเกินไปแล้ว เขาหยิ่งผยองเกินไป ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ"สีหน้าของเสวี่ยเหมยมืดครึ้มลงอย่างน่ากลัว "เมื่อกี้นี้นิ้วไหนที่ชี้ไปที่คุณเย่
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน