มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจและส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมากเขากำหนดเป้าหมายได้ในทันทีเขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ตัวเธอมาและคนที่เขาสนใจก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหลิ่วเมิ่งอิ๋นกระโปรงที่เธอใส่วันนี้ค่อนข้างหลวมมากแล้วแต่ด้วยรูปร่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ยังคงสะดุดตา ไม่ว่าจะไปที่ใดก็กลายเป็นจุดเด่นเมื่อมาถึงสนามกีฬา อาจารย์ชาวต่างชาติคนนี้ก็ตั้งใจสอนอย่างจริงจัง และไม่ได้แสดงเจตนาชั่วร้ายใด ๆต่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นเลยวิธีการของเขาแยบยลมาก หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว ก็ไม่แสดงท่าทีผิดปกติใด ๆ แต่จะค่อย ๆ เข้าหาอย่างระมัดระวัง พอได้จังหวะเหมาะ ๆ ก็จะเข้าตะครุบเมื่อเรียนไปได้ครึ่งคาบ เขาก็ประกาศยุติการเรียนการสอน ปล่อยให้นักศึกษาทำกิจกรรมกันได้อย่างอิสระหลิ่วเมิ่งอิ๋นโดดเดี่ยว ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเล่นกับเธอเธอดึงดูดสายตามากเกินไป จนไม่ว่าเด็กผู้หญิงคนไหนมายืนข้างเธอ ก็กลายเป็นเพียงตัวประกอบไปทันทีอาจารย์ชาวต่างชาติเดินเข้าไปหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยท่าทีสบาย ๆ ส่งยิ้มที่คิดว่าตัวเองหล่อเหลาที่สุดออกไป“นักศึกษา เธอเป็นเด็กใหม่เหรอ? ชื่ออะไร?”“สวัสดีค่ะ อาจารย์เควิน ฉันชื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋น
“ร้องเลยสิ!” เควินพูดอย่างไม่แยแส “ห้องพักครูเก็บเสียงดีมาก ต่อให้เธอตะโกนใส่ไมโครโฟน ข้างนอกก็ไม่ได้ยินอยู่ดี”หลิ่วเมิ่งอิ๋นถอยห่างออกไปทีละน้อย มือจับโทรศัพท์ไว้ เตรียมจะกดโทรออก“เธอนี่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาเสียเลย คนอย่างฉันสนใจเธอถือว่าเป็นเกียรติแค่ไหนแล้ว!”เควินโกรธมาก รู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูถูกเด็กผู้หญิงเหล่านั้นแทบรอไม่ไหวที่จะกระโดดใส่เขา แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลับมีท่าทีรังเกียจเขา จะให้เขาทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไรเขาพุ่งเข้าหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นเหมือนหมาป่าหิวโหยหัวใจของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเต้นเร็วขึ้น และหลบไปด้านข้างอัตโนมัติ เควินที่กระโดดไปเจอเพียงความว่างเปล่า ตกตะลึงไปครู่หนึ่งหลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ตกตะลึงเช่นกันความเร็วของเธอเมื่อครู่ มันเร็วมากจากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง และตระหนักได้ว่านี่ต้องเป็นเพราะเย่ซิวช่วยเธอเมื่อคืนนี้แน่ ๆ“ดูเหมือนเธอจะไม่ธรรมดานะ!”เควินยกยิ้มและเริ่มสนใจมากขึ้นไปอีกเขายังคงพุ่งเข้าหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่อไปหลิ่วเมิ่งอิ๋นตระหนักได้ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้ว ความกลัวในใจเธอจึงหดหายไปมากขณะที่หลบหลีกเควิน เธอก็เปิดโหมดบันทึกวิดีโอ
เหตุการณ์ตรงหน้านี้ ไม่ว่าใครก็มองออกว่าใครถูกใครผิดมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือทั้งสองคนสมรู้ร่วมคิดกันเควินพูดกับเหมยฮวาอย่างดุเดือด “เธอบันทึกวิดีโอไว้ รีบแย่งโทรศัพท์มา!”เหมยฮวาตกใจ ก่อนจะเดินไปหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยมีสีหน้าเคร่งขรึม “เธอกล้าดียังไงอัดวิดีโอไว้ เธอรู้ไหมว่านี่การถ่ายภาพบุคคลเป็นการละเมิดสิทธิกัน? รีบเอาโทรศัพท์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ห้องพักครูไม่ได้กว้างมากนักเมื่อมีเหมยฮวาเพิ่มเข้ามา และทั้งสองก็โจมตีหลิ่วเมิ่งอิ๋น พื้นที่ในการเคลื่อนไหวจึงลดลงอย่างมากในไม่ช้า เหมยฮวาก็กอดเอวของหลิ่วเมิ่งอิ๋นไว้ได้ และเควินก็หยิบโทรศัพท์ไปจากเธอเขาลบวีดีโออย่างรวดเร็ว และถอดการ์ดหน่วยความจำออกจากโทรศัพท์ของเธอทันทีหลิ่วเมิ่งอิ๋นตกตะลึงหากไม่มีหลักฐาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอาจไม่ดีสำหรับเธอมาถึงตอนนี้ ก็หมดคาบเรียนแล้ว และอาจารย์คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับมาที่ห้องพักครูกันทีละคนเมื่อเห็นฉากนี้พวกเขาก็ตกตะลึง“เกิดอะไรขึ้น?” อาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งถามขึ้น“อาจารย์คะ ฉัน...”หลิ่วเมิ่งอิ๋นพึ่งจะเปิดปาก ก็ถูกเหมยฮวาขัดจังหวะทันที“อาจารย์จาง ผู้หญิงคนนี
หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกหนาวไปทั้งตัวในหัวของเธอมีภาพของเย่ซิวปรากฏขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวในสถานการณ์นี้ เขาเป็นคนเดียวที่เธอคิดว่าจะช่วยเธอได้เหมยฮวาคว้าหมับเข้าที่แขนของหลิ่วเมิ่งอิ๋นแล้วพูดตะโกนอย่างดุดัน “ไป ไปห้องอธิการบดีกับฉัน!”หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกชาไปทั้งตัว ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงไปตามใจชอบเควินหัวเราะเยาะในใจ แต่ยังคงต้องเสแสร้งต่อให้จบ เขาจึงพยายามห้ามเหมยฮวาทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย โยนความผิดและข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลทั้งหมดไปที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นและหลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ถูกลากไปที่ห้องอธิการบดีทั้งแบบนั้นแน่นอนว่าตลอดทางก็ถูกเหล่านักเรียนคนอื่นพบเห็นเหมยฮวาจงใจตะโกนเสียงดัง ดังนั้นในไม่ช้าเรื่องก็แพร่กระจายไปราวกับพายุหมุนนักเรียนหญิงหลายคนถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง และโพสต์ลงในเว็บบอร์ดต่าง ๆ พวกเธอไม่ชอบหลิ่วเมิ่งอิ๋นที่หน้าตาใสซื่อ แต่มีรูปร่างเย้ายวนมานานแล้ว ตอนนี้เมื่อมีโอกาสที่จะได้เหยียบซ้ำ แน่นอนว่าพวกเธอจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป ส่วนพวกผู้ชายต่างก็รู้สึกอกหักกันเป็นแถบ หลายคนไม่เชื่อว่าหลิ่วเมิ่งอิ๋นจะทำเรื่องแบบนี้ในไม่ช้าบนเว็บบอร์ดก็เต็มไปด้วยข้อถกเถียง ขณ
คราวนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นสงบลงและพูดขึ้นอย่างหนักแน่น “ฉันถูกใส่ร้ายค่ะ ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น!”“ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เธอพูด อีกอย่างหลักฐานก็ไม่มี” อธิการบดีพูดขึ้นเงียบ ๆ“ฉันเชื่อเธอค่ะ!”“ฉันก็เชื่อเธอเหมือนกันค่ะ!”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเซี่ยซิ่วซิ่วผลักประตูเข้ามา แสดงความคิดเห็นของตัวเองทีละคน ก่อนจะเข้าไปยืนข้าง ๆ หลิ่วเมิ่งอิ๋นเมื่อเห็นทั้งสองคนเข้ามา อธิการบดีก็รู้สึกตกใจ และรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วใบหน้าที่มืดมนแสดงรอยยิ้มออกมาทันที “ทำไมเธอทั้งสองถึงมาที่นี่ล่ะ? รีบเข้ามานั่งก่อนสิ”ไม่แปลกใจที่อธิการบดีจะมีท่าทีแบบนั้นต่อพวกเธอเพราะในแต่ละปีครอบครัวของทั้งสองมอบเงินสนับสนุนจำนวนเงินมหาศาลให้มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงสีหน้าของทั้งสองเย็นชา ไม่มีท่าทีจะนั่งลง เควินมองดูหญิงสาวทั้งสองคน แววตาของเขาลุกเป็นไฟแน่นอนว่าเขาจำลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเซี่ยซิ่วซิ่วได้เพียงแต่สองคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะแตะต้องได้ และก็ไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเธอปกป้องหลิ่วเมิ่งอิ๋น จู่ ๆ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เซี่ยซิ่วซิ่วแสดงลักษณะอันน่าเกรงขามของลูกสาวตระกูลเซี่ย “ท่านอธ
สภาพของเหมยฮวาตอนนี้ ทำให้นักเรียนข้างนอกรู้สึกตกใจตอนนี้เธอดูเหมือนถูกสะกดจิตนี่เป็นวิธีการที่คล้ายคลึงกับการสะกดจิตจริง ๆเพียงแต่ว่าวิชาฝังเข็มอู่ตี๋นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการสะกดจิตทั่วไปหลายเท่าคนที่โดนจะไม่หลงเหลือความระมัดระวังเลยแม้แต่น้อย และจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเมื่อถูกถามคำถามแรก เหมยฮวาก็ตอบอย่างไม่ลังเลทันที“หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่ได้ยั่วยวนเควิน!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา นักเรียนที่อยู่ข้างนอกก็ตกตะลึงหัวใจของเควินสั่นไหว ทันใดนั้นเขาก็คำรามและเตะเหมยฮวา “แกใช้วิชามารอะไรทำร้ายอาจารย์เหมย?!”แน่นอนว่าเขาเตะไม่โดนเหมยฮวา และถูกเย่ซิวชกเข้าที่หน้าอกเขาเซไปข้างหลังหลายก้าว ก่อนจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ผู้ชายคนนี้พึ่งได้รับบทเรียนเล็ก ๆ ในคาบเรียนที่แล้วไป ไม่คิดเลยว่าคาบเรียนต่อมาจะลงมือกับคนรอบตัวเขาอีก เขาถูกเย่ซิวตัดสินประหารชีวิตในใจไปแล้วเย่ซิวยังคงถามต่อ “ในเมื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่ได้ยั่วยวนเควิน แล้วทำไมคุณถึงใส่ร้ายเธอล่ะ?!”“เพราะฉันอยากเป็นคบหากับเควิน และแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะได้กรีนการ์ด”“มีใครบ้างไม่อยากมีสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น? หา
เสียงเพียะดังอย่างชัดเจน ใบหน้าซีกหนึ่งของเควินก็บวมขึ้น ฟันสองสามซี่ก็ร่วงหลุดเขาโกรธมากและตะโกนใส่อธิการบดีว่า “ถ้าคุณยังไม่ห้ามเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับผม คุณลองไปคิดให้ดีแล้วกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะมีปัญหาหรือไม่”ประเทศจ้านอิงตี้มีอำนาจเหนือกว่ามาโดยตลอดแม้ว่าคนของตัวเองจะเป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อน พวกเขาก็จะปกป้อง ถึงขนาดให้คนของประเทศที่ถูกรังแกต้องมาขอโทษและชดใช้ให้ในประวัติศาสตร์ เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วอธิการบดีรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยและมองไปทางเย่ซิว “นักศึกษา เขาพูดถูกแล้ว หยุดเถอะ หากชกเขาอีกอาจทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างสองประเทศได้”เมื่อเห็นอธิการบดียอมแพ้ เควินก็หัวเราะเยาะออกมา และมองเย่ซิวอย่างหยิ่งยโส “ได้ยินแล้วใช่ไหม? หากนายกล้าแตะต้องฉันอีก นายจบไม่สวยแน่ ในประเทศจ้านอิงตี้ของฉันยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ใครจะกล้าหาเรื่องฉัน?!”แม้ว่าทุกคนจะโกรธ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าคือสิ่งที่เขาพูดนั้นคือความจริงประเทศจ้านอิงตี้เป็นอันดับหนึ่งของโลกทั้งด้านการทหาร การเงิน วิทยาศาสตร์ และการศึกษา ไม่มีประเทศใดเทียบเคียงได้แน่นอนว่านั่นมันเป็นเรื่อง
“เธอไม่ได้ยั่วฉัน ฉันเห็นว่าเธอสวยมาก เลยจงใจหลอกเธอให้มาที่ห้องพักครู”“ฉันกะจะใช้กำลังบีบบังคับให้เธอยอมจำนน แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอไวมากขนาดนั้น ดึงเวลาลากยาวจนถึงหมดคาบเรียน”“ผู้หญิงคนนี้ยังบันทึกวิดีโอไว้ แต่โชคดีที่มีผู้หญิงโง่ ๆ อย่างเหมยฮวาช่วยแย่งเอาโทรศัพท์ของเธอมาได้”“ไม่เพียงหยุดยั้งความซวยไว้ได้ แต่ยังทำให้ผู้หญิงคนนี้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยได้อีกต่างหาก”“พอเธอออกจากมหาวิทยาลัย ฉันก็จะโทรหาเพื่อน ๆ ของฉันให้ไปจับตัวเธอเอาไว้ ถึงตอนนั้นเราจะทำอะไรกับเธอก็ได้!”เขาเปิดเผยความคิดที่แท้จริงออกมาอย่างไม่ลังเลทุกคนในสถานที่นั้นตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเพื่อนร่วมชั้นชายบางคนอดไม่ได้ที่จะพุ่งออกไปตบหัวหมอนั่นแววตาของเย่ซิวยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นอีก เขายังคงถามต่อไปว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คุณทำร้ายผู้หญิงไปแล้วกี่คน!”“ไม่รู้สิ อาจมีประมาณสองสามร้อยคนได้ล่ะมั้ง ฮ่า ๆ!” เขาหัวเราะไม่หยุด “ผู้หญิงในประเทศหลงเถิงง่ายจะตาย พูดหวาน ๆ สักสองสามคำ พวกหล่อนก็ตามนายต้อย ๆ แล้ว”“มีบางคนหัวแข็งไม่เล่นด้วย ฉันก็ใช้แผนเด็ดอย่างถ่ายคลิปเอาไว้ แล้วเอาไปขู่พวกเธอไม่ให้ไปบอกคนอื่น!”
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน