นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหว่านเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความโกรธของเย่ซิว แม้จะเป็นเพียงเสียงผ่านโทรศัพท์ก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้เธอไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย หลังจากจดจำเบาะแสเล็กน้อยที่เย่ซิวให้ไว้ เธอก็รีบลงมือจัดการทันทีหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวจึงหันมาเยียวยาอาการบาดเจ็บของหลัวอีอีโชคดีที่เธอได้รับเพียงผลกระทบจากคลื่นกระแทกเท่านั้น จึงไม่ร้ายแรงมากไม่กี่นาทีต่อมา หลัวอีอีก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมความมึนงง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยิน...”เย่ซิวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจเขาเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เย่ซิวจะไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้!เมื่อเย่ซิวอธิบายจบ ดวงตาของหลัวอีอีก็เริ่มแดงก่ำ “ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารมากนะ เธอยังมีน้องสาวอีกคนนี่ แล้วเธอจะอยู่ยังไง...”เย่ซิวเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ผมส่งคนไปตามสืบแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้อีกที”หลัวอีอีเปิดโทรทัศน์ดูในทันที ข่าวกำลังรายงานเกี่ยวกับเหตุระเบิด“ตามข้อมูลรายงาน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในเขต… เป็นการก่อเหต
ปัง!เด็กสาวตัวน้อยถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรงชายฉกรรจ์สองคนยืนมองด้วยท่าทีดุดัน“นางเด็กเวร พี่สาวแกไปไหน หนีไปแล้วใช่ไหม!”“รีบไปตามพี่สาวแกมา ถึงกำหนดจ่ายเงินแล้ว!”เด็กสาวคนนั้นมีร่างกายผอมแห้งและซีดเซียวจากการขาดสารอาหารเป็นเวลานาน มีเพียงดวงตาของเธอที่ยังคงดูสะอาดใส ดวงตาที่ดูเหมือนกำลังเยาะเย้ยโลกอันโสมมใบนี้แม้จะถูกโยนลงกับพื้นอย่างแรง แต่เธอก็ไม่ร้อง ไม่โวยวาย เพียงแค่เอ่ยเบา ๆ ว่า “คุณลุงทั้งสองคะ พี่หนูกำลังจะกลับมาแล้ว ช่วยมาอีกทีช่วงดึก ๆ ได้ไหมคะ?”“ดึกบ้านเอ็งสิ!” ชายฉกรรจ์อารมณ์ร้อนคนหนึ่งคำรามออกมา “ถ้าไม่คืนเงินวันนี้ ฉันจะโยนแกลงจากดาดฟ้าตึกนี่แหละ!”เด็กสาวก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรอีกเพราะปัญหาครอบครัว เธอจึงเติบโตเกินวัยเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไปชายฉกรรจ์อีกคนที่เห็นเธอทำตัวสงบนิ่งก็ยิ่งโกรธหนัก “ยังจะทำตัวน่าสงสารอีกเหรอ คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่รึไง?นางเด็กเวร เดี๋ยวฉันจะโยนแกลงไปก่อน แล้วค่อยลากพี่สาวแกไปรับแขกในร้านเหล้า!”พูดจบเขาก็โน้มตัวลงเพื่อจะอุ้มเด็กสาวขึ้นมาแต่ทันใดนั้นเองก็มีมือหนึ่งคว้าข้อมือเขาไว้อย่างแน่น ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่อาจขยับ
สภาพบ้านนี้ทั้งเก่าและทรุดโทรมมากแล้วหน้าต่างแตกเป็นรูหลายรู และถูกแปะไว้ด้วยหนังสือพิมพ์ตราบเท่าที่มีลมหนาวพัดเข้ามา มันจะต้องจะหนาวสะท้านอย่างแน่นอนภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย มีเพียงเก้าอี้พัง ๆ สองสามตัวกับโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่ง แล้วก็กาต้มน้ำหนึ่งใบนอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วเมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของหลัวอีอีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ได้แต่รู้สึกปวดใจและโกรธเคืองเธอนั่งยอง ๆ กอดฉินปิงปิง "น้องสาว หนูอาศัยอยู่ในที่แบบนี้เหรอ หน้าหนาวคงนอนหนาวแย่สินะ"ฉินปิงปิงเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่ยังคงรักษาจิตใจที่มองโลกในแง่ดี เธอส่ายหน้า“ไม่นะคะ หนูนอนกับพี่สาวตลอด ร่างกายของพี่อบอุ่นมาก”ดวงตาของฉินปิงปิงเป็นประกายเมื่อพูดถึงพี่สาวนั่นคือที่พึ่งของเธอและเป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปหลัวอีอีขยับปาก ไม่รู้จะบอกเธออย่างไรว่าพี่สาวของเธอจากไปแล้วมันเป็นเรื่องโหดร้ายมากสำหรับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเย่ซิวถอนหายใจแล้วเดินไปข้างหลังฉินปิงปิง จากนั้นสะกดจุดที่หลังคอของเธอเบา ๆเด็กน้อยหลับตาและล้มพับลงในอ้อมแขนของหลัวอีอี“นายทำอะไรน่ะ?” หลัวอีอีมอง
“จากข้อมูลที่ได้รับในปัจจุบัน ฉินเสี่ยวเฟยเคยติดต่อกับบุคคลหนึ่งและบุคคลนั้นเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันยังพบว่าบุคคลนั้นเคยติดต่อกับทายาทเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองหลวงที่ชื่อเฉินหย่งฮ่าวด้วย”“เฉินหย่งฮ่าว!” ดวงตาของเย่ซิวฉายแววดุร้าย “เป็นเขานี่เอง!”ภาพของผู้ชายที่ดูเป็นคนเลือดร้อนง่ายลอยเข้ามาในสมอง“นั่นหมายความว่า เขาจงใจสร้างแผนนี้ขึ้นมา แล้วรอให้ผมเข้าไปติดกับสินะ!”เย่ซิวยอมรับว่าครั้งนี้เขามองเกมผิดไปจริง ๆการที่ไม่เห็นมดตัวเล็ก ๆ อย่างเฉินหย่งฮ่าวอยู่ในสายตา ได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องตายอย่างอนาถ“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” เย่ซิวถาม“บ้านของเขาอยู่ทางตะวันตกของเมืองค่ะ ที่อยู่คือ...”เย่ซิวจดที่อยู่แล้วสั่งการลงไป "พวกคุณถอนกำลังคนกลับมาเถอะ ส่งไปปกป้องคนรอบตัวผมอย่างเต็มที่ก่อน คุณเองก็ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย"“รับทราบค่ะ!”หลัวอีอีอุ้มฉินปิงปิงไปที่ห้องนอนของเย่ซิวหลังจากอาบน้ำเสร็จเด็กน้อยหลับสนิท สวมชุดกระโปรงสีขาวน่ารักราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยเย่ซิวขอให้หลัวอีอีออกไปก่อน จากนั้นปิดประตูลงมือข้างหนึ่งกดลงบนหน้าผากของฉินปิงปิง ฝ่ามือส่องแสงเล็กน้อยส
เดลี่ยืนขึ้นแล้วขยับเสื้อผ้าของเธอเล็กน้อย "ร้อนจังเลย คุณเฉิน ไปอาบน้ำด้วยกันไหม?"ผู้หญิงคนนี้รูปร่างเซ็กซี่ หน้าตาสะสวย และเป็นคนเปิดกว้างมาก มีเสน่ห์ดึงดูดใจเฉินหย่งฮ่าวหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังส่งมาจากข้างนอกทั้งสามคนหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน และพากันวิ่งไปดูที่หน้าต่างบอดี้การ์ดด้านนอกทั้งหมด ล้มลงไปกองกับพื้น“มันคือใคร? ถึงกับจัดการคนของเราทั้งหมดได้ภายในเวลาอันสั้นขนาดนี้?"ทั้งสามคนมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่ก็ไม่เห็นศัตรูและเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ ก็ต้องเกือบหัวใจวายตายเย่ซิวนั่งตรงที่พวกเขานั่งอยู่เมื่อกี้นี้ มองมายังพวกเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ“เย่ซิว!”“แกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยได้ยังไง!”“หรือว่าแกไม่ใช่มนุษย์!”ทั้งสามคนต่างตกตะลึงก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินหย่งฮ่าวให้คนติดตั้งวัตถุระเบิดในร่างกายของฉินเสี่ยวเฟย ยังได้ทำการติดตั้งเครื่องดักฟังเอาไว้ด้วยดังนั้นในคืนนั้นพวกเขามั่นใจว่าเย่ซิวอยู่ข้าง ๆ ฉินเสี่ยวเฟยถึงค่อยจุดชนวนระเบิดเย่ซิวจะไม่ได้รับบาดเจ็บในระยะประชิดแบบนั้นได้อย่างไร?“บอกมา พวกแกเป็นใครมาจากไหนกันแน่?”เสียงของเย่ซิ
เฉินหย่งฮ่าวอดทนต่อความเจ็บปวดที่ส่งมาจากมือของเขาและร้องขอความเมตตาจากเย่ซิว "ฉันยกเลิกทุกอย่างแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย"เย่ซิวสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้โกหก จึงคุกเข่าลงและตบหน้าเขาเบา ๆ "พอดูออกว่าแกมีความทะเยอทะยานสูง ทำการวางแผนมาไม่น้อยในช่วงหลายปีนี้ ไหน ลองเอาออกมาให้ดูหน่อยสิ"เฉินหย่งฮ่าวร้องไห้โฮ "ฉัน... ไม่มี...อ๊าก!!!"เย่ซิวยิ้มพร้อมบดขยี้กระดูกมือของเขาอีกข้าง "ลองคิดดูให้ดีว่ามีหรือไม่มี"“มี ๆ ๆ มีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในห้องหนังสือของฉัน รหัสผ่านคือตัวเลขทศนิยมยี่สิบหลักแรกของค่าพาย”เย่ซิวลอยขึ้นไปบนชั้นสอง ใช้พลังจิตกวาดมองจึงรู้ทันทีว่าห้องนั้นคือห้องไหนและเดินเข้าไปทั้งสามคนกลัวเย่ซิวมาก จึงไม่กล้าหนีไปไหนเย่ซิวพบคอมพิวเตอร์ที่เฉินหย่งฮ่าวพูดถึง หลังจากเปิดเครื่องและใส่รหัสผ่านแล้ว เขาก็เห็นรายละเอียดมากมายของแผนธุรกิจและแผนการที่เฉินหย่งฮ่าววางไว้ในพื้นที่สำคัญบางแห่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมเกษตร โรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯเย่ซิวตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ ดูเหมือนเขาจ
เหมือนสัตว์ร้ายสองตัวที่ขาดสติ ทั้งใช้ฟันกัด ใช้เล็บจิก สารพัดวิธีที่จะทำได้เฉินหย่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวกับฉากนี้มาก เขาหมอบกราบเย่ซิวด้วยน้ำมูกและน้ำตาที่ไหลเจิ่ง“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ต่อไปนี้ฉันจะทำความดีทุกวันเพื่อไถ่บาปของฉัน”เขาไม่เคยหวาดกลัวและสิ้นหวังเท่าวันนี้มาก่อน ได้แต่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองด้วยการก้มคำนับอย่างต่อเนื่องสายตาของเย่ซิวเย็นชามาก แทบจะไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยไม่กี่นาทีต่อมา เดลี่ก็คลานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ซิวด้วยร่างที่โชกเลือด พร้อมกับประจบประแจงเหมือนสุนัขที่ร้องขอความเมตตาจากเจ้าของ“นายท่าน ฉันชนะแล้ว ยังมีสิ่งใดให้รับใช้อีกไหมคะ?”เย่ซิวชี้ไปที่เฉินหย่งฮ่าว "ทหารรับจ้างอย่างพวกเธอคงช่ำชองเรื่องการทรมานคน ฉันต้องการให้เขาถูกทรมานทุกรูปแบบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง"การฆ่าเขาโดยตรง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาเกินไปเย่ซิวอยากให้เขาได้ลิ้มรสชาติของความทรมานทุกรูปแบบในโลก แบบนี้ถึงจะสามารถปลอบประโลมดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นได้เดลี่เลียปากของเธอ "ไม่ต้องห่วง ฉันเก่งเรื่องพวกนี้"เธอหันกลับไปทุ่มเฉินหย่ง
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว?”ชายร่างกายกำยำใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราเดินเข้ามาหาเดลี่แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบาเดลี่ตอบว่า "สมิธไปหาผู้หญิงแล้ว ยังไงซะ การมารับพวกแกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้ว"ชายร่างกายกำยำหัวเราะเบา ๆ "ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงของประเทศหลงเถิงนั้นอวบอิ่มจนแทบจะคั้นน้ำออกมาจากผิวได้อยู่แล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักหน่อย"สีหน้าท่าทางของเดลี่เป็นไปตามปกติ "แค่นั้นจะไปพออะไร เดี๋ยวไปหาเอาที่บาร์ก็จบเรื่อง คราวนี้เป้าหมายได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่"ชายร่างกายกำยำส่ายหัว "จะมองหาพวกที่ถูกเล่นจนเละในบาร์ไปเพื่ออะไร? หาจับผู้หญิงดี ๆ สักคนจะบันเทิงกว่าเยอะ”“หลังจากเล่นเสร็จแล้วก็ฆ่าซะ ความรู้สึกแบบนั้นไม่ต้องบอกว่าสะใจแค่ไหน"เดลี่เตือนด้วยเสียงต่ำว่า "ที่นี่คือประเทศหลงเถิง ไม่ใช่ประเทศหยวน ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า"ชายร่างกายกำยำไม่ยี่หระ "ประเทศหลงเถิงแล้วไง กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น!"เดลี่ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันแต่เมื่อเธอได้พบกับเย่ซิวซึ่งทำให้ทัศนคติของเธอเปลี่ยนไปไปโดยสิ้นเชิง เธอจึงไม่กล้าดูถูกประเทศที่มีม
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ