แผ่นเกล็ดทองแดงค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากใต้ผิวของเธอขาทั้งสองข้างหายไป กลับกลายเป็นหางงูที่ยาวใหญ่แทนพลังที่รุนแรงและน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกจากร่างกายของเธอทันทีพื้นด้านล่างไม่สามารถทนรับแรงนี้ได้ มันแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ รอยแตกมากมายกระจายออกไปทุกทิศทุกทางฉีฉูฉู่ยืนอยู่ในท่าทางสง่างาม ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้เธอกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง สายตาของเธอมองไปที่เย่ซิวด้วยความเย็นชา“เมื่อกี้เป็นแค่การอุ่นเครื่อง ตอนนี้จะเป็นการต่อสู้จริง ๆ แล้ว มาดูกันว่าฉันจะบดขยี้แกยังไง!”ผู้คนในลานต่างรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางของฉีฉูฉู่ในตอนนี้ทำให้พวกเขารู้สึกสะพรึงกลัวจนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเธอยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?“พลังช่างน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ ฉันไม่อยากคิดภาพตอนที่ต้องสู้กัยเธอเลย!” หนานกงเสวี่ยเอ่ยขณะที่ดวงตาของเธอสะท้อนภาพของฉีฉูฉู่อย่างชัดเจน ใจของเธอปั่นป่วนไปหมดหนานกงอวี่เองก็รู้สึกไม่ดีนัก เธอเอ่ยพลางกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก “เด็กหนุ่มคนนั้นคงตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ ฉันไม่คิดว่าเขาจะสู้กับเธอได้”พลังที่ฉีฉูฉู่ปลดปล่อยออกมาในตอนนี้เพ
เย่ซิวเหลือบมองเวลาที่ผนังซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่มสิบห้านาที ก่อนจะเอ่ยนิ่ง ๆ “ความแค้นระหว่างเราทั้งสองฝ่ายคงได้เวลาเคลียร์จบสักที”ใบหน้าของฉีฉูฉู่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “ไอ้คนไม่รู้จักบุญคุณ ไปตายซะ!”ตูม!พลังของฉีฉูฉู่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง พื้นดินใต้เท้าของเธอเกิดหลุมขนาดใหญ่ ความเร็วของเธอรวดเร็วดั่งรถไฟความเร็วสูงและพุ่งตรงไปเบื้องหน้าเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางเย่ซิวเพียงส่ายหัวเล็กน้อยและยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีสงบนิ่งไร้กังวลแม้จะต้องเผชิญหน้ากับฉีฉูฉู่ที่ดูแข็งแกร่งเกินต้านทาน เขาก็ทำเพียงแค่ยกมือขวาขึ้นและกดลงเบา ๆ หนึ่งครั้งเท่านั้นตูม!พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉีฉูฉู่ถูกกดลงกับพื้นในทันที ทำให้คนในลานต้องตกตะลึงอีกครั้ง“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้!” ฉีฉูฉู่กรีดร้องเสียงแหลมอย่างเจ็บปวด พยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นมาทว่าฝ่าเท้าของเย่ซิวกลับเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของเธอราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับลงมา ต่อให้เธอพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความโกลาหล คนที่ตั้งสติได้เริ่มวิ่งหนีออกไปจากลานทันทีเย่ชิวใช้มือซ้ายกำรอยประทับแล้วร่ายอา
สำหรับตระกูลที่สืบทอดมาหลายร้อยปีและอิทธิพลแผ่ขยายไปทั่วโลกในหลายประเทศ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรเย่ซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ได้ แต่พวกแกต้องโอนหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่ลงทุนในต่างประเทศรวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวทุกอย่าง มาเป็นชื่อของฉัน”“เอ่อ…”ชายชราทั้งหกคนรู้สึกเจ็บใจอย่างมากเมื่อได้ยินข้อเรียกร้องนี้ พวกเขาอ้าปากเหมือนจะเจรจาต่อรอง แต่กลับถูกเย่ซิวตัดบทอย่างไร้ปรานี“ฉันให้เวลาแค่หนึ่งวัน หากหลังจากนี้ทรัพย์สินในต่างประเทศของพวกแกยังเหลืออยู่แม้แต่เศษเสี้ยว ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา”น้ำเสียงของเย่ซิวไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเจรจาเลยแม้แต่น้อย มันคือคำสั่งที่เด็ดขาดชายชราทั้งหกคนทำได้เพียงยอมรับความจริงอย่างหมดหวังและสิ้นท่าในเวลาเดียวกัน เวินหว่าน หวังซวง รวมถึงเฉินหลานที่ซุ่มอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่ามีคนพยายามหลบหนีออกมา พวกเธอก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและพุ่งเข้าโจมตีทันทีคนที่หลบหนีออกมาต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง คาดไม่ถึงว่าแม้ด้านนอกจะยังมีคนดักรอพวกเขาอยู่อย่างไรก็ตาม คนของหกตระกูลใหญ่นั้นมีจำนวนมากเกินไป อย่างน้อยก็หลายพันคน การจะจัดการพวกเข
เวลาสามทุ่ม เวินหว่านเอ๋อร์ หวังซวง และเฉินหลานไม่กี่คนก็เข้าไปในวิลล่า โน้มตัวเข้าไปหาเย่ซิว“นายท่าน ทุกคนที่อยู่ข้างนอกถูกจัดการหมดแล้วค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าและชี้ไปที่ทั้งหกคน "หว่านเอ๋อร์ คุณรับหน้าที่เค้นคำชายชราทั้งหกคนนี้ จะต้องให้พวกเขาโอนการลงทุนทั้งหมดในต่างประเทศมาเป็นชื่อของผมให้ได้"ตอนนี้เขาต้องการเงินมาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทะลวงเข้าสู่ระดับจินตานในบรรดาวัตถุดิบล้ำค่าที่ต้องใช้ทั้งหมดห้าชนิด ตอนนี้เพิ่งหาเจอเพียงชนิดเดียวเท่านั้นอีกสี่ชนิดที่เหลือไม่มีข่าวคราวเลยเย่ซิวจำเป็นต้องเปิดช่องทางมากขึ้นเพื่อประกาศตามหาวัสดุเหล่านี้ทั่วโลกเช่นนี้ จึงต้องใช้เครือข่ายของหกตระกูลใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถประหยัดเวลาไปได้มากเวินหว่านเอ๋อร์ตอบรับมาหนึ่งที แล้วพาชายชราทั้งหกคนไปเค้นคำอีกด้านงานเก็บกวาดในวิลล่าตกเป็นหน้าที่ของสองสาวเย่ซิวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉีฉูฉู่ตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าขยับ ความรู้สึกกดดันที่งูขาวน้อยนำมาให้นั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจนจิตใจเธอใกล้จะพังทลายแล้วเสี่ยวไป๋โฉบขึ้นไปที่ไหล่ของเย่ซิว ส่งเสียงร้องออดอ้อน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความผูกพัน
เย่ซิวดีดนิ้ว ก็ดีดมือของฉีฉูฉู่ออกไปจากนั้นปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังออกมา ทำให้เธอไม่สามารถขยับเขยื้อน“ไอ้ปีศาจ ฆ่าฉันเถอะ ฉันไม่มีวันยอมศิโรราบต่อนายหรอก!”“นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ”พูดพลาง เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าท้องของเธอ ร่างบางของฉีฉูฉู่สั่นสะท้าน รู้สึกว่าพลังงานในร่างกายของตัวเองกำลังขับเคลื่อนอย่างไม่อาจควบคุมได้“นายคิดจะทำอะไรกันแน่?!” ฉีฉูฉู่รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ จึงอดไม่ได้กรีดร้องออกมาเย่ซิวไม่สนใจเธอเกี่ยวกับที่ว่าจะควบคุมฉีฉูฉู่อย่างไร เขาวางแผนไว้นานแล้ว ในบรรดาวิชายุทธที่เขาครอบครองอยู่ มีวิชาหนึ่งที่พิเศษอย่างมากเรียกว่า "วิชามาตาบุตร" ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับบนและระดับล่างวิชายุทธนี้ใช้เพื่อควบคุมคนโดยเฉพาะหลังจากที่บุคคลเป้าหมายฝึก 'วิชาบุตร' แล้ว ก็จะถูกคนที่ฝึก 'วิชามาตา' ควบคุมโดยสมบูรณ์แถมยังไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ให้ฉีฉูฉู่ยอมฝึกวิชานี้ด้วยตัวอย่างเต็มใจ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเย่ซิวจึงช่วยเธอฝึกมันให้สำเร็จภายใต้การชักนำของเย่ซิว ฉีฉูฉู่ก็ขับเคลื่อนวิชายุทธนี้ในร่างกายเป็นจำนวนเก้ารอบ ซึ่งก็เทียบเท
“เรียกนายท่าน”"ฉัน...นายท่าน"ใบหน้าทั้งใบของฉีฉูฉู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความอัปยศ ดูแล้วเหมือนจะคั้นเลือดออกมาให้ได้นี่นับว่าเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุดสำหรับเธอตัวเองคือผู้หญิงที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกในแง่ของความสามารถในการต่อสู้ แล้วทำไมเธอถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!เธอไม่ได้คิดแม้แต่นิดว่าที่นำมาสู่ผลลัพธ์ในวันนี้ ล้วนเกิดจากตัวเธอรนหาที่เองทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วคุณทำเรื่องชั่ว ๆ เช่นนั้นก็จะได้รับผลกรรมไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ข้อแตกต่างเดียวก็คือจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเย่ซิวเก่งมากในเรื่องการสั่งสอนผู้หญิงเขามองไปที่ฉีฉูฉู่ที่หน้าแดงแล้วพูดว่า "คุกเข่าลงแล้วคลานมา"วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับผู้หญิงประเภทนี้ที่คิดว่าตัวเองสูงส่งเกินใคร ก็คือหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอให้แหลกสลายฉีฉูฉู่คุกเข่าลงเสียงดังตึก จากนั้นคลานไปหาเย่ซิวน้ำตาหยดแหมะลงมาอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสงสารอย่างมากแต่นี่เทียบไม่ได้กับสิ่งเลวร้ายมากมายที่พวกเธอเคยทำในอดีตเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดแล้วข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ คราวนี้เย่ซิวไ
เวินหว่านเอ๋อร์อ้าริมฝีปากสีชมพูชุ่มฉ่ำ "ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะตั้งชื่อใหม่ ควรจะเรียกว่าอะไรดี?"เย่ซิวคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เขาทอดสายตามองออกไปไกล แล้วพูดด้วยแววตาที่ลึกล้ำ "เรียกมันว่าสำนักโอสถ"“สำนักโอสถ…” เฉินหลานพึมพำคำสองคำนี้ จากนั้นแสงจ้าก็เบ่งบานในดวงตาที่สวยงามของเธอ “ท่านอาจารย์ ชื่อนี้มีความหมายพิเศษอะไรไหมคะ?”แม้แต่ฉีฉูฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง อยากได้ยินว่าทำไมเย่ซิวถึงตั้งชื่อนี้นี่ย่อมเป็นเพราะเย่ซิวอยากสานต่อสำนักโอสถ แต่เรื่องบางเรื่องเขาจะไม่พูดให้พวกเธอฟัง จึงเลือกเพียงบางส่วนที่สามารถพูดได้“นี่เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณพันตารางกิโลเมตรถ้าต้องการมีชีวิตรอดต่อไป ต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าคุณมีความทะเยอทะยาน เช่นนั้นจึงต้องพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะปลูกอย่างแข็งขันเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณไม่ใช่ภัยคุกคาม ดังนั้นจึงเรียกว่าสำนักโอสถ”แน่นอนว่ายังมีบางท่อนที่เย่ซิวไม่ได้พูดออกมานั่นก็คือพัฒนาการเกษตรในเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังกลับยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูงต่าง ๆ ซึ่งเป็นของตัวเองอาทิเช่นอาวุธและเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น
ประตูอันหนักอึ้งถูกเย่ซิวตัดออกด้วยดาบ สัญญาณเตือนภัยที่อยู่ข้างในดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนี่คือห้องใต้ดินขนาดใหญ่ อาจมีเนื้อที่เกินหนึ่งหมื่นตารางเมตรภายในมีตู้กระจกขนาดใหญ่อยู่มากมายหลายตู้ซึ่งแต่ละตู้ข้างในบรรจุภาพวาดโบราณ ภาพวาดที่มีชื่อเสียง ทองคำ และอัญมณีต่าง ๆ อยู่นับไม่ถ้วนนี่คือสิ่งที่หกตระกูลใหญ่สร้างขึ้นร่วมกัน โดยแบ่งออกเป็นหกพื้นที่ ในแต่ละพื้นที่หมายถึงตระกูลหนึ่ง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเปิดได้กระจกที่อยู่ตรงหน้าทำขึ้นจากกระจกกันกระสุนที่ดีที่สุดแม้ว่าจะขับรถบรรทุกขนาดใหญ่แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด ขับชนมันนานกว่าสิบนาทีก็ไม่สามารถทำให้มันบุบสลายได้สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เย่ซิวต้องการในตอนนี้เขาอ้าปากแล้วคายกระบี่หงส์โบยบินออกมา ถือมันไว้ในมือแล้วตัดเปิดตู้ทีละตู้ ๆกระจกกันกระสุนอะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ช่างง่ายเหมือนกับการตัดเต้าหู้ทองทำ เงิน เครื่องประดับ วัตถุโบราณและภาพวาดภาพเขียนโบราณทุกชนิดถูกยัดเข้าไปในแหวนผนึกของโดยเย่ซิวเขาประเมินว่าหากของเหล่านี้ออกสู่ตลาดและถูกประมูลออกไป เขาจะสามารถขายมันเป็นเงินสดได้
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน