หลังจากหญิงสาวสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังร่างของศิษย์พี่ซึ่งถูกผ่าครึ่งก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งแววตาเธอเต็มไปด้วยความเศร้า ก่อนจะใช้มือขุดหลุมเล็ก ๆ ที่ด้านข้างและฝังเขาลงไปอย่างแผ่วเบาแม้ร่างกายของเซี่ยชิงชิงจะถูกแทงทะลุ แต่เย่ซิวก็เลี่ยงจุดสำคัญได้บวกกับพลังที่แข็งแกร่งของเธอทำให้บาดแผลเริ่มตกสะเก็ดทันที แต่เธอยังขยับตัวไม่ได้เท่านั้นเมื่อเห็นเย่ซิวเดินเข้ามา เซี่ยชิงชิงก็หลับตาลงอย่างยอมจำนน เธอนอนกางแขนขาอย่างไร้ซึ่งการต่อต้าน “ถ้าเห็นแก่หน้าพี่สาวฉันก็ช่วยฆ่าฉันให้ตายเร็ว ๆ เถอะ”เย่ซิวส่ายหัวพลางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะก้มลงอุ้มเธอขึ้นและพาไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปเขาฉีกเสื้อผ้าบริเวณหน้าท้องของเธอออกก่อนจะวางมือบนบาดแผลและใช้วิชาสมานบาดแผลเกิดแสงสีขาวสว่างวาบ บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วจนไม่มีร่องรอยใด ๆ หลงเหลือเซี่ยชิงชิงลืมตาขึ้นพลางมองเขา “นายจะทำอะไรอีก? คิดจะจับฉันไปขังไว้เป็นทาสรึไง!”เย่ซิวมองออกไปไกลพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ที่จริงตอนแรกพวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลยนะ”เซี่ยชิงชิงเพียงแค่นเสียงหึแต่ไม่ตอบอะไรเย่ซ
เซี่ยชิงชิงกอดเย่ซิวแน่น พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหัวใจแทบสลายราวกับต้องการระบายความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ และอารมณ์ด้านลบทั้งหมดที่สะสมมาหลายปีออกมาให้หมดสิ้นเย่ซิวลูบหลังเธออย่างแผ่วเบาในที่สุดก็จัดการผู้หญิงคนนี้ได้เสียทีพลังจิตของเขาจดจ่ออยู่ที่เซี่ยชิงชิงตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ พลังจิตของเซี่ยชิงชิงไม่มีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเลย ซึ่งหมายความว่าคำพูดของเธอมาจากใจจริงยิ่งไปกว่านั้น ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถหลอกลวงเย่ซิวได้ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่ชัดว่าเธอกลับตัวกลับใจอย่างแท้จริงแล้วหลังจากร้องไห้ไปราวห้าหกนาที เซี่ยชิงชิงก็หยุดลง ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองอย่างเขินอาย “ขอโทษที่ทำเสื้อนายเปื้อนนะ เดี๋ยวไว้ฉันจะชดใช้ให้”น้ำเสียงของเธอในตอนนี้นุ่มนวลขึ้น ไม่มีความดุร้ายเหมือนที่ผ่านมาแล้วเย่ซิวยิ้มพลางลูบหัวเธอเบา ๆ “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต่อไปเราก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริง ๆ แล้วนะ”“ครอบครัวเดียวกันงั้นเหรอ?” เซี่ยชิงชิงทวนคำนี้พลางเงยหน้ามองเย่ซิว “แล้วต่อไปเราควรอยู่กันแบบไหนล่ะ ยังไงนายก็…”“ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเธอ” เย่ซิวเชย
ไม่รู้ว่าเธอสบถด่าเย่ซิวในใจไปกี่รอบแล้วช่วงเย็น ทั้งสามคนก็ลงจากภูเขาก่อนจากไป เย่ซิวหยิบน้ำพลังวิญญาณผสมกับน้ำแร่บนภูเขารดลงบนพื้นดินที่เคยเป็นสนามรบอีกไม่นาน พืชพรรณเขียวชอุ่มจะงอกขึ้นมาและปกปิดร่องรอยการต่อสู้ทั้งหมดเซี่ยชิงชิงคล้องแขนเย่ซิวด้วยใบหน้าสดใสร่าเริงผิวพรรณเธอดูชุ่มชื้นเปล่งปลั่งเหมือนเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่เย่ซิวช่วยคลายปมในใจลงแล้ว เสน่ห์ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่วนหญิงสาวจากสำนักหุ่นเชิดเดินตามอยู่เงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะสิ่งที่เธอได้ยินก่อนหน้านั้นทำให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อยจนตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกเหมือนเสียงนั้นยังก้องอยู่ในหูอยู่เลย…เมื่อมาถึงที่จอดรถ เย่ซิวก็เข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ และให้เซี่ยชิงชิงเป็นคนขับรถแทนส่วนหญิงสาวจากสำนักหุ่นเชิดนั่งเบาะหลังอย่างไม่เต็มใจนักหลังจากรถเคลื่อนตัวแล้ว เย่ซิวก็เอ่ยถามโดยไม่หันกลับไปมอง “เธอชื่ออะไร?”“อวิ๋นเหยา”“เล่าเกี่ยวกับวิชาหุ่นเชิดของสำนักเธอให้ฟังหน่อยสิ ฉันค่อนข้างสนใจน่ะ”ก่อนหน้านี้ที่เห็นศิษย์พี่ของอวิ๋นเหยาใช้วิชาหุ่นเชิดนั้นช่างเหมือนจริงจนน่าท
เขาบำเพ็ญตนร่วมกับหญิงสาวทั้งหลายตั้งแต่สองทุ่มครึ่งจนถึงตีห้าด้วยความช่วยเหลือจากโอสถฟื้นฟูขนาดเล็ก ในที่สุดทุกคนก็ก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้สำเร็จระดับนี้หากเป็นในสมัยโบราณ พวกเธอสามารถเป็นแม่ทัพใหญ่หรือแม้แต่อ๋องก็ยังได้เลยตอนนี้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ ไป๋อวี้เจี๋ย เซี่ยซิ่วซิ่ว และหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่างก็แข็งแกร่งถึงระดับนี้กันหมดแล้วหากเปรียบเทียบกับกองทัพสมัยใหม่ พวกเธอทั้งสี่ก็เปรียบเสมือนหน่วยรบพิเศษที่มีกองกำลังชั้นยอดจำนวนสี่กองพันหญิงสาวทั้งสี่คนหลับสนิทไปแล้วด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างสงบ มุมปากยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังฝันถึงสิ่งดี ๆ ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เย่ซิวเองก็ตั้งใจจะพักผ่อนสักหน่อยเช่นกันแต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาเขาลุกจากเตียงมาหยิบดู ปรากฏว่าเป็นสายจากชูตงเย่ซิวเดินออกไปรับสายที่ระเบียง น้ำเสียงของชูตงที่ดังมาจากปลายสายแฝงไปด้วยความหวาดกลัวและสะอื้นเบา ๆ “ที่บ้านฉันเกิดเรื่องแล้ว คุณช่วยมาหาฉันหน่อยได้ไหม? ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”“รอผมก่อนนะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”โดยไม่ถามไถ่ถึงสาเหตุ เย่ซิววางสายแล้วรีบสวมเสื้อผ้า จากนั้นก็กระโดดลงจากระเบียง
ชูตงยอมแพ้ให้กับสายตาจับผิดของเย่ซิว ก่อนจะย่นจมูกอย่างขัดใจ “โอเค ๆ ฉันยอมรับก็ได้ เธอคือรูมเมตใหม่ที่ฉันเพิ่งหามา”เย่ซิวหัวเราะออกมาด้วยความโมโห “คุณนี่มันอัจฉริยะด้านการหาเงินจริง ๆ”“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเก่งมากเลยนะ”“ผมไม่ได้ชมคุณเสียหน่อย”“แล้วจะดุทำไมเนี่ย น่ารำคาญจริง ๆ”เย่ซิวบีบแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ “คุณขัดสนขนาดนั้นเลยเหรอ?”“อย่าบีบสิ มันเจ็บนะ” ชูตงปัดมือเขาออกพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “คิดว่าทุกคนจะรวยล้นฟ้าแบบคุณหรือไง? พวกเราคนธรรมดาก็ต้องกินอยู่อย่างประหยัดและเก็บเงินเพื่อวางดาวน์บ้านสักหลัง คุณไม่มีทางเข้าใจหรอก”เย่ซิวมีบ้านในชื่อตัวเองตั้งหลายหลัง จะมอบให้เธอสักหลังก็ยังได้แต่เขาไม่พูดแบบนั้นเพราะกลัวว่าความภาคภูมิใจในตัวเองของผู้หญิงคนนี้จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเขากับเธอดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป็นอีกวิธีหนึ่งแทน “ผมมีข้อเสนอ ผมสามารถขายบ้านหลังนี้ให้คุณในราคาพิเศษได้นะแต่มีเงื่อนไขว่าคุณต้องชนะการเลือกตั้งตำแหน่งผู้จัดการในสัปดาห์หน้า และผมมีภารกิจหนึ่งที่ต้องการให้คุณทำ”ชูตงตาเป็นประกายทันที “ลดราคาเท่าไหร่?”“ลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์”เธอหน้าหม
“จริง...เหรอ?” ชูตงมองเย่ซิวด้วยสายตาสงสัย “ทำไมฉันรู้สึกว่ามันฟังดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้”เย่ซิวพยายามกลั้นขำ “แปลกตรงไหน ลองทบทวนสิ่งที่ผมพูดไปอีกครั้งสิว่ามันมีตรงไหนที่ผิดหรือเปล่า”ชูตงเอียงศีรษะครุ่นคิดพลางทบทวนคำพูดของเย่ซิวอีกครั้งและพบว่ามันไม่มีอะไรผิดจริงใบหน้าของเธอเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยความกระอักกระอ่วน “เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม? อย่างเช่นให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณ”“ข้าวที่คุณจะเลี้ยงจะอร่อยกว่าที่ผมทำเหรอ?”ประโยคเดียวทำเอาเธอพูดไม่ออกจนต้องกลอกตา “งั้นคุณอยากได้อะไรล่ะ?”เย่ซิวโน้มหน้าเข้าไปใกล้ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มหัวใจของชูตงเต้นรัว ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจหลังจากต่อสู้กับความคิดในหัวอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็แตะใบหน้าของเย่ซิวเบา ๆ เหมือนแมลงปอแตะผิวน้ำเย่ซิวเผยรอยยิ้ม นี่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่สำหรับเขาจากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามากอดแน่นในอ้อมแขน“ว้าย!” ชูตงร้องเสียงหลง “คุณจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”เย่ซิวก้มมองเธอ “ก็ค่าตอบแทนไง”“ไม่เอา อื้อ…”ชูตงพยายามดิ้นรนสุดกำลังเพื่อหลุดจากอ้อมแขนของเขา แต่
ท่าทางนั้นทำให้เย่ซิวแทบอดใจไม่ไหว อยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวแต่เขาก็ยังอดกลั้นไว้ เพราะความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม เขาไม่ควรทำให้ทุกอย่างพังพินาศ“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เราจะได้ไปบริษัทพร้อมกัน”พูดจบ เย่ซิวก็เดินออกจากห้องของเธอพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อยชูตงยกมือขึ้นกุมหน้าอกพร้อมกับหายใจหอบหนัก ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย? ทำไมใจเต้นแรงขนาดนี้ แถมยังไม่กล้ามองหน้าเขาอีก”เธอส่ายหัวแรง ๆ พยายามสลัดไล่ความคิดสับสนออกไปจากหัวให้หมดเธอลุกจากเตียงก่อนจะเดินเท้าเปล่าไปยังตู้เสื้อผ้าและเปิดออก วันนี้จะใส่ชุดอะไรดีนะ?สุดท้ายเธอก็เลือกเสื้อสีดำกับกระโปรงลายจุดเธอค่อย ๆ ถอดชุดนอนออกแต่เพิ่งถอดออกได้ไม่นาน ประตูก็เปิดผางออกมาจู่ ๆ เย่ซิวก็ยื่นหน้าเข้ามา “ลืมเอามือถือออกมาด้วยน่ะ”“กรี๊ด!”ชูตงร้องลั่นพลางรีบคว้าชุดมาปิดตัวแบบลนลาน ยกมือปิดบนปิดล่างอย่างไม่รู้จะปิดส่วนไหนก่อนดีสุดท้ายเธอก็ย่อตัวลงแทน “ไอ้ลามก ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”เย่ซิวกระแอมเบา ๆ “ผมไม่เห็นอะไรเลย”แน่นอนว่านั่นเป็นคำโกหก ที่จริงเขาเห็นหมดทุกอย่างแล้วเขาเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไ
ชูตงที่กำลังโกรธจัดเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นเป็นสองเท่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกเย่ซิวจับกดลงกับโซฟาได้อย่างง่ายดายากนั้นเธอก็ถูกกดลงบนโซฟา โดนตีไปสองที“ไอ้บ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ มันเจ็บนะ”“ถ้าไม่ปล่อย ฉันจะตะโกนแล้วนะ”“ฉันขอโทษ ประธานเมตตาฉันเถอะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”เย่ซิวยกมือขึ้นพร้อมจะลงโทษอีกครั้ง “เรียกว่าพี่เย่สิ แล้วผมจะปล่อยคุณไป”ชูตงเม้มปากแน่น เธอไม่มีวันพูดคำน่าอายแบบนั้นออกไปแน่แต่ลังเลได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เธอก็ร้องออกมาอีกครั้งเมื่อเย่ซิวทำท่าจะเอาฝ่ามือฟาดลงมา“ฉันยอมแล้ว พี่เย่ ฉันผิดไปแล้ว”รูมเมตที่ยืนดูอยู่ถึงกับตะลึง ก่อนจะคิดในใจว่าเล่นอะไรกันเนี่ยเย่ซิวปล่อยมือจากชูตง หญิงสาวกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาถอยหลังอย่างรวดเร็ว พลางลูบตรงที่ถูกเย่ซิวตี สีหน้าดูเหมือนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตามันต้องบวมแน่ ๆ แล้วถ้ามีคนเห็นจะทำยังไงดีล่ะรูมเมตกระแอมเบา ๆ “ได้เวลาไปทำงานแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันนะ”เธอรู้สึกว่าคนสองคนนี้น่าจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่อาจพูดได้แน่ ๆ เลยตัดสินใจรีบหนีไปดีกว่าชูตงมองดูสีหน้าของรูมเมตก็รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายย
เฉินเยียนจือยังไม่ยอมแพ้ เธอออดอ้อนไม่หยุด “ไม่เอาน่าแม่ หนูแค่อยากสั่งสอนเขานิดหน่อยเอง ขอระบายอารมณ์บ้าง รับรองว่าจะไม่ทำให้เขาเจ็บตัวแน่นอนขอร้องนะคะ ถ้าไม่ได้ทำแบบนี้ สุดท้ายความแค้นมันจะกลายเป็นเงาในใจถ้าวันหนึ่งตอนบำเพ็ญตนแล้วพลังวูบวาบจนผิดพลาด แม่ก็อาจจะต้องสูญเสียลูกสาวที่ทั้งน่ารัก ฉลาด สดใสและว่านอนสอนง่ายไปเลยนะ”“พอ ๆ ๆ เลิกเขย่าแม่ได้แล้ว แม่จะเวียนหัวอยู่แล้วเนี่ย” ภรรยาเจ้าสำนักถอนหายใจแล้วพูดอย่างหงุดหงิด“งั้นก็ได้ แม่จะสอนให้แค่บางส่วนพอไว้ใช้สั่งสอนเขานิดหน่อยก็แล้วกัน”เฉินเยียนจือดีใจจนตาเป็นประกาย “ขอบคุณค่ะแม่”……สถานที่ปิดด่านของเจ้าสำนักกินพื้นที่นับหลายร้อยไร่ ภายในเต็มไปด้วยของล้ำค่าที่ช่วยในการบำเพ็ญตนทั้งสิ้นหลังจากพาห้าร่างแยกของเย่ซิวมาถึงที่นี่ เจ้าสำนักก็ส่งข่าวให้ภรรยาทราบต่อจากนี้ เขากับผู้อาวุโสอีกหลายคนจะเป็นผู้ฝึกสอนห้าคนนี้ด้วยตัวเองส่วนเรื่องภายนอกก็ให้ภรรยาของเขาจัดการไปก่อนในแววตาของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยประกายทะเยอทะยานอย่างไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย“ถ้ามีเด็กทั้งห้าคนนี้ บางทีในงานประชุมใหญ่ในอีกสองปีข้างหน้า เราอาจจะคว้าอัน
เย่ซิวจ้องเสี่ยวโหรวแน่นิ่ง “เธอพูดจริงหรือเปล่า?”เสี่ยวโหรวก้มหน้าลงเล็กน้อยจนมองไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจน “นายท่านไม่เหมือนคนอื่น นายท่านจะไม่ทำร้ายข้า เพราะแบบนั้น ข้าถึงยิมยอมจากใจจริง”เย่ซิวไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเธออยู่อย่างนั้นประมาณหนึ่งถึงสองนาที จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ช่างเถอะ วันนี้ฉันยังมีธุระ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันไปล้างตัวแล้วเลือกห้องว่างเอาไว้พักสักห้องเถอะ จำไว้นะ ห้องกลั่นโอสถกับห้องหมายเลขห้า ห้ามเข้าเด็ดขาด นอกนั้นเลือกได้ตามสบาย”ในห้องหมายเลขห้ามีเตียงน้ำแข็งตั้งอยู่“รับทราบเจ้าค่ะนายท่าน”เสี่ยวโหรวลุกขึ้นและก้าวเดินด้วยขาเรียวยาวไปล้างตัวอย่างว่าง่ายช่วงที่เธอไปอาบน้ำ เย่ซิวก็จัดการวางค่ายกลในห้องหมายเลขห้าเพิ่มเติมอีกหลายชั้นจากนั้นก็หยิบหุ่นเชิดระดับถอดจิตออกมาบริเวณด้านหน้ามีรอยเว้าสำหรับเปิดช่องเก็บพลังงานเมื่อวางศิลาวิญญาณลงไป ไม่กี่วินาทีพลังวิญญาณก็ถูกดูดไปจนหมดเขาใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดกว่าสองแสนก้อนกว่าจะเติมพลังให้หุ่นเชิดจนเต็มถ้าใช้พลังเต็มกำลัง หุ่นเชิดตนนี้ก็จะสามารถต่อสู้ได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้เป็นยามเฝ้าที่เย
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก