ในห้องน้ำไม่มีกล้อง แต่มีเครื่องดักฟังติดเอาไว้หลายตัว“ซ่าซ่าซ่า!”เมื่อฝักบัวถูกเปิด ฉับพลันเส้นผมของทั้งสองคนก็เปียกโชกไปด้วยน้ำอย่างไรก็ตาม มีอาภรณ์ร้อยบุปผาอยู่ ย่อมไม่มีหยดน้ำใดหยดลงบนร่างของเฟยอวี่ได้เย่ซิวแสดงสีหน้าที่ร้อนรน "เร็ว ๆ ๆ ถอดเสื้อผ้าเธอออก"เฟยอวี่ก้มหน้าลง สีหน้าดูเขินอายมากแล้วขยับมือช้า ๆ ปลดเปลื้องชุดบนร่างของเธอทีละน้อยใช้เวลามากกว่าหนึ่งนาทีในการถอดอาภรณ์ร้อยบุปผาออกเมื่อเธอคิดว่าเย่ซิวกำลังจะทำขั้นต่อไป การเคลื่อนไหวถัดมาของเย่ซิวก็ทำให้เธอตกใจอย่างถึงที่สุดเพื่อลงมือกับเย่ซิว เธอได้ซ่อนพิษไว้บนเรือนร่างหลายตำแหน่งมากอย่างไรก็ตาม มันล้วนไร้ประโยชน์เพราะในขณะนี้เย่ซิวได้ยื่นมือมาคว้าคอเธอไว้แล้ว“คุณชาย โปรดทะนุถนอมฉันด้วย”“วางใจเถอะ ผมจะทำแน่นอน”“...”บทสนทนาข้างต้นทั้งหมดล้วนถูกพูดโดยเย่ซิวเพียงคนเดียว สำหรับเขามันง่ายมากที่จะเลียนแบบเสียงของเฟยอวี่วินาทีนี้เฟยอวี่ที่สงบลงหลังจากการตกใจในครั้งแรก ก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่ทั้งน่าสงสารและไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้บำเพ็ญตนวิชาเสน่ห์ เธอกำลังพยายามใช้เสน่ห์เพื่อทำให้เย่ซิวหลงใหลเย่ซิวเห
เฟยอวี่ความสามารถรอบด้าน แถมยังชำนาญมากกว่าเย่ซิวเสียอีกหลังจากสัมผัสด้วยตัวเองหนึ่งรอบ เขาก็พึงพอใจอย่างมากเฟยอวี่ก็ได้สัมผัสประสบการณ์สุดเหวี่ยงจากเจ้านายคนใหม่เหมือนกันในห้องน้ำ เฟยอวี่ใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบกายเอาไว้อาภรณ์ร้อยบุปผาถูกเย่ซิวเก็บกลับไปเหมือนเดิม สิ่งนี้เขาจะส่งมันคืนให้เจ้าของเดิมทีหลังประตูเปิดออก เย่ซิวก็เดินออกมาก่อน ตามมาด้วยเฟยอวี่ทั้งสองคนเดินตามกันขึ้นไปที่ชั้นสองทั้งหมดนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของกษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเขาหัวเราะเสียงดังลั่น "ไม่เลว ดูเหมือนว่าเฟยอวี่จะประสบความสำเร็จในขั้นแรกแล้ว"พวกเขาทั้งสองมาที่ห้องนอน เฟยอวี่ก็ปรนนิบัติเย่ซิวให้นอนลงบนเตียงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณชายคะ คุณเชิญพักก่อน ฉันจะไปแปรงฟัน"“ไปเถอะ” พูดจบ เย่ซิวก็หลับตาลงเฟยอวี่ออกจากห้อง เดินไปที่ประตูถัดไปแล้วปิดประตู จากนั้นเดินมาหยุดที่หน้าคอมพิวเตอร์เธอเปิดคอมพิวเตอร์แล้วป้อนรหัสผ่านที่ยาวกว่าร้อยหลัก จากนั้นหน้าจอก็กะพริบ ใบหน้าแก่ชราและน่าเกลียดของกษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินก็ปรากฏขึ้น“เป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่วิดีโอถูกเชื่อมต่อ กษัตริย์ของประเทศอ
นี่เป็นทักษะลึกลับของสำนักหุ่นเชิดสามารถใช้สมบัติเวทมนตร์สร้างหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่เหมือนกับร่างหลักทุกประการได้ส่วนระดับความแข็งแกร่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ร่ายอาคมและระดับของวัสดุที่ใช้หุ่นเชิดตรงหน้านี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ช่วงสร้างพื้นฐานขั้นต้นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เนื่องจากเย่ซิวใช้เลือดเป็นสื่อกลาง จึงสามารถแบ่งปันทัศนวิสัยกับหุ่นเชิดตัวนี้ได้ และสามารถควบคุมมันได้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรกับแค่ท้าสู้จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินเหล่านั้น เย่ซิวย่อมไม่ขึ้นสู้ด้วยตัวเอง นี่เป็นการลดตัวเกินไป พวกเขาไม่คู่ควรการส่งหุ่นเชิดตัวหนึ่งไปแทน ก็นับว่าไว้หน้าพวกเขาพอแล้วส่วนร่างหลักหรือก็คือเย่ซิวนั้น ยังต้องไปช่วยจวงเสี่ยวหยิงออกมาหลังจากลงคำสั่งกับหุ่นเชิดเสร็จ เย่ซิวก็จากไปหุ่นเชิดขยับร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้าของมันล้วนเหมือนกับร่างหลักทุกประการเว้นเสียแต่จะมียอดฝีมือที่ทรงพลังมากมาสัมผัสกับหุ่นนี้โดยตรง ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีวันถูกค้นพบ…… “ที่นี่คือที่ไหน พวกคุณจะทำอะไรกันแน่...”ในห้องมืด จวงเสี่ยวหยิงตะโกนจนเสียงของเธอแหบแห้ง แต่ไม่มีใ
ตู้ม!พร้อม ๆ กับที่เสียงกึกก้องดังขึ้น โล่ที่ห่อหุ้มร่างของจวงเสี่ยวหยิงอยู่ก็แตกออกต้องใช้ปรมาจารย์ถึงหกคนโจมตีพร้อม ๆ กัน และโจมตีต่อเนื่องนานมาก โล่ป้องกันนี้ของเธอถึงได้พังทลายลงจี้หยกที่ห้อยอยู่บนคอแตกออกเป็นเสี่ยง ๆผู้หญิงที่สวมเสื้อกันลมสีดำรีบหยิบเศษจี้หยกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกปวดใจเหลือจะกล่าว และจ้องไปที่จวงเสี่ยวหยิงด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก "คนที่กำลังจะตายคนหนึ่ง ดันต้องสิ้นเปลืองจี้หยกที่ล้ำค่าขนาดนี้ สมควรตายจริง ๆ!"กษัตริย์ของประเทศอ่ายเหรินเองก็มาถึงแล้วเขารู้สึกปวดใจมากเช่นกัน “หยุดพูดไร้สาระเถอะ ฆ่าเธอทิ้งแล้วรดเลือดของเธอลงบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อผลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเติบโต เราก็จะมีเทพยุทธ์เจ็ดคนในมือ ถึงตอนนั้นบนโลกนี้ยังจะมีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเราได้!”ผู้หญิงในเสื้อกันลมสีดำพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้า และยื่นมือไปคว้าคอของจวงเสี่ยวหยิงเนื่องจากช่องว่างของพลังของทั้งคู่ใหญ่เกินไป จวงเสี่ยวหยิงจึงไม่อาจต้านทานได้เลยเธอถูกหิ้วไปที่หน้าต้นไม้นั้นทั้งเช่นนี้มีดอันคมกริบแทงลงไปที่หัวใจของจวงเสี่ยวหยิงอย่างแรงแววตาของ
“อยู่ที่…”หลังจากผู้หญิงคนนี้บอกที่อยู่ของเธอแล้ว เย่ซิวก็หักคอเธอและเดินไปหยุดตรงหน้ากษัตริย์เมื่อรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารซึ่งแผ่มาจากร่างของเย่ซิวอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนก "คุณไม่สามารถฆ่าฉันได้ ถ้าคุณฆ่าฉัน มันจะทำให้ทั้งสองประเทศเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะมีสงครามปะทุขึ้น"เย่ซิวหัวเราะ "ที่นี่ไม่มีกล้อง และทุกคนรอบตัวคุณก็ถูกผมฆ่าไปหมดแล้ว เมื่อผมจัดการคุณเสร็จ ยังจะมีใครรู้อีกล่ะว่าเป็นผมที่ลงมือ"กษัตริย์ตกใจมาก แต่ภายนอกยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ "ระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นอย่างชัดเจนต่อกัน มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันดีรึเปล่า"“นั่นก็จริง” เย่ซิวชี้ไปที่ต้นไม้ประหลาดที่อยู่ไม่ไกลนัก “บอกผมมาก่อนว่าต้นไม้ต้นนั้นมีความพิเศษยังไง”ในดวงตาของกษัตริย์ฉายแววลังเลใจแต่ทว่า หลังจากที่รับรู้ถึงเจตนาสังหารจากร่างของเย่ซิวแล้ว เขาก็พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ ฉันจะพูด ฉันจะพูด"“ต้นไม้นี้ถูกพบบนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เกาะหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการศึกษาเพื่อค้นหาประโยชน์ของต้นไม้นี้ ผลไม้ที่อยู่ข้างบนน
“มันคือเซียงหลิ่วจริง ๆ!”เย่ซิวเอ่ยถึงที่มาของมันเซียงหลิ่ว คือปิศาจงูเก้าเศียร กินคนนับไม่ถ้วนและไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มันก็จะทำลายทั้งประเทศนั้นจนราบคาบนี่คือสัตว์ร้ายในตำนานโบราณที่ดุร้ายอย่างยิ่ง มีครั้งหนึ่งที่มันเคยได้ทำการสังหารอย่างไร้ขอบเขตตามตำนานเล่าว่า มีเซียนหลายคนที่ถูกกลืนหายไปในคำเดียว ต่อมาก็มีชายผู้ที่ทรงพลังมากคนหนึ่งได้ตัดหัวทั้งเก้าหัวของมันออก และปิดผนึกร่างของมันเอาไว้เย่ซิวใช้มือขวาผลักไปเบา ๆ ก็ดันร่างจวงเสี่ยวหยิงไปข้างหลัง จากนั้นระเบิดพลังตู้ม! ก็สวมชุดเกราะแล้วอ้าปากพ่นจินตานห้าสีออกมาเมื่อเห็นจินตานนี้ เซียงหลิ่วก็ตกใจมาก“ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เหตุใดยังมีคนควบแน่นจินตานห้าสีได้อีก? เจ้าเป็นเซียนโบราณท่านไหนกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นรึ?”เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมัน จึงแยกสมาธิออกเป็นสองส่วนในเวลาเดียวกันเขาควบคุมกระบี่หงส์โบยบินด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างควบคุมจินตานห้าสี ให้มันโจมตีออกไปอย่างแรงตอนนี้เจ้านี่ยังไม่แข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อยู่ที่นี่นานหลายร้อยปี มองดูแล้วแปลกมากก็จริง แต่ในความเป็นจริงเป็นการแสดงมากกว่าสองนา
สำนักแรกที่โดนท้าทายถูกจัดการอย่างง่ายดายจนสิบอันดับยอดฝีมือของสำนักแพ้หมดจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังสำนักต่อไปทันทีโดยไม่มีการหยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียวสื่อทางการของประเทศอ่ายเหรินหลายเจ้าตัดสินใจหยุดถ่ายทอดสดในประเทศตัวเองอย่างทนดูต่อไม่ไหวถ้าประชาชนไม่รู้ งั้นก็ถือว่าพวกเขายังไม่แพ้หุ่นเชิดท้าประลองกับสิบห้าสำนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และดวลกับยอดฝีมือกว่าร้อยคนโดยที่ไม่แพ้เลยสักครั้งยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ประชาชนในประเทศอ่ายเหรินต่างรู้จักดีส่วนฝั่งประเทศหลงเถิงตอนนี้แทบจะพูดได้ว่าคนทั้งประเทศต่างเฮลั่นด้วยความยินดี ความอัดอั้นใจที่เคยมีถูกเอาคืนจนหมดสิ้นส่วนสำนักที่ยังไม่ได้โดนท้าทายในประเทศอ่ายเหรินต่างก็รู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดกำลังจะมุ่งหน้ามายังสำนักของตน พวกเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาขวาง“ตอนนี้มันสองทุ่มแล้ว เราเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”พอเอ่ยจบ พวกเขาก็ไม่รอฟังว่าหุ่นเชิดจะมีปฏิกิริยาอย่างไรและรีบปิดประตูสำนักทันที แม้แต่ลูกศิษย์และเจ้าสำนักต่างก็พากันหนีหายไปหมดคำอธิบายนี้ดูสมเหตุสมผลจนไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้เย่ซิวเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร
หลังจากเย่ซิวตรวจสอบค่ายกลนี้อย่างละเอียดก็พบว่ามันมีกลไกทำลายตัวเองติดตั้งอยู่ด้วยจริง ๆถ้าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากภายนอก มันจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ภายในให้สิ้นซากแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงไม่ใช่เรื่องนี้ที่เขาตกใจเพราะแหล่งพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนค่ายกลนี้ไม่ใช่หินวิญญาณ หรือสิ่งที่มีพลังงานอันทรงพลังหากแต่เป็นเครื่องยนต์เครื่องยนต์ขนาดมหึมาที่ฝังอยู่ใต้ดินสูงกว่าร้อยเมตรและกว้างถึงห้าสิบเมตรเย่ซิวขยี้ตาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกปวดตาอย่างมากเนื่องจากต้องมองทะลวงผ่านพื้นดินและค่ายกลทำให้เขาต้องใช้พลังสายตามากจนแทบเกินรับไหว“คนพวกนี้ตัวเล็กแต่สมองใหญ่จริง ๆ ทำได้ยังไงกันนะ?”ค่ายกลควรจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากหินวิญญาณหรือแหล่งพลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานดวงจันทร์แต่สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือมันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเย่ซิวยอมรับเลยว่าเขาประเมินคนในประเทศนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ ถ้าพวกเขาสามารถคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาเองได้ก็นับว่าเหนือจินตนาการอยู่เย่ซิวสำรวจดูรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบช่องทางใด ๆ ที่จะเจาะเข้าไปได้เลยเขาจึงตัดสินใจรออยู่ที่เดิมเพื่อดูว่าจะมีใครโผล
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ