เมื่อคำสั่งดังขึ้น ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกันพวกเขาปลดปล่อยพลังที่รุนแรงราวกับหมาป่าและเสือโคร่งสองอาหลานทั้งสองมองเหตุการณ์ด้วยความพึงพอใจพวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของลูกน้องเหล่านี้ และพวกเขาคิดว่าเดี๋ยวคงได้เห็นเย่ซิวถูกสังหารจนเลือดสาดกระจายแต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกเขาหวาดผวาสุดขีดจู่ ๆ ยอดฝีมือทั้งสิบหกคนที่ดูแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็หยุดนิ่งไปในระยะห่างจากเย่ซิวเพียงแค่หนึ่งเมตร จากนั้นพลังชีวิตและเลือดจากรูขุมขนของพวกเขาก็ถูกดูดออกมาเป็นสายและไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือของเย่ซิวเย่ซิวใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็กลืนกินและแปรเปลี่ยนพลังทั้งหมดมาเป็นของตัวเองปึก! ปึก! ปึก!นักสู้แต่ละคนล้มลงกับพื้น แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ในหูของลุงกับหลานกลับดังก้องเหมือนเสียงฟ้าผ่าส่วนผู้หญิงที่ถูกพามาด้วยต่างพากันหลบไปอยู่ตามมุมห้องพร้อมเสียงกรีดร้องดังไม่หยุด“เป็นไปไม่ได้!”“แกเป็นตัวอะไรกันแน่!”สองอาหลานกระโดดพรวดขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับเบิกตากว้างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึงเย่ซิวขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะเผยใบ
“เฉินหลาน ตอนนี้เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดของสำนักโอสถไปวางแนวป้องกันที่ชายแดน”“หวังซวง เธอรับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ ต้องแน่ใจว่าเสบียงและอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง”หวังซวงเม้มปาก “ตอนนี้กำลังรบที่เรามีอยู่ราว ๆ หนึ่งหมื่นแปดพันคน แต่ฉันคิดว่าประเทศจ้านไม่น่าจะส่งทหารมาโดยตรงพวกเขาน่าจะยิงขีปนาวุธมาทำลายเราแทนอาจารย์คิดจะลอบเข้าไปในฐานทัพแล้วทำลายมันก่อนใช่ไหมคะ”สำนักโอสถไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธหรืออาวุธป้องกันใด ๆ เลยถ้าไม่นับเย่ซิว ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็มากเกินกว่าจะเทียบได้หากขีปนาวุธไม่กี่ลูกตกลงมาในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ทุกอย่างก็จะถูกทำลายจนหมดสิ้น“ยังไม่ต้องทำตอนนี้” เย่ซิวสายตาเป็นประกาย “เรื่องขีปนาวุธฉันจะจัดการเองตอนนี้ให้ฝั่งประเทศปิงจือเดินเครื่องเต็มกำลัง ผลิตอาวุธเพิ่มให้มากที่สุด เรายังพอมีเวลาเตรียมตัวอยู่”คนของตระกูลฮอร์ตันที่มายกเว้นพวกผู้หญิงได้ถูกเย่ซิวจัดการไปหมดแล้วทางตระกูลฮอร์ตันคงยังไม่รู้เรื่องในทันทีก็น่าจะมีเวลาเตรียมตัวอีกหลายวันอีกอย่าง การทำสงครามต้องมีข้ออ้างที่ชอบธรรมถ้าเย่ซิวลงมือโจมตีก่อนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายรุกรานแต่ถ้
“บอสบ้า แย่จริง ๆ” ถังเขอเข่อกระทืบเท้าปึงปังด้วยความโมโหด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่ไม่นานเธอก็เก็บอารมณ์แปลก ๆ นั้นไว้ในใจ เพราะเรื่องสำคัญต้องมาก่อนพอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบมุ่งหน้าไปยังสายการผลิตทันทีเธอพักอยู่ในบริษัทมาตลอด เดินไปกลับที่ทำงานแค่สองนาทีก็ถึงแล้วพอมาถึงสายการผลิต เธอก็โทรหาทีมช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้องและให้พวกเขารีบเร่งมือสร้างหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายออกมาจากนั้นเธอก็เริ่มคัดลอกข้อมูลทางเทคนิค พารามิเตอร์ และเอกสารสำคัญทั้งหมดลงในฮาร์ดไดรฟ์ ก่อนจะออกเดินทางไปยังสำนักงานในเมืองหลวงกลางดึกถังเขอเข่อแจ้งว่าตัวเองมีเรื่องด่วนที่จะต้องพบกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงตามปกติแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอเข้าพบ ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนมากมายแต่ถังเขอเข่อฉลาดมาก เธอพูดเพียงประโยคเดียวว่าเธอเป็นพนักงานคนสำคัญของเย่ซิวและมาที่นี่ตามคำสั่งเขาเจ้าหน้าที่สำนักงานในเมืองหลวงเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากพวกเขาเชิญถังเขอเข่อให้นั่งรอในห้องรับรองก่อนและรีบโทรติดต่อเบื้องบนโดยตรงเบื้องบนก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน พวกเขาตอบกลับมาว่าให้ถังเขอเข่อรอสักครู่ เดี๋ยวจะมีคนมาหาเธอทันที
เมื่อถังเขอเข่อพูดประโยคนั้นจบ บรรยากาศในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันทีนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “คุณผู้หญิง คุณพูดถึงหุ่นยนต์แบบที่เรารู้จักใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ” ถังเขอเข่อพยักหน้า “เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถลงสนามรบได้ ป้องกันอาวุธปืนได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการโจมตีจากรถถังด้วย”นายกรัฐมนตรีทำสัญญาณมือ เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาก็เริ่มวางกำลังรักษาความปลอดภัยรอบห้องรับรองทันที และเข้าสู่สถานะเตือนภัยระดับหนึ่งจากนั้นเขาก็หันไปบอกผู้ช่วยข้างกาย “ส่งข้อมูลพวกนี้ให้ไช่จื้อดู”ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วเริ่มดำเนินการทันทีนายกรัฐมนตรีหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรออกแม้จะเป็นเวลาดึก แต่โทรไปด้วยเสียงเรียกเข้าเพียงสี่ครั้งปลายสายก็รับทันทีเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคงดังขึ้นจากปลายสาย “ท่านนายกฯ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”“ผมให้คนส่งอีเมลไปหาคุณแล้ว ลองเปิดดูเนื้อหาในนั้นก่อน”“ได้ครับ ผมจะดูเดี๋ยวนี้เลย”หลังจากวางสาย ถังเขอเข่อก็อดถามด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “ท่านนายกฯ เมื่อกี้ท่านโทรหาไช่จื้อใช่ไหมคะ?”นายกรัฐมนตรีพยักหน้ายิ้ม ๆถังเขอเข่อแทบจะกระโดดด้ว
นายกรัฐมนตรีจัดให้คนไปรับไช่จื้อเพื่อมาพบกันที่หน้าประตูทางเข้าพนักงานในบริษัทจำนวนมากที่เห็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ต่างพากันตกตะลึงแต่ไม่นานพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นการได้ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญเช่นนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่พวกเขาภูมิใจจากนั้นนายกรัฐมนตรี ไช่จื้อ และทีมงานก็มาถึงสายการผลิตภายใต้การนำทางของถังเขอเข่อทันทีที่มาถึงก็พบกับหุ่นยนต์รบตัวที่สิบกำลังถูกเคลื่อนย้ายออกจากสายการผลิตพอดีแม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ทุกคนก็ยังอดตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้าโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่เปล่งประกายสะท้อนแสงไฟดูทรงพลังและหนักแน่นเส้นสายของตัวเครื่องเรียบลื่นแต่แฝงด้วยความดุดันในดีไซน์ไช่จื้อรีบวิ่งเข้าไปใกล้ทันทีเขายืนอยู่ใต้หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองอย่างละเอียด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลสำหรับคนที่ทุ่มเทให้กับการวิจัย ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วนายกรัฐมนตรีสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติแล้วหันมาพูดกับถังเขอเข่อ “สาวน้อย ช่วยสาธิตให้ดูหน่อยได้ไหม”“ได้ค่ะ”ถังเขอเข่อเดินเข้าไปในหุ่นยนต์ตัวหนึ่งครืน!
ตูม!เสียงดังกึกก้องในอากาศ ร่างแยกธาตุทองพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงแต่ตัวจริงของเย่ซิวไม่ได้ออกไปไหน เขายังคงนั่งประจำอยู่ที่สำนักโอสถเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันดังนั้นจึงส่งร่างแยกที่พกแหวนผนึกของสามวงเดินทางไปยังประเทศหลงเถิงในตอนนี้เย่ซิวกำลังรอรับสายจากฝั่งประเทศหลงเถิงไม่นานนักก็มีสายวิดีโอคอลก็ดังขึ้นเมื่อเห็นชายชราปรากฏอยู่ในหน้าจอ เย่ซิวก็แสดงความเคารพโดยไม่รู้ตัว “ท่านนายกฯ”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นชายคนนี้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้ารับงานในแผนกพิเศษก็ได้เห็นใบหน้านี้มาก่อนแล้วนายกรัฐมนตรีหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “ขอบคุณที่คุณมอบเทคโนโลยีหุ่นยนต์รบให้กับเรา ผมจะไม่พูดคำสุภาพมากเกินไปแล้วกันถ้าคุณมีข้อเรียกร้องอะไรก็บอกมาได้เลย ถ้าทำให้ได้ ผมจะทำให้”เย่ซิวกล่าวขอบคุณก่อนจะพูดขึ้น “ไม่นานมานี้ คนของตระกูลฮอร์ตันมาที่สำนักโอสถและพยายามจะซื้อที่นี่พวกเขาพูดจาหยาบคายและมีท่าทีไม่เหมาะสม สุดท้ายผมก็จัดการฆ่าพวกเขาไปแล้ว”สีหน้าของนายกรัฐมนตรีพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “ตระกูลฮอร์ตัน…แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อ?”“สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือมหาอำนาจทั้งสองประเทศ ถ้าพว
นายกรัฐมนตรีเองก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ไช่จื้อจึงเดินทางกลับไปยังหน่วยงานด้วยความตื่นเต้นเพื่อเริ่มเตรียมการสร้างสายการผลิตส่วนนายกรัฐมนตรีก็ลงนามในเอกสารด้วยตัวเองสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ทุกอย่างจะได้รับการจัดการเป็นลำดับแรก เป้าหมายคือต้องสร้างให้ได้หนึ่งพันตัวในเวลาที่สั้นที่สุดนายกรัฐมนตรีรออยู่ที่บริษัทเพื่อรอรับร่างแยกที่มาร่างแยกธาตุทองก็มาถึงหน้าบริษัทในเวลาตีสามห้าสิบทันทีที่มาถึงก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทันที“สวัสดีครับท่านนายกฯ” ร่างแยกทักทายด้วยความเคารพ“ฮ่า ๆ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก” นายกรัฐมนตรีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ของที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ”ประเทศหลงเถิงมีสำรองไว้จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธ ขีปนาวุธ หรืออาวุธข่มขวัญของเหล่านี้โดยปกติแล้วจะไม่ขายให้คนนอกเพราะถือเป็นเทคโนโลยีระดับสูงสุดในโลกปัจจุบันร่างแยกธาตุทองหยิบขวดขนาดใหญ่สองขวดออกมาจากแหวนผนึกของก่อนจะยื่นให้กับนายกรัฐมนตรี “นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับท่านและผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงในขวดแรกคือยาเม็ดล้างไขกระดูกชั้นเลิศ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยฟื้นฟูร่างกา
พื้นที่ในเขตนี้มีการป้องกันที่แน่นหนาอย่างถึงขีดสุด เรียกได้ว่าเข้มงวดมากแม้แต่พลังจิตของเย่ซิวก็ไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปได้หลังจากสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้ข้อสรุปด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางที่จะฝ่าเข้าไปโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยแน่เมื่อมาถึงส่วนลึกที่สุดก็มีเจ้าหน้าที่เทคนิคยืนรออยู่แล้วพอเห็นนายกรัฐมนตรีกับร่างแยกของเขา ทุกคนก็แสดงความเคารพอย่างเต็มที่หลังจากพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ก็พาร่างแยกเข้าไปในโกดังของที่เย่ซิวต้องการทั้งหมดถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วรวมถึงระบบป้องกันขีปนาวุธอีกสามชุดขีปนาวุธระยะกลางและระยะสั้นจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบลูก และอาวุธข่มขวัญอีกห้าลูกของทั้งหมดถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเหมือนภูเขาขนาดย่อมร่างแยกยกมือขึ้น ก่อนที่แหวนผนึกของจะเปล่งแสงออกมา และดูดของเหล่านั้นเข้าไปทั้งหมดโชคดีที่แหวนผนึกของได้รับการอัปเกรดมาแล้ว ไม่งั้นคงไม่สามารถเก็บของจำนวนมากขนาดนี้ได้ในครั้งเดียวแน่แต่หลังจากเก็บของทั้งหมดแล้วก็ถึงขีดจำกัดของแหวนผนึกของพอดีนายกรัฐมนตรีมองด้วยสายตาอิจฉา “นี่ใช่แหวนผนึกของในตำนานหรือเปล่า ยังมีเหลืออีกไหม ผมสามารถจ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน