“แม่ว่าหนูตาคงเหงาน่ะ ลูกก็เอาแต่ทำงาน อ้อ... แม่เอ่ยปากขอเงินจากคุณมณีแล้วนะ ที่ว่าจะเอามาเปิดคลินิกน่ะ”
รามิลก็นิ่งงันไปเช่นกัน เขากัดปาก
“ผมบอกกับแม่ตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปขอเงินขอทองมาจากคนพวกนั้นอีก แค่เท่าที่ได้มาก่อนหน้านั้น ผมก็ชดใช้บุญคุณให้ไม่หมดแล้วครับ”
“ตาราม รามก็แต่งงานกับหนูตาแล้ว เรากับเขาเป็นทองแผ่นเดียวกัน และที่ต้องรีบทำคลินิก แกก็จะได้ไม่ต้องไปทำโรงพยาบาลอะไรนั่นอีก นี่ถ้าไม่ได้เงินจากคุณมณี ลูกก็ต้องไปทำงานใช้ทุนอีก”
รามิลดวงตาแดงก่ำ กลั้นความเจ็บปวดลึก ๆ กับการกระทำของแม่ ความอดกลั้นทำให้เขาอดปากเอาไว้ไม่ได้
“แม่ทำตัวเหมือนคนไม่มีศักดิ์ศรี ทำตัวเหมือนขอทานอยู่นะครับ แม่รู้ตัวไหม”
คุณนิรันรัตน์ชะงักฝีเท้าหันมามองหน้ารามิล
“เจ้าราม ทำไมแกพูดแบบนี้” ท่านทำเสียงเขียว
พอเห็นมารดาน้ำตาคลอ เขาก็ต้องหยุดและปิดน้ำคำที่จะหลั่งไหลออกมา
“ผมขอโทษครับแม่”
“ฮึ... แม่เลือกทำทุกอย่างก็เพื่อแก ในตอนนั้นพ่อแกทำให้แม่กับแกสุขสบายไม่ได้ แต่คุณมณีเขาให้เราสองคนได้”
“มันไร้ศักดิ์ศรี”
“แต่แกก็สุขสบาย แล้วฉันก็เป็นอย่างที่เห็น ไม่ต้องไปเฝ้ายมบาล”
“ผมเข้าใจแล้วครับแม่ ผมขอโทษ” รามิลหลับตา
“สิ่งที่แกควรทำ ก็คือ ควรทำดีกับหนูตา และคุณมณี เพราะถ้าคุณมณีตายไป สมบัติทั้งหลายก็จะเป็นของแกกับของหนูตา หนูตาเป็นลูกสาวคนเดียวนะ”
“อ้อ... แล้วอีกอย่างที่แกต้องรีบทำ คือทำให้หนูตาท้อง คุณมณีเขาก็ทวงถามมาอีกแล้ว”
“ครับ” คำตอบสั้น ๆ ปะปนอยู่ในอารมณ์ของรามิลในตอนนี้คือความขมขื่น
ที่โรงแรมxxx“เมื่อไรคุณจะเลิกกับไอ้หมอหน้าละอ่อนคนนั้นเสียทีฮึ? ผมไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้วนะ” ฐิติวัฒน์ทำหน้าไม่พอใจ เริ่มออกอาการง่องแง่ง
“คุณจะให้ผมอยู่ในตำแหน่งแค่ผัวลับ ๆ ของคุณไม่ได้อีกแล้วนะ ถ้าคุณยังไม่มอบสถานะแบบผัวที่ถูกต้องตามกฎหมายละก็ ผมจะไปจากคุณ” เธอรีบเข้าไปอ้อนเขา
“วัฒน์ขา คุณอย่าทำตัวปัญญาอ่อนเลยน่า คุณก็รู้นี่นาว่าฉันทำตามใจตัวเองได้เป็นบางเรื่อง แต่บางเรื่องทำไม่ได้นะ โดยเฉพาะเรื่องหมอราม ฉันหย่ากับเขาไม่ได้หรอก เพราะว่าแม่ของฉัน ท่าน...”
“หยุด ไม่ต้องพูดแล้ว คำก็แม่ สองคำก็แม่ ที่จริง คุณก็ชอบมีอะไรกับมัน”
“ฮ่า... กับหมอนะเหรอ”
“ก็ใช่นะสิ ผมหึงนะตา ผมหึงคุณ แค่คิดว่าคุณขึ้นขย่มมันอยู่ ผมก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
“นี่... ฉันจะบอกให้นะ ตั้งแต่แต่งงานกันมา ฉันว่า... ฉันน่าจะได้นอนกับหมอรามแค่สามสี่หนเองมั้ง”
“มีหรือ อยู่ห้องเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน จะไม่มีอะไรกัน คุณแค่พูดเพื่อไม่ให้ผม...”
หญิงสาวรีบเอามือปิดปากเขา และคลานขึ้นไปคร่อมร่างของฐิติวัฒน์ ศศิตาค่อยขยับตัว มือก็จับเอาผ้าขนหนูที่เขาห่อพันออก
“ฮึ... หมอเขาไม่ได้นอนห้องเดียวกับฉันหรอก เขามักจะนอนที่ห้องอ่านหนังสือของเขานั่นแหละ”
ฐิติวัฒน์คิ้วขมวด “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“เขาไม่ได้รักฉัน แต่แต่งงานตามหน้าที่ เราสองคนแต่งงานกันตามหน้าที่ ฉันอยากหนีจากคุณแม่ที่คุมบังคับฉันทุกอย่าง การมาอยู่ที่บ้านของหมอ มันทำให้เราสองคนมีโอกาสเจอกัน และทำแบบนี้กันไง”
เธอขยับตัวเลื่อนลงไปทางปลายเท้าของเขา สองมือของศศิตาจับท่อนเนื้อของฐิติวัฒน์ที่กำลังเหยียดหยัดและพองตัวขึ้นจนเต็มกำมือของศศิตา เธอช้อนสายตามองเขาแบบเร่าร้อน ก่อนจะก้มลงไปจัดการกับแท่งเนื้อที่เปิดตา ปลายหัวหยักมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาด้วย
“อู้” เขาสูดปากเสียงยาว เมื่อปากนุ่มนิ่มของศศิตาครอบครองดูดกลืนลำเทียนของชายหนุ่มเข้าไปแล้ว จากนั้นเตียงนั้นก็กลายเป็นสังเวียนรักแบบดุเดือดแต่ไม่มีเลือด มีน้ำสุขสาดกระเซ็นกระเด็นออกมาจากช่องทางรักของเธอ
ห้องอ่านหนังสือของรามิล เขารีบเก็บซองสีน้ำตาลเอาไว้ในลิ้นชักที่อยู่ชั้นล่างสุด เขาไม่อยากให้แม่ผิดหวังและเสียใจ รามิลคิดว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับต่อไป
ก่อนที่จะปิดลิ้นชัก เขาก็เห็นรูปใบหนึ่งที่เขาเคยตั้งมันเอาไว้บนโต๊ะตัวนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้
‘แป้งเป็นไงบ้าง พี่คิดถึงแป้งเสมอนะ’ น้ำตาของเขาค่อย ๆ ไหลออกมา
เขาหยิบรูปอัลตราซาวนด์ที่นรินภัทรได้ส่งมาให้ก่อนที่เธอจะหายไป โดยที่รามิลก็ไม่รู้ว่า เธอหายไปอยู่ที่ไหน และเขาก็จะไม่สืบเสาะหาเธอด้วย รามิลพลิกหลังรูปใบนั้น
(พี่คงเสียใจสินะคะ ที่แป้งเก็บลูกของเราเอาไว้น่ะ แป้งแค่อยากให้พี่รู้เอาไว้ บางครั้งสิ่งที่คนเราต้องการมันก็ไม่สมหวังเสมอไปหรอกค่ะ และที่พี่อยากให้แป้งฆ่าลูกนะ แป้งทำไม่ได้หรอก ลูกจะต้องมีชีวิตอยู่กับแป้ง สองมือน้อย ๆ ของแป้งนี่แหละที่จะเลี้ยงดูแกให้ดีที่สุด แม้ว่าแกจะเกิดมาโดยที่แป้งไม่พร้อม และพ่อของแกไม่ต้องการ)
วันต่อมา “จะบ่ายโมงแล้วนะ หนูตายังไม่ตื่นอีก” คุณนิรันรัตน์รู้สึกสับสนไปหมด เรื่องเมื่อคืนทำให้ท่านต้องกลับมาทบทวนเรื่องราวทุกอย่างอีกครั้งปานใจเข้ามาเก็บจานไปล้าง “คุณนายต้องการอะไรอีกไหมคะ เอาน้ำชาร้อน ๆ หน่อยไหมคะ”“ไม่หรอกปาน ไหนเธอว่าจะขอลาครึ่งวัน”“ก็คุณตายังไม่ตื่น” ปานใจมีสีหน้าเกรงใจ“ไปเหอะ ฉันอยู่ได้ ไม่เป็นไรจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นปานเก็บโต๊ะเสร็จ ก็จะขอไปเลยนะคะ”“อื้อ... เดินทางก็ระมัดระวัง แล้วพรุ่งนี้จะมากี่โมง”“เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะคุณนาย”คุณนิรันรัตน์ลุกขึ้นด้วยท่าทางงกเงิ่นจากที่เส้นเลือดในสมองตีบ ท่านป่วยไปหลายเดือนกว่าจะกลับมาหัดเดินได้อีกครั้ง“ให้ปานช่วยค่ะ” ปานใจรีบเช็ดมือ เพราะล้างจานใบสุดท้ายคว่ำพอดี “เฮ้อ... ไม่รู้ยังไง” พ่นลมหายใจยาว ๆ ตายังมองไปยังห้องนอนของศศิตา“เรื่องอะไรหรือคะ” ปานใจรู้อยู่แล้วก็คงไม่พ้นเรื่องลูกสะใภ้คนโปรดกับคุณรามิล“ยังไม่ชินอีกหรือคะกับพฤติกรรมของคุณตาน่ะค่ะ” ปานใจถามย้อนคุณนิรันรัตน์ถึงกับหันมามองหน้า ปานใจยิ้มแห้ง ๆ“ปานไม่ขอออกความคิดเห็นค่ะ แต่ก็คิดว่า... อะไรที่มันไม่ใช่ คุณนายก็อย่าไปฝืนเลยค่ะ ปานเห็นคุณหมอไม่เคยมีความสุ
รามิลปล่อยโฮ‘จะห้าปีแล้วสินะ’‘โธ่แป้ง แป้ง... ลูกครับ พ่อผิดไปแล้ว พ่อมันชั่ว พ่อมันเลวที่สุด พ่อไม่มีหน้าไหนที่จะไปพบเจอหน้าลูกได้อีก’น้ำตาของรามิลค่อย ๆ ไหลออกมา เขาเก็บรูปนั้นลงไปไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม รามิลทรุดนั่งลงไปบนพื้นอย่างหมดแรงปัง... เสียงบานประตูที่ถูกปิดลงไปอย่างแรง เสียงของมันดังมาก ณ ยามราตรีกาลแบบนี้ รามิลสะดุ้งตื่น เขามองไปที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ตัวเลขบอกตีสอง“ไม่มีใครเปิดไฟเอาไว้บ้างหรือยังไง จะงกไปถึงไหนกัน ค่าไฟแค่นี้” เสียงดังเอาเรื่อง และน้ำเสียงอ้อแอ้มาก ๆศศิตาสำเริงรักกับฐิติวัฒน์ไม่พอ เธอยังดื่มมาอีกด้วยไฟฟ้าสว่างพรึบ... คนที่กำลังคลำหาสวิตช์ไฟถึงกับชะงัก“นี่ตา... ไม่รู้หรือว่า มันกี่โมง กี่ยามแล้ว”“อ้อ... นึกว่าใคร ผัวของตานี่เอง ทำไมวันนี้กลับมานอนบ้านได้ล่ะคะ”“ผมก็นอนที่นี่ทุกคืน”“อ้าวเหรอ ฮึ... ตาไม่ยักกะรู้แฮะ ก็คลำ ก็ลูบไปทั่วทั้งที่นอนแล้ว แต่ไม่มีร่างหมอนอนอยู่ใกล้ ๆ นะคะ ก็เลยคิดว่าไม่กลับบ้าน”“คุณก็ตื่นให้มันเช้าขึ้นมาหน่อยสิ จะได้กินข้าวเช้าด้วยกัน”“หื้อ... ผัวนัดกินข้าวแฮะ ฮ่า... คุณผัวขา ขอเมียกินอย่างอื่นได้ไหม” ศศิตานึกแกล้ง เธ
“แม่ว่าหนูตาคงเหงาน่ะ ลูกก็เอาแต่ทำงาน อ้อ... แม่เอ่ยปากขอเงินจากคุณมณีแล้วนะ ที่ว่าจะเอามาเปิดคลินิกน่ะ”รามิลก็นิ่งงันไปเช่นกัน เขากัดปาก“ผมบอกกับแม่ตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปขอเงินขอทองมาจากคนพวกนั้นอีก แค่เท่าที่ได้มาก่อนหน้านั้น ผมก็ชดใช้บุญคุณให้ไม่หมดแล้วครับ”“ตาราม รามก็แต่งงานกับหนูตาแล้ว เรากับเขาเป็นทองแผ่นเดียวกัน และที่ต้องรีบทำคลินิก แกก็จะได้ไม่ต้องไปทำโรงพยาบาลอะไรนั่นอีก นี่ถ้าไม่ได้เงินจากคุณมณี ลูกก็ต้องไปทำงานใช้ทุนอีก”รามิลดวงตาแดงก่ำ กลั้นความเจ็บปวดลึก ๆ กับการกระทำของแม่ ความอดกลั้นทำให้เขาอดปากเอาไว้ไม่ได้“แม่ทำตัวเหมือนคนไม่มีศักดิ์ศรี ทำตัวเหมือนขอทานอยู่นะครับ แม่รู้ตัวไหม”คุณนิรันรัตน์ชะงักฝีเท้าหันมามองหน้ารามิล“เจ้าราม ทำไมแกพูดแบบนี้” ท่านทำเสียงเขียวพอเห็นมารดาน้ำตาคลอ เขาก็ต้องหยุดและปิดน้ำคำที่จะหลั่งไหลออกมา“ผมขอโทษครับแม่”“ฮึ... แม่เลือกทำทุกอย่างก็เพื่อแก ในตอนนั้นพ่อแกทำให้แม่กับแกสุขสบายไม่ได้ แต่คุณมณีเขาให้เราสองคนได้”“มันไร้ศักดิ์ศรี”“แต่แกก็สุขสบาย แล้วฉันก็เป็นอย่างที่เห็น ไม่ต้องไปเฝ้ายมบาล”“ผมเข้าใจแล้วครับแม่ ผมขอโทษ” รามิลหล
“อื้อ” พี่ชายพยักหน้า“จะเอาอะไรไปโรง’บาลมั้ง ก็ต้องเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าแป้งไม่เตือน” นรินภัทรเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มเอาของที่กองใกล้เท้าพี่ชายยกขึ้น“รู้แล้วจ้า พูดมากเสียจริงเนอะ... เนอะ” ทำหน้าพยักพเยิดกับชูใจ เด็กน้อยที่ไม่ประสาก็พยักหน้ารับ สองลุงหลานรักใคร่ใกล้ชิดกันมากณัฐกรและอรนิลเปิดร้านขายน้ำชากาแฟอยู่ในตลาดสดยามเช้าที่แถวตลาดปากน้ำ ในตอนบ่ายก็จะว่าง แต่ทั้งสองก็เลือกที่จะหยุดในวันอาทิตย์ด้วย เพราะทำงานมากไปแบบไม่มีวันหยุดร่างกายก็เหนื่อยก็ล้าได้และที่จะเปิดเร็ว ๆ นี้คือโฮสเทลที่เอาตึกมาสร้างเป็นห้องพักให้นักท่องเที่ยวแบบราคาไม่แพง ก็อยู่แถวปากน้ำด้วยเช่นเดียวกัน“มะ... แม่พูดมาก” พูดยานคางด้วยเสียงน่ารัก แล้วส่งมือไปแตะที่หน้าท้องของคุณป้าอรนิล“น้องอยู่ในนี้ ออกมาไว ๆ นะ จะได้มาเล่นด้วยกัน”ทั้งลุงทั้งหลานเอาหูแนบไปกับหน้าท้องของอรนิล เธอ หยิบหมอนมาพิงด้านหลังและเอนตัวลงไปนอน แล้วพากันส่งเสียงหัวเราะคิกคัก เพราะเจ้าตัวเล็กในท้องของอรนิลแผลงฤทธิ์เดชถีบใหญ่ ทว่าอรนิลก็ทำท้องเกร็งแข็งขึ้นมาอีกนรินภัทรรีบยกของแล้วเดินเข้าครัว สีหน้าของนรินภัทรไม่ค่อยดีน
บทนำ“นี่คืออะไร” ใบหน้าเข้มคิ้วขมวดเข้าหากัน จ้องมองที่ตรวจครรภ์ในมือ แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ก็อยากจะถามให้ได้ยินกับหูของตัวเอง“พี่ราม แป้งท้องค่ะ” น้ำตานองหน้า ในใจเหมือนจะรู้คำตอบของคนตรงหน้าอยู่แล้วเขาเงยหน้าที่ก้มมองที่ตรวจครรภ์ในมือ ขึ้นมาจ้องหน้าของเธอ เขาถามย้ำ “พี่บอกแป้งตั้งแต่แรก ๆ ว่ายังไงนะ”“นอนกับพี่ได้แต่ห้ามท้อง” รามิลกลืนน้ำลายขม ๆ ลงไปในลำคอ เขาไม่อยากพูดแบบนี้เลย เขารู้ตัวดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คำว่า ‘ตัดไฟเสียแต่ต้นลม’ มันก้องอยู่ในหัวของเขานรินภัทรเหมือนถูกคำพูดของเขาตบไปที่ใบหน้าแบบจัง ๆ น้ำตาที่เอ่อท่วมเริ่มไหลรินอาบทั้งสองพวงแก้ม“อย่าคิดเอาลูก มาผูกมัดพี่ได้นะ อย่าคิดว่าท้องแล้วต้องให้พี่รับผิดชอบ”“แล้วพี่จะให้แป้งทำอย่างไรคะ”“ไปเอาออกเสีย” ++++++++++++++++เสียงฝีเท้าของเด็กหญิงตัวน้อย ๆ วิ่งเข้ามาในบ้าน เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ที่ข้อเท้าดังตามติดร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงเข้ามาด้วย“มะ... แม่ แม่ แม่...” เสียงพูดที่ยังไม่เป็นคำร้องเรียกหาผู้เป็นแม่ ทำให้นรินภัทรรีบวางปากกาวาดรูปในมือลงไปไว้ที่โต๊ะ รีบลุกขึ้นมา แล้วอ้าแขนรับเอาลูกสาวที่วิ่งหน้าตั้งมาหาด้วยความ