หลังจากทานข้าวเสร็จฉันก็ขึ้นห้องมาทันทีไม่อยากรับรู้อะไรอีก ฉันผิดเองที่ไปแอบรักเขาเขาคงไม่มาเด็กกะโปโลแบบฉันหรอก แต่อีกไม่นานฉันนะต้องทำใจได้(มั้ง............)แต่เพียงเขาเข้ามาพูดคุยทำดีด้วยฉันก็ทำไม่ได้หลงรักเขาอีกร่ำไป
"เห้อ เจ็บจังเลยแหะ" ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเพลินก็มีคนมาเคาะประตู ก็อก ก็อก ก็อก~~~~~~~ "ใครค่ะ"เพื่อความแน่ใจฉันจึงตะโกนถามออกไป "นมเองค่ะ เปิดประตูให้นมได้ไหมค่ะ" "ค่ะ" ฉันจึงเดินไปเปิดประตู "นมเอานมมาให้ เห็นทานข้าวไปนิดเดี่ยว" "ขอบคุณมากน่ะค่ะ" ฉันรับนมมาดื่นจนหมดเพราะทานข้าวไปนิดเดี่ยว "เป็นอะไรหรือป่าวค่ะ คุณหนูของนม" เมื่อนมเอ่ยถามฉันแบบนี้ทำให้ฉันน้ำตาไหลออกมาอย่างอัตโนมัติ "นมค่ะ หนูจะทำไงดีค่ะ" "เป็นอะไรค่ะ คุณหนูของนม" "หนูมันเป็นเด็กนิสัยไม่ดี แอบรักได้แม้กระทั่งคนที่เปรียบเสมือนพ่อของตัวเอง" "ความรักไม่มีผิดหรือถูกหรอกค่ะ แค่เพียงว่าเราต้องรู้จักว่าเราควรรักแบบไหน แค่นั้นเอง" นมอุ่นลูบหัวสาวน้อยที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอืนแถบจะขาดใจ "แต่หนูรับไม่ไหวจริงๆค่ะนม" "ไม่ต้องคิดมากน่ะค่ะ. คุณหนูของนม นมเชื่อว่าสักวันคุณหนูจะเข้าใจทุกอย่างน่ะค่ะ" นมอุ่นพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสงสัยทำให้มะลิเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย "นมหมายความว่ายังไงเหรอค่ะ"มะลิถามกลับด้วยความสงสัย. แต่ก็ได้แค่เพียงการส่ายหน้าเป็นคำตอบเท่านั้น "นมไม่รบกวนคุณหนู นอนพักผ่อนน่ะค่ะ คนสวยของนม"นมอุ่นลูบหัวหญิงสาวด้วยความเอ็นดูก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่ออยู่ในห้องคนเดียวความรู้สึกเดิมก็กลับมา ความรู้สึกน้อยเหนือต่ำใจ. ทำไมเราถึงเป็นได้แค่น้องสาว. เป็นมากกว่านั้นไม่ได้หรือไง แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราเขานั้นมีเจ้าของหัวใจแล้ว. และทางเดียวที่จะทำใจได้ ก็คือ. ต้องหาใครสักคนมาช่วยด้ามหัวใจ เพราะยังไงสักวันหนึ่งก็คงต้องตัดใจอยู่ดี สู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมตอนนี้ คงจะเจ็บน้อยที่สุด แต่จิตใต้สำนึกก็ยังสั่งให้ยังรักเขาอีกต่อไปทั้งทีรู้ว่าผิด แต่ยังไงพื้นที่ตรงนั้นมันก็ไม่ใช่ของเธออยู่ดี. หญิงสาวร้องไห้จนเพลียหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เช้าตรู่ เธอจึงรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และออกไปเรียนให้เช้าที่สุด บางทีการไม่เจอหน้ากันอาจทำให้เธอตัดใจก็ได้. ทางด้านชายหนุ่ม เขาแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเขาและตั้งใจว่าจะไปส่งหญิงสาวที่โรงเรียนด้วยตัวเองและจะถือโอกาศไปตรวจเอกสารที่โรงเรียนแล้วแต่เมื่อเดินลงมา ถามแม่บ้านก็พบว่าหญิงสาวนั้นได้ออกไปโรงเรียนแล้ว สร้างคว่มแปลกใจให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก. ด้วยความสงสัยเขาจึงรีบตามไปที่โรงเรียนทันที โรงเรียนลาฟเนเจอร์ หญิงสาวร่างเล็กผอมบางในชุดนักเรียนม.ปลาย ผมยาวสลวยถูกมัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนั่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมพัดเย็นสบายทำให้ผมปลิวพลิวไสวช่างเป็นเหมือนภาพวาดที่สวยงามเสียจริง 07.00 หญิงสาววะดุ้งตื่นเพราะได้รับความเย็นมากระทบที่แก้มเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นเฟิร์สเพื่อนร่วมห้องของตัวเองนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หญิงจนลุกขึ้นนั่งแบบปกติ "นายมานานหรือยัง" "ก็นานพอ ที่เห็นคนบางคนนอนหลับน้ำลายยืดอ้ะ " ชายหนุ่มพูดหยอกเย้าหญิงสาว "ห้ะจริงอ้ะ"มะลิตกใจตาโต แล้วรีบเอามือปิดหน้าตัวเองด้วยความอาย "ล้อเล่น" เมื่อมะลิรู้ว่าโดนหลอกก็ยืนมือไปตีไหล่ของเฟิร์สแก้เขิล. ภาพที่ทั้งคู่กำลังหยอกเย้าเล่นกันอย่างสนุกสนานนั้น กำลังมีใครบางคนแอบมองด้วยท่าทีที่ขุนมัวมือหนากำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "นี้น่ะเหรอ ที่รีบมาเรียนแต่เช้าเพราะจะมาอี้อ้อกับผู้ชายแบบนี้สิน่ะ"ด้วยโทษะชายหนุ่มจึงเผลอตัวพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปจากมุมนั้นด้วยอารมณ์ที่ทุกคนยากจะเข้าถึงอย่างเช่นตอนนี้ "ทำงานประสาอะไรห้ะ แค่นี้ยังไม่เสร็จอีก. ต้องรออีกนานแค่ไหนห้ะ" "ขอโทษค่ะครูใหญ่ พวกเราจะรีบทำให้เสร็จค่ะ" "ออกไป ได้แล้ว"ชายหนุ่มชี้ไปทางประตูแล้วหันหลังหนีเป็นเชิงไล่กลายๆ. วันนี้เขาเป็นอะไรไปทำไมเขาถึงอารมณ์ได้ทั้งวันแบบนี้ จู่ประตูห้องทำงานของชายหนุ่มก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสั้นสีดำรัดรูปขับให้เห็นผิวขาวเนียนของร่างสวย "สวัสดีค่ะนิค วันนี้พิมเอาอาหารกลางวันมาให้นิคทานตั้งหลายอย่างเลยน่ะค่ะ"หญิงสาวว่างถุงอาหารไว้ที่โต๊ะว่างของและย่างกายมานั่งแมะลงที่ตักของชายหนุ่ม "นิคค่ะ พิมคิดถึงคุณจัง"หญิงสาวแนบริมฝีปากสวยกับปากหนาอย่างแนบชิดก่อนที่จะส่งลิ้นน้อยๆเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้ยหนาของชายหนุ่ม ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจูบปากแลกลิ้นกันอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง. พร้อมกับการปรากฏตัวของสาวน้อยในชุดนักเรียนม.ปลายที่ได้รับมอบหมายให้เอาเอกสารมาให้ครูใหญ่ แต่ภาพที่เห็นแทบทำเธอเข่าทรุด แต่ก็ต้องแสร้งทำตัวเข้มแข็งว่าไม่เป็นอะไร เพราะเธอไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไปไม่ได้. เธอจึงเคาะที่ประตูซึ่งมันเปิดออกด้วยฝีมือเธอเพื่อให้รับรู้ว่ามีคนมา "ก็อก. ก็อก ก็อก"เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันแต่หญิงสาวก็ยังไม่ลุกออกจากตักของชายหนุ่มทำแค่หันมามองหน้าเด็กสาวที่มาขัดจังหวะด้วยความสงสัยในใบหน้าที่คุ้นเคย "ขออนุญาติค่ะ ครูรริสาฝากหนูเอาเอกสารมาให้ค่ะ"หญิงสาวว่างเอกสารดังกล่าวลงและหันหลังกำลังเดินออกไปแต่มีเสียงไว้เสียก่อน "เดี่ยวสิจ่ะ. หนูหน้าคุ้นๆน่ะ" "น้องสาวผมเอง จำได้รึยัง"เป็นชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของตักตอบเสียเองไม่เพียงแค่นั้นยังยกมือโอบเอวบางไว้อย่างหวงแหนเสียยิ่งกว่า. ทำเอาคนเห็นภาพบาดตาน้ำตาเอ่อคลอ "ใช่ค่ะ หนูขอตัวก่อนน่ะค่ะ"มะลิยิ้มอ่อนเพื่อเป็นมารยาทและขอตัวออกมา เมื่อออกมาพ้นประตูหญิงสาวก็ปล่อยให้น้ำตาที่กักเก็บไว้ล่วงไหลลงมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างหนัก นี้สิน่ะเขาเรียกว่าอกหัก. มันเจ็บเหมือนหัวใจจะขาด หญิงจึงเดินออกไปทั้งน้ำตาที่รวยรินเต็มใบหน้าสวย เธอต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น ฝากเม้นเป็นกำลังใจด้วยน่ะค่ะ. ขอบคุณคร้า😘😘😘😘😘2ปีต่อมา ฉันกำลังนั่งมองคนตัวโตที่กำลังโดนลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแต่งหน้ามัดผมให้อยู่ ส่วนลูกชายคนโตนั้น นั่งเล่นของเล่นอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้โลตัสกับใยบัวก็ได้ขวบกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ชายตรงนี้ทำหน้าที่พ่อและสามีได้ดีที่สุด ถึงแม้ตอนนี้เราทั้งสอง จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมประเพณีก็ตาม "พ่อสวยไหมคะ" "จ๊วย จ๊วย"ใยบัวพยักหน้างึกงัก ยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้อย "ทำอะไรกันคะพ่อลูก" ฉันเดินมาทรุดนั่งข้างๆน้องใยบัวที่กำลังแต่งหน้าให้พ่อของเขา นิคโคลตินที่กำลังตาหลับตาพริ้มให้ลูกแต่งหน้า รีบเปิดตาขึ้นทันควัน "ฮ่า ฮ่า คุนพ่อสวยจังเลยค่ะ" ฉันถึงกับหัวเราะร่วน คนตัวโตที่ใบหน้าเคร่งขรึมนาาเกรงขามเมื่อก่อนบัดนี้กับมาเป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวตัวน้อย เป็นภาพที่ดูอบอุ่นหายากจริงๆ "หนูก็ อย่าแซวกันสิ" มือหนาพยายามปิดบังใบหน้าที่ลูกสาวละเลงจนเปรอะเปื้อน "ฮ่า ฮ่า ค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วไปทานข้าวกันดีกว่า" "เย้/เย้" เด็กทั้งสองตื่นเต้นทันทีเมื่อพูดถึงอาหารเช้า ต่างพากันชูขึ้นเพื่อให้อุ้มไปทานข้าว ฉันอุ้มน้องโคลัสขึ้นส่วนน้องใยบัว เป็นหน้าท
ผมและมะลิหันไปตามเสียง ก็เห็นคุณลุงมาตินยื่นตระหง่านหน้าเข้มอยู่ ผมมองร่างเล็กที่ดีดตัวถอยหลังออกจากตัวผมถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างต้องเก็บมันเอาไว้ในตอนนี้ ผมยังมีความผิดอยู่ "ตื่นนานแล้ว" เสียงเข้มเอ่ยถามผม ในตาจ้องเขม็งมาอย่างเรียบนิ่ง ยากที่จะเดาอารมณ์ได้ "ครับ" "มะลิไปตามหมอมาดูที" มาตินหันไปสั่งลูกสาวที่ยื่นอยู่ มะลิหันมามองผมอย่างกับไม่อยากไป "ไปตามหมอไปหาป๋าทีนะครับ" แต่ถึงผมจะเป็นคนบอกเธอก็ไม่ยอมที่จะออกไป "ป๋าอยากลุกนั่งแล้ว หนูไปเรียกหมอให้หน่อยนะครับ" ผมมองร่างเล็กที่ดูลังเลในที่สุดเธอก็ยอม "ค่ะ" ร่างเล็กรับคำหมุนตัวเดินออกไปปึ้ง เสียงปิดประตูดังขึ้นมาตินหันไปมองที่ประตู ปากหนาเผยอรอยยิ้มจางๆก่อนจะหันไปจ้องเขม็งยังคนที่นอนอยู่บนเตียง "ฉันอยากขอให้แกเลิกยุ่งกับลูกสาวฉัน" ใบหน้าเรียบนิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่กับนิคแล้วเขาไม่ได้รู้สึกกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด ห่างไม่ใช่ว่ามาตินเป็นพ่อของมะลิ เขาคงไม่ยอมถึงขนาดนี้ "คงไม่ได้หรอกครับ ยังไงเมียกับลูกผม ผมต้องดูแล " นิคก็ไม่ยอมลดละ ตาคมจ้อ
3วันต่อมา มะลิตื่นแต่งตัวแต่เช้าวันนี้เป็นวันที่ทุกคนนัดหมายกันไปเพื่อเยี่ยมนิโคลติน "วันนี้เราจะได้เจอพ่อของพวกหนูแล้วนะ" มะลิยิ้มกว้างในตาฉายแววประกายแห่งมีความสุข มือสวยลูบท้องไปพลางๆ ภาพสะท้อนในกระจกฉายให้เห็นว่าเธอมีความสุขจนล้นอก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นมะลิหันไปตามเสียงเคาะเป็นแม่ของเธอที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม "สดใสจริงเชี่ยว ลูกสาวแม่" คุณหญิงมาหยุดยื่นอยู่ข้างร่างเล็กที่นั่งอยู่ มือนุ่มลูบผมลูกรักอย่างเอ็นดู "วันนี้เป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุดเลยค่ะแม่" มะลิเงยหน้ามาพูดกับแม่ของเธอ ใบหน้าบัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างที่สว่างไสวเหมาะกับใบหน้าหวานมากกว่าที่เธอเอาแต่ทำหน้าเศร้าสร้อย 3วันก่อนหน้าที่กลับมาจากโรงพยาบาล เธอได้เปิดใจคุยกับพ่อแม่ของเธอและเริ่มคุ้นชิน ความอบอุ่นที่ได้รับเริ่มโอบอุ้มในใจที่ขาดหายจนมันเติมเต็มจนเธอสามารถ พูดได้เต็มปากว่า พวกเขาคือ พ่อแม่ที่แสนดีจริงๆ และเธอยังได้รู้ว่าหมอกรไม่ได้ปล่อยเขาทิ้งไว้ หน่ำซ่ำยังเป็นคนช่วยนิคจนมาถึงมือหมอ เธอรู้สึกผิดมากเมื่อรู้ความจริงจึงรีบไปขอโทษ ปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้ ครอบครั
โรงพยาบาลขาเล็กก้าวเดินตามเส้นทางมายังหน้าห้องICU โดยมีพ่อแม่ของเธอเดินตามหลังมาอย่างเป็นห่วง ขาเล็กที่สั่นก้าวเดินราวจะล้มอยู่ตลอดเวลา มือสวยกำเข้าหากันแน่น ยิ่งเดินใกล้ปลายทางเท่าไหร่เหมือนกับขามันเริ่มจะอ่อนลงเรื่อยๆ เธอไม่อยากก้าวเดินไปต่อเลยซักนิด ตลอดระยะทางที่นั่งรถมา ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องจริง ภาพเบื้องหน้าที่ครูซยืนกอดภรรยาร้องไห้อยู่ข้าวหน้ายังมีหมอกรที่ยื่นมองอยู่ไม่ไกล มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก เสียงร่ำไห้ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทุกย่างก้าวที่เดินไปเหมือนกำลังนับเวลาหัวใจของคนในห้อง กำลังหยุดเต้นลงไป "ใจเย็นๆนะคุณหญิง"ครูซพยายามปลอบภรรยาที่ร้องไห้ราวจะขาดใจ ขาเล็กมาหยุดยื่นอยู่ที่ข้างหลังทั้งสองคนไม่กล้าแม้แต่ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า "ไปเถอะลูก ไปลาพี่เขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะได้หมดห่วง" ฝ่ามือบางแตะเบาๆที่ไหล่เล็กอย่างเป็นห่วง มะลิที่ยื่นตัวแข็งทื่อขาแถบจะขยับไม่ได้ ตาสวยมองเข้าไปยังหน้าประตูห้องอย่างชั่งใจ ถึงแม้ว่าอยากกอดเขาอย่างสุดใจแต่เมื่อรู้ว่าจะเป็นกอดสุดท้าย เธอก็ไม่อยากที่จ
ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนจากความมืดมิดเริ่มมีแสงสว่างของดวงอาทิตย์ แสงสุริยันเจิดจรัสส่องสว่างทั่วฟ้านกน้อยบินว่อนส่งเสียงเจื่อยแจ๊วไปทั่วบริเวณ "เช้าแล้วเหรอเนี้ย หลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ" มือเรียวขยี้ตาเบาให้คลายงงงวยจากการตื่นนอน เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระทบเข้าใบหน้าสวยจนต้องหรี่ตาลง มือเล็กลูบท้องนูนเบาๆ "รอแม่เดี๋ยวนะ แม่ขออาบน้ำก่อนจะได้ไปกินข้าวกัน วันนี้แม่จะพาพวกหนูไปหาพ่อ" ใบหน้าสวยประดับไปด้วยรอยยิ้มมือเรียวลูบท้องนูนแผ่วเบา ขาเล็กก้าวลงจากเตียงตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อรีบจัดแจ้งทำธุระส่วนตัว 30 นาทีต่อมา มะลิเดินออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ มืออีกข้างยังคงเช็ดผมที่เปียกชื่น ขาเล็กก้าวมาหยุดที่ตู้เสื้อผ้าพอเปิดออกก็ต้องตกตะลึงเสื้อผ้ามากมายถูกอัดไว้เต็มตู้ มือเรียวแหวกดูเสื้อผ้าไปมาก็ต้องมาสดุดตากับชุดเดรสยาวสีชมพูลายดอกไม้เล็กๆดูแล้วน่ารักและคงจะใส่สบาย ไม่รัดท้องที่เริ่มนูนออกมาของเธอ ความโอ่อ่ากว้างขว้างของบ้านหลังนี้ทำให้มะลิรู้สึกตกตะลึง ตากลมมองไปทั่วบริเวณบ้านเหล่าแม่บ้านมากมายต่างพากันทำงานอย่างตั้งใจไม่ต่างกันกับบ้านของนิโคลต
โรงพยาบาลครูซกับภรรยาต่างเฝ้ารออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเกือบห้าชั่วโมง แต่ยังคงไร้วี่แววว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้น "ใจเย็นๆนะคุณหญิงลูกจะต้องปลอดภัย" มือหนาบีบมือภรรยาแน่นเพื่อปลอบใจ "ฉันก็อยากใจเย็นอยู่คะครูซ แต่นี้ก็ผ่านไปจะชั่วโมงแล้ว" "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร" ไม่นานหมอกรที่เข้าช่วยผ่าตัดก็เดินออกมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีหนัก "ตานิคเป็นยังไงบ้าง หมอกร" "เอากระสุนออกได้หมดแล้วครับแต่ก็เสียเลือดมาก แถมยัง กระสุนยังโดนจุดสำคัญ คุณลุงคุณป้าต้องทำใจไว้บ้างนะครับ"ตาคมมองคุณหญิงอย่างรู้สึกผิด ถ้าหากเขาไม่อคติเกินไปบางทีนิคอาจจะยังมีโอกาศรอด "ไม่จริงใช่ไหม ฮึก ฮื่อ คุณคะ ลูกเรา" คุณหญิงปล่อยโฮลั่นถึงกับขาอ่อนแรงดีที่ครูซรับไว้ทัน "ใจเย็นๆนะคุณหญิง ลูกจะต้องไม่เป็นไร" "คุณลุงคุณป้ากับไปพักผ่อนเถอะครับ ช่วงนี้ยังไงก็คงยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ พี่นิคต้องอยู่ICU จนกว่าอาการจะดีขึ้น" "ขอบคุณมากนะหมอกร ยังไงลุงฝากด้วย ลุงกลับก่อน" ดวงตาคมน้ำตาเอ่อคลอมองไปทางประตูห้องผ่าตัด มือที่โอบภรรยาไว้ก็เริ่มสั่น คนเป็นพ่อต่อให้เข้มแ