เมื่อทั้งสองทานข้าวเสร็จหญิงสาวกำลังกลับไปเรียนแต่ชายหนุ่มรั้งไว้เสียก่อน
"หนู ป๋าขอคุยด้วยหน่อย"ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างรู้สึกผิด "ค่ะ มีอะไรหรือป่าวค่ะ"หญิงสาวเอ่ยถามแต่ไม่ยอมมองหน้าชายหนุ่มแม้แต่น้อย "คือ ป๋าขอโทษน่ะเรื่องเมื่อคืนน่ะ"ชายหนุ่มก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด "ค่ะ หนูไม่โกธรหรอก"หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงเบาบาง "แน่ใจเหรอ แต่ท่าทีหนูไม่ใช่เลยน่ะ"ชายหนุ่มคัดค้านทันทีเพราะท่าทีเธอมันงอนเขาจริงๆ "ค่ะ"หญิงสาวพยักหน้าตอบและเดินออกไปเพื่อกลับไปเรียนต่อจนเลิกเรียน เมื่อได้เวลาเลิกเรียนหญิงสาวก็มายืนรอชายหนุ่มเพื่อกลับบ้านตามปกติแต่ไม่ปกติคือภายในรถเงียบมาเสียคนเหมือนว่าไม่มีคนอยู่ปานนั้นเมื่อมาถึงบ้านหญิงสาวก็รีบลงรถและขึ้นไปบนห้องทันที "เห้อ จะทำไงดีว่ะ"ชายหนุ่มพรึ่มพร่ำออกมาคนเดียวเพราะไม่รู้จะงอนง้อมะลิอย่างไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทีเหนื่อยๆจนแม่บ้านเอ่ยทัก "นายท่ายเป็นอะไรหรือป่าวค่ะ"แม่บ้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเพราะท่าทีเจ้านายเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง "ป่าวหรอก ไม่มีอะไรไปทำงานเถอะ ขอกาแฟไปให้ที่ห้องทำงานน่ะ"ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายและเดินขึ้นไปยังห้องทำงานเพื่อสะสางงานที่ค้างไว้ 20.30นาที ชายหนุ่มเมื้อจมอยุ่กับกองเอกสารเป็นเวลานานจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเลยลุดขึ้นยืดเส้ยยืดสายแต่สายตาเลือบไปดูนาฬิกาเป็นเวลาสองทุ่มกว่าจึงรีบลงมาทานอาหารเพราะเลยอาหารมามากแล้วกลัวอีกคนรอแต่พอลงมากับพบแต่ความว่างปล่าวมีเพียงอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมรับประทานเท่านั้น "คุณหนู ทานอาหารแล้วค่ะพึ่งขึ้นไปเมื่อกี้เอง"หวานแม่บ้านที่สนิทดัยมะลิพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายมองหาอะไรสักอย่าง "อืม"ชายหนุ่มคานรับและลงมาทานอาหารและทานได้นิดเดี่ยวก็ขึ้นห้องมาอาบน้ำนอน ชายหนุ่มคิดไม่ตกว่าจะง้อแม่ตัวน้อยอย่างไรดี เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์มะลิตื่นแต่เช้าลงมาที่ครัวมาช่วยแม่ครัวทำอาหารเป็นเรื่องปกติแต่ที่ไม่ปกติคือ "คุณหนูทะเลาะกับนายท่านเหรอ"หวานใจเอ่ยถามเพราะเห็นท่าทีของทั้งสอง "ป่าวหรอกค่ะ"หญิงสาวตอบเสียงเบาอย่างมีพอรุธ "เหรอแต่เมื่อวานพี่เห็นนายท่านมองหาหนูน่ะ พอพี่บอกว่าหนูขึ้นไปแล้วสีหน้าของนายท่านดูเศร้าเอามากๆ"หวานเอยเล่าให้มะลิฟัง หญิงสาวจึงหยุดคิดนี้เธอทำอะไรลงไปเนี้ย เธอไม่ได้โกธรเขาเลยแต่การกระทำมันเป็นไปเอง 07.20 ได้เวลาทานอาหารเช้าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแต่กับไร้เงาของคนที่ทุกคนรอจนเวลาล่วงเลยมาถึงเก้าโมงกว่าเสียงรถยนต์ก็ได้เข้ามาจอดที่หน้าบ้านหญิงสาวจึงรีบวิ่งไปดูและสิ่งที่เห็นคือ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อุ้มหมาน้อยแสนหน้ารักไว้ในอ้อมอกทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาชายหนุ่มเมื่อเห็นหญิงสาวยิ้มจึงเดินมาหยุดตรงหน้าและส่งหมาน้อยแสนหน้ารักให้แก่หญิงสาว "ให้หนูหรือค่ะ"หญิงรับหมามาไว้ในอ้อมอกเมื่ออีกฝ่ายส่งมาให้ "ครับ ซื้อมาง้อเด็กน้อย"ชายหนุ่มยิมกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวยิ้ม "หนูไม่ได้งอนคุณป๋าเสียหน่อย"หญิงพูดเสียงเบาก้มหน้ายิ้มกว้างไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ "ใช่หรือครับ "ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบแสนเซ็กซี่ "ค่ะ"หญิงสาวตอบเสียงสั่นๆเดินหมุนตัวเดินออกไปปล่อยให้คนมองตามอดยิ้มไม่ได้ มะลิเมื่อได้หมาน้อยจึงพากันไปวิ่งเล่นที่สนามข้างบ้านจนไม่รุ้หิวจนกระทั่งหวานใจออกมาตามไปทานข้าว "คุณหนู ไปทานข้าวค่ะ"หวานใจเดินออกมาเรียกหญิงสาว "ค่ะ"หญิงสาวขานรับและอุ้มหมาน้อยที่เธอตั้งชื่อเรียบร้อยว่า มินิ มาด้วย "ส่งน้องหมามาให้พี่ค่ะ เดี่ยวพี่จะเอาอาหารให้กิน รีบไปเถอะค่ะ นายท่านรออยุ่"หวานใจรับมินิมาและรีบเร่งให้หญิงสาวเข้าไปเพราะชายหนุ่มนั่งรอนานแล้ว "ค่ะ"หญิงสาวยิ้มเข้าไปล้างมือเสร็จจึงเดินไปทานอาหารแต่ก็พบว่า มีแขกของชายหนุ่มมานั่งด้วย เป็นหญิงสาวสวยมากเลยที่เดี่ยวหญิงสาวจึงรีบเดินเข้านั่งที่ประจำ "มาทานข้าวเร็วหนู"ชายหนุ่มเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งลงแล้วจึงให้หญิงสาวทานข้าวเพราะเธอยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า "ค่ะ"หญิงสาวยิ้มรับและก้มหน้าทานข้าวเงียบๆ "น้องสาวนิคหรือค่ะ"หญิงสาวที่นั่งร่วมด้วยเอ่ยถามชายหนุ่ม "ใช่ครับ"ชายหนุ่มตอบกับอย่างสุภาพ "ไม่คิดจะแนะนำน้องให้พิมรู้จักหน่อยหรือค่ะ"หญิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริต "นี้มะลิ น้องสาวผมเอง"ชายหนุ่มแนะนำหญิงสาวให้กับพิมประสาอย่างขอไปที "ค่ะ สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพิมเป็นแฟนของนิค"หญิงสาวเอ่ยแนะนำตัวเองให้หญิงสาวฟังมะลิยิ้มกับจางๆเพราะในใจตอนนี้เจ็บเกินไปเขามีแฟนแล้วเธอคงต้องตัดใจ2ปีต่อมา ฉันกำลังนั่งมองคนตัวโตที่กำลังโดนลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแต่งหน้ามัดผมให้อยู่ ส่วนลูกชายคนโตนั้น นั่งเล่นของเล่นอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้โลตัสกับใยบัวก็ได้ขวบกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ชายตรงนี้ทำหน้าที่พ่อและสามีได้ดีที่สุด ถึงแม้ตอนนี้เราทั้งสอง จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมประเพณีก็ตาม "พ่อสวยไหมคะ" "จ๊วย จ๊วย"ใยบัวพยักหน้างึกงัก ยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้อย "ทำอะไรกันคะพ่อลูก" ฉันเดินมาทรุดนั่งข้างๆน้องใยบัวที่กำลังแต่งหน้าให้พ่อของเขา นิคโคลตินที่กำลังตาหลับตาพริ้มให้ลูกแต่งหน้า รีบเปิดตาขึ้นทันควัน "ฮ่า ฮ่า คุนพ่อสวยจังเลยค่ะ" ฉันถึงกับหัวเราะร่วน คนตัวโตที่ใบหน้าเคร่งขรึมนาาเกรงขามเมื่อก่อนบัดนี้กับมาเป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวตัวน้อย เป็นภาพที่ดูอบอุ่นหายากจริงๆ "หนูก็ อย่าแซวกันสิ" มือหนาพยายามปิดบังใบหน้าที่ลูกสาวละเลงจนเปรอะเปื้อน "ฮ่า ฮ่า ค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วไปทานข้าวกันดีกว่า" "เย้/เย้" เด็กทั้งสองตื่นเต้นทันทีเมื่อพูดถึงอาหารเช้า ต่างพากันชูขึ้นเพื่อให้อุ้มไปทานข้าว ฉันอุ้มน้องโคลัสขึ้นส่วนน้องใยบัว เป็นหน้าท
ผมและมะลิหันไปตามเสียง ก็เห็นคุณลุงมาตินยื่นตระหง่านหน้าเข้มอยู่ ผมมองร่างเล็กที่ดีดตัวถอยหลังออกจากตัวผมถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างต้องเก็บมันเอาไว้ในตอนนี้ ผมยังมีความผิดอยู่ "ตื่นนานแล้ว" เสียงเข้มเอ่ยถามผม ในตาจ้องเขม็งมาอย่างเรียบนิ่ง ยากที่จะเดาอารมณ์ได้ "ครับ" "มะลิไปตามหมอมาดูที" มาตินหันไปสั่งลูกสาวที่ยื่นอยู่ มะลิหันมามองผมอย่างกับไม่อยากไป "ไปตามหมอไปหาป๋าทีนะครับ" แต่ถึงผมจะเป็นคนบอกเธอก็ไม่ยอมที่จะออกไป "ป๋าอยากลุกนั่งแล้ว หนูไปเรียกหมอให้หน่อยนะครับ" ผมมองร่างเล็กที่ดูลังเลในที่สุดเธอก็ยอม "ค่ะ" ร่างเล็กรับคำหมุนตัวเดินออกไปปึ้ง เสียงปิดประตูดังขึ้นมาตินหันไปมองที่ประตู ปากหนาเผยอรอยยิ้มจางๆก่อนจะหันไปจ้องเขม็งยังคนที่นอนอยู่บนเตียง "ฉันอยากขอให้แกเลิกยุ่งกับลูกสาวฉัน" ใบหน้าเรียบนิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่กับนิคแล้วเขาไม่ได้รู้สึกกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด ห่างไม่ใช่ว่ามาตินเป็นพ่อของมะลิ เขาคงไม่ยอมถึงขนาดนี้ "คงไม่ได้หรอกครับ ยังไงเมียกับลูกผม ผมต้องดูแล " นิคก็ไม่ยอมลดละ ตาคมจ้อ
3วันต่อมา มะลิตื่นแต่งตัวแต่เช้าวันนี้เป็นวันที่ทุกคนนัดหมายกันไปเพื่อเยี่ยมนิโคลติน "วันนี้เราจะได้เจอพ่อของพวกหนูแล้วนะ" มะลิยิ้มกว้างในตาฉายแววประกายแห่งมีความสุข มือสวยลูบท้องไปพลางๆ ภาพสะท้อนในกระจกฉายให้เห็นว่าเธอมีความสุขจนล้นอก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นมะลิหันไปตามเสียงเคาะเป็นแม่ของเธอที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม "สดใสจริงเชี่ยว ลูกสาวแม่" คุณหญิงมาหยุดยื่นอยู่ข้างร่างเล็กที่นั่งอยู่ มือนุ่มลูบผมลูกรักอย่างเอ็นดู "วันนี้เป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุดเลยค่ะแม่" มะลิเงยหน้ามาพูดกับแม่ของเธอ ใบหน้าบัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างที่สว่างไสวเหมาะกับใบหน้าหวานมากกว่าที่เธอเอาแต่ทำหน้าเศร้าสร้อย 3วันก่อนหน้าที่กลับมาจากโรงพยาบาล เธอได้เปิดใจคุยกับพ่อแม่ของเธอและเริ่มคุ้นชิน ความอบอุ่นที่ได้รับเริ่มโอบอุ้มในใจที่ขาดหายจนมันเติมเต็มจนเธอสามารถ พูดได้เต็มปากว่า พวกเขาคือ พ่อแม่ที่แสนดีจริงๆ และเธอยังได้รู้ว่าหมอกรไม่ได้ปล่อยเขาทิ้งไว้ หน่ำซ่ำยังเป็นคนช่วยนิคจนมาถึงมือหมอ เธอรู้สึกผิดมากเมื่อรู้ความจริงจึงรีบไปขอโทษ ปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้ ครอบครั
โรงพยาบาลขาเล็กก้าวเดินตามเส้นทางมายังหน้าห้องICU โดยมีพ่อแม่ของเธอเดินตามหลังมาอย่างเป็นห่วง ขาเล็กที่สั่นก้าวเดินราวจะล้มอยู่ตลอดเวลา มือสวยกำเข้าหากันแน่น ยิ่งเดินใกล้ปลายทางเท่าไหร่เหมือนกับขามันเริ่มจะอ่อนลงเรื่อยๆ เธอไม่อยากก้าวเดินไปต่อเลยซักนิด ตลอดระยะทางที่นั่งรถมา ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องจริง ภาพเบื้องหน้าที่ครูซยืนกอดภรรยาร้องไห้อยู่ข้าวหน้ายังมีหมอกรที่ยื่นมองอยู่ไม่ไกล มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก เสียงร่ำไห้ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทุกย่างก้าวที่เดินไปเหมือนกำลังนับเวลาหัวใจของคนในห้อง กำลังหยุดเต้นลงไป "ใจเย็นๆนะคุณหญิง"ครูซพยายามปลอบภรรยาที่ร้องไห้ราวจะขาดใจ ขาเล็กมาหยุดยื่นอยู่ที่ข้างหลังทั้งสองคนไม่กล้าแม้แต่ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า "ไปเถอะลูก ไปลาพี่เขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะได้หมดห่วง" ฝ่ามือบางแตะเบาๆที่ไหล่เล็กอย่างเป็นห่วง มะลิที่ยื่นตัวแข็งทื่อขาแถบจะขยับไม่ได้ ตาสวยมองเข้าไปยังหน้าประตูห้องอย่างชั่งใจ ถึงแม้ว่าอยากกอดเขาอย่างสุดใจแต่เมื่อรู้ว่าจะเป็นกอดสุดท้าย เธอก็ไม่อยากที่จ
ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนจากความมืดมิดเริ่มมีแสงสว่างของดวงอาทิตย์ แสงสุริยันเจิดจรัสส่องสว่างทั่วฟ้านกน้อยบินว่อนส่งเสียงเจื่อยแจ๊วไปทั่วบริเวณ "เช้าแล้วเหรอเนี้ย หลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ" มือเรียวขยี้ตาเบาให้คลายงงงวยจากการตื่นนอน เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระทบเข้าใบหน้าสวยจนต้องหรี่ตาลง มือเล็กลูบท้องนูนเบาๆ "รอแม่เดี๋ยวนะ แม่ขออาบน้ำก่อนจะได้ไปกินข้าวกัน วันนี้แม่จะพาพวกหนูไปหาพ่อ" ใบหน้าสวยประดับไปด้วยรอยยิ้มมือเรียวลูบท้องนูนแผ่วเบา ขาเล็กก้าวลงจากเตียงตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อรีบจัดแจ้งทำธุระส่วนตัว 30 นาทีต่อมา มะลิเดินออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ มืออีกข้างยังคงเช็ดผมที่เปียกชื่น ขาเล็กก้าวมาหยุดที่ตู้เสื้อผ้าพอเปิดออกก็ต้องตกตะลึงเสื้อผ้ามากมายถูกอัดไว้เต็มตู้ มือเรียวแหวกดูเสื้อผ้าไปมาก็ต้องมาสดุดตากับชุดเดรสยาวสีชมพูลายดอกไม้เล็กๆดูแล้วน่ารักและคงจะใส่สบาย ไม่รัดท้องที่เริ่มนูนออกมาของเธอ ความโอ่อ่ากว้างขว้างของบ้านหลังนี้ทำให้มะลิรู้สึกตกตะลึง ตากลมมองไปทั่วบริเวณบ้านเหล่าแม่บ้านมากมายต่างพากันทำงานอย่างตั้งใจไม่ต่างกันกับบ้านของนิโคลต
โรงพยาบาลครูซกับภรรยาต่างเฝ้ารออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเกือบห้าชั่วโมง แต่ยังคงไร้วี่แววว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้น "ใจเย็นๆนะคุณหญิงลูกจะต้องปลอดภัย" มือหนาบีบมือภรรยาแน่นเพื่อปลอบใจ "ฉันก็อยากใจเย็นอยู่คะครูซ แต่นี้ก็ผ่านไปจะชั่วโมงแล้ว" "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร" ไม่นานหมอกรที่เข้าช่วยผ่าตัดก็เดินออกมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีหนัก "ตานิคเป็นยังไงบ้าง หมอกร" "เอากระสุนออกได้หมดแล้วครับแต่ก็เสียเลือดมาก แถมยัง กระสุนยังโดนจุดสำคัญ คุณลุงคุณป้าต้องทำใจไว้บ้างนะครับ"ตาคมมองคุณหญิงอย่างรู้สึกผิด ถ้าหากเขาไม่อคติเกินไปบางทีนิคอาจจะยังมีโอกาศรอด "ไม่จริงใช่ไหม ฮึก ฮื่อ คุณคะ ลูกเรา" คุณหญิงปล่อยโฮลั่นถึงกับขาอ่อนแรงดีที่ครูซรับไว้ทัน "ใจเย็นๆนะคุณหญิง ลูกจะต้องไม่เป็นไร" "คุณลุงคุณป้ากับไปพักผ่อนเถอะครับ ช่วงนี้ยังไงก็คงยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ พี่นิคต้องอยู่ICU จนกว่าอาการจะดีขึ้น" "ขอบคุณมากนะหมอกร ยังไงลุงฝากด้วย ลุงกลับก่อน" ดวงตาคมน้ำตาเอ่อคลอมองไปทางประตูห้องผ่าตัด มือที่โอบภรรยาไว้ก็เริ่มสั่น คนเป็นพ่อต่อให้เข้มแ