LOGINอาหารมื้อเย็นถูกจัดเตรียมไว้จนเต็มโต๊ะ และแน่นอนว่าคือเมนูโปรดของสองแม่ลูกที่เขากำชับขนุนไว้เป็นพิเศษ และที่เพิ่มเติมมาคือเมนูที่เจ้าของบ้านไม่ได้สั่งแต่เป็นเมนูโปรดของเขาที่มุกดาทำเพิ่มเข้ามา สร้างรอยยิ้มบนมุมปากอย่างพอใจ ที่เธอรู้ว่าเขาชอบอะไรโดยที่เขาไม่เคยบอกเธอเลยสักครั้ง นี่แหละคือความละเอียดอ่อนของมุกดาที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจแต่รับรู้ได้ทุกเรื่อง
“ว้าว…น่ากินจังครับแม่มุก”
“กินเยอะ ๆ เลยนะของโปรดภูทั้งนั้นเลย”
ขนุนตักข้าวใส่จานให้เจ้านายจนครบพร้อมรินน้ำดื่มใส่แก้ว
“ขอบใจจ้ะ”
“ขอบคุณครับ” เด็กชายขอบคุณขนุนที่ตักข้าวให้พร้อมมองหน้าอยู่อย่างนั้น
“นี่พี่ขนุนค่ะ ต่อไปจะช่วยแม่ทำกับข้าวอร่อยๆ ให้ภูกินทุกวันเลย”
“พี่ขนุน” ภูวภัสทวนคำพูดของแม่
“พี่เลยเหรอคะคุณมุก?”
“บอกว่าไม่ต้องเรียกคุณไงขนุน” ดุด้วยสายตา ขนุนยิ้มแห้ง ๆ แวบสายตามองเจ้านายผู้ชายก่อนและหลบตาทันที
“อาทิตย์หน้าพี่นัยจะกลับมาพักที่บ้าน เธอเตรียมทำความสะอาดห้องไว้รอให้เรียบร้อยด้วยนะ” หันไปสั่งขนุน
“ค่ะคุณดล”
“แล้วขนเสื้อผ้าคุณมุก…เอาไปไว้ในห้องภูทำไม?”
“เอ่อ…” ไม่กล้าพูดว่ามุกดาเองที่เป็นคนขนเข้าไป
“ค่ะคุณดล…พรุ่งนี้ขนุนจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”
“คุณดลคะ…คือ” มุกดาที่อ้าปากจะพูดต่อ
“ไปพักเถอะมีอะไรเดี๋ยวเรียก” เขาพูดตัดบทบอกขนุน
“ค่ะคุณดล”
“คุณหมายความว่ายังไงคุณไนยจะกลับบ้านแล้วทำไมต้องขนของไปไว้ในห้องคุณด้วย”
“ฉันขี้เกียจตอบคำถามพี่ไนยว่าทำไมแยกห้องนอน”
“ก็แค่บอกความจริงไม่เห็นจะยากตรงไหนนี่คะ”
“งั้นเธอจะบอกเองไหมล่ะ?”
“ฉันจะเรียกพี่ไนยให้มานั่งฟังว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา”
“ทำไมถึงมีภู?”
“ทำไมฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีลูก?”
“ทำไมพี่ไนยถึงไม่รู้เรื่อง?”
“ทำไมผ่านมาตั้งห้าปีเพิ่งมาบอกว่ามีหลาน?”
“และทำไม…?”
“พอค่ะ…โอเค” เธอยกมือขึ้นห้ามเขาไม่ให้พูดต่อ
“ก็แค่นั้น…เธอคงไม่รู้จักพี่ไนยดีเท่าฉันหรอกมั้ง”
ตักอาหารใส่จานให้ลูก แล้วกินข้าวต่ออย่างสบายใจ ส่วนเจ้าตัวเล็กที่มองหน้าพ่อและแม่สลับกันไปมาว่าคุยเรื่องอะไรกันอย่าง งง ๆ
หลังอาหารมื้อเย็นภูวภัสที่อาบน้ำเรียบร้อยสวมชุดนอนสุดเท่ลายโปรดที่พ่อเลือกไว้ให้นอนเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงใหญ่ หุ่นยนต์และสมุดวาดเขียนระบายสีกองอยู่ที่พื้น เสียงอาบน้ำในห้องน้ำไม่นานมุกดาก็เดินออกมาและต้องชะงักกับสองพ่อลูกที่นอนอ่านนิทานอยู่บนเตียงนอน
“ภูขึ้นเตียงแล้วทำไมไม่เก็บของเล่นให้เรียบร้อยก่อน”
“พรุ่งนี้ค่อยเก็บก็ได้ครับแม่มุก”
“ไม่ได้ค่ะ เลิกเล่นก็ต้องเก็บทันที”
ผู้เป็นพ่อที่กำลังอ่านนิทานค้างอยู่หยุดชั่วขณะ มุกดาที่ตำหนิในใจทำไมไม่รู้จักสอนลูกให้มีระเบียบวินัยบ้าง
“ภู” เธอเรียกซ้ำพร้อมน้ำเสียงดุเข้ม
“เก็บแล้วครับ” พร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงทันที
“เสร็จแล้วครับแม่มุก”
ปีนขึ้นเตียงไปหาพ่อที่รออ่านนิทานต่ออยู่ เธอสวมชุดนอนเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดซับน้ำออกจากเรือนผมที่เพิ่งผ่านการสระมาอยู่หน้ากระจก ทาโลชั่นบำรุงผิวส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปะทะจมูกคนที่อยู่บนเตียงแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ในหน้าหนังสือนิทาน ครีมประทินผิวหน้าถูกประพรมทั่วกรอบหน้าสวยอย่างลวก ๆ อยู่สักพักพลางชำเลืองมองสองพ่อลูกผ่านทางเงาสะท้อนของกระจกบ่อยครั้งจนเสียงนิทานเรื่องสุดท้ายจบลง
“ดึกแล้วนอนได้แล้วนะคะพรุ่งนี้ไปโรงเรียน”
จริงๆ อยากบอกผู้เป็นพ่อให้กลับไปนอนห้องมากกว่าแต่เขาก็คงเข้าใจได้หยิบไดร์เป่าผมเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้เสียงรบกวนคนที่กำลังจะนอน ออกจากห้องน้ำมาไฟในห้องถูกปิดแล้วเหลือเพียงโคมไฟหัวเตียงเท่านั้น
“อ้าว…”
“ทำไมยังไม่กลับห้องคุณอีกละคะ มันดึกแล้วฉันง่วงแล้วค่ะ จะนอนแล้ว”
บอกคนที่เขี่ยหน้าจอโทรศัพท์อยู่เขาดันตัวเองขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงและมีเจ้าตัวเล็กขาพาดโอบกอดพ่อไว้
“เธอง่วงก็นอนไปสิฉันยังไม่ง่วง”
“คุณไม่ง่วงก็กลับไปห้องคุณสิคะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณจะนอนที่นี่”
“ถูกต้อง จะนอนกับลูก”
“คุณดล” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเหนื่อยใจ
“ทำไม…กลัวตัวเองจะข้ามลูกมากอดฉันเหมือนวันนั้นอีกหรือยังไง?” ยกคิ้วสูงมองหน้าเธอ
ให้ตายเถอะเขารู้จริง ๆ ด้วย
ทิ้งตัวลงนอนอย่างหัวเสียดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวพลิกนอนตะแคงหันหลังให้เขา
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอสักหน่อยอยากกอดก็กอดไปสิ”
หลงตัวเองอะไรเบอร์นั้น และเลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้ใด ๆ
“ฉันให้เทวาหาคนขับรถที่ไว้ใจได้มาขับให้เธอตอนไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ถามความเห็นฉันกำลังบอกเธออยู่” ดูเขาจะขยันยั่วอารมณ์เธอเสียจริง
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะเงินคุณเยอะแยะจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว”
พูดโดยไม่หันหน้ามามอง
เจ้าตัวเล็กที่ดิ้นและดันตัวเองขึ้นสูงจนสุดหัวเตียง มุกดาที่ยังไม่หลับตารับรู้ถึงอีกร่างที่กำลังโน้มเข้ามาใกล้เธอซึ่งไม่ใช่ลูกแน่ ๆ พลิกตัวกลับมาทันทีตอนนี้ใบหน้าเขาอยู่ในระยะกระชั้นชิดกับใบหน้าของเธอจนได้ไออุ่นของลมหายใจกันและกัน
“คุณจะทำอะไร?” เธอถามด้วยสีหน้าหวั่น ๆ เขาค่อยๆ โน้มลงต่ำเรื่อย ๆ
“คุณดล” เธอเรียกชื่อเขาเพื่อดึงสติ
“หอมลูก”
และกดจมูกลงแก้มภูวภัสฟอดใหญ่ ก่อนดึงตัวกลับและปิดไฟหัวเตียงพร้อมกับเอนตัวลงนอนอย่างสบายใจ
“เธอคงไม่คิดว่าฉันจะหอมเธอหรอกมั้ง”
เขาส่งเสียงในความมืดสลัว แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคนที่กำลังหมั่นไส้ความมั่นหน้าของเขาอยู่ในความมืด ก่อนจะข่มตาให้หลับลง
ภูวภัสวิ่งลงมาจากชั้นบนหลังจากที่แม่แต่งตัวให้เรียบร้อยพร้อมออกเดินทางไปโรงเรียน ขนุนเตรียมอาหารเช้าไว้รอเรียบร้อยแล้วที่โต๊ะอาหารด้านล่าง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณภู”
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ขนุน”
“กินข้าวต้มก่อนนะคะพี่ขนุนเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
มุกดานั่งจิบกาแฟพร้อมขนมที่ขนุนเตรียมไว้ให้ การมีแม่บ้านช่วยงานในชีวิตประจำวันนี่มันผ่อนคลายได้เยอะจริง ๆ การย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านคนรวยนี่มันก็ไม่ได้แย่ไปเสียทุกเรื่องหรอกนะ มันเป็นเพียงความกังวลของเธอเองต่างหาก
มองขึ้นชั้นบนก็ยังไม่เห็นเงาของภูวดลเดินลงมาสักที เขาตื่นแล้วและกลับห้องไปตอนเธออาบน้ำแต่งตัวให้ลูก
ระหว่างที่รอเทวาหาคนขับรถคนใหม่ได้เขาจะให้นายสำเริงคนขับรถเก่าแก่คนเดิมของบ้านไปส่งภูวภัสที่โรงเรียนก่อน แล้วค่อยไปส่งเขาที่บริษัท และมาส่งมุกดากลับบ้านอีกที แม้เธอจะยืนยันว่าขอไปส่งลูกเองแต่ก็ไม่เป็นผล
รออยู่นานสองนานแต่ก็ยังไม่ลงมา เกรงว่าจะสายกว่าจะไปส่งลูก ตัดสินใจเดินขึ้นไปดูด้านบน
“ก๊อก ๆ ๆ” เธอเคาะประตูห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน
“คุณดลคะ” เงี่ยหูฟังเสียงตอบมีเพียงความเงียบเท่านั้น
เธอลองหมุนลูกบิดเปิดเข้าไป เขาไม่ได้ล็อกห้อง กระแอมเบา ๆ เป็นการส่งสัญญาณการเข้ามาของเธอให้คนในห้องรับรู้ เขากำลังแต่งตัวอยู่และมองมาที่เธอ มุกดาหันหลังกลับทันที
“ฉันขึ้นมาดูว่าคุณเสร็จหรือยัง ถ้าคุณยังไม่เสร็จวันนี้ฉันไปส่งลูกก่อนก็ได้ค่ะ” เธอหันหลังคุยกับเขาที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่
“จะเสร็จแล้วเหลือแค่ผูกเนกไท” เดินเข้ามาใกล้และยื่นเนกไทให้เธอ
“คะ?”
ภูวดลมองหน้างง ๆ ของหญิงสาว
“หน้าที่เธอไม่ใช่เหรอ?”
“หน้าที่?”
“ต้องให้ทวนข้อตกลงอีกรอบไหม?”
“ฉันผูกไม่เป็นค่ะ”
“แล้วไง…ผูกไม่เป็นเท่ากับไม่ต้องทำก็ได้?”
“….”
ยื่นเนกไทให้เธอ
“ฉันจะสอนให้เธอครั้งนึง” น้ำเสียงเรียบพอ ๆ กับสีหน้า
มุกดารับเนกไทจากมือเขามาถือไว้ คนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลุบตาลงต่ำมองคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ เธอเอื้อมมือคล้องเนกไทอ้อมคอเขาเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ เพราะคนตัวสูงไม่ย่อลงให้เลยสักนิด
มุกดาเขย่งปลายเท้าเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นเล็กน้อย สายตาจับอยู่ที่เนกไท รับรู้ถึงสายตาคมที่จ้องเธออยู่จนไอร้อนวูบวาบขึ้นที่ใบหน้าลามไปถึงใบหูอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากอวบอิ่มปิดสนิทที่ภูวดลจ้องอยู่อย่างนั้นไม่ยอมละไปไหน
เขายกมือขึ้นมาจับมือบอบบางเพื่อจะสอนการถูกให้เธอ แต่มุกดาที่รีบม้วนๆ ผูกไปมาอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วโดยที่เขายังไม่ได้สอนเลยด้วยซ้ำ
ทำเป็นแต่ไม่อยากจะทำอย่างงั้นสินะ
“เสร็จแล้วค่ะ”
หันหลังทันทีแต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปเขาก็เอ่ยขึ้น
“เสื้อโค้ตอยู่ในตู้”
ว่าแล้วก็เดินออกห้องไป มุกดาผ่อนลมหายใจออกเบาๆ มือลูบประพรมใบหน้าและตบเบาๆ คลายความร้อนวูบวาบเมื่อครู่ เดินไปหยิบเสื้อโค้ตของเขาในตู้และเดินตามเขาลงไปด้านล่าง
“บอกคุณมุกเอากาแฟมาให้ฉันก็พอ”
“ค่ะคุณดล”
ขนุนที่เหลือบสายตามองคุณผู้หญิงที่เดินตามหลังคุณผู้ชายลงมาติด ๆ และได้ยินชัดเจนในคำสั่งของเขาเช่นเดียวกับเธอ ส่วนตัวเองก็หายเข้าไปในครัวทันที เพราะคุณมุกที่เขาบอกก็เดินตามหลังเขามาแท้ๆ แล้วจะบอกขนุนให้บอกทำไม รู้สึกงงกับคุณผู้ชายของบ้านเสียจริง ๆ
มุกดาที่รู้ซึ้งแล้วว่าจะปฏิบัติกับเขาตามเดิมเหมือนอยู่บ้านตัวเองไม่ได้เสียแล้ว เธอต้องปรับตัวใหม่อีกครั้งเพราะตอนนี้เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านของเขา รับเงินเดือนจากเขาและเป็นเงินเดือนที่มากกว่าเดิมถึงสี่เท่าอีกต่างหาก ยังไงเสียก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่างไม่มีปากเสียงสินะ ได้แค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น
รถสปอร์ตคันหรูโลดแล่นตามถนนด้วยความเร็วเป้าหมายปลายทางคือรับลูกและเมียกลับบ้าน มือบังคับพวงมาลัยด้วยใจที่จดจ่อ สระบุรีใช้เวลาไม่นานก็จะได้เจอหน้าคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดหลายวันมานี้ และซ้อมคำพูดที่เตรียมไว้ในหัวมากมายไปด้วยขณะขับรถ“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอร้องไห้”ไม่เอา ไม่เอา มันดูเหมือนตั้งใจให้มันเกิดขึ้นยังไงยังงั้น เดี๋ยวเธอขึ้นอีกทำไง“คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น”อันนี้ก็เหมือนตั้งใจแกล้งเธออยู่ดี“ฉันคิดถึงเธอกับภูมากกลับบ้านเรานะ”แล้วถ้าเธอไม่ยอมกลับล่ะ?โอ๊ย…ช่างมันเถอะขอให้เจอหน้าเธอกับลูกก่อนก็แล้วกันอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที ถอนหายใจทิ้งอย่างโล่งอกมุกดาเก็บของลงกระเป๋าเตรียมพร้อมพาเจ้าตัวเล็กกลับไปหาพ่อ ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ดื่มจนดึกดื่น แต่ก็สมน้ำหน้าชอบแกล้งคนอื่นดีนัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดบล็อกเบอร์เขา อมยิ้มน้อย ๆ จะรอดูว่าหลังจากเธอกลับไปเขาจะโวยวายวีนเธอยังไง“เราจะกลับกันแล้วใช่ไหมครับแม่มุก?”“ใช่จ้ะ”“แต่พ่อดลบอกว่ากำลังมารับเรานะครับ”“หือ…ว่าไงนะ?”“ตอนเช้าพี่ก็อตโทรมา ภูได้คุยกับพ่อดลแล้วพ่อบอกว่ากำลังจะมารับภูกับแม
“ขนุน” ตะโกนเรียกเสียงดังขณะที่เดินลงบันไดมาจากชั้นบน“ขนุน” ตะเบ็งเรียกอีกครั้งเต็มเสียงพร้อมกับร่างของขนุนที่วิ่งออกมาจากในครัวทันที“คะคุณดล”“คุณมุกออกไปตอนกี่โมง?”“ก่อนคุณภูจะเลิกเรียนไม่นานค่ะ”“ไปกับใคร?”“ขนุนเห็นไปคนเดียวนะคะ”“มีกระเป๋าด้วยหรือเปล่า?”“มีค่ะสองใบ”“แล้วทำไมไม่บอก” มือเท้าสะโพกคิ้วย่นอย่างหัวเสีย“ก็…คุณดล…ไม่ได้ถามนี่คะ” พูดเสียงเบาหวิวหลบตาทันที“แล้วคุณมุกไม่บอกเหรอว่าจะไปไหน?”“ไม่ได้บอกค่ะ”“โธ่เอ้ย…แล้วทำไมไม่ถามล่ะอยู่บ้านยังไงถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องสักอย่าง”ตะคอกเสียงดัง ขนุนสะดุ้งโหยง เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาในเวอร์ชั่นนี้“ขนุนถามแล้วค่ะแต่คุณมุกเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดไม่จาแล้วก็ขนกระเป๋าขึ้นรถไปเลยค่ะ”มือประสานกันก้มหน้าไม่กล้าสบตาเจ้านาย หลับตาปี๋สลับกับกะพริบถี่ ๆ“ร้องไห้?”“ใช่ค่ะ”“ร้องจนตาบวมเป่งไปหมดเลยค่ะ ขนุนคิดว่า…ทะเลาะกับคุณดล…ก็เลยไม่กล้าถามเยอะค่ะ”“เฮ้ย…”“โยธา” ยืนอยู่กับที่แต่เสียงทรงพลังอย่างเหลือเฟือสิ้นเสียงเจ้าของชื่อก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ายืนมือประสานกันข้าง ๆ ขนุน เตรียมรับลูกระเบิดด้วยความพร้อมเพราะได้ยินเสียงโวยวายก่อนหน้าแล้ว“ครั
“วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอคะคุณมุกถึงทำอาหารเยอะขนาดนี้?”ขนุนถามด้วยความสงสัยเมื่อนายหญิงลงมือปรุงอาหารเมนูโปรดของสองพ่อลูกเองอย่างอารมณ์ดี หลังจากไปรับเด็กนักเรียนกลับมาถึงบ้านและปล่อยให้เล่นเตะฟุตบอลกับโยธาอยู่สนามหญ้ารอพ่อกลับมา“ช่วงนี้คุณดลเขางานยุ่งน่ะเห็นบ่น ๆ ว่ากับข้าวที่ทำงานไม่ค่อยถูกปาก”ไม่นานบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นก็ถูกจัดเตรียมไว้รอสองพ่อลูกจนเต็มโต๊ะที่มีแต่เมนูโปรดของสองหนุ่มทั้งนั้นหลังจากเล่านิทานส่งลูกเข้านอนแล้วพ่อกับแม่ก็กลับห้อง ประตูห้องถูกปิดลงเพียงไม่นานภูวภัสก็ลุกมาเล่นหุ่นยนต์คนเดียว มุกดาและภูวดลที่เปิดดูพฤติกรรมของลูกจากกล้องวงจรปิดผ่านหน้าจอมือถือถึงส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวแสบ และเป็นอยู่อย่างนี้บ่อยครั้ง นี่แหละคือสาเหตุของการอยากนอนคนเดียวของเขา“คุณเหนื่อยไหมคะเทวาบอกว่าช่วงนี้คุณงานยุ่งมาก” วางคางลงบนบนไหล่เขาที่นึ่งกึ่งนอนอยูบนเตียงใช้หมอนรองด้านหลังไว้ โอบกอดร่างเขาไว้หลวม ๆ“ให้มุกนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย” ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งงานอ่อยเบา ๆภูวดลวางมือลงกลางศีรษะของเธอลูบเรือนผมก่อนจะโยกเขย่าเบา ๆ“ไม่เป็นงานอย่าทำเป็นมาอ่อย”“แล้วอ่อยขึ้นไหมล่ะค
“ไม่ดีกว่าค่ะ” มุกดาพูดแทรกขึ้นยืนยันคำเดิมแต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่“มุกอยากไปกับคุณดลแค่สองคนค่ะ มุกไม่ชอบทานข้าวกับคนอื่นที่ไม่สนิทค่ะมันอึดอัด” มือสอดประสานเข้าไปในมือหนาวางทับเป้ากางเกงของชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือและส่งยิ้มให้“คุณอยากไปกับมุกสองคนหรืออยากให้คุณวินนี่ไปด้วยคะ?”“แล้วแต่เธอ” ภูวดลยักไหล่“แต่วินนี่มากับดลนะคะ”“เดี๋ยวมุกให้เด็ก ๆ เรียกแท็กซี่ให้ค่ะ พูดพลางยกมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหา”“เรียกแท็กซี่ให้คุณวินนี่ด้วยจ้ะ”“ค่ะคุณมุก”“ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องให้คุณวินนี่กลับเอง”“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปส่งพอดีลูกค้าเพิ่งแจ้งมาเมื่อครู่ ไว้เจอกันวันหลังนะครับ”เมื่อหล่อนตั้งใจมาเพื่อจะสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวเขาทำไมยังต้องสนใจความรู้สึกของหล่อนด้วย การประสานงานก็ผ่านทางโรงพยาบาลอยู่แล้วไม่มีผลกระทบใด ๆ กับเขาเลยสักนิดที่จะไม่แคร์หล่อนวนิดาหน้าตาเหลอหลามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหล่อนจริงหรือ หล่อนกำลังโดนผู้ชายเท ทั้งที่ออกตัวแรงจนล้อฟรีขนาดนั้น และนิ่งไปสักพักสมองพลางตื้อไปด้วยมุกดาลุกขึ้นยืนพร้อมกับภูวดลมือยังไม่ปล่อยจากกัน“ขอบคุณคุณวินนี่
ทีมงานเว็บเพจของแบรนด์ เอมดีจิวเวลรี่ เริ่มปล่อยโปรโมทผลิตภัณฑ์เป็นลักษณะพรีออเดอร์ในลอตแรกด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในราคาพิเศษ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นและเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วภูวดลพามุกดาเดินสำรวจร้านอาหารเก่าที่ปิดกิจการไปหลังจากที่เพื่อนเก่าของภูวนาถขอให้ช่วยซื้อไว้ในครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่เนื่องจากประสบกับวิกฤตทางการเงินจนไม่สามารถประคับประคองไว้ได้“ตกแต่งหน้าร้านใหม่นิดหน่อยก็น่าจะใช้ได้”เขาพูดขณะที่พาเดินตรวจทั่วบริเวณ บรรยากาศโดยรอบยังคงร่มรื่นเพราะเป็นสวนอาหารที่ยังคงมีต้นไม้ใหญ่หลงเหลือในกลางกรุง ลานจอดสะดวกสบาย พื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ภาพร้านในจินตนาการจากไอเดียของเธอผุดขึ้นในหัวมากมาย ส่วนโซนเครื่องดื่มเธอจะยังคงเก็บไว้สำหรับบริการลูกค้าอีกหนึ่งโซนที่จะเพิ่มเติมในอนาคตคือมุมสปาเพื่อผ่อนคลายสำหรับผู้รักสุขภาพและดูแลผิวหลังจากผ่านการอนุมัติจากรูปหล่อสายเปย์ การต่อเติมตกแต่งร้านก็เริ่มดำเนินการทันที และใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการแล้ว“เปิดเป็นทางการเดือนหน้าแล้วเหรอคะดีใจด้วยนะคะ”แอนนาถามอย่างตื่นเต้นเมื่อรับรู้
มุมนั่งต่อจิ๊กซอว์ของภูวภัสในห้องทำงานของพ่อกลายเป็นมุมทำงานของมุกดาชั่วคราวระหว่างที่รอห้องทำงานใหม่เสร็จสิ้น จากการเริ่มโครงงานเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ เอมดีจิวเวลรี่ ซึ่งมีที่มาจากอักษรย่อของเขาและเธอ โดยจะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ คือจ้างผลิตซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเตรียมสต๊อก และการจองขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นโดยมีที่ปรึกษาจากการแนะนำของแอนนาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งเรื่องข้อกฎหมายและการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์จนกระบวนการสุดท้าย ส่วนงานดูแลลูกค้านั้นมุกดาได้เซททีมงานไว้เรียบร้อยแล้วเธอทุ่มเทอย่างหนักในช่วงเวลาที่ภูวดลไปดูงานที่ญี่ปุ่น และตั้งใจจะเตรียมการให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนวันเขากลับมา ต่างคนต่างยุ่งมีเพียงข้อความที่ส่งหากันเท่านั้นพร้อมกับรูปถ่ายคู่กับลูกที่ส่งไปให้เขาทุกวันมุกดายกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกาและกดสายหาคนขับรถทันที หลังจากที่เธอออกมาดูโรงผลิตและงานออกแบบที่นัดประชุมกับผู้ผลิตไว้กับ ณวัฒน์ ที่ปรึกษามากประสบการณ์ที่เป็นธุระจัดการให้แทบทุกเรื่องอย่างชำนาญ แต่ดูเหมือนการประชุมจะยังไม่จบง่าย ๆ“ฮัลโหล…โยธาไปรับภูกลับบ้านได้เลยนะฉันคงกลับไม่ทัน”(“ครับคุณมุก”)และไม่ลืมที







